spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
"เฮ่อ ข้าไม่คิดเลยว่าหวังเฉินจะโชคร้ายเช่นนี้ เสียดายครั้งนี้มันไม่อาจทานทนพิษบาดแผลได้"
"นั่นสิ แม้ท่านประมุขเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าบาดแผลมันจะกำเริบหนักถึงขั้นนี้ มิรู้ว่าอยู่ดีๆเหตุใดบาดแผลมันถึงฉีกออก น่าเสียดายนัก"
"มันตกตายไปเช่นนี้ หวังกวงกับพวกเป็นอันว่าตกตายอย่างไร้ค่า เพราะถึงแม้พวกเราจะรู้ว่าฆาตกรจะมาจากตระกูลลี่ของเมืองออโรร่า แต่พวกเราก็ไม่อาจระบุตัวคนร้ายได้อยู่ดี"
"ฮึ่ม! ผู้ร้ายคนนั้นของตระกูลลี่นับว่าโชคดีนัก "
......
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมา
โชคดี?
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้นับว่า เงายมทูตลงมือได้เฉียบขาดมาก
อดไม่ได้ที่หลิงเทียนจะชื่นชมกับวิธีนี้ของพวกมัน
จากการที่มันได้ยินบทสนทนาของคนสองคนเมื่อครู่ เขาย่อมมั่นใจได้ว่าแม้แต่ประมุขตระกูลหวังก็ยังไม่คิดเอะใจสงสัยเลยว่าหวังเฉินจะถูกฆ่า มันคิดเพียงว่าอาการกำเริบและบากแผลฉีกออกมาเพียงเท่านั้น
หลังจากนั้นหลิงเทียนก็ไปซื้อมาแล้วไปที่ประตูเมืองเพื่อเดินทางกลับ
ที่ประตูเมืองชิงลี่ตอนนี้มีผู้คนจากหลายๆตระกูลมาตั้งด่านตรวจคนเข้าออกกันอย่างแข็งขัน พวกมันตรวจสอบอย่างละเอียดมาก สังเกตจากเสื้อผ้าของพวกมันหลิงเทียนก็รู้ว่ามันมาจากตระกูลอะไร
ตระกูลซ่ง, ตระกูลหวัง และ ตระกูลหลิว
และหลิงเทียนก็ได้เห็นหญิงสาวคนนั้นอีกครั้ง
หญิงสาวคนนั้นกำลังตรวจสอบใบหน้าของคนที่คิดจะออกจากเมืองอย่างเคร่งครัด
หลังจากไม่นานก็ถึงตาของหลิงเทียน
ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆหญิงสาวคนนั้นพินิจใบหน้าหลิงเทียนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวถามออกมาว่า "นายหญิงน้อยใช่เขาหรือไม่?"
น้อยหญิงน้อย?
ต้วนหลิงเทียนทึ่งเล็กน้อย
เสื้อผ้าของชายวัยกลางคนนั้นปักตราของตระกูลหลิวเอาไว้ที่อก นั่นย่อมหมายความว่ามันเป็นคนของตระกูลหลิวไม่ผิดแน่นอน
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งเด็กสาวคนนั้นที่คิดใช้แส้ทุบตีให้เขาตกจากหลังม้าในวันนั้นเป็นคุณหนูของตระกูลหลิว
เช่นนี้เรื่องราวทุกอย่างก็กระจ่าง
ก่อนหน้านี้หลิงเทียนแปลกใจเล็กน้อยว่าเหตุใดบุตรชายของผู้ว่าการมณฑลจะต้องเดินทางมายังเมืองชิงลี่เช่นนี้
เพราะหากให้เปรียบเทียบเมืองนี้กับเมืองประจำมณฑลอย่างเมืองผานางแอ่นเหินแล้วล่ะก็ เมืองชิงลี่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรกับเมืองบ้านนอกเล็กๆเมืองหนึ่ง
ที่แท้สุดท้ายก็เป็นเพราะสตรีคนนี้นี่เอง
"ไม่ใช่เขา"
สายตาของหลิวหรูจ้องไปยังหลิงเทียนก่อนที่จะส่ายหน้า
"เจ้าไปได้!"
ชายวัยกลางคนหันไปตวาดกับหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ได้แสดงพิรุธอะไร เขารีบควบม้าเพื่อเดินทางออกไปให้พ้นจากเมืองชิงลี่ทันที เมื่อออกมาไกลแล้วเขาก็แสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย
ถึงแม้เขาจะพบเจอกับเรื่องราวไม่คาดฝันจนเกิดเหตุแทรกซ้อนที่เกือบถึงชีวิต แต่สุดท้ายภารกิจที่เขาคิดจะกระทำก็นับว่าจบลงไปได้โดยดี และค่อนข้างน่าพอใจอย่างมาก
ขากลับนั้นการเดินทางของหลิงเทียนเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อพลบค่ำเขาก็กลับมาถึงตระกูลลี่ ก่อนที่จะกลับมาถึงบ้านในที่สุด
แม้จะจากไปเพียงไม่กี่วัน แต่หลิงเทียนเองก็คิดถึงบ้านอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงรีบเร่งกลับบ้านนัก และสิ่งแรกที่เขาทำก็คือเดินไปกอดเค่อเอ๋อที่รออยู่ที่โต๊ะหินอ่อนที่ลานบ้าน ก่อนที่จะอุ้มนางขึ้นมาหมุนเป็นวงกลมด้วยความคิดถึง
หลังจากที่หลิงเทียนกอดเค่อเอ๋อและอุ้มนางหมุนไปหมุนมาจนพอใจแล้วเขาก็วางนางลงกับพื้นก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า “เค่อเอ๋อ ข้าคิดถึงเจ้านัก”
"นี่ล่ะน้า...พอมีภรรยา ก็ลืมมารดาเสียแล้ว... "
ไม่รู้ว่าลี่หลัวออกจากห้องมาตั้งแต่ตอนไหน แต่รู้อีกทีนางก็กล่าวออกมาอย่างน้อยใจพร้อมสายหัวเสียแล้ว
หลิงเทียนรู้สึกอายเล็กน้อยก่อนที่จะแก้ไขสถานการณ์โดยการรีบวิ่งไปจับมือมารดาของมันแล้วกล่าวออกมาทันที “ท่านแม่ข้าก็คิดถึงท่านมากเช่นกัน”
“พอๆเลิกอ้อนได้แล้ว เจ้าอาจจะไม่ค่อยได้กินของที่ดีนักระหว่างเดินทาง ข้าจะไปทำอะไรอร่อยๆให้เจ้ากินเอง”
ลี่หลัวส่ายหัวของนางก่อนที่จะเดินเข้าครัว
"นายหญิง ข้าจะช่วยด้วยเจ้าค่ะ!"
เค่อเอ๋อเองก็อยากเข้าครัวด้วยอีกคน
แต่นางกลับถูกหลิงเทียนกอดเอาไว้ก่อนอีกครั้ง "เค่อเอ๋อ เจ้าไม่คิดถึงข้าหรือ...?"
เค่อเอ๋อรีบพยักหน้าออกมาราวกับลูกเจี๊ยบจิกอาหาร "ข้าย่อมคิดถึงนายน้อยแน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ แต่พี่หญิงเฟยเฟยเองก็น่าจะคิดถึงนายน้อยอยู่เช่นกัน นายน้อยควรไปหาพี่หญิงก่อน เมื่อท่านกลับมา ข้าและนายหญิงก็เตรียมอาหารเสร็จพอดี "
"เด็กโง่"
หัวใจของหลิงเทียนรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างมาก เขาดึงเค่อเอ๋อมากอดด้วยความรักอีกครั้ง
เค่อเอ๋อมักเป็นเช่นนี้ตลอด...นางนั้นห่วงใยและเอาใจใส่เขาทุกอย่าง
เมื่อต้วนหลิงเทียนมาถึงบ้านลี่เฟย เสียงลี่เฟยก็ดังขึ้น "เอ๊ะ เจ้ารู้ทางกลับด้วยเหรอเนี่ย?"
ตอนที่ลี่เฟยเห็นหลิงเทียนมานางทำเพียงเหลือบมองเขาเท่านั้น
"เจ้าไม่ต้องการให้ข้ากลับมาหรือ? ก็ได้ ข้าไปก็ได้ "
ต้วนหลิงเทียนแกล้งทำเสียงอ่อน ก่อนที่จะหันหลังเดินไปทางประตูพร้อมแสยะยิ้มที่มุมปาก
"ใครใช้ให้เจ้าไปกัน!"
ลี่เฟยรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมาขวางหน้าหลิงเทียนหน้าประตูพร้อมกางมือออก
ทั้งๆที่นางรีบวิ่งมาขวางหลิงเทียนไม่ให้เดินออกจากประตูอย่างกะทันหัน แต่หลิงเทียนราวกับเป็นนกรู้ มันยกแขนรอไว้ เมื่อลี่เฟยกางมือขวางทางมันก็สวมกอดนางก่อนที่จะดึงมาซบอกทันที
ร่างกายที่บอบบางของลี่เฟยสั่นเล็กน้อย
เพราะตอนนี้ริมฝีปากของหลิงเทียนนั้นไปคลอเคลียบริเวณใบหูของนาง มันขบกัดเบาๆก่อนที่จะไปกล่าววาจาเบาๆที่ข้างหู “ข้าคิดถึงเจ้านัก”
ร่างของหญิงสาวตัวน้อยแข็งค้างราวกับถูกอัสนีบาตผ่าเมื่อถูกจู่โจมจุดอ่อนและไวต่อความรู้สึกเช่นนี้
"อะแฮ่ม อะแฮ่ม... "
ทันใดนั้นเสียงกระแอมที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้หลิงเทียนพลันหน้าเจื่อนลง
เขารู้เลยว่าชายชรานั้นจงใจกระแอมขัดจังหวะแน่นอน!
“ท่านปู่”
ใบหน้าของลี่เฟยพลันขึ้นสีแดง ยามนี้นางนั้นเขินอายอย่างหนักจนไม่กล้ามองหน้าปู่ของนาง
“ท่านปู่”
ต้วนหลิงเทียนหันกลับมายิ้มและทักทายชายชราอย่างยินดี
สายตาของลี่เต๋อหรี่ลงเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวถามออกมา "หลิงเทียนได้ข่าวว่าเจ้าหายไป 2-3 วัน แล้วเจ้าไปไหนมารึ? "
“ข้าก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกท่านปู่ เพียงเข้าป่าหมอกมรณะไปเท่านั้น ข้าไปเดินฝึกฝนแล้วก็ไปลองตามหาผลไม้จิตวิญญาณดูอีกครั้งน่ะ เผื่อว่าจะโชคดีพบเจอมันอีกสักลูก "
ต้วนหลิงเทียนแก้ตัวออกมา
"เจ้าคิดว่าผลไม้จิตวิญญาณพวกนั้นมันหล่นลงมาจากฟ้าหรือไร?"
ลี่เต๋อแทบจะพูดไม่ออก
เขาเคยได้ยินเรื่องราวโชคของหลิงเทียนมาอยู่บ้าง ว่าหลังจากที่มันกินผลไม้จิตวิญญาณนั่นเข้าไปแล้ว ร่างกายของมันแข็งแกร่งขึ้นมาถึง 2 ช้างแมมมอธโบราณ
แต่เรื่องนี้นั้นย่อมเป็นเรื่องของโชคและวาสนา ผลไม้จิตวิญญาณนั้นไม่ใช่คิดจะไปคนหาแล้วพบเจอได้ง่ายๆ หากเดินหาแล้วเจอได้ง่ายๆจริง ป่านนี้ผู้คนเดินกันว่อนเต็มป่าแล้ว
“เอ๋!! ท่านปู่รู้ได้อย่างไรกัน ผลไม้จิตวิญญาณลูกแรกของข้ามันหล่นลงมาจากฟ้าจริงๆ ตอนนั้นข้าเดินในป่าอยู่ดีๆ มันก็ตกลงมาใส่หัวข้า...ทะ..ท่านมีวิชาทำนายด้วยหรือ”
ต้วนหลิงเทียนแกล้งกล่าวออกมา
ใบหน้าของลี่เต๋อพลันชะงักค้าอยู่นาน ก่อนที่จะกล่าวออกมา "ปะ..เป็นเรื่องบังเอิญ ... ช่างบังเอิญยิ่งนัก"
ลี่เต๋อรีบเปลี่ยนเรื่องทันที "หลิงเทียนข้าเองก็ได้เห็นกระบี่อ่อนที่เจ้าหลอมสร้างให้เค่อเอ๋อ กับที่เจ้าใช้อยู่แล้ว นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว มันยอดเยี่ยมกว่าอาวุธวิญญาณระดับ 9 ทั่วไปอย่างมาก ... แต่จะอย่างไรมันก็ยังมีคุณภาพห่างไกลจากอาวุธวิญญาณระดับ 8 เจ้าต้องการให้เราผู้ชราช่วยหลอมสร้างปรับปรุงให้กระบี่ของเจ้ากลายเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 8 หรือไม่? "
"ท่านปู่ ท่านต้องไม่เพียงคิดเพิ่มระดับอาวุธวิญญาณให้ข้าอย่างเดียวใช่หรือไม่?"
ต้วนหลิงเทียนนั้นสังเกตเห็นความต้องการของชายชราได้ เขาจึงกล่าวหยอกล้อออกมาเล็กน้อย
ใบหน้าของลี่เต๋อพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
“ตัวเลวร้าย! ท่านปู่เพียงอยากจะขอแร่สะเก็ดดาวตกม่วงของเจ้าสักเล็กน้อยเพื่อยกระดับอาวุธวิญญาณของข้าให้กลายเป็นระดับ 8 ด้วยเช่นกัน ... "
ลี่เฟยหันไปจ้องหลิงเทียน
"ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้น หากท่านปู่ต้องการจะอย่างไรข้าก็ไม่คิดปฏิเสธ เอาล่ะท่านรอข้าครู่หนึ่ง ข้าจะกลับไปนำกระบี่ของเค่อเอ๋อ และของท่านแม่มาที่นี่ "
ต้วนหลิงเทียนรีบกลับไปบ้านและนำกระบี่อ่อนดาราม่วงทั้ง 3 เล่มมามอบให้ชายชราด้วยความรวดเร็ว
"สิ้นเปลือง! สิ้นเปลืองยิ่งนัก"
ชายชรามองไปยังกระบี่ทั้งสามเล่มก่อนที่จะถามออกมาด้วยความสงสัยว่า "หลิงเทียน เจ้าไปได้สะเก็ดดาวตกม่วงนี้มาจากที่ใดกัน?"
"ข้าซื้อมาจากร้านขายอาวุธตอนอยู่ในเมืองวายุโปรย ... ยามนั้นจำได้ว่าข้าเสียเงินไปตั้ง 200 เหรียญเงินแน่ะแพงยิ่งนัก"
200 เหรียญเงิน แพงหรือ?
มุมปากของลี่เต๋อกระตุกก่อนที่เขาจะนิ่งค้างไปชั่วครู่ แล้วกล่าวออกมา 2 คำ "โชคดี บัดซบ!"
หลังจากนั้นชายชราก็หยิบกระบี่ทั้ง 3 เล่มไปด้วยความยินดีราวกับได้รับของขวัญล้ำค่า ก่อนที่จะเดินเข้าห้องหลอมไปอย่างมีความสุข
หลิงเทียนเองก็อาศัยจังหวะนี้ลอบจู่โจมลี่เฟยอีกครั้ง มันพุ่งไปสวมกอดนางจากด้านหลังก่อนที่จะเอาคางมาคลอเคลียที่แก้มของนาง "เสี่ยวเฟย 2-3 วันนี้เจ้าคิดถึงข้าบ้างรึเปล่า?"
"ข้าไม่คิดถึงเจ้า"
ลี่เฟยหน้าแดง
"เจ้าไม่คิดถึงข้าจริงๆ หรือ?"
มือของหลิงเทียนเริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างบอบบางของลี่เฟย
"อ๊า หยุดนะ!"
"ตกลง คิดถึงข้าหรือไม่"
"คิดถึง…"
"ข้าไม่ได้ยินที่เจ้ากล่าวเลย"
"คิดถึง! พอใจแล้วหรือไม่? ตัวเลวร้ายหัวเหม็น! "
"เฮ้ เช่นนั้นข้าไม่เป็นตัวเลวร้ายก็ได้ ... ว่าแต่เจ้าเคยเห็นหมาป่าหิวโหยหรือไม่!"
“อ๊า! อย่านะ”
......
ต้วนหลิงเทียนและลี่เฟยนั้นหยอกล้อกันโดยไม่ได้สังเกตด้านนอกสักนิด
ยามนี้นอกลานบ้านมีชายสวมชุดขาวคนหนึ่งกำลังมองทั้งสองหยอกล้อกันด้วยความเจ็บแค้น
“ต้วนหลิงเทียนแม้ตระกูลจะไม่สามารถเอาผิดอะไรเจ้าได้แต่สักวันข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ ... รอข้าก่อนเถอะ!”
ดวงตาของลี่ชิงนั้นแดงก่ำราวกับสีโลหิต มันเต็มไปด้วยความแค้นและอาฆาตอย่างถึงขีดสุด
ยามนี้นั้นมันใกล้เสียสติเต็มทีแล้ว
"โอ้ๆๆ นั่นลี่ชิงไม่ใช่หรือไร?"
ทันใดนั้นมีเยาวชนสองคนเดินมาจากที่ไกลๆ ชายคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีเทาเดินมาทางลี่ชิงก่อนที่มันจะเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา
ใบหน้าของลี่ชิงเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่มันจะหันไปตะคอกใส่ด้วยความรำคาญ "ลี่อันจะเป็นการดีเสียกว่าถ้าเจ้าจะไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า อย่าได้เสนอหน้า! "
"ลี่ชิงเจ้ายังคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่อยู่อีกหรือไร? ปัจจุบันเจ้าก็มิต่างอันใดไปกับเศษขยะสำหรับข้า"
ลี่อันหัวเราะเยาะเย้ยออกมาก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจต่อไปอีกว่า "ตอนนี้ในตระกูลลี่มีเพียงต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่สามารถเป็นคู่มือของข้าได้ ... เจ้าไม่คู่ควรอีกต่อไป!"
"เจ้ารนหาที่ตาย!"
ท่าทางของลี่ชิงพลันระเบิดออกมาด้วยโทสะมันพุ่งเข้าหาลี่อันด้วยความดุร้าย
มังกรแหวกนภา!
ดัชนีอุดรทมิฬ!
ลี่ชิงจี้นิ้วของมันอย่างอำมหิตไปยังลี่อัน การจู่โจมครั้งนี้มันใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมด 3 ช้างแมมมอธโบราณ!
"ฮึ่ม! ยามนี้หาได้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่อยู่ในระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 "
ลี่อันหัวเราะเยาะออกมา ก่อนที่จะก้าวออกไปปะทะอย่างไม่หวาดหวั่น เหนือศีรษะมันปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 3 ตัว!
ปัง!!
ลี่อันเลือกที่จะส่งกำปั้นเข้าไปปะทะกับดัชนีอุดรทมิฬของลี่ชิงโดยตรง และป้องกันดัชนีได้ด้วยการโจมตีนี้เพียงครั้งเดียว
ที่สำคัญกำปั้นของเขายังหาได้สิ้นแรงจู่โจม มันยังพุ่งไปซัดกลางอกของลี่ชิง จนปลิวกระเด็นออกไป
"ลี่ชิง หากดัชนีอุดรทมิฬของเจ้ายังเป็นง่อยเช่นนี้ แม้เจ้าจะตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 เจ้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี ... จะอย่างไรขยะก็เป็นเพียงขยะเท่านั้น ตลอดชีวิตนี้เจ้าจะไม่ได้มีวันโงหัวขึ้นมาได้อีก"
ลี่อันเดินมาหยุดหน้าลี่ชิงที่ล้มลงไปกองก่อนที่จะหัวเราะเย้ยหยันออกมา
ใบหน้าของลี่ชิงโกรธแค้นจนหมองคล้ำ มันถ่มโลหิตที่อยู่เต็มปากออกมาตอนนี้มันโกรธแค้นจนสั่นไปทั้งตัว ...
ลี่อัน! ต้วนหลิงเทียน!
มันจะไม่มีวันละเว้นสองคนนี้แน่
“จำใส่กะโหลกของเจ้าเอาไว้ ยามนี้ปู่ของเจ้าก็ตกตายไปแล้วหามีผู้ใดสามารถคุ้มกะลาหัวเจ้าได้อีกต่อไป ครั้งต่อไปที่เจอหน้าข้าอย่าได้ทำตัวโอหังอีก มิเช่นนั้นข้าจะทุบตีเจ้าให้ลงไปกองที่พื้นเยี่ยงสุนัขทุกครั้งที่เจอ”
ลี่อันข่มขู่ก่อนที่จะจากไป
ลี่ชิงพยายามดิ้นรนลุกขึ้นยืนก่อนที่จะตัดสินใจขั้นเด็ดขาด
มันกลับบ้านไปเก็บสัมภาระและสมบัติที่ปู่มันเหลือไว้ให้ก่อนที่จะออกจากตระกูลลี่ไป
มันจากไปพร้อมกับความเคียดแค้นชิงชัง
เมื่อหลิงเทียนได้ยินข่าวว่าลี่ชิงออกจากตระกูลลี่ไปก็แปลกใจเล็กน้อย
แม้ว่ามันจะไม่ได้ใส่ใจอะไรกับลี่ชิง แต่มันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการกระทำครั้งนี้ของลี่ชิงนั้นเด็ดเดี่ยวน่านับถือนัก มันสามารถเลือกสละความสนับสนุนและความมั่งคั่งของตระกูลลี่ ออกไปเผชิญโลกกว้างเพียงลำพัง หากไม่หนักแน่นจริงคงไม่อาจกระทำได้ ...
เพราะว่าหากเลือกที่จะจากไปเช่นนี้ทุกอย่างจะต้องออกไปเริ่มนับหนึ่งใหม่หมด
จะไม่มีใครให้พึ่งพาและทุกอย่างต้องกระทำด้วยตัวเอง
แต่หลิงเทียนกลับไม่รู้แม้แต่นิด ว่าหลังจากที่ลี่ชิงจากไป มันกลับเลือกไปเสี่ยงโชคเมืองชิงลี่...
หลังจากนั้น ...
"เมื่อห้าวันที่แล้วบุตรชายของผู้ว่าการมณฑลผานางแอ่นเหิน ถูกคนร้ายใจกล้าตัดแขนออกนอกเมืองชิงลี่? เยาวชนสวมชุดสีม่วง? ใช้วิชากระบี่ที่รวดเร็ว? อายุ 16?”
"ช่วงเวลาที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ข้ามั่นใจว่าต้วนหลิงเทียนหาได้อยู่ที่พักของตระกูลไม่ ข้ามั่นใจว่าต้องเป็นมันไม่ต่ำไปกว่า 9 ส่วน! "
หลังจากออกจากเมืองออโรร่าลี่ชิงก็เดินไปตามทางเรื่อยๆจนมาถึงเมืองชิงลี่ มันเองก็ได้รับฟังข่าวลือหนาหูถึงเรื่องนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่สร้างความระอุแก่เมืองชิงลี่นัก
"บางทีนี่คือโอกาสที่สวรรค์มอบให้ข้า"
ดวงตาของลี่ชิงหรี่ลง
หลังจากใช้เวลาชั่วครู่ลี่ชิงก็เดินทางมาถึงที่พักของตระกูลหลิว
"ข้ารู้ว่าผู้ใดลงมือตัดแขนบุตรชายของผู้ว่าการมณฑล"
เพียงคำพูดนี้ประโยคเดียวจึงไม่มีผู้ใดคิดสกัดหรือขัดขวางลี่ชิงแม้แต่น้อย เข้าได้พบคนที่ต้องการพบอย่างราบรื่น
ในห้องโถงหลักมีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดหรูหราใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย
ด้านข้างของชายหนุ่มนั้นเป็นหญิงสาวและชายชราท่าทางน่าเกรงขามคนหนึ่ง
"เจ้าบอกว่ารู้ตัวคนลงมือทำร้ายนายน้อยข้าเช่นนั้นหรือ?"
สายตาที่ทรงพลังของตัวตนผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง จับจ้องไปยังลี่ชิงอย่างกดดัน