spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ด้านหน้าของเขาเป็นเตาหลอมโอสถ อีกทั้งยังมีวัตถุดิบต่างๆ ...
นอกจากนั้นแล้วยังมีกระบี่อ่อนสีม่วงที่บางราวกับปีกของจั๊กจั่น
นั่นคือกระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงนี่เอง
"อืม... สร้างกระบี่อ่อนให้เป็น 3 เล่มก่อนแล้วกัน"
สายตาของหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อยมันจับจ้องไปยังกระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงทั้งสองเล่มก่อนที่จะหยิบขึ้นมา
ฟู่ววว!
เปลวเพลิงหลอมศาสตราถูกจุดขึ้น หลอมเหลวกระบี่อ่อนทั้ง 2 เล่มจนสลายกลายเป็นของเหลวสีม่วง
นี่เป็นของเหลวที่เกิดจากการหลอมละลายของสะเก็ดดาวกตกม่วงนั่นเอง
ต่อจากนั้นหลิงเทียนก็ใช้เปลวเพลงหลอมศาสตราของเขาหลอมละลายวัตถุดิบอื่นอีก 2-3 ชนิด พวกมันถูกหลอมจนกลายเป็นของเหลวคล้ายๆน้ำตะกั่ว ส่วนประกอบอื่นๆที่ไม่บริสุทธิ์ถูกเปลวเพลิงหลอมจนสลายไปไม่มีเหลือ
ภายใต้การควบคุมด้วยความละเอียดอ่อนและประณีต ของเหลวสะเก็ดดาวตกม่วงกับของเหลวชนิดอื่นๆก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน ด้วยสมาธิที่สูงส่งของหลิงเทียนทำให้พวกมันรวมตัวผสานราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน
หลังจากนั้นหลิงเทียนทำการเคลื่อนไหวราวกับเครื่องจักรแบ่งแยกของเหลวออกเป็น 3 กองเท่าๆกัน
ก่อนที่ของเหลวทั้ง 3 กองนั้นจะถูกพลังงานต้นกำเนิดบีบอัดพวกมันจนกลายเป็นกระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงแกมดำ 3 เล่มที่มีขนาดเท่าๆกัน
กระบี่ ทั้ง 3 เล่มนี้นั้นคล้ายคลึงกับกระบี่อ่อนก่อนหน้า แต่ทว่าคราวนี้ความบางของกระบี่อ่อนทั้ง 3 เล่มนั้นเรียกได้ว่าเป็นปีกจั๊กจั่นอย่างแท้จริง พวกมันดูบางกว่าเก่า...แต่ทว่าหากสัมผัสจะรับรู้ได้ว่ากระบี่เล่มใหม่นี้ทนทานและแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างมาก
“สำเร็จ”
ต้วนหลิงเทียนหลอมสร้างกระบี่ทั้ง 3 เล่มเสร็จสิ้นก่อนที่จะหยิบจับพวกมันมาทดสอบ
เมื่อหยิบกระบี่ขึ้นมาหลิงเทียนก็รีบโคจรพลังงานต้นกำเนิดก่อนที่จะใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งระดับ ช้างแมมมอธโบราณ 4 ตัวออกมา พร้อมทั้งถ่ายเทลงไป
วู้มมม!
กระบี่ส่งเสียงออกมาเล็กน้อย
"ไม่เลวเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 9 ที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ผู้ใช้ได้ถึง 10% เช่นนั้นเมื่อถือกระบี่เล่มนี้แล้วใช้ออกด้วยกำลังเต็มที่ มันควรเพิ่มพละกำลังให้ข้าราวๆ 5,000 ปอนด์สินะ ช้างแมมมอธโบราณอีกครึ่งตัวงั้นรึ”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
อาวุธวิญญาณที่หลอมสร้างโดยผู้หลอมศาสตราระดับ 9 นั้นสามารถขยายความแข็งแกร่งได้สูงสุดแค่ 10% เท่านั้น
กล่าวได้ว่าหากอาวุธวิญญาณระดับ 9 เล่มไหนสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ผู้ใช้ได้ถึง 10% นับว่าเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 9 ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
อาวุธชิ้นแรกที่หลิงเทียนหลอมนับว่าเขาประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เขาหลอมสร้างอาวุธวิญญาณระดับ 9 ได้อย่างสมบูรณ์
"ต่อจากนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่า กระบี่อ่อนดาราม่วง
มุมปากของหลิงเทียนเผยรอยยิ้มออกมาในขณะที่เขาชื่นชมกระบี่อ่อนดาราม่วงในมือ
ต่อมาหลิงเทียนก็ใช้วัตถุดิบที่เหลือ
เขาเริ่มจารึกอาคมลงบนกระบี่อ่อนดาราม่วงทั้ง 3 เล่มทันที
ตอนนี้นั้น วัตถุดิบหายากทั้ง 5 ที่หลิงเทียนฝากซื่อโหมวไปหามา เขาได้รับมันครบแล้ว ส่วนวัตถุดิบที่เหลือก็ครบแล้วเช่นกัน นั่นหมายความว่าอาคมจารึกที่หลิงเทียนกำลังจารึกอยู่ตอนนี้คือ อาคม จันทร์เสี้ยวโลหิต
ต้วนหลิงเทียนใช้เวลาเพียง 1 ชั่วยามในการหลอมสร้างกระบี่อ่อนดาราม่วงทั้ง 3 เล่ม
แต่ทว่าการจารึกอาคมจันทร์เสี้ยวโลหิตนั้นกินเวลาไปถึงครึ่งวัน ..เขาพลาดอาหารกลางวันไปซะแล้ว
“เสร็จซะที!”
มองไปที่แสงสีแดงเลือดที่เปล่งประกายออกมาที่ตัวกระบี่ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
กระบี่อ่อนดาราม่วงทั้ง 3 เล่มถูกจารึกอาคมจันทร์เสี้ยวโลหิตไว้เรียบร้อย
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น...ความเหนื่อยล้า ความหิว และความง่วงนอนก็จู่โจมหลิงเทียนมาพร้อมๆกัน
หลังจากที่เดินโซเซไปบอกเค่อเอ๋อให้อุ่นอาหารให้แล้วกินมันจนเกลี้ยง หลิงเทียนก็เข้าไปหลับเป็นตายในห้องจนถึงเช้าทันที
หลังจากตื่นขึ้นมาเขายังรู้สึกวิงเวียนและมึนหัวเล็กน้อย
"การจารึกอาคมนี่ใช้พลังจิตเยอะจริงๆ"
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมา
แต่เมื่อเขาเห็นผลงานที่เขาทำสำเร็จเมื่อวานเขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่า
กระบี่อ่อนดาราม่วงทั้ง 3 เล่มนี้เขาจะเก็บไว้ใช้เอง 1 เล่ม
ส่วนที่เหลืออีกสองเล่มนั้นเขาคิดว่าจะให้เค่อเอ๋อ 1 เล่ม แล้วก็อีกเล่มเขาจะให้มารดาของเขา
"นายน้อยเหตุใดเวลาข้าฝึกด้วยการใช้กระบี่อ่อนดาราม่วงเล่มใหม่นี้ ข้าจึงรู้สึกว่าข้าแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยล่ะเจ้าคะ ... หรือข้าจะเข้าใจผิดไปเองกัน?"
สาวน้อยใช้ตากลมโตจ้องไปยังหลิงเทียนด้วยความสงสัย
ฟึ่บ!
ลี่หลัวทดลองเหวี่ยงกระบี่ดู
"อาวุธวิญญาณ!"
ลี่หลัวย่อมมีประสบการณ์มากกว่าเค่อเอ๋อ เมื่อนางทดลองใช้นางจึงรับรู้ได้ทันที อดไม่ได้ที่นางจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก หลังจากนั้นนางก็มองไปยังบุตรชายด้วยสายตาตกตะลึง "ลูกเทียน นี่ ... "
"ท่านแม่ นอกจากการเป็นนักหลอมโอสถระดับ 9 แล้ว ข้ายังเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 9 ด้วยเช่นกัน"
ต้วนหลิงเทียนยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะกล่าวออกมาอีกว่า "นอกจากนี้ในกระบี่อ่อนดาราม่วง ข้ายังจารึกอาคมจันทร์เสี้ยวโลหิตเอาไว้อีกด้วย ท่านเพียงแค่ต้องควบคุมพลังงานต้นกำเนิดที่ถ่ายเทลงไปในตัวกระบี่ ไปกระตุ้นเปิดใช้งานอาคมจารึกเท่านั้นเอง ... อาคมจันทร์เสี้ยวโลหิตนี้ หากท่านแม่ใช้ในโอกาสที่เหมาะสมและศัตรูมิได้ระวังตัวมันสามารถสังหารได้แม้แต่กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับบ่มเพาะ ระดับกำเนิดแก่นแท้ ”
อาคมจารึก จันทร์เสี้ยวโลหิต?
สามารถฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้?
ทั้งสองคนต่างตกตะลึงเป็นระยะเวลานานกว่าที่สติจะเข้าที่
"นายน้อยท่านยอดเยี่ยมยิ่งนัก"
สาวน้อยมองไปยังหลิงเทียนด้วยแววตาเต็มไปด้วยความรักและความเคารพ ทำให้หัวใจหลิงเทียนพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างมาก
ลี่หลัวนั้นมองหลิงเทียนด้วยความภูมิใจและตื้นตัน ก่อนที่นางจะแหงนหน้ามองฟ้าอย่างเหม่อลอยพร้อมรอยยิ้ม
"ท่านพี่ เห็นหรือไม่? พรสวรรค์บุตรชายท่านสูงล้ำนัก ...แม้จะไม่ได้พึ่งพาความช่วยเหลือจากตระกูลต้วน เขาก็หาได้ด้อยกว่าอัจฉริยะผู้ใดไม่ "
ในแววตาของลี่หลัวตอนนี้เต็มไปด้วยร่างสูงที่แข็งแกร่งและดูสุภาพ..
ร่างดังกล่าวครั้งหนึ่งเคยเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของนาง
"จริงสิ ลูกเทียน,เค่อเอ๋อ เหตุใดฉีฉีถึงได้ย้ายบ้านของนางออกไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เกิดอะไรขึ้นแน่? อีกทั้งข้ายังไม่เห็นพวกเจ้าไปไหนมาไหนกับฉีฉีเลยเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าทะเลาะกันหรือไม่?" ลี่หลัวกล่าวถามขึ้นมา
"ข้าเปล่านะท่านแม่ ข้าเองก็ไม่รู้เรื่อง"
หลิงเทียนยักไหล่ก่อนที่จะแสดงสีหน้าไร้เดียงสาออกมา
วันนั้นหลังจากที่เขายอมแพ้ลี่ชิง ในการประลองประจำปีของตระกูลต้วน ดูเหมือนลี่ฉีฉีจะเป็นฝ่ายตีตัวออกห่างจากเขาเอง
หลังจากนั้นเขาก็ได้พบกับ ลี่ฉีฉีบ้างเป็นครั้งคราว แต่สายตาของลี่ฉีฉีที่มองเขานั้นหาได้เหมือนกาลก่อนไม่ มันแฝงไว้ด้วยความดูถูกและสบประมาทอยู่ภายใน
แต่เขาเองก็ไม่ได้คาดเอาไว้ว่าจะถึงขั้นที่ลี่ฉีฉีนั้นย้ายบ้านหนีเขาเช่นนี้
"ข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะนายหญิง"
เค่อเอ๋อ ก็ส่ายหน้าออกมาเบาๆ
ภายในเขตที่พักของสาวกสายใน
ลานกว้างขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากบ้านของหลิงเทียนไปคนละฟาก
ฟึ่บบบ!
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังร่ายรำกระบี่อยู่ ร่างของนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ มุมปากของนางได้แต่เผยรอยยิ้มละอายใจปะปนกับการเย้ยหยันตัวเองออกมา
ร่างนี้แน่นอนย่อมเป็น ลี่ฉีฉี!
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นภายในใจของลี่ฉีฉีเต็มไปด้วยความเสียใจ
ในตอนแรกที่นางได้เห็นความสามารถที่แข็งแกร่งและน่าหวาดกลัวของต้วนหลิงเทียนนั้น นางก็รู้สึกหลงใหลในความแข็งแกร่งของเขา
แต่เมื่อต้วนหลิงเทียนได้กล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ในการประลองประจำปีของตระกูลลี่ และยอมมอบตำแหน่งผู้ชนะเลิศให้แก่ลี่ชิงด้วยท่าทางยินยอมพร้อมใจ ภาพผู้แข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนในใจนางก็สลายไป ด้วยเหตุนี้นางจึงเริ่มไม่ชอบหลิงเทียน ก่อนที่นางจะเริ่มตีตัวออกห่างจากเขา
แต่ทว่าเมื่อมาถึงตอนนี้
เมื่อได้รับทราบข่าวที่น่าตื่นตระหนก มันแทบทำให้ใจของนางนั้นหยุดเต้นราวกับถูกแช่แข็งทันที!
ในการประลองชุมนุมมังกรซ่อนหลิงเทียนสามารถเอาชนะลี่ชิงได้อย่างง่ายดายอีกทั้งสามารถตัดนิ้วมันได้ นอกจากนั้นเขายังสามารถเอาชัยเหนืออัจฉริยะจากทั้งตระกูลหลิน และตระกูลเซี่ยว จนได้รับตำแหน่งชนะเลิศ
ในตอนนั้นนางรู้สึกละอายใจอย่างมาก
ชายหนุ่มที่นางดูถูกกลับพิสูจน์ตัวเองด้วยความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ต้องโทษตัวเอง ต้องโทษที่สายตาของนางนั้นมืดบอดไปเอง
เพราะเหตุนี้นางถึงละอายเกินกว่าที่จะเจอหน้าหลิงเทียนอีกต่อไป นางจึงไปหาผู้ดูแลเขตใน เพื่อทำเรื่องขอย้ายที่พัก
"ถ้าหากข้าไม่ตีตนออกห่างจากเขาวันนั้น ... บางที ... "
หัวใจของลี่ฉีฉีเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน
แต่น่าเสียดายที่คำว่าถ้าหากนั้นไม่ควรมากเกินไป อีกทั้งโลกใบนี้เองก็ไม่มียาแก้อาการเสียใจ...
......
ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเดินมาถึงหน้าประตูบ้านของลี่เฟยมันก็ได้ยินเสียงหัวเราะ ที่เต็มไปด้วยความสุขดังออกมา
ดวงตาของหลิงเทียนส่องประกายออกมา
เขาสัมผัสได้ว่าชายชรานั้นกลายเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 8 แล้ว
ต้วนหลิงเทียนเดินเข้าไปในบ้าน ก่อนที่จะกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม "ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านปู่ด้วย"
เวลานี้เองชายชราก็เดินออกมาจากห้องของเขาด้วยอารมณ์ดีใจ เขามองหลิงเทียนด้วยสายตาราวกับว่ามองสามีของหลานสาวในอนาคตของเขา "เด็กน้อยขอบคุณเจ้ามาก ...หากไม่ใช่เจ้าช่วยเหลือไม่รู้เลยว่าข้าจะยังมีชีวิตรอดอยู่ดีใจกับการเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 8 เช่นนี้ได้อย่างไร"
"ท่านปู่จะขอบคุณอันใดเล่า พวกเรามิใช่ครอบครัวเดียวกันหรอกรึ "
ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาในขณะที่กล่าวคำ
ลี่เฟยเองก็เดินออกมาจากห้องเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของปู่นาง แต่นางดันมาได้ยินคำกล่าวเมื่อครู่ของหลิงเทียนพอดี "เพ้ย! ผู้ใดเป็นครอบครัวเจ้า? "
"เฟยน้อย เมื่อคืนเจ้ายังกล่าวถึงต้วนหลิงเทียนกับข้าอยู่เลย เหตุใดยามนี้มา... เอาล่ะๆเช่นนั้นปู่ไปสมาคมผู้หลอมศาสตราก่อนแล้วกัน หลิงเทียนเป็นแขกของปู่อีกทั้งเขายังช่วยเหลือปู่ไว้มากมาย เจ้าต้องดูแลเขาให้ดีล่ะ"ชายชราที่เห็นสายตาดุดุของหลานสาวรีบหาโอกาสชิ่งหนีออกไปทันที
"ท่านปู่ ท่านพูดอันใดกัน?"
ลี่เฟยนั้นโกรธเล็กน้อยที่นางถูกปู่ของนางขายเช่นนี้
"เสี่ยวเฟยท่านพูดอันใดถึงข้ารึ? จริงสิ ตอนนี้เจ้าต้องดูแลข้าให้ดีตามคำสั่งท่านปู่ด้วย "
ต้วนหลิงเทียนเดินเข้าไปในห้องของลี่เฟยโดยไม่ได้สนใจนางที่กำลังเขินอายอยู่
"เจ้า ... เจ้าเข้าห้องข้าทำไมกัน"
ดวงตาของลี่เฟยฉายแววโกรธเคืองเล็กน้อยก่อนที่จะรีบเดินตามเข้าไป
"อะไร ข้าอยากเข้าห้องเจ้าไม่ได้หรือ? ข้าอยากนอนบนเตียงของเจ้านี่นา "
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาก่อนที่จะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงของลี่เฟย
"เจ้า!"
ลี่เฟยนั้นรีบร้อนที่จะดึงหลิงเทียนให้ลุกขึ้นมา
แต่กำลังของนางจะไปสู้หลิงเทียนได้อย่างไรกัน? หลิงเทียนดึงนางลงมากอดไว้ทีอ้อมอกก่อนที่จะพลิกร่างให้นางนอนหงายบนเตียงโดยมีเขาคร่อมเอาไว้ "เสี่ยวเฟย อย่าได้กล่าวแล้ว"
ลี่เฟยยังพยายามต่อสู้แต่นางก็ไม่สามารถสะบัดหลิงเทียนให้หลุดได้ ดวงตาของนางเริ่มมีน้ำตาคลอก่อนที่จะกล่าวออกมา "เจ้ารังแกข้า"
"เอาล่ะๆข้าไม่รังแกเจ้าแล้ว"
เมื่อเห็นภาพนางน้ำตาคลอหลิงเทียนก็ใจอ่อนจนปล่อยนางไป แต่เขาก็ยังคงใช้มือหนึ่งโอบนางไว้อยู่ดี
"เจ้ามันตัวเลวร้าย!" ลี่เฟยกล่าวออกมาด้วยความโกรธเล็กน้อย
"ไม่ใช่ว่าเจ้ารู้มานานแล้วหรือ?"
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมา
"ฮึ่ม! เจ้าหัวเหม็น แต่ ... ก็ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยท่านปู่ "
ลี่เฟยนั้นกล่าวออกมาอย่างดุดันเพื่อว่ากล่าวหลิงเทียน แต่ทว่าประโยคหลังนั้นกลับเบาจนราวกับเสียงยุง
"เฮ่ จะขอบคุณข้าทำไมกันเจ้าเป็นภรรยาข้า ปู่เจ้าก็เหมือนปู่ข้า " ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างกรุ้มกริ่ม
"จริงสิ เสี่ยวเฟย แล้ว ...พ่อกับแม่เจ้าล่ะ" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา
“พ่อแม่ข้าเหรอ?”
ลี่เฟยหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกล่าวออกมา "ก่อนที่ข้าจะรู้ความ พวกท่านทั้งสองก็ประสบภัยจนเสียชีวิตไปซะก่อนแล้วล่ะ ..."
หลิงเทียนได้รับรู้เรื่องราวของพ่อแม่ลี่เฟยจากปากของนาง
ปรากฏว่าหลายปีก่อนนั้น ตระกูลลี่เคยเผชิญกับภัยพิบัติ และโชคร้ายที่พ่อแม่ของลี่เฟยเป็นผู้เสียสละชีวิต ไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น
ถึงแม้ว่าตระกูลลี่จะสามารถล้างแค้นศัตรูได้ แต่ทว่าผู้ที่ตกตายไปแล้วก็หาได้ฟื้นคืนกลับมาไม่
"ข้าคิดถึงท่านพ่อแล้วก็ท่านแม่มาก... ยังดีที่มีท่านปู่คอยดูแลข้าและรักข้ามากมาย"
ร่างกายบอบบางของลี่เฟยค่อยๆสั่นเล็กน้อย หลิงเทียนรีบดึงนางมากอดไว้ในอกก่อนที่จะปลอบนางที่กำลังสะอื้น
"เสี่ยวเฟย มันผ่านไปแล้วอย่าได้เสียใจอีกเลย "
หลิงเทียนกอดนางไว้ในอ้อมอก ก่อนที่จะลูบหัวของนางเบาๆ
ทายสุดแล้วไม่รู้ว่าด้วยความง่วงนอนหรือเหน็ดเหนื่อยจากการร้องไห้ ลี่เฟยก็หลับคาอ้อมอกของหลิงเทียน...
"ข้าไม่คิดเลยว่าเด็กสาวตัวเล็กๆที่แสนงดงาม กลับมีอดีตที่น่าเศร้าเช่นนี้"
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังแก้มอมชมพูที่งดงามของลี่เฟย ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
แม้ตอนนี้จะมีสาวงามเลิศล้ำอยู่ในอ้อมอกของเขา แต่หลิงเทียนก็หาได้บังเกิดจิตคิดอกุศลไม่ เขามีแต่ความสงสารเท่านั้น
"ตัวเลวร้าย เจ้ามันอันธพาลน้อย...ชอบข่มเหงข้า รังแกข้า ตัวเลวร้าย ... "
อยู่ๆลี่เฟยก็กล่าวว่าหลิงเทียนออกมาพร้อมกับทุบไปที่อกของหลิงเทียน ทุกครั้งที่นางเอ่ยคำว่าตัวเลวร้ายนางจะทุบอกเขาหนึ่งที
ตอนแรกหลิงเทียนก็คิดว่านางคงตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ทว่าเมื่อสังเกตดูก็พบว่านางยังหลับอยู่
"ต้วนหลิงเทียน เจ้ามันตัวเลวร้ายโง่งม หากข้าบอกว่าห้ามมองเซี่ยวหลันก็ห้ามมอง... ตัวเลวร้ายถ้าเจ้ายังมองนางอีก ข้าจะทิ่มลูกตาของเจ้า... "
ลี่เฟยพึมพำออกมา ก่อนที่จะสงบลง
มุมปากของหลิงเทียนกระตุกเล็กน้อย
เฟยน้อยฝันอันใดกันเล่า?
หลักจากนั้นราวๆ 1 ชั่วยามลี่เฟยก็ตื่นขึ้นมา
“เจ้า ... เจ้า ...”
ตอนนี้เมื่อนางรู้สึกตัวและนึกขึ้นได้ว่าเผลอหลับคาอ้อมอกของหลิงเทียนไป นางก็พลันเขินอายหน้าแดงก่ำทันที
"เสี่ยวเฟย...ข้ามิคิดเลยว่าเจ้าจะมีนิสัยละเมอยามหลับเช่นนี้ ...แล้วข้าไปมองแม่นางเซี่ยวหลันตั้งแต่เมื่อไหร่กันเล่า? แล้วเหตุใดเจ้าจึงดุร้ายนักเล่า เพียงแค่มองเจ้าก็คิดจะทิ่มลูกตาของข้าเลยหรือ"
ต้วนหลิงเทียนทำสีหน้าราวกับหวาดกลัวมากออกมา