หน้าแรก > แพทย์เทวะหัตถ์ปีศาจ
ตอนที่ 214 สถานการณ์พลิกผัน

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 214 สถานการณ์พลิกผัน

ฮูหยินผู้เฒ่าที่นั่งอยู่และกำลังรอให้ใครบางคนพูดกับนาง แต่ตอนนี้นางไม่อยู่ในอารมณ์นั้น ใจของนางเต็มไปด้วยภาพของเฟิงหยูเฮงที่ส่ายหน้าต่อนางกำนัลอาวุโสโจว และน้ำเสียงของนางที่บอกว่าพรุ่งนี้นางจะเข้าไปในพระราชวังเพื่อขอรับการอภัยโทษจากฮ่องเต้ ไม่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะคิดเช่นไร นางก็รู้สึกว่าเฟิงหยูเฮงไม่ผิด ไม่ใช่ว่าหมอไม่ได้รักษาจนสุดความสามารถ แต่ขาขององค์ชายเก้าได้รับบาดเจ็บมานานแล้วจะรักษาให้หายได้อย่างไรในครั้งเดียว

“อาเฮง” นางเรียกชื่อเฟิงหยูเฮง แต่นางไม่รู้ว่าควรจะปลอบโยนเฟิงหยูเฮงอย่างไรดี

เฟิงหยูเฮงยิ้มและมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่า ไม่เอ่ยถึงเรื่องของซวนเทียนหมิงอีกต่อไป นางพูดถึงเรื่องครอบครัวแทน “เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาข้าไม่ได้ไปรักษาหลังของท่านย่า ยาที่ให้ฉิงซวงไปส่งให้ ท่านย่าได้รับหรือไม่เจ้าคะ ? ”

ฮูหยินผู้เฒ่ามีสีหน้าที่ขมขื่นและพูดว่า “ข้าได้รับแล้ว และข้ากำลังใช้มัน หลังข้าดีขึ้นมากแล้ว ดูสิ ข้าสามารถออกมาข้างนอกได้แล้ว” นางกังวลที่จะถามเรื่องขององค์ชายเก้า ไม่รอให้เฟิงหยูเฮงพูด นางรีบสอบถามว่า “อาเฮง ขาขององค์ชายเก้า…ไม่สามารถรักษาได้จริงหรือ ? ”

คำถามของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้ทุกคนรู้สึกกังวล แม้แต่วังซวนและหวงซวนก็ยังกังวลเช่นกัน

เฟิงหยูเฮงมองไปที่ทุกคน และส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “มันปล่อยให้อาการเรื้อรังนานเกินไป เป็นการยากที่จะรักษาเจ้าค่ะ”

“ไม่มีความหวังเลยหรือ?”

“หลานไร้ความสามารถ”

“เจ้ามันไร้ความสามารถ ! ” เฟิงเฟินไดเริ่มตะโกนเสียงดัง ขณะที่นางชี้ไปที่เฟิงหยูเฮงแล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่มีความสามารถก็อย่าอวดอ้าง การรักษาขาของพระองค์เป็นสิ่งที่เจ้าทำไม่ได้”

เดิมทีเฟิงหยูเฮงไม่ได้มีเจตนาที่จะโต้เถียงกับใคร แต่เฟิงเฟินไดกลับตำหนินางไม่หยุดปาก สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกรำคาญอย่างแท้จริง ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะมองเฟิงเฟินไดด้วยสายตาเย็นชา “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่ตำหนักหยูและเชิญนางกำนัลอาวุโสโจวมา ? ข้าว่าน้องสี่ชอบวุ่นวายกับเรื่องของข้า เมื่อแม่นมผู้สอนมารยาทมาถึงคฤหาสน์เฟิงในวันพรุ่งนี้ ข้าจะบอกนางให้สอนน้องสี่ให้รู้จักมารยาท”

ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเฟิงเฟินไดมากที่สุด และสั่งบ่าวรับใช้เสียงดัง “พานางไปนั่งคุกเข่าสำนึกผิดในวัด วันนี้งดอาหารนาง ! ”

เมื่อได้รับคำสั่งจากฮูหยินผู้เฒ่า บ่าวรับใช้สองคนก็เดินไปข้างหน้าแล้วลากเฟิงเฟินไดออกไปทันที

เฟิงเฟินไดตะโกนว่า “ปล่อยข้า ! ปล่อยข้า ! ท่านย่า เฟินไดไม่ต้องการคุกเข่าในวัด ! ท่านย่า ! "

น่าเสียดายที่ไม่มีใครสนใจเสียงตะโกนของนาง ฮูหยินผู้เฒ่านั้นรีบบอกกับเฟิงหยูเฮงว่า “เฟินไดไปที่ตำหนักหยูเอง ย่าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย”

เฟิงหยูเฮงปลอบโยนนาง “ท่านย่าไม่ต้องกังวล อาเฮงเข้าใจดีเจ้าค่ะ”

“เป็นเรื่องที่ดีถ้าเจ้าเข้าใจ” ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจเล็กน้อย นางยังต้องการสอบถามเพิ่มเรื่องการรักษาขาขององค์ชายเก้า แต่นางเห็นว่าเฟิงหยูเฮงไม่มีความตั้งใจที่จะพูดอะไรเพิ่มเติม ดังนั้นนางจึงได้แต่ยอมแพ้เท่านั้น “เจ้าไม่ได้พักมาหลายวันแล้วเจ้าคงเหนื่อยมาก กลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะกลับเรือนแล้ว”

“เจ้าค่ะ” นางพยักหน้าแล้วแจ้งวังซวน “ไปส่งท่านย่า”

“ไม่เป็นไร” ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือ “ไปพักผ่อนเถอะ”

หลังจากพูดจบ นางก็สั่งบ่าวรับใช้ เดินกลับไปที่เรือนศจี

เฟิงเฉินหยูเดินตามหลังพวกเขา นางก้มหน้าลง ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรก็ตามสิ่งที่นางไม่รู้ก็คือเฟิงหยูเฮงแอบยิ้มเยาะอยู่ข้างหลังพวกเขา

หลังจากผ่านประตูพระจันทร์เข้าสู่เรือนศจี เฟิงเฉินหยูคำนับฮูหยินผู้เฒ่าและเดินกลับเรือนของนางเอง

ยี่หลินเห็นว่าเฟิงเฉินหยูเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ นางได้แต่ถามเฟิงเฉินหยูว่า "คุณหนูใหญ่ คิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ? "

เฟิงเฉินหยูขมวดคิ้วและไตร่ตรองสักพัก ก่อนที่จะบอกยี่หลิน “ไปบอกท่านลุงสาม และให้เขาเตรียมยายเฒ่าที่มากประสบการณ์ เมื่อเฟิงหยูเฮงรักษาข้าแล้ว ข้าจะให้นางตรวจข้า”

“คุณหนูไม่เชื่อมั่นทักษะทางการแพทย์ของคุณหนูรองหรือเจ้าคะ ? ” ยี่หลินเข้าใจเหตุผล “แต่ถ้ามียายเฒ่าเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้จะไม่แพร่หลายออกไปหรือเจ้าค่ะ”

“มันจะไม่เกิดขึ้น” เฟิงเฉินหยูคิด “ท่านลุงมีวิธีการเก็บความลับ เจ้าแค่ทำตามนี้”

เฟิงเฉินหยูเริ่มมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถทางการแพทย์ของเฟิงหยูเฮงเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้นางเคยคิดว่าเฟิงหยูเฮงสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้ทุกอย่าง วันนี้นางพบว่ามีบางครั้งที่เฟิงหยูเฮงไม่อาจรักษาได้ หากเป็นเช่นนั้น นางแน่ใจได้หรือว่าเฟิงหยูเฮงจะสามารถรักษานางได้สำเร็จ ?

ในขณะที่เฟิงเฉินหยูกำลังกังวล ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังกังวลในระหว่างที่นางกลับไปที่เรือนซูหยา ตลอดการเดินทางกลับใบหน้าของนางไม่มีร่องรอยแห่งความสุข ยายจาวไม่สามารถช่วยได้ นางก็พลอยกังวลไปด้วยและถามว่า “ท่านฮูหยินผู้เฒ่า เป็นอะไรหรือเจ้าคะ ? คุณหนูรองได้ชี้แจงแล้ว ท่านกังวลอะไรอีกหรือเจ้าคะ ? ”

“เฮ้อ” ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจยาว “ข้าไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น เจ้าเห็นท่าทีของนางกำนัลอาวุโสโจวก่อนที่ท่านจะกลับไปหรือไม่ ? ขาขององค์ชายเก้าไม่สามารถรักษาได้ นางต้องไม่มีความสุขแน่นอน"

“แต่ขาของพระองค์ได้รับบาดเจ็บมาเป็นเวลานานแล้วนะเจ้าค่ะ มีเหตุผลที่ไม่สามารถรักษาได้ ! ”

“เราบอกเช่นนั้น แต่ครอบครัวของฮ่องเต้จะไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าวิเคราะห์เรื่องนี้เอง กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าสงสัยว่าทำไมฮ่องเต้จึงปฏิบัติต่ออาเฮงอย่างดี ? ฝ่าบาทยังหายโกรธตระกูลเหยาอีกหลังจากนั้น ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าเข้าใจแล้ว ข้ากลัวว่าเป็นเพราะฝ่าบาทหวังว่าอาเฮงสามารถรักษาขาขององค์ชายเก้าได้  ฮ่องเต้เชื่อมั่นในความสามารถทางการแพทย์ของอาเฮงมาก เมื่อนั้นฝ่าบาทจึงสนับสนุนนาง แต่ตอนนี้…เห้อ ! ” นางถอนหายใจอีกครั้ง “ข้ากลัวว่าวันที่เงียบสงบของอาเฮงจะสิ้นสุดลงแล้ว”

ยายจาวตกตะลึง “นั่นเป็นไปไม่ได้เจ้าค่ะ”

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ? ” ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าการวิเคราะห์ของนางมีเหตุผลมาก “ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานองค์ชายเก้ามาตลอด แม้ว่าข่าวลือก่อนหน้านี้จะบอกว่าองค์ชายเก้าไม่สามารถมีบุตรได้ แต่เมื่อเดือนที่แล้วดูเหมือนว่าฮ่องเต้จะยังไม่สิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง ถ้าอาเฮงรักษาขาของพระองค์ได้ อาจเป็นไปได้ว่าตำแหน่งของรัชทายาทจะเป็นของพระองค์ ตอนนี้ขาของพระองค์ยังไม่หายเป็นปกติ บางทีฝ่าบาทจะทรงเย็นชากับอาเฮง”

ยายจาวรู้สึกเหงื่อออกเมื่อได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า หากสิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามที่ฮูหยินผู้เฒ่าคิด อาจจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกครั้งในคฤหาสน์เฟิง

“ท่านฮูหยินผู้เฒ่า” นางถามด้วยเสียงสั่น “เราควรเตรียมตัวล่วงหน้าหรือไม่เจ้าคะ ? ”

ฮูหยินผู้เฒ่าคิดเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง เราสามารถพูดคุยกันได้เมื่ออาเฮงกลับมาจากพระราชวังในวันพรุ่งนี้”

………

มีวัดขนาดใหญ่มากในคฤหาสน์เฟิงที่สร้างขึ้นหลังเรือนจินหยู เฉินซื่อสร้างขึ้นใหม่ในขณะที่นางยังมีชีวิตอยู่

ในความเป็นจริงหลังจากสร้างวัดแล้ว นางไม่เคยไปอีกเลย นางเพิ่งเห็นมันในคฤหาสน์ของตระกูลอื่น และคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทุกคฤหาสน์ควรมี

แต่เมื่อพูดถึง มีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าเพียงคนเดียวในคฤหาสน์ที่ไปสวดมนต์ภาวนาบ่อย ๆ เรือนที่นางอยู่นั้นก็มีห้องพระด้วย นางไม่ต้องการไปที่วัดที่เฉินซื่อสร้าง แม้ว่าเฉินซื่อจะตายไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เฉินซื่อเสียชีวิต วัดนั้นไม่มีคนเข้าไปเลย หลังจากนั้นไม่มีบ่าวรับใช้เข้าไปทำความสะอาด และเช่นเดียวกับที่วัดในคฤหาสน์ของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ วัดเต็มไปด้วยฝุ่น

ฮูหยินผู้เฒ่าลงโทษเฟิงเฟินไดด้วยการนั่งคุกเข่าในวัด ดังนั้นบ่าวรับใช้จึงไม่สามารถส่งนางไปที่ห้องพระเล็ก ๆ ที่เรือนซูหยา เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนพวกเขาทำได้เพียงส่งนางไปที่เรือนจินหยู เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่เรือนจินหยู เฟิงเฟินไดก็ตะโกนด้วยความบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะพูดอะไรนางก็ไม่อยากไป

แต่บ่าวรับใช้ที่จับนางไว้แข็งแรงมาก ดังนั้นเด็กหญิงอายุ 10 ขวบจะหนีจากผู้ใหญ่เหล่านี้ได้อย่างไร ดังนั้นนางจึงถูกลากตัวไปในทิศทางนั้น

เมื่อพวกเขามาถึงที่เรือนจินหยูก็มีคนยืนอยู่ที่นั่นด้วย มือทั้งสองประสานกันด้านหลัง หันหน้าไปทางเรือน เขาดูโดดเดี่ยวมาก

คิ้วของเฟิงเฟินไดกระตุกและจำได้ทันทีว่าคนนั้นเป็นใคร “ลูกพี่ลูกน้อง ! ลูกพี่ลูกน้องเฉินชิง ! ”

คนที่อยู่ทางเข้านั้นไม่มีใครนอกจากเฉินชิง เมื่อได้ยินว่ามีคนมา เขาหันกลับไปอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าเฟิงเฟินไดถูกลากมา ครู่หนึ่งเขาก็ตกใจมาก “เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูสี่ เหตุใดบ่าวรับใช้เหล่านี้จึงปฏิบัติต่อคุณหนูเช่นนี้ ? ”

บ่าวรับใช้สองคนปฏิบัติต่อเฉินชิงอย่างสุภาพ แต่ไม่ได้นอบน้อมจนมากเกินไป พวกเขาตอบคำถามของเขา “บ่าวรับใช้คนนี้ทำตามคำสั่งของท่านฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ พาคุณหนูสี่มาที่วัดเจ้าค่ะ”

"ลูกพี่ลูกน้อง ! เป็นเฟิงหยูเฮงที่ทำร้ายข้า ! ” เฟิงเฟินไดเห็นว่าบ่าวรับใช้สองคนนี้ไม่หยุดแม้ว่าพวกเขาจะตอบคำถามของเฉินชิงก็ตาม ตอนนี้นางกำลังจะถูกลากเข้าไปในเรือน นางตะโกนอย่างรวดเร็ว “เฟิงหยูเฮงไม่เพียงแต่ทำร้ายข้าเท่านั้น แต่ยังทำร้ายพี่ใหญ่ด้วย! เมื่อเร็ว ๆ นี้พี่ใหญ่ไม่ได้อยู่ดีมีสุขในคฤหาสน์ ! เจ้าต้องช่วยพี่ใหญ่ให้ได้ ! ”

นางตะโกนดังมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากบ่าวรับใช้สองคนลากนางไปที่เรือน นางหายตัวไปในห้องโถงหลังจากนั้นไม่กี่ก้าว

เขาได้เห็นแล้วว่าเฟิงเฉินหยูมีชีวิตแบบไหน แม้แต่คุณหนูสี่ยังได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ เขาก็เริ่มพิจารณาว่าเฟิงเฉินหยูลูกพี่ลูกน้องของเขาทรมานแค่ไหน? การถูกลดระดับจากบุตรสาวของฮูหยินใหญ่มาเป็นบุตรสาวของอนุ นี่เป็นความขมขื่นที่ใครก็ไม่อาจทนได้ และนางจะทนได้หรือไม่ ?

เฉินชิงครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน จากนั้นจึงตัดสินใจที่จะไปที่เรือนซูหยาด้วยตัวเอง ตอนนี้ป้าและลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่มีชีวิตอีกต่อไป เฟิงเฉินหยูก็ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ในฐานะลูกพี่ลูกน้องของนาง ถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่างตอนนี้ เฟิงเฉินหยูจะไม่ถูกรังแกจนตายหรือ ?

เมื่อคิดเช่นนี้เฉินชิงไม่ลังเลอีกต่อไปแล้วเดินไปตามเรือนซูหยา

เมื่อเขามาถึง ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่ในห้องโถงและมองดูน้ำแกงรังนกด้วยความกังวลในหัว แต่เดิมรังนกเป็นอาหารว่างที่นางชอบมาก แต่นางก็ไม่รู้สึกว่ามันอร่อยแม้แต่น้อย เพราะนางรู้สึกไม่สบายใจที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

มีบ่าวรับใช้คนหนึ่งเข้ามารายงานว่าคุณชายตระกูลเฉินมา ฮูหยินผู้เฒ่ามัวแต่ใจลอย และมันก็เป็นยายจาวที่เตือนนางว่า "คุณชายเฉินมาขอเข้าพบเจ้าค่ะ"

ฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้นที่เข้าใจ อย่างไรก็ตามนางขมวดคิ้วและถามว่า “เขามาทำอะไรที่นี่ ? เขาควรจะตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือสิ”

ยายจาวกล่าวว่า “เขาอยู่ข้างนอก มันจะเป็นการดีกว่าถ้าจะเรียกเข้ามาถาม”

ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “ให้เขาเข้ามา”

เฉินชิงเพียงต้อนรับเข้าห้องเท่านั้น

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เคยแสดงความรู้สึกที่ดีต่อผู้คนในตระกูลเฉิน แม้ว่าเฉินชิงและเฟิงจินหยวนจะสนิทกัน แต่แซ่ของเขาก็ยังคงเป็น ‘เฉิน’ ซึ่งทำให้นางต้อนรับเขาอย่างเย็นชา

เฉินชิงเป็นคนสุภาพมาก ในขณะที่เขาคำนับท่านฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อแสดงความเคารพก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและพูดว่า "เฉินชิงไม่ได้มาคารวะท่านหลายวันแล้ว ท่านได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยขอรับ"

ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือของนาง “ไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องมาคารวะทุกวัน การคารวะเป็นสิ่งที่ลูกหลานของตระกูลเฟิงต้องทำ มันไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลเฉินของเจ้า”

เฉินชิงรู้สึกอับอาย ความบาดหมางระหว่างตระกูลเฉินและตระกูลเฟิงเป็นสิ่งที่เขาได้ยินมาบ้าง แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ไว้หน้าเขาเลย นางเกลียดตระกูลเฉินจริงหรือ ?

“ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดคุณชายเฉินจึงมาหาในเวลานี้ ? ” เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องการที่จะพูด ยายจาวจึงเป็นคนถาม

เฉินชิงรวมรวมความกล้าหาญของเขาและสูดหายใจลึก ๆ ดูเหมือนว่าเขาได้ตัดสินใจครั้งใหญ่มาก เขาคุกเข่าลงกับพื้นและพูดเสียงดังว่า "เฉินชิงมาวันนี้เพื่อพูดเกี่ยวกับการแต่งงาน และขอแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิง, เฟิงเฉินหยู ! ท่านฮูหยินผู้เฒ่าได้โปรดอนุญาตด้วยขอรับ ! ”

 

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.