spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
โอสถประสานก่อกำเนิดจำนวน 32 ชุดนั้น นับว่าใช้เงินจากผู้ดูแล ที่ฝากขายโอสถไปจนหมดสิ้น ...
เงินนี่ยังไม่ทันอุ่นก็ถูกเขาใช้หมดเสียแล้ว
แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดเสียดายสักนิด
ในเส้นทางการบ่มเพาะนั้นทางลัดย่อมต้องใช้เงินตราอยู่แล้ว
ตอนเที่ยง
เมื่อต้วนหลิงเทียนรับประทานอาหารเที่ยงกับครอบครัวเสร็จ ลี่เฟยก็เข้ามาหาเขาพอดี
นางสวมชุดสีม่วงที่ค่อนข้างรัดรูปเล็กน้อย ทำให้เสน่ห์ของสาวแรกรุ่นเผยออกมาจนเห็นได้ชัด ความงดงามอ่อนหวานปานน้ำผึ้ง น่าค้นหาราวกับกุหลาบพันปี ร่างของนางนับว่าสามารถสะกดสายตาของทุกสิ่งมีชีวิตได้
บริเวณด้านล่างของหลิงเทียนเริ่มรู้สึกคุกรุ่นขึ้นมาราวกับจะเผาไหม้
เสน่ห์ของลี่เฟยนี่เหลือประมาณจริงๆ
“เอ๊ะ?
ทันใดนั้นหลิงเทียนก็ละสายตาจากเรือนร่างที่เย้ายวนเมื่อมันสะดุดตากับอะไรบางอย่างในมือขวาของนาง
ปรากฏแหวนวงหนึ่งบนนิ้วที่เรียวบางตอบรับกับมือที่ขาวสวยราวกับหยกเนื้อดี
แหวนวงนี้ไม่เหมือนแหวนธรรมดาสามัญทั่วไป มันมีอะไรที่เหนือกว่าเครื่องประดับอย่างมาก
"อาวุธ วิญญาณ" หลิงเทียนเอ่ยออกมาเบาๆด้วยความตกตะลึง
นอกจากจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดจะเป็นนักหลอมโอสถชนชั้นราชวงศ์แล้ว มันยังมีความสามารถด้านการหลอมสร้างอาวุธระดับชั้นราชวงศ์อีกเช่นกัน
ต้วนหลิงเทียนได้รับความทรงจำของมันมาทั้งหมด ย่อมบอกได้ทันทีว่าแหวนบนนิ้วของลี่เฟย นั้นคืออาวุธวิญญาณไม่ผิดแน่
อาวุธวิญญาณ ระดับ 9
เขาจะได้ว่าในการประลองประจำตระกูล ลี่เฟยไม่ได้ใช้อาวุธชิ้นนี้
หากนางใช้ แม้แต่ลี่อันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง
ลี่เฟยได้สังเกตเห็นว่าหลิงเทียนกำลังจ้องมายังมือขวาของตน ชวยไม่ได้ที่นางจะกระวนกระวายและเคลื่อนไหวมือนั้นไปมาด้วยความเงอะงะ
เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะล่วงรู้ว่า นี่คืออาวุธวิญญาณ?
แต่ไม่ทันได้คิดอะไรมากมาย หลิงเทียนกลับถามคำถามออกมา
"เสี่ยวเฟย เหตุใดในการประลองประจำตระกูลเจ้าไม่ใช้อาวุธวิญญาณระดับ 9 นี่กันเล่า? หากเจ้าใช้แม้แต่ลี่อัน ก็ไมใช่คู่มือของเจ้า"
หลิงเทียนหรี่ตาลงพร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
"ข้าก็อยากจะใช้มันนะ แต่ท่านปู่บอกว่ามันจะไม่ยุติธรรมสำหรับคนอื่น " ลี่เฟยกล่าวตอบออกมา ด้วยท่าทางที่พยายามปกปิดความตกตะลึง
นางตกตะลึงอย่างมาก
ต้วนหลิงเทียนสามารถระบุตัวตนของอาวุธวิญญาณได้เพียงการมองผ่านแค่นี้?
เรื่องพวกนี้โดยมากแล้วมักจะเป็นความสามารถของผู้หลอมสร้างอาวุธที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์
หรือไม่ก็ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับสูงๆและใช้อาวุธวิญญาณมาจนมีประสบการณ์ถึงจะแยกแยะความต่างได้ แต่ส่วนมากแล้วไม่ว่าใครก็ต้องลองใช้ดูก่อนเท่านั้นถึงจะรู้ว่ามันเป็นอาวุธวิญญาณ
ตอนนี้นางรู้สึกว่านางไม่สามารถมองถึงตัวตนที่แท้จริงของหลิงเทียนได้
ราวกับมีเมฆหมอกอะไรบางอย่างปกคลุมเขาเอาไว้
ตอนนี้มีลี่เฟยบังเกิดความรู้สึกอยากรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของหลิงเทียน และเรื่องราวที่เขาเก็บงำเอาไว้ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าก่อนีท่จะกล่าวออกมา "ถูกแล้วแม้อาวุธวิญญาณของเจ้าจะเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 9 แต่ทว่าความสามารถที่เพิ่มพลังทำลายนั้นไม่ห่างจากอาวุธวิญญาณระดับ 8 เท่าไรนัก ... ข้าคาดว่าช่างหลอมอาวุธวิญญาณ ระดับ 9 ที่สร้างอาวุธชิ้นนี้ให้แก่เจ้าน่าจะใกล้ตัดผ่านไปยังระดับ 8 เต็มทีแล้ว "
คำพูดนี้ของหลิงเทียนราวกับฟ้าผ่า
ความจริงที่ว่าปู่ของนางกำลังจะกลายเป็นช่างหลอมอาวุธระดับ 8 นั้น นางเองก็พึ่งรู้
นางมั่นใจว่านอกจากตัวปู่ของนางและนางเอง ต้องไม่มีบุคคลที่ 3 ล่วงรู้เรื่องนี้อีกในตระกูลลี่
แต่ตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้าเพียงแค่มองแหวนของนาง แต่กลับระบุได้ว่ามันเป็นอาวุธวิญญาณที่ถูกสร้างจากช่างหลอมอาวุธระดับ 9 ที่กำลังจะกลายเป็นระดับ 8?
"เจ้า ... เจ้ามองออกได้อย่างไร?"
เสียงของลี่เฟยเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ
"เจ้าอยากรู้หรือ?"
ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
ลี่เฟยรีบพยักหน้า
"นี่เป็นความลับของข้า นอกเหนือจากสตรีของข้าแล้วข้าไม่คิดจะไม่บอกผู้อื่น ... "
มุมปากหลิงเทียนนนั้นฉีกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
ลี่เฟยกลับกล่าวออกมาด้วยความโมโห "เจ้า! ฮึ่ม หากไม่อยากบอกก็ช่างเจ้า ข้าไม่สนใจแล้ว "
ลี่เฟยไม่คิดเลยว่าเวลาแบบนี้หลิงเทียนจะยังทำท่าเจ้าชู้กับนางอีก?
"หืม เจ้าไม่สนใจจริงๆหรือ?" หลิงเทียนกล่าวถามออกมาอีกครั้ง
"ไม่สนใจ!"
ตอนนี้ลี่เฟยยังมีโทสะอยู่ ดังนั้นเธอจึงตอบออกมาอย่างเสียงแข็ง
หลิงเทียนจงใจถอนหายใจแล้วกล่าวออกมาต่อว่า "ช่างเถอะ เช่นนั้นลืมมันไปเสีย ตอนแรกข้าอยากจะเตือนเจ้าว่าแม้ว่าช่างที่หลอมอาวุธอาวุธวิญญาณ ชิ้นนี้ให้กับเจ้า จะกลายเป็นช่างหลอมอาวุธระดับ 8 เร็ว ๆนี้ ... ข้าหวังจะให้เจ้าไปบอกเขาว่า อย่าพึ่งยกระดับเปลวเพลิงหลอมอาวุธในช่วงเวลานี้เด็ดขาด "
"เจ้าหมายถึงอะไร?"
ตอนนี้ลี่เฟยหันกลับมาถามหลิงเทียนด้วยใบหน้าที่สงสัยอย่างมาก
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ตอบคำถามแต่มันเลือกที่จะกล่าวต่อออกมาว่า "ถ้าข้าดูไม่ผิด... เมื่อเร็วๆนี้ทุกคืนช่างหลอมอาวุธผู้นี้คงรู้สึกราวกับพลังงานต้นกำเนิดในร่างนั้นแสบร้อนนัก ทำให้เขายากที่จะข่มตานอนหลับได้ "
ใบหน้าของลี่เฟยพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยความเดือดดาล "เจ้ารู้สภาพร่างกายปัจจุบันของปู่ข้าได้อย่างไรกัน? เจ้าปีนกำแพงบ้านข้ามาแล้วแอบดูเช่นนั้นรึ? "
เรื่องนี้นางย่อมรู้ และที่สำคัญนางยังพยายามหาโอสถหลายขนานเพื่อไปรักษาปู่ของนาง แต่ทว่าอาการของเขาก็ไม่ดีขึ้นเลย
"ข้าดูเหมือนคนโรคจิตเช่นนั้นหรอ?"
หลิงเทียนถึงกับพูดไม่ออก เขาพยายามจะกล่าวเตือนลี่เฟย แต่ดันโดนด่ากลับมาเสียอย่างนั้น
เขายอมรับว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ แต่เขาก็ไม่มีทางเป็นคนโรคจิตไปได้แน่
เมื่อลี่เฟยสังเกตเห็นว่า หลิงเทียนทำท่าทางราวกับไม่อยากจะสนใจนางอีกต่อไป เรื่องนี้ทำให้นางฉุกคิดว่านางอาจจะกล่าวใส่ร้ายเขาจริงๆ ...
มันจะเป็นไปได้หรือ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่หลิงเทียนกล่าวออกมานั้นจะมาจากการมองแหวนบนมือนางจริงๆ?
แต่สิ่งนี้น่าเหลือเชื่อเกินไป
หลังจากหายใจเข้าลึกๆลีเฟ่ยเริ่มหันไปขอความช่วยเหลือจากเค่อเอ๋อ
"นายน้อยท่านอย่าได้โกรธเลยเจ้าคะ พี่หญิงเฟยหาได้ตั้งใจว่าท่าน"
เค่อเอ๋อพยายามอ้อนเขา
"เค่อเอ๋อทุกคนต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่พวกเขาได้ทำ เวลานี้เจ้าอาจสามารถช่วยนางได้ แต่เจ้าไม่สามารถช่วยนางได้ตลอดชีวิต " หลิงเทียนกล่าวออกมาเชิงสั่งสอน
เค่อเอ๋อเองก็รับรู้ว่าตอนนี้หลิงเทียนโกรธมาก นางได้แต่หันไปมองลี่เฟยด้วยสายตาจนปัญญา
"เจ้า!"
ใบหน้าของลี่เฟยเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความโกรธ อีกทั้งดวงตาของนางเริ่มคลอไปด้วยน้ำตา
"อีกแล้วรึ?"
หลิงเทียนหันไปมองด้วยสายตาไม่แยแสหรือให้ความสนใจใดๆกับน้ำตาของนาง
“เจ้าข่มเหงข้า! ฮือออออ ...”
ลี่เฟยระเบิดเสียงร้องไห้โฮออกมาน้ำตาของนางไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก
บัดซบ!
นางร้องไห้จริงๆ!
ต้วนหลิงเทียนพูดไม่ออกทำอะไรไม่ถูก...
เขารู้สึกน้อยใจที่ได้รับการกล่าวหาอย่างไร้ความเป็นธรรม แต่คนที่กล่าวหาเขากลับร้องไห้ออกมาแบบนี้ ...
หากคนไม่รู้เรื่องมาก่อน ต้องหาว่าเขาเป็นฝ่ายข่มเหงนางแน่นอน
"ลูกเทียน เจ้ารังแก ลี่เฟยงั้นรึ?"
ลี่หลัวที่เดินออกมาจากครัวพอดี ได้แต่ถามด้วยเสียงดุๆไปยังหลิงเทียน
"ท่านแม่ ข้าเปล่านะ"
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันอย่างมาก
"เอาล่ะๆ ข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว หยุดร้องไห้นะ"
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่อ่อนข้อให้
"ฮืออออ ... เจ้ารังแกข้า"
แต่ลี่เฟยยังคงร่ำไห้ไม่หยุด น้ำตาของนางทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตกอีกครั้ง
"ถ้าเจ้าไม่หยุดร้อง เจ้าก็รอดูถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายปู่ของเจ้าได้เลย"
เมื่อต้วนหลิงเทียนเห็นว่าไม่อ่อนไม่ได้ผล เขาก็ใช้ไม้แข็งทันที
และแน่นอนว่าวิธีนี้ย่อมมีประสิทธิภาพอย่างมาก
ทันทีที่หลิงเทียนพูดจบ เสียงร้องไห้ก็หยุดลงด้วยเช่นกัน
"เจ้าว่ากระไร? เจ้าพูดว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นกับปู่ข้างั้นหรือ? "
ลี่ฟยถามออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
พ่อแม่ของนางนั้นประสบอุบัติเหตุตั้งแต่นางยังเด็ก
หลังจากนั้นก็เป็นปู่ที่เลี้ยงดูนางมา สำหรับในใจของนางแล้วปู่ของนางมีค่ามากกว่าตัวนางเองเสียอีก
"ตอนที่ข้าลอบส่งพลังงานต้นกำเนิดไปสำรวจอาวุธของเจ้า ข้าพบร่องรอยความไม่เสถียรและร่องรอยจากการเผาไหม้ที่รุนแรงเกินไปของอาวุธ ... หากข้าคาดไม่ผิดปู่ของเจ้าย่อมใช้วิธีการบางอย่างที่นอกเหนือจากวิธีทั่วไปในการฝืนเพิ่มศักยภาพเปลวเพลิงหลอมอาวุธของเขา หลังจากผ่านมาระยะเวลานานตอนนี้ปัญหานั้นกระทบไปถึงรากเหง้าเปลวเพลิงของเขาแล้ว" หลิงเทียนค่อยๆกล่าวออกมาช้าๆ
ในตอนนี้เขาเหมือนกับเป็นช่างหลอมสร้างอาวุธที่มากไปด้วยประสบการณ์ทุกอย่างที่เขาพูดออกมามีเหตุผลอย่างมาก
"ขะ ข้าควรทำเช่นไรดี?"
ใบหน้าที่สวยงามของลี่เฟยพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาวด้วยความกังวล
"ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธี แต่ตอนนี้เจ้าต้องไประงับการเพิ่มระดับเปลวเพลิงหลอมอาวุธของเขา ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาคงมีชีวิตได้อยู่อีกไม่ถึง 3 เดือน ... "
เมื่อสิ้นคำกล่าวของหลิงเทียนุทกคนก็ตกอยู่ในความเงียบ
"เอาล่ะ เจ้าไปเตือนปู่ของเจ้าด้วยตัวเองแล้วกัน ข้ากับเค่อเอ๋อจะไปรอเจ้าที่ประตูเมืองทิศเหนือ อ่อเจ้านำม้าไปด้วยล่ะ"
เขาแจ้งลี่เฟยเสร็จก็กลับไปยังห้องของเขา
หลังจากที่ลี่เฟยจากไป ต้วนหลิงเทียนและเค่อเอ๋อก็ไปนำงูเหลือมน้อยสองตัวออกมาจากบ้านและควบออกไป
พวกเขาควบม้าออกมารอลี่เฟยที่ประตูเมืองทิศเหนือ
หลังจากผ่านไป 2 เค่อ ลี่เฟยก็ควบม้ามา
ลี่เฟยนั้นดูองอาจและสง่างามอย่างมากบนหลังม้า
แต่ทว่าสีหน้าและท่าทางของนางนั้นไม่สู้ดีนัก
"เกิดอะไรขึ้น?"
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว
"ปู่ของข้า ... ปู่ของข้าบอกว่า ... "
ลี่เฟยลังเลที่จะพูด
"ท่านหาได้เชื่อข้าไม่ ท่านกล่าวว่า ข้าเป็นแค่เด็ก จะไปรู้ได้ยังไง?
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจสักนิด
ลี่เฟยพยักหน้าเบาๆ
"เช่นนั้นข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้"
หลิงเทียนได้แต่ผายมือออก เป็นการบอกให้รู้ว่า ข้าพยายามจะช่วยแล้วนะ แต่ข้าก็ทำอะไรไม่ได้
"แต่ท่านปู่สัญญากับข้าเอาไว้ว่า ท่านจะไม่เพิ่มระดับของเปลวเพลิงหลอมอาวุธ ก่อนที่ข้าจะกลับมาจากป่าหมอกมรณะ เจ้า..เจ้าช่วยสัญญาว่าจะไปดูอาการของปู่ข้าได้หรือไม่ หลังจากที่เรากลับมา"
ลี่เฟยกล่าวออกมา ท่าทางของนางแฝงความอ้อนวอนเอาไว้
หลิงเทียนจ้องไปยังลี่เฟยแล้วกล่าวว่า "แล้วตอนนี้เจ้าเชื่อข้าหรือยัง"
ลี่เฟยพยักหน้า
"เอาล่ะ งั้นข้าจะสัญญากับเจ้า"
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
หลังจากนั้นเขาก็นำพาสตรีสองคนนที่งดงามปานล่มเมืองเข้าไปป่าหมอกมรณะกับเขา
หลังจากที่มาถึงป่าหมอกมรณะอาการของลี่เฟยก็ดีขึ้นมาก
แต่นางยังขาดความมีชีวิตชีวาไป
หลังจากทุกอย่าง ตอนนี้เรื่องของปู่ได้กลายเป็นปมในใจของนางไปแล้ว
หลังจากที่เข้าป่าหมอกมรณะมา เค่อเอ๋อก็กล่าวถามขึ้นมาว่า "นายน้อย พวกเราจะหาบิดาของเสี่ยวเฮย และเสียวไป๋ อย่างไรหรือเจ้าคะ"
"ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เราควรไปยังรังของงูเหลือมทมิฬเสียก่อน เผื่อจะมีร่องรอยของงูเหลือมหิมะนิรันดร์ "ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา
"เจ้าหมายความว่า... เสียวเฮยและเสี่ยวไป๋ เป็นลูกหลานของ งูเหลือมหิมะนิรันดร์?"
ลี่เฟยตกใจอย่างมาก
"นั่นคือสิ่งที่พวกเราคาดเอาไว้ตอนนี้"
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
ในเวลาไม่นานกลุ่มของหลิงเทียนก็เดินทางมาถึงรังของ งูเหลือมทมิฬ
ตอนนี้มันเหลือแต่ร่องรอยและคราบเลือดของงูเหลือมทมิฬเท่านั้น ส่วนศพอื่นๆนั้นหายไปเสียแล้ว เป็นไปได้ที่จะถูกสัตว์อสูรหรือสัตว์ป่ากินไปจนหมดสิ้นแล้ว
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ทันใดนั้นงูตัวน้อยๆสองมือก็พุ่งออกมาจากข้อมือของเค่อเอ๋อและหลิงเทียนก่อนที่จะเลื้อยเข้าไปในป่า
พวกมันพุ่งเข้าไปยังชั้นในของป่าหมอกมรณะ
"ตามไปเร็ว!"
ต้วนหลิงเทียนรีบพาเค่อเอ๋อและลี่เฟยตามไป
ต้วนหลิงเทียนเดาได้ว่างูน้อยสองตัวสัมผัสได้ถึงบิดาของมัน
"นี่เป็นเขตป่าชั้นในแล้ว มันมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากมาย"
ลี่เฟยกล่าวเตือนออกมา
"อืม เอาล่ะพวกเราจะเปลี่ยนไปเดินทางบนกิ่งไม้กัน"
ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบก็พุ่งตัวขึ้นไปบนยอดไม้นำหญิงสาวทั้งสองคนไป ก่อนที่จะกระโดดเคลื่อนกายไปตามกิ่งไม้ ติดตามงูน้อยทั้งสองตัวไป
ถึงแม้ว่าเหนือยอดไม้จะมีสัตว์ป่าและสัตว์อสูรบินได้ประเภทนกอยู่บ้าง แต่ทว่ามันก็น้อยกว่าเมื่อเทียบกับสัตว์อสูรบนพื้นดิน
โดยรวมแล้วบนยอดไม้มีความปลอดภัยมากกว่า
“ฮู่มมมมม!”
ทันใดนั้นเสียงคำรามของสัตว์อสูรก็ดังขึ้น
สัตว์อสูรร้ายตัวขนาดมหึมาขวางทางของงูน้อยทั้งสองตัวเอาไว้ และตอนนี้มันกำลังจะเคลื่อนไหวเพื่อจู่โจมงูน้อยทั้งสองตัวแล้ว
"แย่แล้ว!"
เมื่อสังเกตทีท่าของสัตว์อสูรตัวใหญ่ ทีท่าของหลิงเทียนพลันเปลี่ยนเป็นร้อนรน
"นั่นสมิงอำมหิต ความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 "
ใบหน้าของลี่เฟยซีดลงทันที
"เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ ... "
ใบหน้าของเค่อเอ๋อเต็มไปด้วยความกังวล