spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ชายชรามองไปยังหลิงเทียนด้วยแววตาลึกซึ้ง
"แต่ข้าคงต้องขอให้ท่านปู่ช่วยหยุดการหลอมสร้างหรือปรับแต่งอาวุธใดๆภายในช่วงสองเดือนนี้ ... หรือทำสิ่งใดที่เป็นการกระตุ้นเปลวเพลิงหลอมศาสตราเด็ดขาด ไม่งั้นต่อให้เป็นข้าคงหมดหนทางแล้ว"
ท่าทางของหลิงเทียนจริงจังอย่างมาก
"ตกลงข้ารับปากเจ้า 2 เดือน ก็ 2เดือน"
ชายชราพยักหน้าตกลง
ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับเบาๆ ก่อนที่จะลาจากมา
"เสี่ยวเฟย เจ้าคิดว่าเขาพูดจริงหรือไม่?" ชายชราถามหลานสาวข้างๆ
"ท่านปู่ข้ารู้สึกว่าเขานั้นลึกลับมากแต่ว่า.. ข้า ... ไว้ใจเขา"
ลี่เฟยส่ายหน้าช้าๆ ก่อนที่จะตอบรับด้วยแววตาเปล่งประกาย
"เสี่ยวเฟยนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้าไว้ใจผู้อื่นขนาดนี้ ดูเหมือนระหว่างพวกเจ้าจะไม่ใช่ความรักข้างเดียวเสียแล้ว... เด็กน้อยรีบบอกปู่เจ้ามา เจ้าเริ่มชอบเขาตั้งแต่เมื่อใดกัน? "
ชายชรายิ้มแย้มออกมา
"ท่านปู่ ! ข้าไม่ได้ชอบเขา ฮึ ข้าไม่สนใจท่านแล้ว... "
ลี่เฟยรู้สึกอายอย่างมากนางรีบหนีเข้าห้องไปทันที
"หลิงเทียนเจ้าไม่เลวจริงๆ ลีเฟยคงมีความสุขหากอยู่กับเจ้า ข้าคง…"
รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชราเริ่มหายไป สีหน้ามันหมองลงเล็กน้อยราวกับคนที่รู้ว่าตัวเองอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน
ในห้องที่เงียบสงบ
ต้วนหลิงเทียนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงก่อนที่มันจะกินยาประสานก่อกำเนิดเข้าไป
แล้วหลังจากนั้นมันก็เริ่มบ่มเพาะ
9มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบงูเหลือมคลั่ง!
พลังงานในโอสถเริ่มแผ่กระจายออกมาจากบริเวณท้องของมัน
ต้วนหลิงเทียนชักนำพลังงานจากท้องของมัน โคจรไปตามเคล็ดวิชาบ่มเพาะรูปแบบ งูเหลือมคลั่ง ตอนนี้มันกำลังเร่งพัฒนาพลังงานต้นกำเนิดของมันอย่างเต็มที่
และถึงแม้จะมีโอสถประสานก่อกำเนิด แต่การพัฒนาพลังงานต้นกำเนิดก็หาทำได้ง่ายๆไม่
จนดึกดื่นหลิงเทียนก็รู้สึกว่าความก้าวหน้าไม่ค่อยมากสักเท่าไน
แต่หลิงเทียนก็เข้าใจว่าการบ่มเพาะไม่ใช่เรื่องที่จะทำสำเร็จได้ภายในคืนเดียว
เขาจึงหยุดการบ่มเพาะและไปเข้านอน
เขาหลับไปจนฟ้าสว่าง
3 วันผ่านไปอย่างสงบ
หลิงเทียนยังใช้ชีวิตตามตารางที่เขาวางเอาไว้ ...
ทุกๆเช้าหลิงเทียนจะออกมาฝึกฝนทำความเข้าใจ วิชาท่าร่างอสรพิษเคลื่อนกาย ในลานบ้านทุกๆเช้า
ตอนบ่าย ด้วยความช่วยเหลือของโลหิตหลิงซี่ อายุ 350 ปี เขาจะฝึกวิชาป้องกัน พลังเคลื่อนย้ายจักรวาล
ตอนกลางคืนเขาจะ ใช้โอสถประสานก่อกำเนิดเพื่อเร่งพัฒนาพลังงานต้นกำเนิดในร่างกาย
วิชาท่าร่าง อสรพิษเคลื่อนกายนั้นเขาสามารถสำเร็จขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญเมื่อครั้งช่วยเหลือลี่เฟยจากวิกฤต
นั่นทำให้หลิงเทียนได้รับความเร็วที่น่าตื่นตระหนก แต่ตอนนี้เขาก็ยังห่างไกลจากความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้อีกมาก
ส่วนในด้านวิชาป้องกันนั้น ด้วยความช่วยเหลือของโลหิตหลิงซี่อายุ 350 ปี ความก้าวหน้าของมันจึงมีสูงอย่างมาก
หลิงเทียนค่อนข้างมั่นใจว่า วิชาพลังเคลื่อนย้ายจักรวาลของเขา จะสามารถมีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญได้ในเวลาไม่เกินสองเดือนนี้
ด้วยการบ่มเพาะอย่างต่อเนื่องหลายวันผ่านไป ตอนนี้หลิงเทียนเริ่มสัมผัสถึงพลังงานต้นกำเนิดที่พัฒนาไปแล้วส่วนหนึ่ง จากการบ่มเพาะวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามรูปแบบ งูเหลือมคลั่งทุกๆคืน
เขาเชื่อว่าอีกไม่นาน พลังงานต้นกำเนิดในร่างเขาต้องพัฒนาและยกระดับไปทั้งหมด
กาลเวลาพ้นผ่านราวกับติดปีก
หนึ่งเดือนต่อมา
ในยามเช้า
"นายน้อยข้าตัดผ่านแล้ว"
เด็กสาวในชุดสีเขียวอ่อนเดินมาหาเขาด้วยใบหน้าแจ่มใสรอยยิ้มของนางช่างอบอุ่นนัก
ชายหนุ่มที่กำลังฝึกวิชาท่าร่างอยู่ในลานบ้านอย่างจริงจัง...แต่ทว่าหลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของนางมันถึงกับหยุดชะงัก
พลังงานต้นกำเนิดบนฝ่ามือของนางที่แผ่ออกมาเรืองๆ ทำให้ชายหนุ่มตกตะลึง
พรสวรรค์ตามธรรมชาติของเด็กสาว ทำให้ชายหนุ่มตกตะลึงอีกครั้ง
“เอาล่ะเค่อเอ๋อตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าเริ่มฝึกวิชากระบี่เทพเหมันต์ได้แล้ว”
เค่อเอ๋อนั้นนับว่าเหนือความคาดหมายของหลิงเทียนไปมาก
แน่นอนว่าหลิงเทียนย่อมมีความสุขกับความก้าวหน้าของนาง
จากการสังเกต เค่อเอ๋อนั้นใช้โอสถประสานก่อกำเนิดเพียง 7 เม็ด เท่านั้น นางก็สามารถตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดได้แล้ว
จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด 2ชาติภพ หลิงเทียนยังพบว่า พรสวรรค์และความเร็วในการบ่มเพาะของเค่อเอ๋อนี้ นับว่าติดในทำเนียบอัจฉริยะของทวีปเมฆาล่องทั้งหมด
แม้แต่ตัวหลิงเทียนเอง ก็ใช้โอสถประสานก่อกำเนิดไปแล้วถึง 9 เม็ด แต่ทว่ามันกลับพัฒนาพลังงานก่อกำเนิดในร่างกายได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
ยังเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งกว่าเขาจะสามารถพัฒนามันจนหมดสิ้น!
แต่แน่นอนนี่ไม่ได้หมายความว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาติของหลิงเทียนนั้นด้อยกว่าเค่อเอ๋อ
เพราะจะอย่างไรก็ตาม ทั้งคู่บ่มเพาะวิชาที่แตกต่างกัน
ถึงแม้เค่อเอ๋อจะมีระดับการบ่มเพาะถึงขั้นก่อกำเนิด แต่ทว่าหากเทียบความแข็งแกร่งแล้วเค่อเอ๋อก็ไม่ได้เหนือล้ำไปกว่าระดับก่อกำเนิดขั้นเดียวกันสักเท่าไรนัก
ดังนั้นนางจึงห่างไกลที่จะนำมาเปรียบเทียบกับหลิงเทียนในปัจจุบัน
ตอนบ่าย
สองสาวที่งดงามออกไปตลาดทิ้งหลิงเทียนให้อยู่บ้านเพียงคนเดียว
และตอนนี้เองก็มีแขกที่ไม่คาดคิดปรากฏตัวขึ้น
แขกกลุ่มนั้นประกาศตนว่ามาจากตระกูลเซี่ยว และมาเพื่อมอบบัตรเชิญ
บัตรเชิญนี้เป็นเอกลักษณ์นัก ด้านหน้าเป็นรูปพญามังกร 5 กรงเล็บ ที่ถูกปักด้ายด้ายสีเงินอย่างสง่างาม ราวกับว่ามันมีชีวิตจริงๆ
หลิงเทียนกำลังจะพลิกไปอ่านข้อความด้านหลังแต่ทว่า ...
"ว่าแล้วว่าเจ้าต้องได้รับบัตรเชิญไปงานชุมนุมมังกรซ่อนเช่นกัน"
หญิงสาวคนหนึ่งใส่ชุดคลุมสีม่วงมาพร้อมกับรูปร่างที่สะท้านความรู้สึกบุรุษเพศอย่างรุนแรง นางเดินเข้ามาพร้อมกล่าววาจาด้วยร้อยยิ้มที่น่าเย้ายวนใจ
"เสี่ยวเฟย บัตรเชิญไปงานชุมนุมมังกรซ่อนคืออะไร?"
หลิงเทียนหันไปกล่าวถามหญิงสาวด้วยความสงสัย
"ทุกๆปีเมืองออโรร่าจะจัดงานชุมนุมมังกรซ่อนเพื่อหารุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งเจ้าภาพนั้นจะผลัดกันจัดปีละครั้ง สำหรับ 3 ตระกูลใหญ่นั้นผู้ที่มีสิทธิ์ลงแข่งขันจะเป็น 5 อันดับแรกของการประรองประจำตระกูลเท่านั้น ส่วนตระกูลอื่นๆที่เล็กกว่านั้นจะมีสิทธิ์ส่งผู้เข้าร่วมแข่งขันได้เพียงคนเดียวเท่านั้น”
"การชุมนุมสำหรับปีนี้ ก็ถึงคราวของตระกูลเซี่ยวที่จะเป็นเจ้าภาพ เมื่อครู่จึงเป็นคนตระกูลเซี่ยวอย่างไรเล่าที่นำบัตรเชิญมาส่ง" ลี่เฟยอธิบาย
"งานอะไรนะขออีกที?" ลิงเทียนถาม
"งานชุมนุมมังกรซ่อน เป็นงานจันอันดับผู้เยาว์อัจฉริยะ"
ลี่เฟยยิ้มเยาๆ แต่แววตาของนางนั้นแฝงความกระหายในการต่อสู้อยู่ไม่น้อย
"งานชุมนุมมังกรซ่อน?"
หลิงเทียนรู้สึกจืดชืด
จากความทรงจำของเขา ตอนแรกที่มาถึงตระกูลลี่ใหม่ๆ ก็เหมือนจะเคยได้ยินใครสักคนกล่าวถึงงานชุมนุมหรือการประลองอะไรทำนองนี้อยู่เหมือนกัน
แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจจะรู้รายละเอียดอะไรมากนัก
เขาเลยไม่รู้ว่างานชุมนุมมังกรซ่อนนี้เป็นยังไง
"งานชุมนุมมังกรซ่อนนี้จะมุ่งหวังไปที่การจัดอันดับหาผู้เยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองออโรร่าแห่งนี้ ดังนั้นการจัดอันดับนี้จึงมีความหมายอย่างมาก บุคคลที่มีรายชื่อติดทำเนียบมังกรซ่อนก็จะนับเป็นผู้ที่โดดเด่นและแข็งแกร่งของเมืองออโรร่า... ตัวอย่าง ลี่เฟิง ที่เป็นผู้ชนะเลิศการประลองประจำตระกูลเมื่อปีที่แล้ว มันก็ได้อันดับที่ 3 ในงานชุมนุมมังกรซ่อน”
"ตระกูลเซี่ยวส่งบัตรเชิญนี้มาก็เพื่อจะจัดอันดับใหม่อีกครั้ง ... พวกมันจึงส่งบัตรเชิญไปยังเหล่าผู้เยาว์ที่โดดเด่นของแต่ละตระกูลอย่างไรเล่า และเมื่อจบงานชุมนุมนี้ก็จะได้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ราวกับมังกรของเมืองออโรร่าแห่งนี้" ลี่เฟยอธิบายออกมา
หลิงเทียนพยักหน้าตามตอนนี้มันเข้าใจแล้ว
เขาเปิดบัตรเชิญก่อนจะอ่านรายละเอียด
วันชุมนุมคืออีก 3 วันหลังจากนี้
สถานที่จัดงานอยู่ในลานประลอง ของตระกูลเซี่ยว ที่มีชื่อว่า เวทีประกายดารา
“น่าเบื่อ”
หลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างไม่แยแสก่อนจะปาบัตรเชิญทิ้งไปแล้วนอนลงใต้ต้นไม้
“จะ ... เจ้าทำอะไรกัน?”
ลี่เฟยพลันแสดงสีหน้าโง่งมออกมา
ทุกคนล้วนแล้วแต่อยากได้บัตรเชิญนี้แต่ทว่าพวกมันก็ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติ
แต่ชายคนนี้กลับโยนมันทิ้งราวกับขยะ
ทันใดนั้นราวกับหลิงเทียนคิดเรื่องราวประเสริฐออก มันรีบถามว่า "ก่อนหน้านี้ เจ้าบอกว่ามีเพียง 5 บัตรเชิญใช่ไหมที่ถูกส่งมายังตระกูลลี่?"
"ใช่แล้ว มีเพียง 5 อันดับแรกในการประลองประจำตระกูลเท่านั้นที่ได้รับบัตรเชิญ"
เสียงลี่เฟยกล่าวออกมาอย่างภูมิใจเล็กน้อย "เจ้าเข้าใจแล้วยังล่ะ ฮึ"
"อืมเช่นนั้น ก็กล่าวได้ว่าบัตรเชิญแต่ละใบย่อมมีค่านัก?"
ดวงตาของหลิงเทียนส่องประกายขึ้นมา
"นั่นมันย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ผู้เยาว์ไม่ว่าใครก็ตามล้วนแล้วแต่อยากลงแข่งขันงานชุมนุมมังกรซ่อนทั้งสิ้น แต่เกณฑ์การรับคนของพวกมันก็สูงเกินไปส่วนมากก็ได้แต่ถูกปฏิเสธเสียตั้งแต่หน้าประตูทางเข้าเท่านั้น อีกทั้งแม้คนที่เข้าประลองอาจจะไม่ใช่อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด แต่อย่างน้อยพวกมันก็จะได้ประลองและสัมผัสกับอัจฉริยะที่เหนือล้ำของเมืองออโรร่าแห่งนี้ การประลองกับอัจฉริยะนั้นได้ผลลัพธ์ดีกว่าฝึกฝนด้วยตนเองหลายเท่านัก บางคนด้วยแรงกดดันจากการประลอง กลับไปมันเพียงบ่มเพาะไม่นานก็ตัดผ่านระดับได้แล้ว”
ลี่เฟยกล่าวออกมาอย่างละเอียด พร้อมส่งสายตาเหยียดๆออกมาราวกับจะบอกว่า 'เรื่องแค่นี้เจ้าไม่รู้หรือ'
หลังจากนั้นนางก็เห็นหลิงเทียนรีบวิ่งไปค้นหาบัตรเชิญที่ปาทิ้งไปทันที
นางก็ยิ้มออกมา เพราะคิดว่าหลังจากที่หลิงเทียนรับรู้ความสำคัญแล้วมันต้องอยากลงประลองด้วยเป็นแน่
แต่ใครจะไปรู้กันล่ะว่า...
"หลังจากที่ได้ฟังเจ้าพูดแสดงว่า บัตรใบนี้ย่อมมีมูลค่ามหาศาลนัก? ดูเหมือนข้าต้องคิดถึง เรื่องการนำบัตรเชิญใบนี้ไปประมูลเสียแล้ว น่าจะได้หลายเหรียญเงินอยู่ อาต้องมีคนที่สนใจและให้เหรียญเงินเยอะมากแน่ๆ ... ดีล่ะ ข้าจะทำเช่นนี้แหล่ะ "
"เจ้า...เจ้า ... เป็นไปได้หรือที่เจ้าไม่สนใจ ที่จะมีชื่อติดอันดับต้นๆของงานชุมนุมมังกรซ่อน?"
หลังจากได้ยินคำพูดของหลิงเทียน ลี่เฟยโกรธจนลมออกหู นางกล่าวถามออกมาอย่างเดือดดาล
ในความคิดของนางหากเป็นผู้เยาว์ที่ได้ชื่อว่าอัจฉริยะหรือผู้มีความสามารถ ใครบ้างจะไม่สนใจงานชุมนุมมังกรซ่อน?
การได้รับการจันอันดับในงานชุมนุมมังกรซ่อนนับว่าเป็นเกียรติอย่างมาก
คนที่ติดอยู่ในรายชื่อมังกรซ่อนนั้น จะได้รับความเคารพอย่างสูงของเมืองออโรร่าแห่งนี้
แต่ดูเหมือนหลิงเทียนจะคิดว่าเรื่องนี้มันไม่มีค่าอะไรเลย
"สุดท้ายก็แค่ชื่อเสียงจอมปลอม ข้าหาได้นำพาอะไรไม่ โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล ชื่อเสียงเล็กๆในเมืองนี้จะมีค่าอันใด"
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาอย่างไม่แยแส
ในชาติที่แล้วคำว่าเกียรติยศชื่อเสียงนั้นหลิงเทียนเจอมาจนเรียกได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับมันอีกต่อไป ชื่อผู้เชี่ยวชาญอาวุธทุกประเภทและเชี่ยวชาญการสังหาร จนได้รับฉายาว่านักฆ่าหมายเลขหนึ่งของโลกนั้น เป็นตัวตนที่เรียกได้ว่าอยู่จุดสูงสุดของความพรั่นพรึงแล้ว
แล้วชื่อเสียงที่ได้มาจากการแข่งขันของเหล่าเด็กน้อยพวกนี้มันจะไปมีค่าอะไรในสายตาเขา
หลังจากได้ยินวาจาของหลิงเทียน ลี่เฟยก็ตระหนัก แล้วมองมันด้วยสายตาซับซ้อน
‘ชายผู้นี้เป็นคนอย่างไรกัน? อายุของมันก็น้อยกว่าข้าเสียอีก เหตุใดดูราวกับมันมีประสบการณ์ชีวิตที่มากมายอย่างไรอย่างงั้น’
ทว่าต้วนหลิงเทียนก็เอะใจอะไรขึ้นมาอีกอย่าง จึงกล่าวถามว่า "ใช่สิ ข้าเกือบลืมเสียแล้ว เสี่ยวเฟย งานชุมนุมนี้มีของรางวัลใดๆหรือไม่? อย่างเช่นผู้ที่ชนะเลิศนั้นได้รับสิ่งของมีมูลค่าสูงหรือเงินรางวัลอะไรเช่นนี้... "
"เจ้า…"
ท่าทางราวกับผู้เจนโลกของหลิงเทียนในสายตาของลี่เฟยแตกสลายในพริบตา กลายเป็นหมูหิวเงินในทันใด
"แน่นอนว่ามีรางวัลมากมาย คนที่อยู่ในรายชื่อ 10 อันดับแรกของงานชุมนุมมังกรซ่อน จะได้รับรางวัลที่แตกต่างกันไปในแต่ละอันดับ ... รางวัลเหล่านี้ล้วนมาจากการรวมทุนของสามตระกูลใหญ่ แน่นอนว่ามันมีมูลค่ามากมายกว่ารางวัลที่ได้จากการประลองประจำตระกูลอยู่แล้ว "
"เอ๊า เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้เล่า โธ่?"
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตำหนิลี่เฟยออกมา ก่อนที่มันจะเก็บบัตรเชิญร่วมงานชุมนุมมังกรซ่อนขึ้นมาและปัดเช็ดถูหยิบจับมันราวกับสิ่งของล้ำค่า
"เจ้าไม่ได้ถามข้านี่"
ลี่เฟยมองเหยียดหลิงเทียนด้วยแววตาดูถูก
"เฮ่อ ดูเหมือนเจ้าจะไม่เข้าใจในตัวของสามีในอนาคตของเจ้าดีพอ ใช่แล้วพวกเราควรแลกเปลี่ยนความเข้าใจและเรื่องราวของกันและกัน ... มา มา เจ้ารีบไปเข้าห้องนอนกับข้า เพื่อที่พวกเราจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันดีหรือไม่"
หลิงเทียนกล่าววาจากรุ้มกริ่มออกมา เมื่อจับจ้องไปยังลี่เฟย ส่วนล่างของมันร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ตัวเลวร้าย! ปีศาจราคะ”
ลี่เฟยรู้สึกเขินอาย นางรีบวิ่งหนีไปทันที
"ในอีกสามวันให้หลังข้าจะมาหาเจ้าเราจะไปตระกูลเซี่ยวด้วยกัน " เสียงคำกล่าวของนางดังลอยมาในขณะที่นางวิ่งจากไป
"เด็กสาวตัวน้อยนี่นับวันยิ่งน่าสนใจมากขึ้น ... "
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อารมณ์ที่พลุ่งพล่านและส่วนที่เริ่มระอุด้านล่างของเขาค่อยๆสงบลง
เขาอยากจะจับตัวนางเข้ามา "ลงโทษ" จริงๆ