spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ลี่ชิงค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนที่จะจ้องมายังหลิงเทียนด้วยประกายตาเย็นชา
สวะ?
หลิงเทียนพลันแสยะยิ้มที่มุมปาก
ลี่ชิงมันคิดจริงๆเหรอว่าที่เขายอมแพ้มันเพราะว่าเขากลัวมัน?
ทั้งหมดนี้เพราะประมุขตระกูลลี่สอดมือเข้ามาทั้งสิ้น
ถ้าไม่เพราะแบบนี้เขาจะยอมแพ้มันทำไม
และคราวนี้ก็ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้แล้ว!
"ไปหาที่นั่งกันเถอะ"
หลังจากที่ลี่เฟยกวาดสายตารังเกียจไปยังลี่ชิง นางก็จูงมือหลิงเทียนให้ออกไปจากบริเวณนี้ทันที เพราะนางไม่อยากอยู่เห็นหน้ามัน
เมื่อได้ที่นั่งแล้ว นางก็นั่งชิดกับหลิงเทียน ถึงขนาดไหล่ของทั้งคู่แอบอิงพิงกัน
เมื่อเห็นฉากนี้แววตาของลี่ชิงเปลี่ยนเป็นน่ากลัวอย่างมาก ราวกับมันจะกระโดดเข้าไปถลกหนังผู้คน
ต้วนหลิงเทียน
วันนี้เจ้าต้องตายอย่างแน่นอน!
ลิงชิงนั้นตัดสินใจที่จะดับชีวิตหลิงเทียนให้ได้
ตราบใดที่เขายอมรับผิดและอธิบายนิดหน่อย ยังไงเขาก็คงไม่โดนโทษหนัก เพราะจะอย่างไรเขาก็เป็นหลานของผู้อาวุโสคนหนึ่ง ตระกูลจะเห็นค่าเขาน้อยกว่าสาวกตระกูลที่ใช้แซ่อื่นเชียวหรือ
"เสี่ยวเฟย ดูเหมือนลี่ชิงมันจะอยากกินเลือดกินเนื้อของข้าแล้ว... เฮ่อ ดูเหมือนการที่จะได้เจ้ามาเป็นภรรยาข้าคงต้องเสี่ยงชีวิตไม่น้อยเลย ... "
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะนั่งห่างกันมาก แต่ทว่าหลิงเทียนยังคงจับจิตสังหารของลี่ชิงได้
"เจ้ากลัวรึ?"
ลี่เฟยกระพริบตาหยอกล้อออกมา
"กลัว?"
หลิงเทียนยิ้มอย่างไม่แยแส
ในฐานะนักฆ่าหมายเลข 1 ที่เชี่ยวชาญอาวุธทุกประเภทหลิงเทียนไม่รู้จริงๆว่า "กลัว" สะกดยังไง
ที่นั่งของหลิงเทียนและลี่เฟยนั้นถูกคนของตระกูลเซี่ยวให้ความสนใจไม่น้อย
เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนก็เริ่มทยอยมากันเรื่อยๆ
ในเหล่าผู้ที่มาใหม่มีคนของตระกูลลี่มาเพิ่มอีก 2 คน
ลี่อัน และ ลี่ซ่ง
นอกจาก 2 คนนี้คนมาใหม่ที่หลิงเทียนรู้จักอีกคนก็คือ
หลินฉี!
เมื่อหลิงเทียนเจอหลินฉีอีกครั้ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เพราะตอนนี้มันกลับตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 1 แล้ว
หลังจากได้รับสืบทอดความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด สายตาในการมองผู้คนของหลิงเทียนก็นับว่าเหนือล้ำผู้อื่นไปไกล
เขาสามารถสังเกตได้ว่าหลินฉีนั้น ได้ตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดแล้ว
หลินฉีเดินตีคู่มากับชายหนุ่มคนหนึ่ง
ชายหนุ่มคนนี้อายุราวๆ 18 ปีที่สำคัญเค้าโครงหน้าและคิ้วยังละหม้ายคล้ายหลินฉีอย่างมาก
เมื่อย้อนคิดไปเล็กน้อย หลิงเทียนก็ระบุตัวตนของชายคนนี้ได้ทันที
หลินฉวน, พี่ชายของหลินฉี
สาวกรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหลิน
เมื่อหลิงเทียนหันไปมองหลินฉี ตัวมันก็สังเกตได้ถึงหลิงเทียนเช่นกัน มันหันไปบอกกล่าวกับพี่ชาย ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้ามาหาหลิงเทียนอย่างรวดเร็ว
ซึ่งภาพนี้นั้นตกอยู่ในสายตาอัจฉริยะทั้งหมดที่อยู่บนเวทีประกายดารา
"เฮ้ ! ต้วนหลิงเทียน!"
หลินฉีทักทายต้วนหลิงเทียน
"ไง ไม่ได้พบกันนานแล้วนะ"
หลิงเทียนพยักหน้าตอบรับเบาๆ
"ฮ่าๆ นี่พี่ชายของข้าหลินฉวน ... ท่านพี่เขาคือต้วนหลิงเทียน"
หลินฉีต่างแนะนำคนทั้งคู่ให้รู้จักกัน
"โอ้ ต้วนหลิงเทียนข้าได้ยินน้องเล็กข้ากล่าวถึงเจ้าบ่อยครั้งเลยทีเดียว ตอนที่เจ้าอยู่ในระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 8 กลับเอาชนะน้องข้าที่อยู่ในระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 ได้ นี่นับว่าน่าทึ่งยิ่งนัก! "
หลินฉวนกล่าวออกมากับหลิงเทียนพร้อมรอยยิ้ม
"ข้าก็ได้ยินชื่อเสียงคำร่ำลือของผู้เยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหลินมานานแล้ว ยินดีที่ได้พบเจ้าเช่นกัน"
หลิงเทียนยิ้มรับอย่างไว้ไมตรี
"ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินมาว่าในงานประลองประจำตระกูลเจ้าสามารถแสดงความแข็งแกร่งระดับช้างแมมมอธโบราณออกมาได้ถึง 3 ตัว ในขณะที่ยังอยู่ในระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 ... นี่เป็นเรื่องจริงงั้นรึ!!?"
ประกายตาของหลินฉีเรืองวูบยามเอ่ยคำถามนี้กับหลิงเทียน
ราวกับว่าเขาจะพยายามค้นหาคำตอบผ่านทางแววตาของหลิงเทียน
แต่เขาก็ต้องผิดหวัง
ต้วนหลิงเทียนเพียงเผยรอยยิ้มยากคาดเดาออกมา ส่วนแววตาของเขาไม่เปลี่ยนแปลงแม้องคุลี
"เฮ่! น้องฉี ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ประเดี๋ยวพอประลองเจ้าย่อมได้รู้เอง เจ้ายังกังวลว่าจะไม่ได้เห็นอีกหรือไร"
เทียบกับหลินฉีแล้ว หลินฉวน ค่อนข้างสงบมาก
หลังจากกล่าวอะไรอีกเล็กน้อย ทั้งสองพี่น้องก็พากันเดินจากมา เพื่อไปยังซุ้มที่พัก
"ดูท่าหลิงเทียนผู้นี้หาได้ง่ายดายอย่างที่เห็นไม่ เป็นไปได้หรือไม่ที่เรื่องราวนั้นจะเป็นจริง? "
"ขนาดหลินฉียังไปทักทายมัน เช่นนั้นย่อมแสดงว่าชื่อเสียงมันต้องมีไม่น้อย"
"ถูกต้อง หลินฉีไม่แม้แต่จะแยแสผู้ชนะเลิศประจำตระกูลของตระกูลลี่ด้วยซ้ำ แต่มันเลือกที่จะไปหาหลิงเทียนผู้นั้น"
"เอ๋ แต่ข้าได้ข่าวว่าหลินฉีพ่ายแพ้ให้แก่หลิงเทียนไม่ใช่รึ? เหตุใดพวกมันจึงไม่มีความปฏิปักษ์กันเลยเล่า? "
"โอย เจ้าไม่เข้าใจรึ? คำกล่าวที่ว่า ลูกผู้ชายไม่ต่อยตีย่อมไม่รู้จัก บางทีพวกมันคงเป็นสหายกันแล้ว "
"อ๊อ น่าจะเป็นเช่นเจ้าว่าแล้วล่ะถ้าเช่นนั้น แต่เจ้าไม่ต้องต่อยตีข้านะข้าเป็นสหายกับผู้อื่นง่ายนัก"
......
อัจฉริยะของเมืองออโรร่าเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนี้
"ฮึ่ม!"
เมื่อลี่ชิงได้ยินบทสนทนาทั้งหมดมันถึงกับเดือดดาล
"ลี่ชิงนี่เป็นโอกาสดีที่จะทำให้หลิงเทียนพิการ"
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ลี่อันเข้ามาใกล้ แต่เมื่อมาถึงมันก็เป่าหูลี่ชิงทันที
“เรื่องที่ข้าจะกระทำ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาบอก ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า ไอ้สวะ”
สายตาของลี่ชิงเย็นชาและน้ำเสียงของมันก็แฝงความเคียดแค้นไว้อย่างมาก
ลี่อันถึงกับผงะ
มันหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเดินจากไป
ใบหน้าของลี่อันพลันบิดเบี้ยวขึ้นมา ในฐานะที่มันเองก็เป็นสาวกระดับอัจฉริยะของตระกูลลี่ตัวมันเองก็ย่อมมีความภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อย
แต่ทว่าในฐานะรุ่นเยาว์ที่บ่มเพาะฝึกฝนมาในเวลาเท่ากันๆ ลี่ชิงมันจะสะกดข่มและดูถูกเหยียดหยามมันอยู่เสมอ
มันไม่พอใจลี่ชิงมานานแล้ว
ตอนนี้ลี่ชิงยังเมินมันครั้งแล้วครั้งเล่าแถมยังด่ามันอีก ทำให้เจตนาฆ่าของมันเริ่มที่จะปิดเอาไว้ไม่มิด
“หืม?”
หลิงเทียนนั้นสามารถจับจิตสังหารได้อย่างรวดเร็ว
และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไป
"ลี่อัน?"
ต้วนหลิงเทียนสังเกตว่าลี่อันพึ่งเดินออกมาจากที่พักของลี่ชิง
จิตสังหารของลี่อันนั้นเห็นได้ชัดว่าเจาะจงไปที่ลี่ชิง
"ลี่อันนี้หาได้ง่ายดายนัก"
ภายในใจหลิงเทียนรู้สึกระวังตัวขึ้นมา
แม้ว่าในแง่ของความแข็งแกร่งลี่ชิงจะเหนือกว่าลี่อัน แต่ทว่าในแง่ของความอันตรายนั้นลี่อันกลับเหนือกว่าลี่ชิง
หากให้ยกตัวอย่างลี่ชิงก็เหมือนหมาป่าแต่ทว่าลี่อันกับเป็นงูพิษที่ซุ่มรออยู่ในความมืด ...
อย่างหลังนั้นย่อมน่ากลัวกว่า
ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามายังเวทีประกายดารา
"เซี่ยวหลันมาแล้ว!"
"อาสตรีที่มีชื่อเสียงเทียบเท่า ลี่เฟย และหลินหลินยู่หวน 1 ใน 3 สตรีที่งดงามที่สุดของเมืองอโรร่า รูปร่างหน้าตาของนางนั้นช่างคู่ควรกับชื่อเสียงยิ่งนัก! "
......
เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งแว่วมาแต่ไกล
สายตาของบุรุษล้วนจับจ้องไปยังร่างที่เดินเข้ามาใหม่
สาวน้อยผู้นั้นมีผมยาวตรง ราวกับน้ำตกที่ไหลออกมาจากยอดผา
ใบหน้าที่งดงามของนางราวกับสรรสร้างมาจากปฏิมากรเอกของโลก
ด้วยฉากหลังยามเช้าที่มีหมอกสลัวๆนั้นหนุนเสริมให้นางงดงามราวกับเทพธิดาที่พึ่งลงมาจากฟ้า
“หืม?”
สายตาของหลิงเทียนสะดุดกับร่างบางที่พึ่งเดินเข้ามา
เซี่ยวหลัน?
เขาเคยได้ยินชื่อนี้
1 ใน 3 สตรีที่งดงามของเมืองออโรร่า ชื่อเสียงนางเทียบเทียมได้กับลี่เฟย
ในตอนแรกเขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้
ในความเห็นของเขาไม่ว่าจะเป็น เค่อเอ๋อ หรือลี่เฟย ทั้งสองคนก็งามล่มเมืองแล้ว
สตรีคนอื่นๆคงไม่สามารถเทียบกับพวกนางได้
แต่ทว่าวันนี้เซี่ยวหลันทำให้เขารู้ว่า เขาคิดผิด
รูปลักษณ์ของเซี่ยวหลันหาได้ด้อยกว่าลี่เฟยไม่
เซี่ยวหลันมีอายุราวๆ 18 ปี ท่าทางของนางดูสง่างามอีกทั้งอากัปกริยาก็อ่อนช้อยราวดอกไม้ รอยยิ้มหรือแววตานางช่างอ่อนละมุนและหวานชวนฝัน
ถ้าลี่เฟยเปรียบดั่งกุหลาบ ที่มีเสน่ห์ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิง
เซี่ยวหลันก็ราวกับบัวขาวที่บริสุทธิ์
แม้ว่ารูปลักษณ์ของทั้งคู่จะเท่าเทียมกันแต่ทว่าจุดเด่นของทั้งสองคนกลับต่างกันราวโลกและสวรรค์
‘นับว่านางก็งดงามยิ่งนัก’
หลิงเทียนแอบสรรเสริญนางอยู่ในใจ
“โอ๊ย!”
ทันใดนั้นหลิงเทียนก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาที่ต้นขา อดไม่ได้ที่มันจะร้องอุทานออกมา
เมื่อหันไปดูก็รู้ว่าลี่เฟยอยู่ดีๆ ก็หยิกเขาเสียอย่างนั้น
"ไหนเจ้าบอกว่า สตรีอื่นล้วนไม่คู่ควรให้เจ้ามอง?"
ลี่เฟยกล่าวออกมาอย่างดุร้าย
"อ่า เสี่ยวเฟยคนดีของข้า ไม่มอง ข้าไม่มองแล้วๆ เจ้าหยุดหยิกข้าได้หรือไม่ เจ็บปวดแทบตายแล้ว"
ต้วนหลิงเทียนได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
แต่อย่างไรในหัวใจของมันก็ลอบยินดีอย่างยิ่ง
การแสดงออกของลี่เฟยนั้นหมายความว่านางย่อมบังเกิดความหึงหวงขึ้นมาแล้ว นี่ย่อมหมายความว่าในใจของนางนั้นก็เริ่มนับหลิงเทียนว่าเป็นบุรุษของนางไปบ้างแล้ว
มิเช่นนั้นใยนางต้องหึงหวงด้วยเล่า?
หลังจากที่ได้ท่องเที่ยวและชื่นชมบุปผามานับไม่ถ้วนในชีวิตที่แล้ว ตัวหลิงเทียนเองย่อมมีความคุ้นเคยในความคิดและการกระทำของสตรีดี...นักฆ่าเยี่ยงมันก็เริงรักกับสตรีมาไม่ต่ำกว่าจำนวนกระสุนที่มันยิงออกไปนั่นล่ะ...
"ฮึ!"
ลี่เฟยสบถด้วยความไม่พอใจก่อนที่จะส่ายหน้ากลับไป
สายตาของหลิงเทียนพลันเบนไปยังสตรีด้านข้างเซี่ยวหลัน
เทียบกับเซี่ยวหลันแล้วนางอาจจะดูด้อยลงไปบ้าง
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่านางน่าเกลียด
ในแง่ของหน้าตาแล้วนางก็เทียบได้กับลี่ฉีฉี
แต่หากให้เทียบกับเซี่ยวหลันแล้วนางย่อมด้อยกว่า
หลิงเทียนมองจนทั้งสองสตรีเดินเข้าไปนั่งในที่พัก
และทันใดนั้นเองเซี่ยวหยู ก็เดินออกมารับพวกนางด้วยตัวเอง ก่อนที่เขาจะจับมือเซี่ยวหลัน แล้วนำนางไปยังที่พัก
"อ้อ ที่แท้นางกลับเป็นสตรีของเซี่ยวหยู ... แต่คนเหล่านี้ยังกล้าที่จะมองนางอย่างไม่วางตา พวกมันไม่กลัวเซี่ยวหยูตามไปเอาเรื่องพวกมันหรือไร?
ต้วนหลิงเทียนยังคงสังเกตได้ว่าสายตาของทุกคนยังจับจ้องไปที่เซี่ยวหลัน
"เจ้าคิดอะไรของเจ้ากันเล่า สุกร ซื่อบื้อ ทั้งคู่เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน "
ลี่เฟยกล่าวกับหลิงเทียนอย่างเหนื่อยใจ
ฝาแฝด?
ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้หลิงเทียนพลันโล่งใจออกมาหลังฟังคำกล่าวลี่เฟย
"สตรีที่อยู่ข้างๆเซี่ยวหลันดูเหมือนจะไม่ธรรมดา ... "
สายตาของหลิงเทียนจับจ้องไปยังสตรีที่อยู่ด้านข้างเซี่ยวหลัน
เขามั่นใจว่าสตรีอายุราวๆ17 ปีคนนั้นหาได้อยู่ในระดับการบ่มเพาะร่างกายอีกต่อไป นางได้ตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดเรียบร้อยแล้ว
"ถูกแล้ว นางเป็นบุตรสาวของประมุขตระกูลเซี่ยว เซี่ยวหยุน นางก็นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของเหล่าสาวกสายนอก ไม่ต่างอันใดกับ ลี่ควงของตระกุลลี่ และหลินฉีของตระกูลหลินนั่นล่ะ " ลี่เฟยกล่าวออกมา
หลิงเทียนจึงได้รู้ในที่สุด
ในที่สุดเขาก็นึกขึ้นได้
เขาจำได้ว่าวันนั้นที่สู้กับหลินฉี ก็ได้ยินมันกล่าวถึงนางอยู่บ้าง
หลังจากนั้นไม่นางทุกคนก็มากันครบ
เมื่อถึงเวลาแล้ว เซี่ยวหยูก็เดินออกมากลางเวทีประกายดารา
"เอาล่ะ ทุกท่านก่อนที่ข้าจะประกาศเริ่มการประลองของงานชุมนุมมังกรซ่อน ... ทั้งสามตระกูลใหญ่ของเมืองออโรร่าได้เพิ่มรางวัลให้แก่ผู้ที่สามารถติดอันดับ มีรายชื่ออยู่ในรายนามมังกรซ่อนมากกว่าปีที่แล้วอยู่ไม่น้อย ขอให้ทุกคนพยายามกันให้เต็มที่"เซี่ยวหยูค่อยๆกล่าวออกมาอย่างช้าๆ
ตอนนี้บนเวทีประกายดารานับว่าได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดังแว่วออกมาทั้งพื้นที่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกอัจฉริยะที่ไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่พวกมันล้วนกระหายอย่างมาก ประกายตาของพวกมันเรืองขึ้นราวกับว่านี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญของพวกมัน
เมื่อหลิงเทียนเห็นภาพนี้มันก็เข้าใจ
สามตระกูลใหญ่ในเมืองออโรร่าแห่งนี้ แทบจะผูกขาดธุรกิจทุกอย่างเอาไว้แล้ว
ตระกูลอื่นๆก็นับว่าเป็นตระกูลเล็กๆที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร
สำหรับอัจฉริยะที่มาจากตระกูลเล็กๆเหล่านี้ แม้แต่ของรางวัลสำหรับอันดับล่างๆ ก็ยังนับว่ามีค่ามากเกินกว่าทรัพย์สมบัติในตระกูลของพวกมันจะสรรหามาให้ได้
"นายน้อย หยู รางวัลมีอันใดบ้าง? โปรดบอกพวกเราได้หรือไม่"
"ใช่แล้วนายน้อยหยู โปรดบอกพวกเราได้หรือไม่"
......
อัจฉริยะหนุ่มจากตระกูลเล็กๆ ค่อยๆกล่าวถามกันออกมา
"เหอะ! พวกสวะ ขอทาน"
ลี่ชิงที่ยืนอยู่ในมุมได้แต่แสยะยิ้มพร้อมแค่นเสียงดูถูกเหยียดหยามออกมา