หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 65 ความมั่นใจในตนเอง ที่มากล้น

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ฉูดดด!

กระบี่สะเก็ดอ่อนดาวตกม่วงเสียบทะลุตัดขั้วหัวใจ ฝนโลหิตพรั่งพรูออกมา ...

หน้าของลี่เฟยพลันซีดลงทันทีที่ได้เห็น

แม้ว่านางจะฆ่าสัตว์ป่าไปหลายชนิดในป่าหมอกมรณะ แต่นางไม่เคยฆ่าคนมาก่อน

ตอนนี้คนที่เคยมีชีวิตถูกสังหารลงตรงหน้าทำให้นางรู้สึกคลื่นไส้ จนต้องหลบไปอาเจียนออกมา

หลิงเทียนเก็บกระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงเข้าที่เอว ก่อนที่จะเดินไปหยิบแหวนมิติจากซื่อเต๋ามา

แล้วเขาก็กัดนิ้วชี้หยดเลือดลงบนแหวน เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

วู้มมม!

เมื่อความรู้สึกการทำพันธะสัญญาโลหิตเสร็จสมบูรณ์ หลิงเทียนช่วยไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาเต็มใบหน้า

การที่เขามีความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดนั้น ทำให้เขาสามารถใช้แหวนมิติได้อย่างคล่องแคล่วราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ...

"มารดามันเถอะ มีเท่านี้!"

เมื่อเขาใช้จิตสำนึกเข้าไปในแหวน ก็พบว่ามันมีขนาดเพียง หนึ่งลูกบาศก์เมตรเท่านั้น อดไม่ได้ที่หลิงเทียนจะนิ่งค้างไปครู่หนึ่งก่อนที่จะสบถออกมา

"เจ้าเป็นถึงอาวุโสหลักของตระกูล แต่เจ้าดันใช้แหวนมิติระดับต่ำที่สุดเนี่ยนะ"

ในขณะที่กล่าวคำนี้หลิงเทียนเหลือบไปมองร่างไร้วิญญาณของซื่อเต๋าด้วยความดูแคลน

นี่ถ้าหากซื่อเต๋ายังไม่ตายและได้ยินคำดูถูกกับสีหน้าหยามหยันเช่นนี้ เป็นไปได้ว่ามันจะกระอักเลือดตายเพราะความแค้นใจ ...

"ช่างเถอะ จะยังไงก็เป็นของที่ได้มาฟรี"

หลิงเทียนไม่ได้สวมแหวนมิติไว้ในมือ แต่เลือกที่จะเก็บเอาไว้ในช่องเก็บของตามตัว

แหวนมิติวงนี้ไม่ใช่ของที่จะสามารถแสดงให้คนอื่นเห็นได้

เขาต้องรอจนกว่าเขาจะก้าวเข้าสู่ระดับก่อกำเนิด และสามารถจุดเปลวเพลิงหลอมศาสตราได้เท่านั้น นั่นจะทำให้เขาสามารถปรับแต่งรูปร่างของแหวนมิติได้ และเมื่อนั้นเขาถึงจะใช้มันในที่สาธารณะ

"เฮ่ย อาวุโสหลักตระกูลเหอ นี่อะไรกัน? เหตุใดมันอนาถาเช่นนี้! นอกจากโอสถทองประสานกาย ระดับ 7 กับวิธีบ่มเพาะและวิชายุทธ์ห่วยๆไม่กี่อย่าง ก็มีเงินแค่ 100 เหรียญ บัดซบ! ... "

หลังจากตรวจสอบสิ่งของภายในแหวนมิติ ช่วยไม่ได้ที่หลิงเทียนจะบ่นออกมา

แต่นี่เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนไม่ทราบว่า ซื่อเต๋านี้มันอยู่ในฐานะพิเศษมาก

มันหาจำเป็นต้องพกเงินหรืออะไรเช่นนั้นไม่ ไม่ว่ามันจะต้องการอะไรมันก็มักจะมีคนในตระกูลจัดการให้เสมอ แล้วเหตุใดมันจำเป็นจะต้องเก็บเงินไว้กับตัวด้วยเล่า?

เพราะใบหน้าของมันนี่ล่ะที่มีค่ามหาศาล ไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่กล้าขัด

หลังจากนั้นหลิงเทียนก็ทำลายศพและลบล้างร่องรอยทั้งหมด

หลิงเทียนจุดไฟเผาศพด้วยตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครสืบสาวเอาเรื่องมาถึงมันได้

"รังงูเหลือมหิมะนิรันดร์อยู่ที่ใดกัน?"

หลังจากใช้เวลาตามหาอยู่นานพอสมควร หลิงเทียนยังไม่สามารถหารังของงูเหลือมหิมะนิรันดร์พบ ...โชคของมันวันนี้คงหมดลงแต่เพียงเท่านี้แล้ว

"บัดซบไอแก่โง่เขลาซื่อเต๋าเอ๊ย เจ้ารู้หรือไม่เจาทำลายร่างกายอันมีค่าของงูเหลือมหิมะนิรันดร์ไปอย่างสิ้นคิดขนาดไหน ... เจ้าถึงกับใช้ อาคมระเบิดเลือดกับสัตว์อสูรเจียนตาย มารดาเจ้าเถอะ!"

เมื่อหลิงเทียนมองไปยังร่างกายของงูเหลือมหิมะนิรันดร์ที่ถูกทำลายไปทุกส่วน ได้แต่แสดงสีหน้าหมองหม่นออกมา

ร่างกายของราชาสัตว์อสูรอย่างงูเหลือมหิมะนิรันดร์นั้น มีค่ามากมายนักมันแทบจะทำประโยชน์ได้ทุกส่วน

“หืม?”

ทันใดนั้นเองตาของหลิงเทียนก็เรืองวูบขึ้น

มันเห็นก้อนสีขาวในร่างของงูเหลือมหิมะนิรันดร์ ที่กำลังเรืองแสงขึ้นมา

"แกนสัตว์อสูร?"

การหายใจของหลิงเทียนหอบถี่ขึ้นเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าแกนสัตว์อสูรของงูเหลือมหิมะนิรันดร์ จะปลอดภัยและไม่เสียหายสักนิด

ในขณะที่เขาเดินออกไปจะหยิบแกนสัตว์อสูร

รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ต้องชะงักลง

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

งูน้อยทั้งสองตัวรีบโผล่ออกมาและแย่งแกนสัตว์อสูรไปจากมือของหลิงเทียน ก่อนที่มันทั้งสอตัวจะแบ่งกันกินไปคนละครึ่ง

"อืม ช่างเถอะ จะอย่างไรข้าก็ไม่สามารถใช้มันได้ในตอนนี้อยู่ดี ให้พวกมันกินไปเถอะ"

หลิงเทียนทำใจได้อย่างรวดเร็ว

จะอย่างไรมนุษย์ก็ไม่สามารถใช้แกนสัตว์อสูรได้โดยตรง

หากฝืนกินมันเข้าไปแล้วล่ะก็ ผลกระทบที่น้อยที่สุดคือร่างระเบิดจนตาย

แกนสัตว์อสูรนี้มักถูกใช้เป็นส่วนผสมในการหลอมสร้างโอสถ หลังจากที่ใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่นๆที่สะกดข่มฤทธิ์หรือปรับปรุงพลังงานดีๆแล้วล่ะก็มันสามารถสร้างเป็นโอสถที่สามารถกินเข้าไปได้

และแกนสัตว์อสูรของงูเหลือมหิมะนิรันดร์ที่มีระดับถึงวิญญาณแรกก่อตั้งนั้น จำเป็นต้องใช้ผู้หลอมโอสถ ที่มีระดับ 7 ถึงจะสามารถหลอมสร้างโอสถจากแกนสัตว์อสูรของมันได้ ...

ผู้หลอมโอสถระดับ 7

สำหรับหลิงเทียนนั้น เรื่องนี้นับว่ายังอีกไกลนัก

หลังจากเผาทำลายซากศพของงูเหลือมหิมะนิรันดร์แล้ว หลิงเทียนก็พาเค่อเอ๋อกับลี่เฟยออกจากป่าหมอกมรณะ

ในระหว่างทางกลับ

"วงแหวนมิติ ... "

ลี่เฟยมองไปยังหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองหน้านางก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างหยอกล้อ "อย่าได้คิดเชียว แหวนมิติวงนี้ของข้า"

"ฮึข้าไม่แย่งเจ้าหรอก ข้าเพียงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เท่านั้นเองข้าก็ไม่ได้อยากได้มากอะไรของเจ้านักหรอก ... แต่เอ หากมีผู้อื่นรู้ว่าเจ้ามีแหวนมิตินี้จะเป็นเช่นไรกันหนอ?

ดวงตาที่เต็มไปด้วยเสนห์ของลี่เฟยยามนี้ มีแต่ความขี้เล่น

"เจ้าข่มขู่ข้า?"

ดวงตาของหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนที่มันจะแสยะยิ้มออกมา

ลี่เฟยพลันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา

แล้วนางก็คาดไว้ไม่ผิด

"เฮ่อ ดูเหมือนแถวนี้จะมีคนที่ไม่สนใจใยดีชีวิตปู่ของตัวเองเสียแล้ว ... ก็ดี ข้าจะได้ไม่เปลืองแรง"

ต้วนหลิงเทียนยิ้มอย่างชั่วร้าย

ใบหน้าของลี่เฟยพลันซีดลงเล็กน้อยก่อนที่จะตะโกนออกมาด้วยความโกรธ "เจ้า เจ้า ... เจ้าตัวเลวร้าย! เจ้าให้คำมั่นสัญญากับข้าแล้วนะ "

"ข้าสัญญาหรือ? ตอนไหนกัน ข้าไม่เห็นรู้เรื่อง เค่อเอ๋อ ข้าไปสัญญาอะไรกับนางงั้นหรือ? "

ต้วนหลิงเทียนเหลือบไปมองเค่อเอ๋อพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย

ตอนนี้เคอเอ๋อกำลังดูแลงูน้อยทั้งสองตัวอยู่ในถ้ำ หลังจากที่พวกมันกินแกนอสูรเข้าไปแล้วพวกมันก็หลับไป

ดวงตาที่สวยงามของนางแผ่กลิ่นอายความอบอุ่นของมารดาออกมาสมกับเป็นสตรีเพศ

"นายน้อยข้าหาได้ยินอันใดไม่"

แน่นอนอยู่แล้วจะอย่างไรเค่อเอ๋อก็ต้องอยู่ข้างหลิงเทียน

"เจ้าสองคน ... เจ้าทั้งสองข่มขู่ข้า"

ดวงตาของลี่เฟยเริ่มแดงขึ้นอีกครั้งราวกับจะระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาอีกครา

"เอาล่ะๆ ตราบใดที่เจ้าเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ รับรองปู่ของเจ้าหายดีแน่นอน ไม่เพียงเท่านี้ข้ายังสามารถช่วยเหลือเขาให้ เขายกระดับกลายเป็นช่างหลอมอาวุธระดับ 8 โดยไร้ซึ่งผลข้างเคียงใดๆด้วย "

ต้วนหลิงเทียนรีบกล่าวออกมา

“ตัวเลวร้าย”

ลี่เฟยยิ้มออกมาทั้งตารื้นๆ

"เฮ่ ข้ามีข้อสงสัย ตั้งแต่ที่ปู่ของเจ้าได้จดหมายเลือดจากทวดของเจ้าที่เล่าถึงการกระทำชั่วช้าของซื่อเต๋ามา เหตุใดจึงไม่นำมันออกมาเผยแพร่? นั่นจะทำให้ทุกคนได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของซื่อเต๋า"

ต้วนหลิงเทียนถามถึงข้อสงสัย

“เจ้าคิดว่าปู่ของข้าไม่ต้องการ? แต่ในตอนที่ท่านปู่พบจดหมายเลือดนั่น ซื่อเต๋าก็ได้กลายเป็นอาวุโสหลักของตระกูลเหอ และมีสถานะพิเศษอย่างมาก ถึงแม้ว่าปู่ของข้าจะเปิดเผยเรื่องชั่วที่มันกระทำ แต่ตระกูลลี่ก็คงไม่มีทางไปเอาเรื่องกับอาวุโสหลักตระกูลเหอเพื่อคนที่ตายไปแล้วหลายปีหรอก "

"ยิ่งไปกว่านั้นท่านปู่ก็คิดไปอีกว่าหากเปิดเผยจดหมายเลือดฉบับนี้ไป ซื่อเต๋าต้องละอายและโกรธแค้นอย่างยิ่ง ... ในยามนั้นท่านย่ากำลังตั้งท้องท่านพ่อของข้า ท่านปู่จึงเห็นแก่ท่านพ่อเลยได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนมาเรื่อย จนกลายเป็นปมในใจของเขาจนถึงทุกวันนี้"

ลี่เฟยถอนหายใจ

"ตอนนี้ปมในใจของปู่เจ้าคงคลายเสียที เพราะลูกเขยของท่านแก้ปัญหาให้แล้ว!"

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพร้อมหัวเราะออกมา

"ผู้ใดอยากแต่งงานกับเจ้ากัน?"

ลี่เฟยกล่าวกับหลิงเทียนด้วยใบหยิ่งทะนงที่แฝงไว้ด้วยความเขินอาย

นางกลัวว่าหลิงเทียนจะเห็นนางจึงรีบหันหน้าหนี

เมื่อมาถึงยามเย็นก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ทั้ง 3 คนก็กลับมาถึงเมืองออโรร่า

ต้วนหลิงเทียนและสองสาวก็มุ่งตรงมายังเขตที่พักตระกูลลี่ทันที

หลังจากบอกให้เค่อเอ๋อพาเจ้าสองตัวน้อยไปพักแล้ว หลิงเทียนก็เดินตามลี่เฟยไปยังบ้านพักของนาง

"เฟย เจ้ากลับมาแล้วรึ?"

ในลานกว้างมีชายชราอายุประมาณ 70 ปี ยืนรออยู่

ชายชรานี้มีร่างกายผอมมากราวกับว่าเขาสามารถโดนลมพัดให้ปลิวได้

"ท่านปู่ข้ามีข่าวดีจะบอกท่าน"

ลี่เฟยรีบวิ่งเข้าไปในลานก่อนจะคว้ามือของชายชราเอาไว้

ชายชราที่เห็นท่าทางสดใสร่าเริงของหลานสาวก็ได้แต่ยิ้มแย้มพร้อมกล่าวออกมา "ข่าวดีอะไรหรือ?"

ลี่เฟยโน้มตัวไปกระซิบข้างหูชายชราเบาๆว่า "ท่านปู่ ซื่อเต๋า ตายแล้ว"

ทันใดนั้นเองร่างกายของชายชราก็สั่นสะท้านลมหายใจของมันหอบถี่ขึ้น ...

ชายชรากล่าวออกมาอย่างขุ่นเคืองว่า "เฟย เรื่องนี้เจ้าไม่สามารถล้อเล่นได้"

ถึงแม้เขาจะรู้มาว่าหลานสาวคนนี้ไม่เคยโกหกเขามาก่อน แต่เรื่องนี้มันเหลือเชื่อไปจริงๆ

"ท่านปู่ ซื่อเต๋าถูกเขาสังหาร ไม่เชื่อท่านลองถามเขาดูสิ "

เมื่อเห็นว่าปู่ไม่เชื่อคำกล่าวของนาง ลี่เฟยจึงร้อนรนและหันไปหาหลิงเทียน ส่งสายตาเป็นนัยว่าให้ช่วยเหลือนางหน่อย

"เจ้าหรือ คือต้วนหลิงเทียน?"

สายตาของชายชราพลันหันไปจับจ้องหลิงเทียนมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกทั้งประกายตาของชายชรายังคมกล้าแฝงแรงกดดันไว้ ราวกับจะมองทะลุถึงตัวตนหลิงเทียน

แต่น่าเสียดายที่เขาต้องผิดหวัง

ต้วนหลิงเทียนเพียงยืนนิ่งๆไม่ขยับหรือมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อแรงกดดันแม้แต่น้อย

"ไม่เลว สมคำร่ำลือ ตอนนี้ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้าแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะเสี่ยวเฟยได้"

ชายชราพยักหน้า

“ครับ ท่านปู่”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำชายชรา

แต่ทว่าในขณะที่ชายชราหันไปสนใจหลิงเทียนนั้น

ใบหน้าของลี่เฟยพลันหันไปทำท่าดุร้ายข่มขู่หลิงเทียน

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ…"

เมื่อชายชราเหลือไปเห็นทีท่าของหลานสาว มันก็เข้าใจอะไรได้ขึ้นมา มันเลยหัวเราะขึ้นมาดังลั่น

"ท่านปู่ หาได้เป็นเช่นนั้น" ลี่เฟย อธิบายด้วยความหวาดกลัว

“เสี่ยวเฟย เจ้าไม่ต้องอาย ผู้ชายและผู้หญิงควรแต่งงานครองคู่กัน ... ยิ่งไปกว่านั้นข้าคิดว่าเด็กคนนี้ไม่เลว เขามีคุณสมบัติที่จะเป็นหลานเขยของข้า ถึงแม้บางครั้งเขาจะชอบพูดใหญ่โตไปบ้าง แต่ก็เป็นปัญหาเล็ก ๆ และไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร "

คำพูดชายชราราวกับไม่เชื่อถือเรื่องก่อนหน้านี้

“ท่านปู่ไม่ว่าสิ่งใดที่ข้าเคยพูดมันจะถูกพิสูจน์เร็วๆนี้ ถึงแม้มันจะเหนือความคาดหมายของท่าน แต่ใช่ว่าข้าจะทำไม่ได้ ส่วนเรื่องที่ลี่เฟยกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริง ศัตรูของบิดาท่าน ซื่อเต๋า ตกตายภายใต้คมกระบี่ของข้า ... แหวนมิตินี้สมควรเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด”

ต้วนหลิงเทียน หยิบแหวนมิติออกจากกระเป๋า แล้วส่งมอบให้กับชายชรา

มือของชายชราตัวสั่นขณะที่เขาได้รับมัน

ชายชรากำลังตื่นตระหนก

"ไม่ผิดแน่ ... ใช่แล้ว นี่เป็นแหวนมิติของซื่อเต๋าจริงๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?" ชายชราถามออกมาหลังจากตรวจสอบแหวนที่หลิงเทียนส่งมา

หลิงเทียนเลยเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้ชายชราฟัง

"งูเหลือมหิมะนิรันดร์? ฮ่าฮ่า ... สวรรค์มีตาแล้ว สวรรค์มีตาแล้วจริงๆ ... "

ชายชราหัวเราะเสียงดังและมีความสุข

ปมที่อยู่ในหัวใจของเขาเป็นเวลาหลายปีได้รับการสะสางแล้วในที่สุด

ตอนนี้ราวกับใบหน้าของชายชราจะอ่อนกว่าวัยลง 10 กว่าปี

ชายชราหยุดหัวเราะก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยความยินดี "เรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้ามากแล้ว หลิงเทียน"

“พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันท่านอย่าได้เกรงใจ ... หากข้าดูไม่ผิดท่านควรจะปวดแสบปวดร้อนเพราะพลังงานต้นกำเนิดเมื่อเร็วๆนี้ใช่หรือไม่ และท่านมักนอนไม่หลับยามค่ำคืน อีกทั้งยามที่ท่านหลอมอาวุธบริเวณหัวใจท่านจะรู้สึกอึดอัด ทำให้การหลอมสร้างของท่านไม่ค่อยสมบูรณ์ใช่หรือไม่?” หลิงเทียนรีบกล่าวออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง

ชายชราหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัยว่า "หลิงเทียน เจ้าสามารถสังเกตอาการบาดเจ็บของข้าได้ ว่าเป็นเพราะข้าฝืนยกระดับเปลวเพลิงหลอมศาสตรา จากการมองอาวุธวิญญาณที่ข้าหลอมสร้างให้เสี่ยวเฟยจริงๆน่ะหรือ?"

"ถูกแล้ว และไม่เพียงแต่ข้าจะมองอาการของท่านออกเท่านั้น ข้ายังสามารถรักษาอาการเหล่านี้ให้ท่านได้ แต่ท่านต้องรอให้ข้าตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดเสียก่อน "ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา

"เพราะเหตุใด?"

ชายชราสงสัยอย่างมาก

"เพราะเมื่อข้าตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิด ข้าสามารถจุดเปลวเพลิงหลอมโอสถขึ้นมาได้ ทีนี้ข้าก็จะสามารถหลอมยารักษาอาการบาดเจ็บของท่านได้อย่างไรเล่า" หลิงเทียนค่อยๆกล่าวออกมา

"หลิงเทียนถึงแม้เจ้าจะมีพรสวรรค์ด้านเต๋าแห่งวรยุทธ์ ทว่าหนทางของนักหลอมโอสถและเต๋าแห่งการหลอมยานั้นหาได้ง่ายดายดั่งที่เจ้าคิดไม่... "

ชายชรากล่าวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ เพราะตอนนี้มันคิดว่าหลิงเทียนกำลังกล่าวออกมาในเรื่องที่มันยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้

"เอาล่ะท่านปู่ ตอนนี้กล่าวไปก็ไร้ประโยชน์ เอาเป็นว่าอีก 2 เดือนท่านก็รู้ได้เองว่าคำกล่าวข้าเป็นจริงหรือเท็จ"

หลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจในตัวเองอย่างสูง

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.