spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ลี่เฟยเองก็มองไปยังหลิงเทียนด้วยสายตาตกตะลึง
เขาเองก็มีอาวุธวิญญาณ?
"ไม่ ...ดูเหมือนนั่นจะมิใช่อาวุธวิญญาณ นั่นเพราะความแข็งแกร่งของเจ้าไม่ได้เพิ่มขึ้น จากคุณสมบัติขยายพลังที่อาวุธวิญญาณต้องมี นอกจากนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่อาวุธวิญญาณจะตัดผ่านพลังงานต้นกำเนิดของข้าได้ง่ายดายเช่นนี้ นี่เป็นกระบี่อะไรกันแน่? "
หลังจากที่ถอยหลบออกมาได้เซี่ยวหยูก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงยำเกรงต้วนหลิงเทียนเล็กน้อย
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าก่อนที่จะกล่าวตอบรับไปว่า "เจ้าคาดได้ถูกต้องกระบี่ของข้าไม่ใช่อาวุธวิญญาณ แต่กระบี่ของข้าถูกหลอมสร้างขึ้นมาจากวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติเพิกเฉยพลังงานต้นกำเนิด มันสามารถตัดผ่านพลังงานต้นกำเนิดที่มีระดับต่ำกว่าระดับกำเนิดแก่นแท้ได้อย่างสบายๆ ไม่ต่างอะไรกับกระดาษ"
นี่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของสะเก็ดดาวตกม่วง
"เพิกเฉยพลังงานต้นกำเนิดที่มีระดับต่ำกว่ากำเนิดแก่นแท้?"
หลิงเทียนกล่าวออกมาราวกับมันไร้เรื่องราว แต่ทว่าคนอื่นรวมทั้งเซี่ยวหยูเมื่อได้ฟังถึงกับตกตะลึง เรื่องนี้มันน่าตื่นตระหนกมาก
เพิกเฉยพลังงานต้นกำเนิดที่มีระดับต่ำกว่ากำเนิดแก่นแท้
เรื่องนี้มันหมายความว่า หากต้วนหลิงเทียนต้องปะทะกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 หากมันมีโอกาส สามารถอาศัยช่องโหว่จู่โมได้เพียงครั้ง การปลิดปลงศีรษะของพวกมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร...นี่กล่าวได้ว่าทุกผู้ที่อยู่ใต้กำเนิดแก่นแท้หากเผลอเรอล้วนมีสิทธิ์ตกตายภายใต้คมกระบี่หลิงเทียน
"เช่นนั้นข้าจะเปลี่ยนกระบี่แล้วกัน"
ต้วนหลิงเทียนเริ่มมองหากระบี่ในชั้นวางอาวุธ
"ไม่จำเป็น ข้าจะใช้อาวุธเอง"
เซี่ยวหยูส่ายหัว ก่อนที่จะเดินไปหยิบหอกยาวออกมาจากชั้นวางอาวุธ เมื่อเขาควงหอกพร้อมกับถ่ายทอดพลังงานต้นกำเนิดลงไป หอกมันก็สั่นสะเทือนพร้อมเป็นประกายออกมาเล็กน้อย
"เข้ามา!"
เซี่ยวหยูจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน
วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!
วิชาวาดกระบี่!
กระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วง ถูกสะบัดพุ่งไปราวคมเคียวมัจจุราชตรงไปยังเซี่ยวหยู
ฝ่ามือเอกะ!
หอกยาวของเซี่ยวหยูสั่นสะเทือนหลังจากถูกถ่ายทอดพลังงานต้นกำเนิดลงไป มันควงหอกเป็นระลอกคลื่นเข้าปะทะกับกระบี่ของหลิงเทียน นี่หมายความว่าวิชาฝ่ามือเอกะนั้นถูกใช้ออกด้วยหอกอย่างสมบูรณ์
เคร้ง!
เสียงปะทะดังสนั่น
และนั่นเป็นเสียงกระบี่ของต้วนหลิงเทียนที่สะบั้นหอกของเซี่ยวหยูจนขาดสองท่อน กลายเป็นหอกสั้นเสียแล้ว...
ถึงแม้ว่าหอกนี้จะถูกหลอมสร้างจากเหล็กเนื้อดี แต่ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงของหลิงเทียน มันไม่ตากอะไรไปจากหอกธรรมดาสามัญ
"ดูเหมือนว่าข้าจะไม่สามารถปะทะกับเจ้าตรงๆได้ "
แววตาของเซี่ยวพลันเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น มันกระชับหอกสั้นในมืออย่างแน่นหนา
ประกายแสงไร้เงา!
เซี่ยวอยู่ทุ่มพลังใช้ออกด้วยวิชาท่าร่างถึงขีดสุด
วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!
ต้วนหลิงเทียนพลันสังเกตได้ว่ายามนี้ต่อให้เขาใช้กำลังเต็มที่ ก็ยังไม่อาจไล่ตามเซี่ยวหยูได้ทัน
“วิชาท่าร่างระดับห้วงมหรรณพขั้นสูง อีกทั้งยังมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้”
หัวใจของหลิงเทียนสั่นไหวเมื่อมันเข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร
เขาคาดไม่ถึงจริงๆว่าเซี่ยวหยูจะสามารถฝึกฝนทั้งวิชาต่อสู้และวิชาท่าร่างระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงจนมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้เช่นนี้
แม้กระทั่งวิชาป้องกันย้ายดาราของเขายังฝึกฝนจนมีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญ
ฌานหยั่งรู้ของมันนับว่าร้ายกาจอย่างถึงที่สุด!
"วิชาการต่อสู้ใดๆในใต้หล้าล้วนไร้ค่าเมื่อเผชิญกับความเร็วที่เหนือชั้น! หลิงเทียนระวังให้ดี ข้าจะเริ่มจู่โจมแล้ว"
เสียงเย็นเยียบของเซี่ยวหยูดังขึ้น
ต้วนหลิงเทียนเป็นคนเดียวที่บีบบังคับให้เขาต้องเอาจริงถึงขนาดนี้ เขาคู่ควรกับการยอมรับนับถือแล้ว
ได้ยินคำกล่าวของเซี่ยวหยู ใจของหลิงเทียนพลันเปลี่ยนจังหวะการเต้นเป็นระรัว
ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกกดดัน และ ตื่นตัวอย่างมาก
ฝ่ามือเอกะ!
เซี่ยวหยูปรากฏร่างออกมาราวภูตผีด้านหลังต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะแทงหอกสั้นออกมาด้วยวิชาฝ่ามือเอกะ หมายจะฟาดทุบไปที่แผ่นหลังของหลิงเทียน
ในขณะที่เขาคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะถูกฟาดนั้นเอง
วูบ!
ร่างกายของหลิงเทียนพลันเอนหลบไปราวกับไร้กระดูกดั่งสัตว์จำพวกอสรพิษ หลบเลี่ยงการโจมตีของเซี่ยวหยูในระยะเผาขนได้อย่างอัศจรรย์
"ลูกเล่นเจ้ามีไม่น้อย!"
ตาของเซี่ยวหยูเปล่งประกายขึ้น ความตั้งใจของเขาถูกใช้ออกถึงขีดสุด
ถึงแม้หลิงเทียนจะหลบหอกของเซี่ยวหยูได้แต่นั้นก็ทำให้เขาเหงื่อตกเช่นกัน
หากไม่ใช่เพราะเขาลับประสาทตอบโต้และเสริมสร้างปฏิกิริยาตอบสนองมาทั้งชีวิตในสมัยที่ยังเป็นนักฆ่าเมื่อชาติที่แล้ว มันนับว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะหลบการโจมตีของเซี่ยวหยูที่มีความเร็วขนาดนี้โดยอาศัยเพียงวิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายที่มีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
เซี่ยวหยูยังออกกระบวนท่าจู่โจมใส่หลิงเทียนอีก 3 กระบวนท่าติดต่อกัน
ทว่าทุกครั้งหลิงเทียนพลันเอนหลบหลีกได้ในระยะเผาขน ...
เมื่อเขาสังเกตว่าต้วนหลิงเทียนสามารถหลบหลีกการโจมตีของเขาได้หมดจดถึงเพียงนี้ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า
สัญชาตญาณของต้วนหลิงเทียนผู้นี้เหนือล้ำกว่าเขาไปถึงระดับใดกัน?
แต่เขายังรู้อีกว่าการหลบหลีกการจู่โจมที่มีความเร็วเหนือกว่าตัวขนาดนี้มันต้องรีดเค้นสมาธิและใช้ประสาทการรับรู้ตอบสนองถึงขนาดไหน ไม่นานหลิงเทียนต้องเหนื่อยล้าจนทนไม่ไหวแน่ๆ
ฝ่ามือเอกะ!
เซี่ยวหยูโผล่มาที่หลังของหลิงเทียนอีกครั้ง พร้อมทั้งใช้ฝ่ามือเอกะในระยะประชิด บีบให้หลิงเทียนไม่สามารถหลบหลีกได้โดยง่าย
“อา!”
ตอนนี้หลิงเทียนที่ประสาทเริ่มล้าพลันตื่นตระหนกเมื่อไม่สามารถหลบการจู่โจมครั้งนี้ได้ทัน
แต่ทันใดนั้นเองขุมพลังบางอย่างพลันปะทุขึ้น! หลิงเทียนรีบกระทืบเท้าออกไปสุดแรง หลบการจู่โจมของเซี่ยวหยูได้พ้นในระยะเส้นยาแดงผ่าแปด
"นั่นมัน…"
เมื่อสังเกตพลังงานที่พวยพุ่งออกมาครอบคลุมร่างของต้วนหลิงเทียน ทุกคนได้แต่ตกตะลึงจนลืมหายใจ ไร้คำจะกล่าว
"นั่นมันพลังงานต้นกำเนิด พลังงานต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียนพัฒนาเสร็จสิ้นแล้ว!"
“โอ้สวรรค์ช่วย! ต้วนหลิงเทียนตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดแล้ว?”
"ต้วนหลิงเทียนกลับตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิด ในขณะที่ประลองกับเซี่ยวหยู มันสามารถพัฒนาพลังงานต้นกำเนิดได้ในห้วงเวลาแบบนี้จริงๆ... เหลือเชื่อยิ่งนัก!"
......
เสียงสนทนาดังอื้ออึงกระหึ่มไปทั่วลานประลอง
"เขาตัดผ่านระดับ?"
ลี่เฟยที่เฝ้าดูอยู่ถึงกับอ้าปากที่แสนงดงามค้างเอาไว้
"ข้าเกรงว่า พี่ใหญ่ต้องพ่ายแพ้เสียแล้ว"
รอยยิ้มขื่นขมปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเซี่ยวหลัน
คิ้วสวยของเซี่ยวหยุนเองก็ขมวดเป็นปมก่อนที่จะกล่าวขึ้นมาว่า "ต้วนหลิงเทียนเป็นตัวประหลาดโลกใดกัน!"
“ฮ่าฮ่า! เซี่ยวหยู รับมือ! "
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาดังลั่น ตอนนี้พลังงานต้นกำเนิดของเขาแผ่ออกมาครอบคลุมร่างกายอย่างหนาแน่น เหนือศีรษะของเขาปรากฏร่างช้างแมมมอธโบราณ 4 ตัวอย่างเห็นได้ชัด
วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!
ความเร็วปัจจุบันของต้วนหลิงเทียนเหนือกว่าเซี่ยวหยูเล็กน้อย
ภายใต้ความกดดันและสถานการณ์บีบคั้นมันกลับพัฒนาพลังงานต้นกำเนิด ตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดได้ ...
แม้แต่ตัวหลิงเทียนเองยังคาดไม่ถึงเช่นกัน
เดิมทีเขาคิดว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะสามาระตัดผ่านระดับได้เช่นนี้ เขาเองก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะตัดผ่านภายใต้สถานการณ์จนตรอกเช่นนี้
สุดท้ายแล้วทั้งหมดเขาต้องขอบคุณเซี่ยวหยู
ฟู่บบ!
ต้วนหลิงเทียนเคลื่อนร่างมาเผชิญหน้าเซี่ยวหยูในพริบตา ก่อนที่จะวาดกระบี่จู่โจมออกไป
ฝ่ามือเอกะ!
เซี่ยวหยูย่อมรู้ดีว่าตอนนี้ความเร็วของต้วนหลิงเทียนเหนือกว่าเขา เขาย่อมไม่มีทางเลือกนอกจากจะปะทะหักหาญตรงๆ!
โชคดีที่หลิงเทียนไม่คิดใช้คมกระบี่จู่โจมเขา
การจู่โจมประเภทนี้ไม่ถือว่าเป็นการใช้อาวุธเอาเปรียบ
แต่ถึงอย่างนั้น
ปัง!!
กระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงปะทะกับหอกสั้นในมือของเซี่ยวหยูดังสนั่น
ครืนน!
หอกสั้นที่หักครึ่งนั้นกำลังสั่นสะเทือนอย่างหนัก
เซี่ยวหยูสังเกตได้ทันทีว่าคลื่นพลังงานต้นกำเนิดจากวิชาฝ่ามือเอกะของเขาถูกสยบลงอย่างสิ้นเชิง
อีกทั้งความเจ็บปวดที่แล่นวูบมาจากฝ่ามือของเขา บ่งบอกว่าพลังทำลายของต้วนหลิงเทียนนั้นฝ่าม่านพลังป้องกันของเขามาได้ จนทำร้ายฝ่ามือเขาบาดเจ็บ
"ข้าแพ้แล้ว" เซี่ยวหยูกล่าวยอมรับออกมาอย่างสงบ
"หากข้าไม่สามารถตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดได้ทันกาล ผู้แพ้คงจะเป็นข้า... "
ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมา
โชคเองก็นับเป็นส่วนหนึ่งของความสามารถ
เซี่ยวหยูยิ้ม
ต้วนหลิงเทียนนั้นมีความแข็งแกร่งถึงระดับช้างแมมมอธโบราณ 4 ตัว ถึงความสำเร็จในวิชาท่าร่างมันจะด้อยกว่าเขา 1 ขั้น แต่เมื่อหลิงเทียนทุ่มเทความแข็งแกร่งใช้ออด้วยพลังทั้งหมด ความเร็วของมันก็เหนือกว่าเขา ในด้านพลังทำลายเองก็เช่นกัน
พลังทำลาย 1 ช้างแมมมอธโบราณที่เพิ่มขึ้นมา กลบความแตกต่างในขั้นตอนความสำเร็จของวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงลงจนหมด
"พัฒนาพลังงานต้นกำเนิดจนเสร็จสมบูรณ์ในขณะที่ทำการประลองอยู่ ซ้ำยังตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดเช่นนี้อีก ... มันเป็นไปได้อย่างไร?"
หลายคนต่างกล่าวออกมาด้วยความตื่นตระหนก
ถึงตอนนี้พวกมันยังทำใจรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนจนตรอก พวกมันคิดว่าจะอย่างไรชัยชนะครั้งนี้ต้องตกเป็นของเซี่ยวหยูเป็นแน่แท้แล้ว
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าห้วงเวลาแห่งความคับขันเช่นนั้นต้วนหลิงเทียนกลับตัดผ่านระดับ? ระเบิดความแข็งแกร่งระดับช้างแมมมอธโบราณ 4 ตัวออกมาจนมีชัยเหนือเซี่ยวหยู
...ได้รับชัยชนะไปในที่สุด
“ยอดเยี่ยมนัก!”
เมื่อสติกลับคืนมาอีกครั้งพวกเขาต่างตะโกนออกมาพร้อมเพรียงกัน
"ต้วนหลิงเทียน อันดับหนึ่งในงานชุมนุมมังกรซ่อนครั้งนี้ สมควรเป็นของเจ้าอย่างแท้จริง! สำหรับของรางวัลทางตระกูลเซี่ยวจะจัดส่งไปให้เจ้าภายหลัง "
เซี่ยวหยูพยักหน้าให้กับต้วนหลิงเทียน
ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เขายอมรับได้ เมื่อต้วนหลิงเทียนสามารถใช้ออกได้ถึงความแข็งแกร่งระดับช้างแมมมอธโบราณ 4 ตัวเขาก็หมดสิทธิ์เอาชนะแล้ว
แต่ความตั้งใจและความคิดในการประลองกับต้วนหลิงเทียนหาได้หมดสิ้นไป
เมื่อเขาตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 เขาจะท้าต้วนหลิงเทียนมาประมืออีกครั้ง
“ขอบใจเจ้ามาก”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
ทันใดนั้นเองเซี่ยวหยูก็กล่าวขึ้นมา "ข้ามีคำถามที่คิดจะถามเจ้าเสียหน่อย แต่มิรู้วาเจ้าจะยินดีตอบคำถามนี้หรือไม่"
"เจ้าต้องการถามว่า เพราะเหตุใดข้าจึงมีความแข็งแกร่งถึงระดับ ช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัว ในขณะที่มีเพียงระดับการบ่มเพาะร่างกาย ขั้นที่ 9 ใช่หรือไม่?"
ต้วนหลิงเทียนยิ้ม
เซี่ยวหยูพยักหน้า มันแปลกใจเล็กน้อยกับความปราดเปรื่องของหลิงเทียน
"มีอยู่วันหนึ่งในขณะที่ข้า ฝึกฝนอยู่ในป่าหมอกมรณะ ข้าบังเอิญไปเจอผลไม้วิญญาณลึกลับลูกหนึ่ง เมื่อข้ากินมันเข้าไป อยู่ดีๆ ร่างกายของข้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลง มันมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และตอนนั้นเองเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ ก็ปรากฏเพิ่มขึ้นมา 2 ตัว "
หลิงเทียนกล่าวอธิบายออกมา
เขาไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องราวของวิชาบ่มเพาะ 9 มังกรจักรพรรดสงคราม เขาจึงสร้างเรื่องราวออกมาเพื่อรับมือเวลามีคนถามคำถามในลักษณะนี้
นอกจากนี้ บนทวีปเมฆาล่องแห่งนี้ ก็มีผลไม้วิญญาณเช่นนั้นอยู่จริงๆ
"ทีแท้กลับเป็นเช่นนี้นี่เอง นับว่าเจ้ามีโชคครั้งใหญ่นัก ... อีกทั้งเจ้ายังสามารถตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดทั้งๆที่มีอายุเพียง 16 ปี พรสวรรค์เช่นนี้นับว่าเจ้าเป็นคนแรกในรอบทศวรรษ แม้จะเป็นเมืองออโรร่าแห่งก็ไม่เคยปรากฏมาก่อนเป็นเวลานับร้อยปีแล้ว”
เซี่ยวหยูจ้องมองหลิงเทียนด้วยแววตาลึกซึ้ง
"หากจะกล่าวไป ที่ข้าตัดผ่านระดับเช่นนี้ก็เป็นเพราะเจ้า"
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
หากเขาไม่ตกอยู่ในสถานการณ์บีบคั้นจนตรอก ที่เซี่ยวหยูยัดเยียดมาให้ เขาคงไม่ประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้
"เช่นนั้น ก็กล่าวได้ว่าเจ้าเป็นหนี้ข้างั้นสิ?"
เซี่ยวหยูคว้าโอกาสนี้ทันที
"ฮ่าฮ่า เจ้าจะกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ผิด"
ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
"งั้นเช่นนี้หากข้าชวนเจ้าและลี่เฟยมางานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธนะ? " เซี่ยวหยูกล่าวถามออกมา
"เรื่องนั้นต้องขึ้นอยู่กับนางด้วย"
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองยังลี่เฟย
ลี่เฟยที่เดินผ่านมาพอดี ได้ยินวาจาของหลิงเทียน ใบหน้าที่งดงามปานเทพธิดาของนางพลันเจือไปด้วยสีแดงระเรื่อ หัวใจนางสั่นไหวเล็กน้อย ...
นี่เพราะนางดันไปนึกถึงเรื่องราวและการเดิมพันที่ทำไว้กับหลิงเทียนก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางแทบจะมุดหินหลบหนี หลิงเทียนเสียให้รู้แล้วรู้รอด
"เช่นนั้น พวกเรากลับก่อนแล้วค่อยพบกัน"
ลี่เฟยพยักหน้า
หลังจากนั้นเซี่ยวหยูก็ชวนพี่น้องตระกูลตระกุลหลินทั้งสองคนพร้อมกับเมิ่งฉวนด้วย
นอกจากเมิ่งฉวนที่บอกว่าจะรีบตามมา หลินฉวนกับหลินฉีก็เดินตามหลังเซี่ยวหยูมาทันที
ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกลับบ้าน พวกมันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้รับคำเชิญจากเซี่ยวหยู
การชุมนุมมังกรซ่อนของเหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งเมืองออโรร่านับว่าสิ้นสุดลงแล้ว
สำหรับอันดับในงานชุมนุมมังกรซ่อนก็มีดังนนี้
อันดับแรก ต้วนหลิงเทียน
อันดับที่สอง เซี่ยวหยู
อันดับที่สาม หลินฉวน
อันดับที่สี่ เมิ่งฉวน
อันดับที่ห้า ลี่ชิง
อันดับที่หก ลี่อัน
อันดับเจ็ดและแปดคือ ลี่เฟย และ เซี่ยวหลัน
อันดับเก้าและสิบคือ เซี่ยวหยุนและหลิงฉี
คืนนั้นเซี่ยวหยูก็จัดงานเลี้ยงตรงลานกว้างขนาดใหญ่
นอกจาก ต้วนหลิงเทียน ลี่เฟย, หลินฉวน และ หลินฉี มีเพียง เซี่ยวหยู, เซี่ยวหลัน และ เซี่ยวหยุน
ในงานเลี้ยงเซี่ยวหยูกล่าวถามหลินฉวนออกมาว่า "หลินฉวน ความแข็งแกร่งของเจ้าก็หาได้ด้อยกว่า เมิ่งฉวนไม่ เหตุใดเจ้าไม่คิด เข้าร่วมการทดสอบเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กเล่า? "
เมื่อได้ยินคำถามนี้หลินฉวนได้แต่ยิ้มอย่างขื่นขมขื่น “เซี่ยวหยู ข้าเองก็อยากไป แต่บิดาข้าหายอมให้ข้าไปไม่ เจ้าก็รู้ หากทดสอบไม่ผ่านก็ไม่นับว่าเป็นอย่างไร แต่หากผ่านเข้าไปในค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กแล้ว ความเสี่ยงมันเพิ่มสูงขึ้นถึงเพียงใด ...โอกาสรอดชีวิตของข้านับว่าน้อยนัก แต่ทว่าข้าก็หาได้หวาดกลัวไม่ มีเพียงบิดาข้านี่ล่ะที่ไม่ยินยอม”
"ชีวิตคนเราจะไปมีค่าและมีความหมายได้อย่างไรหากไม่ฟันฝ่าอุปสรรค สำหรับข้า ข้าคิดว่านี่คือโอกาสที่ดีในชีวิตของข้า "
สายตาของเซี่ยวหยูเต็มไปด้วยความปรารถนา
หลินฉวนจ้องมองเซี่ยวหยูด้วยสายตาคาดไม่ถึง "ปู่ของเจ้า ยินยอมปล่อยเจ้าไปเช่นนั้นรึ?"
"หากเป็นเรื่องนี้นับว่าเขาใจกว้างกว่าบิดาข้าเสียอีก แต่ถึงแม้ท่านจะไม่ยินยอม ข้าก็ยังจะไป! ...เมืองออโรร่าแห่งนี้หาใช่เวทีของข้าไม่ หากข้ายังอยู่ในเมืองออโรร่าต่อไป ไม้พ้นคงเดินตามรอยเท้าของท่านปู่ ชีวิตนี้ข้าคงจบสิ้นเพียงระดับวิญญาณแรกก่อตั้งเท่านั้น หาได้มีความก้าวหน้าหรืออันใดเหนือล้ำท่านปู่ นี่คงเป็นเหตุผลสำคัญของท่านปู่กระมัง ที่ไม่คิดหยุดยั้งข้าให้จมอยู่ที่แห่งนี้ "
เซี่ยวหยูหัวเราะออกมา