spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

ถึงแม้ว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกับลี่เฟยยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ก้าวหน้าอะไร ...

แต่ตอนนี้ลี่เฟยนั้นไม่ได้รังเกียจเขาอีกต่อไป นี่นับว่าเป็นการพัฒนาขึ้นอย่างมาก

ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือการตีเหล็กตอนที่มันยังร้อน

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามลี่เฟยพร้อมกับยิ้มบางๆว่า "พรุ่งนี้ยามาย ข้าวางแผนจะเข้าป่าหมอกมรณะกับเคอเอ๋อ เจ้าสนใจจะไปด้วยหรือไม่?"

"ขอให้ข้าไป เป็นมือที่ 3 รึ? ข้าไม่ไปหรอก "

ลี่เฟยตัดพ้อหลิงเทียนเล็กน้อย

"ช่างเถอะ ข้าอุตส่าห์จะพาเจ้าไปดูงูเหลือมหิมะนิรันดร์เสียหน่อย ... แย่เสียจริง สัตว์อสูรนี้หาดูได้ยากนัก มันแทบไม่ต่างอันใดกับผู้บ่มเพาะระดับทรงอำนาจถึงขั้น วิญญาณแรกก่อตั้งเลยทีเดียว "

ต้วนหลิงเทียนแกล้งถอนหายใจออกมา

"ว่ากระไร? งูเหลือมหิมะนิรันดร์? "

ดวงตาที่กระจ่างแจ้งของลี่เฟยฉายแววอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย ใบหน้างดงามของนางเริ่มปรากฏความอยากรู้อยากเห็น

นางเคยได้ยินข่าวมาก่อน

งูเหลือมหิมะนิรันดร์ปรากฏตัวในป่าหมอกมรณะ ข่าวนี้ทำให้นางรู้สึกตกอกตกใจอย่างมาก และในใจนางก็เต็มไปด้วยความอยากรู้และความปรารถนาที่จะพบเจอกับสัตว์อสูรตัวนี้สักครั้ง

ต้วนหลิงเทียนก้มหัวลงไปเล่นกับเสี่ยวเฮย ...

"เฮ้ เจามีวิธีหาตัวงูเหลือมหิมะนิรันดร์ด้วยรึ?"ลี่เฟยกล่าวถามออกมาราวกับเสียงกระซิบ

หลิงเทียนไม่คิดจะยกหัวขึ้นมามอง มันกำลังแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

“นี่!”

ลี่เฟยเริ่มโอดครวญ

หลิงเทียนนั่นแสดงท่าทางไม่รู้เรื่องอะไรออกมา "อะไรเหรอ? เรียกข้าทำไมในเมื่อท่านไม่ได้สนใจจะไปด้วย? "

"เจ้า…"

ทันใดนั้นลี่เฟยก็เปลี่ยนเป็นเศร้าซึม ดวงตาของนางเริ่มคลอไปด้วยน้ำใสๆราวกับนางกำลังจะร้องไห้...

"เจ้าเป็นอะไรไป? ไม่นะ หยุดๆๆๆ อย่าได้ร้องแล้ว จะร้องไห้ทำไมกันเล่า ไป ไป ไปแล้ว... พาไปแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปแล้ว อย่าร้อง "

หลิงเทียนหวาดกลัวอย่างมากเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

ในชีวิตที่แล้วของเขานั้นสิ่งเดียวที่เขาแพ้ทางมากที่สุดคือน้ำตาของผู้หญิง เขาทนเห็นสตรีร่ำไห้ต่อหน้าไม่ได้จริงๆ

"เจ้าสัญญาแล้วนะ! ฮิฮิ เจ้าห้ามกลับคำล่ะ! "

ใบหน้าที่ขี้เล่นของลี่เฟยพลันถูกแสดงออกมา นั่นหมายความว่าเมื่อครู่กลับเป็นละครฉากหนึ่ง

"ฮิฮิ เสร็จข้าล่ะ!"

เมื่อหลิงเทียนรู้ มันก็ยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน

ลี่เฟยกับเค่อเอ๋อนั้นต่างกันคนละขั้วเลยทีเดียว ...

อาจเป็นเพราะแบบนี้เขาเลยรู้สึกตกหลุมรักลี่เฟยตั้งแต่แรกเห็น

คืนนั้น

หลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จหลิงเทียนก็พาลี่เฟยไปส่งทีบ้าน

ตอนนี้เขาพึ่งวังเกตุว่าบ้านของลี่เฟยนั้นอยู่หลังบ้านของเขาเท่านั้นเอง เพียงแต่ว่ามันอยู่อีกฝั่งของกำแพง

ถึงแม้จะไม่ได้ไกลถึง 10 ลี้ แต่หากเดินตามทางปกติแต่ทว่าก็นับว่าไกลโขอยู่

แต่ถ้าหากกระโดดข้ามกำแพงแล้วล่ะก็พริบตาเดียวเท่านั้น

หลังจากกลับมาถึงห้องหลิงเทียนก็เริ่มต้นบ่มเพาะทันที

ตอนนี้วิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามของเขานั้น ได้ฝึกฝนจนสำเร็จสูบแบบพญาอสรพิษไปเรียบร้อย จุดสูงสุดของรูปแบบพญาอสรพิษคือสร้างร่างกายระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 ที่มีความแข็งแกร่งระดับช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัว

สิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้คือ บ่มเพาะรูปแบบที่ 2 ของวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม

พญางูเหลือมคลั่ง!

และตอนนี้ร่างกายของเขานั้นได้ถึงจุดสูงสุดของระดับบ่มเพาะร่างกายแล้ว โอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 7 กระบวนจึงไม่มีผลอีกต่อไป

สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือ บ่มเพาะวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบ พญางูเหลือมคลั่ง! เพื่อพัฒนาพลังงานต้นกำเนิด

และเมื่อเขาพัฒนายกระดับพลังงานต้นกำเนิดเสร็จสิ้น เขาจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับ ก่อกำเนิด

ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง!

"พรุ่งนี้ข้าต้องไปซื้อยาประสานก่อกำเนิด...คงเสียเงินอีกไม่ใช่น้อย ... "

หลิงเทียนรู้สึกเจ็บปวด

โอสถ ประสานก่อกำเนิด นับว่าเป็นโอสถระดับ 8

ชนิดของโอสถที่ช่วยเหลือผู้ฝึกยุทธ์ระดับบ่มเพาะร่างกายให้ตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดอย่างเช่น โอสถ ประสานก่อกำเนิด นั้นนับว่ามีราคาสูงมากทีเดียว

เพียงชุดเดียวมันมีค่าใช้จ่ายถึง 10,000 เหรียญเงิน!

ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพรสวรรค์ทางธรรมชาติเหนือล้ำต้องใช้โอสถ ประสานก่อกำเนิดอย่างมากสิบชุดหากต้องการตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดในเวลาอันสั้น

สำหรับผู้ที่ด้อยพรสวรรค์นั้นเกรงว่าต้องใช้มากกว่าสิบชุด

แน่นอนว่ามันไม่ได้จำเป็นต้องใช้ ...

แต่แม้จะเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ดี หากจะบ่มเพาะตามปกติไม่พึ่งพาโอสถ มันก็ต้องใช้เวลาที่ 2-3 ปีในการตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิด

หรือหากจะเห็นได้ชัดก็ยกตัวอย่างเหล่าสมาชิกระดับอาวุโสขงตระกูลลี่สาขาเมืองวายุโปรย ไม่ว่าจะเป็นใครรวมทั้ง ลี่หนันเฟิง ประมุขตระกูลลี่สาขาเองก็ด้วย

พวกเขานั้นต้องบ่มเพาะตามธรรมชาติ และแม้จะมีพรสวรรค์แต่ด้วยความรู้อันจำกัดและวิชาที่ไม่ค่อยดีนัก ต่อให้มีพรสวรรค์เพียงไรก็ต้องใช้เวลาอย่างต่ำถึง 5 ปีกว่าจะตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดได้ บางคนนั้นกินเวลาไปถึง 8-10 ปีเสียด้วยซ้ำ

แต่ที่ทั้งหมดยอมเสียเวลานี่ไม่ใช่เพราะอะไร นี่เป็นเพราะพวกเขาไม่มีปัญญาซื้อโอสถ ประสานก่อกำเนิด

สำหรับการประลองประจำตระกูลของตระกูลลี่ตระกูลหลักนี้ เหล่าสาวกที่มีระดับก่อกำเนิด ทั้ง 5 คนนั้น แน่นอนว่าพวกมันย่อมใช้โอสถประสานก่อกำเนิดด้วยกันทั้งสิ้น พวกมันถึงสามารถตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดได้ในช่วงอายุ 18-19 ปีเช่นนี้ หากไม่ได้ใช้ป่านนี้พวกมันก็ยังคงมีระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 และคงไม่ต่างจากมดเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงเทียน

โอสถนั้นมีผลต่อชีวิตของผู้ฝึกยุทธ์อย่างมาก

นี่จึงเป็นเหตุผลที่นักหลอมโอสถนั้น มีสถานะสูงส่งนัก ในทวีปเมฆาล่องแห่งนี้

ยิ่งระดับผู้หลอมโอสถสูงขึ้นเท่าไร ระดับผู้มีอิทธิพลที่ติดต่อกับมันก็ย่อมสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ความมั่งคั่งก็เช่นกัน

"แย่จริงๆที่ข้ายังไม่สามารถพัฒนายกระดับพลังงานต้นกำเนิดได้ ไม่อย่างนั้นตัวข้าก็นับว่าเป็นผู้หลอมโอสถระดับ 9 แล้ว! "

ต้วนหลิงเทียนได้แต่ถอนหายใจออกมา

หากคนธรรมดานั้นอยากจะเป็นผู้หลอมโอสถล่ะก็ ต้องใช้เวลาศึกษาไม่รู้กี่ปี กว่าจะจำคุณสมบัติสมุนไพรได้ต่างๆนาๆ อีกทั้งยังต้องฝึกฝนบ่มเพาะทดลองหลอมโอสถอีกไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี จึงจะนับได้ว่าเป็นผู้หลอมโอสถผู้หนึ่ง

แต่ต้วนหลิงเทียนนั้นมี ความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด และที่สำคัญ ประสบการณ์นี้มีถึง 2 ชาติภพ

และจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดนี้ มันเป็นผู้หลอมโอสถถึงระดับราชันย์

เพราะฉะนั้นหากจะถามว่าความสามารถในการหลอมโอสถของหลิงเทียนนั้นอยู่ในระดับใด นั่นบอกได้เลยว่ามัน เทียบเท่า จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

เพราะตราบใดที่มันสามารถพัฒนายกระดับพลังงานต้นกำเนิด ให้กลายเป็นพลังงานต้นกำเนิดที่สมบูรณ์ และจุดเพลิงผู้หลอมโอสถขึ้นมาได้ เวลามันจะหลอมโอสถอะไร ล้วนไม่ต่างอะไรกับฉายหนังซ้ำ

นักหลอมโอสถผู้อื่นรู้อะไร มันย่อมรู้ และรู้ดีกว่า

นักหลอมโอสถผู้อื่นมีเรื่องที่ไม่รู้ แต่มันก็ยังรู้

"เรื่องที่ต้องรีบเร่งมากที่สุดตอนนี้ คือพัฒนายกระดับพลังงานต้นกำเนิด เมื่อทำสำเร็จข้าจะได้เพลิงหลอมโอสถ และนั่นข้าจะสามารถปรุงยาฟื้นกำเนิด เพื่อให้ท่านแม่ ได้เริ่มฝึกฝนใหม่เสียที”

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ตอนนี้เขาทุ่มความสนใจกลับไปยัง กระบวนการบ่มเพาะ รูปแบบที่ 2 พญางูเหลือมคลั่ง

"นี่…"

หลังจากที่หลิงเทียนมอง กระบวนการฝึกฝนบ่มเพาะ รูปแบบ พญางูเหลือมคลั่ง ตาของมันถึงกับหรี่ลงเล็กน้อย

อย่างที่คิดว่าวิธีการฝึกฝนบ่มเพาะของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด 2 ชาติภพนั้นย่อมไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก วิชาบ่มเพาะ 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบ พญางูเหลือมคลั่งนี้ นอกจากจะมุ่มเน้นให้ผู้ฝึกยุทธ์พัฒนายกระดับพลังงานต้นกำเนิดให้แข็งแกร่ง ดั่งเช่นวิชาทั่วไปแล้วมันยัง มีเคล็ดวิชาลับที่นำพลังงานต้นกำเนิดส่วนหนึ่งมาเสริมสร้างร่างกายอีกด้วย!!

เมื่อต้วนหลิงเทียนสามารถตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นแรก โดยอาศัยวิชาบ่มเพาะรูปแบบ พญางูเหลือมคลั่ง นอกเหนือจากเขาสามารถยกระดับและควบคุมพลังงานต้นกำเนิดได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนคนทั่วไป ร่างกายของเขาเองก็จะแข็งแกร่งเกินกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วๆไปอย่างมาก เพราะพลังงานต้นกำเนิดจะถูกนำมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย

เมื่อตัดผ่าน ความแข็งแกร่งของร่างกายเพียงอย่างเดียวนั้นจะเปลี่ยนแปลงจากระดับ 3 ช้างแมมมอธโบราณมา เป็น ช้างแมมมอธโบราณ 4 ตัวทันที

และการพัฒนาพลังงานต้นกำเนิดก็ยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับเขาอีก 1 ช้างแมมมอธโบราณ

กล่าวได้ว่า ทันทีที่เขาตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิด เขาจะมีความแข็งแกร่งระดับ ช้างแมมมอธโบราณ 5 ตัวเลยทีเดียว

ความแข็งแกร่งของช้างแมมมอธโบราณ 5 ตัว ...

หากเทียบกับระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 ปกติ ถือว่าด้อยกว่าเล็กน้อย

แต่หากให้เทียบกับระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 แล้ว ต้วนหลิงเทียนถือว่าแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย

หลิงเทียนเริ่มต้นกระบวนการบ่มเพาะทันที

แต่เนื่องจากตอนนี้เขายังไม่มีโอสถประสานก่อกำเนิด จึงทำให้การบ่มเพาะเป็นไปอย่างช้าๆ

แม้เขาจะบ่มเพาะจนถึงเวลากลางคืนแต่ก็ไม่เห็นความก้าวหน้าใดๆ

"ข้าคงใจร้อนเกินไป"

หลิงเทียนได้แต่ส่ายหัวและเข้านอน ...

เขาหลับสบายไร้กังวลจนหมดคืน

เช้าวันต่อมา

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จเขาก็นำเค่อเอ๋อไปร้านโอสถ

เมื่อมาถึงตลาดหลิงเทียนก็มุ่งหน้าไปยังร้านโอสถที่เขานำโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนมาฝากขายเอาไว้

"นายท่าน ในที่สุดท่านก็มา"

เมื่อต้วนหลิงเทียนพบหน้าผู้ดูแล เขาแปลกใจเล็กน้อย เพราะสีหน้าท่าทางของมันราวกับพบเจอผู้ช่วยชีวิตอย่างไรอย่างนั้น

"อะไร อย่าบอกนะท่านขายหมดแล้ว?"

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมา

"ทั้งหมด 2,000 ชุดล้วนหมดสิ้นแล้วนายท่าน ... "

ผู้ดูแลพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มดีใจให้แก่หลิงเทียน ก่อนที่จะคว้าตั๋วเงินออกมาอีกปึกหนึ่ง

"นี่คือ…"

ต้วนหลิงเทียนสับสนเล็กน้อย

"นายท่าน โอสถน้ำบ่มเพาะร่างกายนั้น เมื่อมันเริ่มเหลือน้อยลงแต่ทว่าผู้คนยังคงมีความต้องการอย่างมาก ข้าจึงจำหน่ายมันในราคาชุดละ 200 เหรียญ แต่กระนั้นมันก็ยังไม่เพียงพอ ตามข้อตกลงนายท่านจะได้รับ 80% ของยอดขาย เมื่อคำนวณแล้ว จากยอดขายทั้งหมดที่ข้าขายได้ 320,000 เหรียญและหัก เงินล่วงหน้าที่ข้าจ่ายให้ท่านไปแล้ว 200,000 ข้ายังต้องให้ท่านอีก 120,000 เหรียญ "

ผู้ดูแลกล่าวอธิบายออกมา

"200 เหรียญเงินต่อชุด?"

ต้วนหลิงเทียนช่วยไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ

นับว่าผู้ดูแลท่านนี้ทำธุรกิจอย่างชาญฉลาด!

"นายท่าน ไหนๆท่านก็อยู่ที่นี่แล้ว เหตุใดไม่ทำโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย เพิ่มเสียเลยเล่า?"

ผู้ดูแลมองไปยังหลิงเทียนด้วยความคาดหวัง

"เอาล่ะข้ามาที่นี่เพราะเหตุนี้นั่นล่ะ ช่วยข้าเตรียมวัตถุดิบที "

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

"พวกมันถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนายท่าน"

เมื่อต้วนหลิงเทียนและเค่อเอ๋อเข้าไปในห้องพวกเขาก็เห็นกองสมุนไพรและวัตถุดิบต่างๆ อีกทั้งยังไหสำหรับใส่โอสถน้ำบ่มเพาะร่างกายอีก 2 ไหใหญ่

ครานี้เขาเลยใช้เวลาไปถึง 1 ชั่วยาม มากกว่าครั้งที่แล้วเท่าตัว เพราะครานี้เขาสร้างโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนถึง 2 ไหใหญ่

หลังจากตรวจสอบสินค้าแล้วผู้ดูแลก็ทำสีหน้าเศร้าลงนิดหน่อยก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า “นายท่าน เนื่องจากร้านค้าของเราไม่ได้มีเงินทุนหมุนเวียนมากนัก ข้าเพียงจ่ายล่วงหน้าให้ท่านได้ก่อนแค่ 200,000 เหรียญเงินเท่านั้น ท่านรับเรื่องนี้ได้หรือไม่? เมื่อโอสถน้ำพวกนี้ขายหมดสิ้นแล้วข้าจะจ่ายส่วนที่เหลือให้แก่ท่านในภายหลัง”

หลิงเทียนนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรแม้แต่น้อย นี่เพราะเขาประทับใจ ที่ผู้ดูแลผู้นี้จัดเตรียมไว้ทุกสิ่งได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ ไหกักเก็บ อีกทั้งมันยังเป็นผู้ที่ต้องตวงโอสถออกมาแบ่งเป็นชุดๆอีกด้วย

"ไม่มีปัญหา ข้าเชื่อใจท่านผู้ดูแล "

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าก่อนจะรับตั๋วเงินจำนวน 200,000เหรียญมาพร้อมรอยยิ้ม

บางครั้งความเชื่อใจก็ได้ผลลัพธ์สองทาง

"ผู้ดูแล ท่านคงไม่สามารถตวงแบ่งโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 2 ไหใหญ่นี่เป็นชุดย่อยด้วยตัวคนเดียวหรอกนะ อีกทั้งครั้งที่แล้วจำนวน 2,000 ชุดนั่นท่านก็หาได้ทำด้วยตัวคนเดียวทั้งหมดใช่หรือไม่?"

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังผู้ดูแลด้วยสายตาล้ำลึก

"แน่นอนว่าข้าคงทำคนเดียวไม่ไหว แต่ว่าข้าก็หาได้ไว้ใจผู้อื่นไม่ ข้าให้คนในครอบครัวของข้ามาช่วยกันตวงแบ่ง "

ผู้ดูแลหัวเราะออกมา

"โอ้ใช่ ผู้ดูแลท่านทราบหรือไม่ว่าร้านโอสถใดในตลาดการค้าเมืองออโรร่าจำหน่ายโอสถ ประสานก่อกำเนิดบ้าง?" ต้วนหลิงเทียนถามออกมา

"โอสถ ประสานก่อกำเนิด? ข้าเกรงว่าท่านอาจต้องไปที่ร้านโอสถที่อยู่ภายใต้สาขาของทั้ง 3 ตระกูลใหญ่แล้วล่ะ สำหรับร้านโอสถสาขาของ ทั้ง 3 ตระกูลนั้นอยู่ที่ถนนด้านหน้าเท่านั้นเอง แล้วอีกอย่างนายท่านร้านโอสถสาขาของตระกูลลี่ ศาลาเสริมวิญญาณ ของพวกท่านก็อยู่ตรงนั้นเอง"

ผู้ดูแลชี้ไปด้านนอก

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าก่อนที่จะออกจากร้านโอสถมาพร้อมกันกับเค่อเอ๋อ

หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็มาถึงศาลาเสริมวิญญาณ

ตามที่คาดไว้ ร้านโอสถสาขาของตระกูลลี่ ศาลาเสริมวิญญาณ นี้ขนาดค่อนข้างใหญ่มาก มันมีถึง 2 ชั้นด้วยกัน

"นายท่าน ไม่ทราบว่าต้องการสิ่งใดหรือขอรับ?"

หลังจากผ่านประตูเข้ามา ก็มีพนักงานต้อนรับเข้ามาต้อนรับอย่างสุภาพ

"ข้าต้องการ โอสถประสานก่อกำเนิดจำนวนหนึ่ง"

ต้วนหลิงเทียนบอกเป้าหมายของเขาทันที

"โอสถ ประสานก่อกำเนิด อยู่ชั้นสองนายท่านโปรดตามข้ามา "

พนักงานต้อนรับพาหลิงเทียนขึ้นไปยังชั้น 2 ทันที

"น่ายท่านผู้นี้ต้องการ โอสถประสานก่อกำเนิด" พนักงานต้อนรับบอกกับเจ้าหน้าที่บนชั้น 2 ก่อนที่ตัวมันจะลงกลับไปประจำตำแหน่งที่ชั้น 1

"น่ายท่าน ไม่ทราบว่าท่านต้องการ โอสถประสานก่อกำเนิด จำนวนเท่าใดหรือคะ?"

พนักงานหญิงหน้าตาปานกลางกล่าวถามออกมา

ต้วนหลิงเทียนดูเงินในกระเป๋าก่อนที่จะกล่าวออกมา "นำมาให้ข้า 32 ชุด"

เมื่อได้ยินคำกล่าวของหลิงเทียน พนักงานหญิงก็ตกตะลึง

แต่นางก็สำรวมกิริยาได้อย่างรวดเร็ว

"นายท่านแน่ใจหรือคะว่าต้องการมากถึง 32 ชุด คือว่าชุดนึงมันราคา... "

พนักงานหญิงลังเลเล็กน้อย

"ชุดละ 10,000 เหรียญเงินใช่หรือไม่?"

ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับอย่างไม่แยแสก่อนที่จะหยิบตั๋วเงินปึกใหญ่ออกมาวางไว้หน้าโต๊ะรับรอง

"ขออภัยนายท่าน ข้าจะรีบไปจัดเตรียมโอสถให้แก่ท่านทันที! "

หลังจากเห็นเงินจำนวนมากพนักงานหญิงก็รู้ทันทีว่านายน้อยท่านนี้ไม่ได้ล้อเล่น นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วรีบไปนำ โอสถประสานก่อกำเนิดออกมาทันที ...

"นายน้อยเจ้าคะ ท่านซื้อโอสถอะไรกัน? เหตุใดจึงแพงหูฉีกแบบนี้ล่ะเจ้าคะ "

เค่อเอ๋อกล่าวถามออกมาด้วยความตกตะลึง ท่าทางของนางแตกตื่นอย่างมาก ดวงตาสดใสของนางยามเบิกกว้างช่างน่าดูไม่น้อย

ต้วนหลิงเทียนยิ้มก่อนที่จะกล่าวออกมา "ข้าซื้อ โอสถประสานก่อกำเนิด มันเป็นโอสถที่จะทำให้พวกเราตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดได้อย่างรวดเร็วอย่างไรเล่า"