spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 261 หัวใจของนักดื่มไม่ได้อยู่ที่ถ้วย
"นี่คืออะไร?” เฟิงเฟินไดได้รับกล่องเล็ก ๆ จากหงหยุน เมื่อเปิดดูเพื่อดูนางได้กลิ่นหอมอบอวล
“ครีมบำรุงผิว” หงหยุนบอกนาง “ใช้ทารอยแผลเป็นบนใบหน้าของเจ้า รอยแผลเป็นจะหมดไปหลังจากใช้ 1 เดือน”
“จริงหรือ ? ” เฟิงเฟินไดเต็มไปด้วยความสุข
หงหยุนพยักหน้า “จริง ๆ ” จากนั้นนางถามว่า “คุณหนูสี่ยังต้องการเรียนรู้วิธีการร่ายรำหรือไม่ ? ”
เฟิงเฟินไดถอดรองเท้าและถุงเท้าของนางทันทีจากนั้นก็ยืนอยู่บนหิมะ ความเย็นทำให้ฟันของนางกระทบกัน แต่นางก็ยังอดทนและพูดว่า “ข้าจะเรียน ! ข้าจะเรียนการร่ายรำต่อ ! ”
คืนนั้นที่วัดในลานของเฟิงเฉินหยู ยี่หลินกำลังกระซิบบางอย่างที่หูเฟิงเฉินหยู
หลังจากนั้นไม่นานดวงตาของเฟิงเฉินหยูเผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม “จัดการเลย ! ต้องจัดการให้สำเร็จ ! เจ้าอย่าทำล้มเหลวคราวนี้ บอกท่านลุงสามแล้วให้เขาหามือดีที่สุด พวกเขาจะต้องจัดการนางให้เรียบร้อย ผู้หญิงคนนั้นฉลาดมาก ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ”
“บ่าวรับใช้คนนี้จะไปบอกเขา” จากนั้นยี่หลินก็พูดว่า “ท่านลุงสามก็พูดเช่นกันว่าเมื่อถึงเวลานั้นท่านจะไปรับคนอย่างแน่นอน ท่านกลัวว่าคุณหนูจะทำให้นางล่าช้า”
เฟิงเฉินหยูรู้สึกรำคาญเล็กน้อย “พูดให้ช้า คำพูดง่ายกว่าการกระทำ ทำไมท่านลุงถึงไม่ลงมือจัดการเร็วกว่านี้ ? ”
ยี่หลินบอกนางว่า “ท่านลุงสามกล่าวว่าฝ่ายนั้นมีผู้คุ้มกันลับคอยคุ้มกันตลอดเวลา และพวกเขาจะถูกไล่ออกหลังจากมาถึงเมืองหลวงเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะดำเนินการในเวลานี้”
“ลืมมันไปเถอะ ข้าจะหาวิธีเหนี่ยวรั้งนางเอง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ต้องประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ถ้ามันล้มเหลวอีกครั้ง บอกท่านลุงว่าเขาไม่จำเป็นต้องเข้ามาแทรกแซง ข้าจะจัดการคนที่ขวางทางข้าเอง”
ยี่หลินพยักหน้าแล้วดูเทียนที่เกือบหมดแล้ว นางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "คุณหนูพักผ่อนก่อนหรือไม่เจ้าคะ ท่านฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้บอกว่าคุณหนูต้องคัดลอกบทสวดมนต์ให้เสร็จเร็ว ๆ นี้ เราค่อย ๆ ทำก็ได้เจ้าค่ะ”
อย่างไรก็ตามเฟิงเฉินหยูยิ้มและส่ายหน้าของนางแล้วพูดว่า “ข้าจะค่อย ๆ ทำได้อย่างไร ท่านพ่อกลับมาแล้ว ข้าได้รับความเดือดร้อนจากความคับข้องใจในขณะที่ท่านพ่อออกจากคฤหาสน์ ถ้าข้าไม่แสดงให้เห็นบนใบหน้า ท่านพ่อจะแสดงความเห็นใจได้อย่างไร ? ”
ดวงตาของยี่หลินสว่างขึ้นอย่างที่นางพูดพร้อมกับรอยยิ้ม “คุณหนูนั้นฉลาดจริง ๆ เช่นนั้นบ่าวรับใช้คนนี้จะนำเทียนมาอีก 2 เล่มเจ้าค่ะ“
“แค่นำมา ! มันคงไม่ดีถ้ามันสว่างเกินไป”
วันรุ่งขึ้นก่อนเที่ยงทุกคนในคฤหาสน์เฟิงรวมตัวกันที่เรือนซูหยาเพื่อคารวะฮูหยินผู้เฒ่า
วันที่เฟิงจินหยวนกลับสู่เมืองหลวงได้ใกล้เข้ามามากขึ้น เมื่อปีใหม่ใกล้เข้ามา ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าก็เต็มไปด้วยความสุข
เฟิงเฉินหยูมีรอยคล้ำใต้ตาของนาง และฮูหยินผู้เฒ่าที่มีความทุกข์เล็กน้อยจากการเห็นพวกมันก็พร่ำบอกนางซ้ำ ๆ “ถ้าเจ้าไม่นอนไม่หลับตอนกลางคืนให้นำหมอมา และให้พวกเขาเขียนใบสั่งยาเพื่อช่วยให้เจ้านอนหลับ อย่าได้เป็นเช่นนี้ต่อไป เท่าที่ข้าเห็น เจ้าดูซูบผอมไป”
ยี่หลินตอบแทนเฟิงเฉินหยูอย่างรวดเร็ว “ท่านฮูหยินผู้เฒ่าคงไม่รู้ คุหนูใหญ่ได้คัดลอกบทสวดมนต์ที่วัดทุกคืนจนถึงรุ่งสาง คุณหนูทำเสร็จแล้วครึ่งหนึ่งเจ้าค่ะ”
“เร็วมาก ? ” ฮูหยินผู้เฒ่าตกตะลึงอย่างแท้จริง และท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจของนางก็ยิ่งเด่นชัดกว่าเดิม “ข้าลงโทษเจ้าด้วยการคัดลอกบทสวดมนต์ 100 จบ แต่ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าต้องใช้เวลากี่วันในการคัดลอกมาส่ง ทำไมเจ้าต้องรีบทำเช่นนี้ ? ”
เฟิงเฉินหยูยืนขึ้นและโค้งคำนับฮูหยินผู้เฒ่าโดยกล่าวว่า “หลานสาวไม่รู้สึกว่านี่เป็นความยากลำบาก การคัดลอกบทสวดมนต์เป็นสิ่งที่ทำให้ใจสงบ นอกจากนี้ท่านพ่อจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ เฉินหยูจึงคัดลอกบทสวดมนต์ขณะสวดอ้อนวอนขอให้ท่านพ่อโชคดี และท่านพ่อจะได้เดินทางกลับอย่างปลอดภัย”
คำพูดเหล่านี้มีความเหมาะสมและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ซึ่งทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุข
แต่เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มมีความสุข ฮันชิและเฟิงเฟินไดก็รู้สึกไม่พอใจ เฟิงเฟินไดพูดจาเย้ยหยันว่า “ท่านพี่รู้วิธีพูดได้ดีจริง ๆ แท้จริงแล้วท่านพี่ถูกลงโทษ แต่ท่านพี่ทำให้ดูเหมือนว่าท่านพี่เป็นคนมีน้ำใจ”
“พอได้แล้ว ! ” ฮูหยินผู้เฒ่าเกลียดการโต้เถียงของเฟิงเฟินได บวกกับการที่นางไม่สามารถเชื้อเชิญพ่อครัวหลวงมาได้อย่างที่นางรับปาก ฮูหยินผู้เฒ่าจึงไม่พอใจเฟิงเฟินไดมากยิ่งขึ้น “ถ้าเจ้าสนใจ ลองคิดดูว่าเจ้าควรทำอะไรให้ท่านพ่อ แทนที่จะใช้ทุกวันเพื่อเรียนรู้การร่ายรำไร้ค่านี้”
“ตอนนี้มันอาจจะไร้ค่า ! ” เฟิงเฟินไดเริ่มโกรธ “ท่านย่า อาจเป็นเพราะท่านย่าไม่ต้องการให้เฟิงเฟินไดใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหรือ ? ในใจท่านย่ามีพี่ใหญ่คนเดียวเท่านั้น ไม่ว่านางจะทำอะไรนางก็ดีไปหมด”
“น้องสี่พูดกับท่านย่าแบบนี้ได้อย่างไร? คุกเข่าเร็ว และยอมรับความผิดของเจ้า ! ”
เฟิงเฟินไดพูดพร้อมกับลูบคางของนาง “ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ! ”
ฮูหยินผู้เฒ่าตัวสั่นด้วยความโกรธ และยายจาวปลอบใจนางจากด้านข้าง “ท่านฮูหยินผู้เฒ่า อย่าสนใจมันเจ้าค่ะ! นั่นเป็นเพียงทัศนคติของคุณหนูสี่ เราบอกไปแล้วว่าเราจะไม่โกรธในวันนี้”
ฮูหยินผู้เฒ่าสูดหายใจลึก ๆ 2 ครั้งแล้วจับมือของยายจาว โดยกล่าวว่า “ใช่ ข้าพูดว่าวันนี้ข้าจะไม่โกรธ โชคไม่ดีที่หลานสาวของข้าไม่สุภาพ และครอบครัวก็ไม่ได้สงบสุข ! ”
เฟิงหยูเฮงดูละครฉากนี้ในห้องและตัดสินใจหลับตา การมาของนางไม่มีอะไรมากไปกว่ามาเป็นพิธี นางไม่ได้ตั้งใจจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้
ในที่สุดอารมณ์ของฮูหยินผู้เฒ่าก็สงบลง และในที่สุดนางก็พูดว่า “ตอนนี้ก็สิ้นปีแล้ว คฤหาสน์ได้สั่งตัดชุดเสื้อผ้าใหม่ให้ทุกคน ทุกคนได้รับชุดใหม่ ไว้ใส่เมื่อเจ้าจะเข้าไปในพระราชวัง”
นางพูดอย่างที่นางพูดสิ่งนี้ บ่าวรับใช้ 4 คนเข้ามาถือเสื้อผ้า 4 ชุดจากนั้นก็มอบเสื้อผ้าให้กับคุณหนูทั้งสี่คน เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าเสฉวน และมีราคาแพงมาก แต่ละคนได้รับเสื้อผ้าสีแตกต่างกัน เฟิงเฉินหยูได้ชุดสีขาว เฟิงหยูเฮงชุดสีฟ้า เฟิงเซียงหรูชุดสีเหลืองอ่อน และเฟิงเฟินไดชุดสีชมพูอ่อน
ตามธรรมชาติแล้วเสื้อผ้าที่ดี ๆ ก็เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน มีแต่เฟิงหยูเฮงเท่านั้นที่ชื่นชมฝีมือช่างตัดเสื้อโบราณ การออกแบบบนผ้านั้นสวยงามมาก
เมื่อได้รับเสื้อผ้าที่ดีเช่นนี้แล้ว เฟิงเฟินไดก็มีความสุขและพูดจาดีขึ้นทันที “ขอบคุณท่านย่าเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงไม่ชอบฟังคำพูดของนาง ดังนั้นนางจึงโบกมือ “ไม่เป็นไร พวกเจ้าทุกคนกลับไปได้” เช่นนั้นผู้คนในห้องจากไป
เฟิงเฟินไดออกไปช้ากว่าเล็กน้อยเนื่องจากนางช่วยพยุงฮันชิ เฟิงหยูเฮงก็ชะลอความเร็วของนางอย่างจงใจแสร้งทำเป็นพูดคุยกับหวงซวน “ข้าได้ยินมาว่านางสนมของฮ่องเต้ตายจากการจมน้ำในฤดูหนาว เราใส่เสื้อผ้าแน่นหนา แต่นางจะใส่เสื้อผ้าบาง ๆ นางสามารถเดินบนหิมะได้ด้วยเท้าเปล่า ไม่แปลกหรือ ? ”
หวงซวนรู้ว่าเฟิงหยูเฮงกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อมองไปที่เฟิงเฟินได นางเห็นเฟิงเฟินไดตกใจเล็กน้อยและมองกลับมาอย่างลังเล
“ใช่เจ้าค่ะ บ่าวรับใช้คนนี้ได้ยินเรื่องนี้ด้วย นางสนมของฮ่องเต้ผู้นั้นสามารถเดินบนหิมะได้ นางเก่งมากในการทำชาจากดอกล่าเหมย นางชอบสีขาวเพราะมันเป็นสีที่กลมกลืนกับหิมะ ในบรรดาบ่าวรับใช้บางคนก็เรียกนางว่าสนมเซีย"
“ดูเหมือนเจ้าจะรู้มากกว่าที่ข้ารู้” เฟิงหยูเฮงยิ้มอย่างชั่วร้ายเพิ่มจังหวะของนาง
“บ่าวรับใช้ผู้นี้เคยทำงานที่ตำหนักหยู ข้าจึงได้ยินสิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาเจ้าค่ะ” หวงซวนย้ำเรื่องสุดท้ายก่อนที่จะรีบออกจากเรือนซูหยาตามหลังเฟิงหยูเฮงไป
เฟิงเฟินไดผู้เคยได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้มีความสุขมากจริง ๆ แม้ว่าเฟิงหยูเฮงไม่ได้บอกว่านางสนมของฮ่องเต้นี้คือใคร แต่จะมีนางสนมของฮ่องเต้สักกี่คนกันที่เสียชีวิตจากการจมน้ำ ? ใครบ้างที่สามารถเดินบนหิมะด้วยเท้าเปล่าได้
นางเข้าใจและมีความสุขมากที่นางสามารถได้ยินข้อมูลนี้ได้อย่างลับ ๆ นางคิดกับตัวเองว่านางจะต้องเรียนรู้วิธีการชงชาจากดอกล่าเหมย
แต่ในพริบตานางเห็นเสื้อผ้าที่อาจูถืออยู่ แต่เดิมนางมีความสุขมากกับสีชมพู แต่ตอนนี้นางได้ยินว่านางสนมของฮ่องเต้ชอบสีขาว นางจึงหยิบเสื้อผ้าและรีบไปแลกเปลี่ยนกับเฟิงเฉินหยู
เมื่อเดินไปไกลแล้ว เฟิงหยูเฮงได้ยินน้องสาวของนางตะโกนที่หลัง และนางอดไม่ได้ที่จะหยักยิ้ม
หลังจากกลับไปที่เรือนตงเซิง นางขนของกำนัลที่เตรียมไว้ทั้งหมดไว้บนรถม้า นำหวงซวนไป นางไปที่คฤหาสน์ต่าง ๆ เพื่อมอบของกำนัลเหล่านี้
เมื่อนางกลับมาก็เย็นแล้ว เมื่อนางเข้าไปในคฤหาสน์ นางเห็นเหยาซื่อถือจดหมายและบอกนางอย่างมีความสุข “จื่อหรูจะมาถึงเมืองหลวงในพรุ่งนี้”
แน่นอนว่าเป็นข่าวดีมาก เฟิงหยูเฮงมองไปที่จดหมาย มันถูกเขียนโดยฉิงหยู ดังนั้นนางจึงเริ่มชื่นชมยินดี
เป็นเรื่องปกติที่นางต้องไปรับเฟิงจื่อหรูเมื่อเขากลับมาที่เมืองหลวง เหยาซื่อต้องการที่จะไปกับนางด้วย แต่นางก็หยุดเหยาซื่อ “ท่านแม่ควรอยู่ในคฤหาสน์เพื่อเตรียมอาหารให้จื่อหรู น้องไปอยู่ที่อื่นนานมากแล้ว เขาคงต้องการกินอาหารฝีมือท่านแม่เป็นแน่” นางเพียงจัดการกับคำขอของเหยาซื่อเท่านั้น
เมื่อนางกลับไปที่ลานหน้าเรือนของนาง นางพูดกับหวงซวน “มีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับท่านแม่ อาหารของท่านแม่ยังคงต้องได้รับการตรวจสอบ”
หวงซวนก็เริ่มรู้สึกกังวล “คุณหนูคิดอย่างไรเจ้าค่ะ”
เฟิงหยูเฮงส่ายหน้า “ข้าเป็นห่วงเพราะข้าไม่ได้สังเกตอะไรเลย ครั้งที่แล้วข้าเปลี่ยนยาของท่านแม่ โชคไม่ดี กำลังวังชาของท่านแม่หายไปอย่างลึกลับ เรื่องนี้จะต้องให้ความสนใจมากขึ้น เราจะต้องไม่กระทำด้วยความรีบเร่ง เพื่อให้สามารถดำเนินการภายใต้จมูกของเรา คนผู้นี้น่าจะเป็นปลาตัวใหญ่”
หลังจากคืนวันนี้ ในที่สุดเฟิงจื่อหรูก็เดินทางมาถึงเมืองหลวง
คฤหาสน์เฟิงยังไม่รู้เกี่ยวกับข่าวนี้ ดังนั้นจึงไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก เฟิงหยูเฮงและหวงซวนกำลังเตรียมที่จะออกจากคฤหาสน์ แต่มีบ่าวใช้คนหนึ่งมารายงาน “คุณหนูใหญ่มาขอพบกับคุณหนูรองเจ้าค่ะ”
“เฟิงเฉินหยู ? ” เฟิงหยูเฮงตกใจและเริ่มสงสัยว่าทำไมนางถึงมา แต่ไม่ว่าเฟินเฉินหยูจะมาเพื่ออะไร เฟิงหยูเฮงก็ไม่มีเวลา ดังนั้นนางจึงรีบเดินออกไปและบอกกับบ่าวรับใช้ว่า “บอกให้นางกลับไปก่อน ข้ายุ่งอยู่”
“แต่…” บ่าวรับใช้ไล่ตามนาง “คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิงมาส่งของกำนัลปีใหม่เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ได้เตรียมไว้สำหรับคุณหนู ฮูหยินและนายน้อยด้วยเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ให้คนมาส่งพวกมัน และพวกเขาก็รออยู่ที่ประตู”
หวงซวนไตร่ตรองเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เราไม่ไปดูสิ่งที่นางส่งมาหรือเจ้าค่ะ?”
เฟิงหยูเฮงหยุดและไตร่ตรองสักครู่แล้วพยักหน้าให้บ่าวรับใช้ แต่จากนั้นนางก็หันมาพูดกับหวงซวน “ตาขวาของข้ากระตุกตลอดทั้งเช้า และสิ่งนี้ทำให้ข้าวิตกกังวล”
“เป็นไปได้หรือไม่เจ้าค่ะที่คุณหนูไม่หลับเมื่อคืนนี้? คุณหนูต้องคิดเกี่ยวกับนายน้อย”
คำพูดของหวงซวนทำให้นางรู้สึกว่าอาจเป็นกรณีนี้ ดังนั้นนางจึงไม่ใส่ใจ
หลังจากนั้นไม่นานเฟิงเฉินหยูถึงลานหน้าเรือนของนาง ภายใต้คำแนะนำของบ่าวรับใช้ ข้างหลังนางมีบ่าวรับใช้ถือของบางอย่างมาด้วย
เมื่อเห็นเฟิงหยูเฮง เฟิงเฉินหยูจึงทำหน้าใสซื่อของนาง “น้องรองกำลังออกจากคฤหาสน์หรือไม่ ? โชคดีที่ข้ามาทันเวลา ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่สามารถพบน้องรองได้”
เฟิงหยูเฮงเริ่มรู้สึกกังวลอีกครั้ง นางต้องการที่จะโยนเฟิงเฉินหยูออกจากเรือนตงเซิง แต่ตามคำโบราณกล่าวไว้ว่า อย่าทุบตีผู้ที่ยิ้มแย้มและขอโทษ นางมาเพื่อมอบของกำนัล ดังนั้นนางคงจะอยู่ไม่นาน
“ข้าได้ยินมาว่าพี่ใหญ่มาส่งของกำนัลปีใหม่ เป็นเพราะข้าไม่สนใจ ข้าควรส่งของกำนัลให้คฤหาสน์เฟิงก่อน” นางนั่งบนเก้าอี้หินตัวหนึ่งในบ้านโดยไม่แสดงความตั้งใจที่จะเชิญพวกเขาเข้ามา
เฟิงเฉินหยูไม่ได้โต้เถียงและเริ่มพูดคุยกันในขณะที่ยืนอยู่ข้างนอก “ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว ข้ามีชุดเสื้อผ้าสำหรับจื่อหรู ข้าเตรียมอาหารเสริมสำหรับแม่ร.…ฮูหยิน นอกจากนี้ยังมีสิ่งนี้อีกด้วย” นางกล่าวจบ นางส่งกล่องไม้ให้เฟิงหยูเฮง “นี่คือกำไลทองที่แกะสลัก ท่านลุงของข้านำมาจากแคว้นฟาน ข้าพบว่ามันสวยงามมาก ดังนั้นข้าจึงนำมันมาให้น้องสาวเพื่อเป็นของกำนัลปีใหม่”
“น้องสาวจะยอมรับมัน ข้าขอบคุณพี่ใหญ่แทนท่านแม่และจื่อหรูด้วย” นางมองไปที่สิ่งที่อยู่ในมือของบ่าวรับใช้อีกครั้งแล้วยืนขึ้น “ข้ามีบางอย่างที่ต้องทำในวันนี้ ดังนั้นข้าไม่ได้ดูแลท่านพี่ ข้าจะเตรียมของกำนัลตอบแทนที่ดีให้กับท่านพี่อย่างแน่นอน”
“น้องสาวพูดอะไรแบบนี้” เฟิงเฉินหยูดูเหมือนจะไม่สนใจที่เฟิงหยูเฮงจะส่งนางออกไป ก้าวต่อไปอีกสองสามก้าว นางกล่าวอย่างอบอุ่น “เราเป็นพี่น้องกัน การโต้เถียงและการต่อสู้ไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึง เราจะเกลียดกันได้อย่างไร ? เจ้าไม่คิดว่าเป็นกรณีนี้ใช่หรือไม่” ในขณะที่พูดนางก็นั่งลงตรงข้ามเฟิงหยูเฮง
เฟิงหยูเฮงมองท่าทางของเฟิงเฉินหยู และความตื่นตระหนกลึกลับก็พุ่งทะยานออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจนาง
นางเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเองเสมอ
เฟิงเฉินหยูไม่ได้มาให้ของกำนัล !
เมื่อความคิดนี้เข้ามาในใจ นางก็ไม่รออีกต่อไป ยืนขึ้นทันที นางจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก
TN: ชื่อเรื่องเป็นคำภาษิตหมายถึงมีแรงจูงใจซ่อนเร้น หรือมีสิ่งอื่นในใจ