spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ลี่ซ่งจากเดิมที่มีทีท่าเกรี้ยวกราดปานจะถล่มท้องฟ้า...
และถึงแม้เขาจะรู้ว่าตนไม่ใช่คู่มือของลี่ฉิง แต่เขาก็ไม่ได้หวาดกลัวสักนิด
ทว่าตอนนี้…
ภาพเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ ถึง 3 ตัวที่ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของลี่ฉิงอย่างเด่นชัดทำให้มันไร้เรี่ยวแรงที่จะสู้สืบไป ความกดดันของพลังงานต้นกำเนิดตรงหน้าทำให้มันสิ้นหวังทันที
เงาร่างแมมมอธโบราณ 3 ตัว
เป็นสิ่งยืนยันว่า...ลี่ฉิงนั้นตัดผ่านไปยังระดับ ก่อกำเนิดขั้นที่ 2 เรียบร้อยแล้ว
ราวกับเสียงร่างเงาช้างแมมมอธโบราณจะกระหึ่มดังก้องเข้าไปภายในใจของผู้คน
ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2
ลี่ฉิงได้ตัดผ่านไปยังระดับ ก่อกำเนิดขั้นที่ 2 ด้วยอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น
น่าเหลือเชื่อเกินไป!
แม้แต่ผู้ชนะเลิศการประลองประจำตระกูลปีที่แล้วอย่างลี่เฟิง ยังพึ่งตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 เท่านั้น
นั่นหมายความว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดของลี่ฉิงยังเหนือล้ำไปกว่าลี่เฟิงเสียอีก!
หากจะวัดกันในด้านความแข็งแกร่งก็นับว่าเขาเหนือล้ำลี่เฟิงเมื่อปีที่แล้วมากมายนัก
"สาวกที่มีอายุเพียง 18 ปีแต่ทว่ามีการบ่มเพาะอยู่ที่ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 แม้ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาของประวัติศาสตร์ตระกูลลี่เรา ก็สามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว "
"นับว่าพรสวรรค์แต่กำเนิดของมันน่าทึ่งยิ่งนัก!"
"หลานชายของผู้อาวุโสหลักนี่ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ"
......
คลื่นเสียงดังกระหึ่มออกมาจากเหล่าผู้ชม เรื่องที่ลี่ฉิงนั้นมีระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 มันเขย่าขวัญผู้คนมากเกินไป
"หึ ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 งั้นรึ?"
ตาของหลิงเทียนหรี่เล็กลง ก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมาที่มุมปาก
นับว่าการประลองประจำตระกูลครั้งนี้เริ่มสนุกขึ้นมาหน่อยแล้ว
ยามสนทยาเริ่มมาเยือนเป็นนิมิตหมายบ่งบอกว่าการประลองประจำตระกูลใกล้จะจบสิ้นลงแล้ว
สองร่างบนเวทีประลอง ที่กำลังปะทะกันตอนนี้คือ
ลี่อัน และ ลี่เฟย
ลี่อันนับว่าได้เปรียบลี่เฟยอยู่เล็กน้อย และในที่สุดมันก็เอาชนะลี่เฟยลงได้
คิ้วสวยของลี่เฟยขมวดลงเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ
หลังจากการประลองผ่านไปอีก 2-3 คู่
"ต้วนหลิงเทียน ลี่เฟย"
เสียงของผู้ตัดสินดังขึ้นจากระยะไกล
บนเวทีประลอง
"พวกเราพบกันอีกแล้ว"
ต้วนหลิงเทียนยิ้มเบาๆ ก่อนที่จะใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนามองไปยังลี่เฟยอย่างไม่กักเก็บเอาไว้ ทำให้ลี่เฟยที่พบสายตาดั่งกล่าวที่ถูกเผยออกมาซึ่งๆหน้าถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเพราะความโกรธ...และนางไม่กล้ามองแววตานี้ของหลิงเทียน
"ฮึ! มารราคะ!”
เมื่อสังเกตแววตาหื่นกระหายในตัวนางของหลิงเทียนที่ส่งออกมาราวกับเจ้าตัวไม่คิดจะกักเก็บเอาไว้ นางอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาด้วยโทสะ สีหน้าของนางนับว่าแดงก่ำกว่าเดิมอย่างมาก อีกทั้งนางยังเขินอายอย่างถึงที่สุด บุรุษผู้นี้กล้ามองนางอย่างเปิดเผยถึงเพียงนี้
นอกเวทีประลอง
"โอ้สวรรค์ สิ่งที่ข้าเห็นเป็นเรื่องจริงเช่นนั้นหรือ ...ลี่เฟยผู้นั้นกำลังเขินอาย ... นางกลับเขินอายแล้วจริงๆ! "
"บัดซบนี่เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่... มันเป็นไปได้หรือที่ลี่เฟยจะมีสัมพันธ์กับหลิงเทียน? เหตุใดนางจึงทำท่าทางเขินอายเช่นนั้นเมื่อพบหน้าสบตากับมันด้วยเล่า? "
"ข้าว่าทั้งคู่ต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างแน่นอน"
"ข้าก็คิดเช่นนั้น"
"บัดซบหลิงเทียนผู้นี้มันได้รับวาสนามาจากที่ใด เหตุใดดวงด้านความรักของมันจึงสุกสกาวราวกับดวงดาราถึงเพียงนี้ ข้างกายของมันก็มีเด็กสาวที่งดงามไม่แพ้ลี่เฟยอยู่แล้ว ทว่ายามนี้ยังได้ใจลี่เฟยไปอีก บัดซบเหตุใดข้าไม่เป็นมันกัน"
......
เหล่าฝูงชนกำลังตกอยู่ในความตื่นตระหนกและวุ่นวาย
ลี่เฟยนั้นขึ้นชื่อเรื่องความงดงามในตระกูลลี่อย่างมาก และนั่นทำให้นางมีกลุ่มผู้ติดตามเยอะยิ่งนัก แต่มว่านางไม่เคยสนใจหรือมองผู้ใดแล้วเกิดอาการหน้าแดงเขินอาย ดั่งเช่นที่มองหลิงเทียนยามนี้แม้แต่น้อย
หากเป็นผู้อื่นใช้สายดาเดียวกันกับหลิงเทียนจ้องมองนาง นางจะเผยแววตาที่เต็มไปด้วยความต้องการสังหาร แต่ทุกครั้งล้วนไม่เคยปรากฏความเอียงอายจนต้องหลบสายตาเช่นนี้
ทว่ายามนี้…
หลังจากนางสบตากับหลิงเทียนนางกลับหน้าแดงและหันหลบสายตาของมันราวกับเขินอายจริงๆ!
เหลือเชื่อ!
ลี่อันเดินมาข้างๆลี่ฉิงก่อนที่จะกล่าวขึ้นมาว่า "ลี่ฉิง เจ้าก็ติดตามนางมาเนิ่นนางแล้ว แต่นางไม่เคยแยแสเจ้าแม้แต่น้อย ... ทว่ายามนี้นางดูจะสนอกสนใจหลิงเทียนผู้นั้นขึ้นมาแล้วจริงๆ"
ในขณะที่มันพูดกับลี่ฉิง ลี่อันก็ใช้สายตาร้อนแรงจับจ้องไปยังเด็กสาวที่มักอยู่ข้างกายหลิงเทียนเช่นกัน
แต่ทว่าสายตาของสาวน้อยคนนั้น จับจ้องไปยังชายหนุ่มชุดสีม่วงบนเวทีประลองโดยไม่กระพริบตา ไม่คิดจะหันมาแยแสเขาเลยแม้แต่น้อย
ท่าทางของเขาแปรเปลี่ยนเป็นมืดมนอย่างช่วยไม่ได้
"เฮอะ! มันมีค่าพอเป็นคู่แข่งกับข้างั้นหรือ?
ลี่ฉิงกล่าวออกมาด้วยความเย้ยหยัน
จากคำพูดนี้ ก็ทำให้รู้ว่ามุมมองของมันต่อหลิงเทียนเป็นเช่นไร
"นั่นย่อมมิผิด เพราะตอนนี้เจ้าตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 แล้ว ดังนั้นไม่ว่าหลิงเทียนจะเก่งกาจและแข็งแกร่งถึงเพียงใดมันย่อมเทียบเจ้าไม่ได้ ... แต่เจ้าควรระมัดระวังฝีปากของมันให้ดี นับว่ามันมีวาจาเกี้ยวพาสตรีสูงส่งยิ่งนัก เจ้าไม่เห็นรึไร แม้แต่ลี่ฉีฉียังหลงคารมมันจนติดตามต้อยๆ เช่นนั้น" ลี่อันกล่าวออกมา
"ลี่อัน"
ทันใดนั้นเองลี่ฉิงก็จ้องมองลี่อันด้วยแววตาแข็งกร้าว
"หืม?"
ลี่อันถึงกับสับสนไปครู่หนึ่ง
"หากข้าคาดไว้ไม่ผิด เจ้าย่อมสนใจเด็กสาวข้างกายหลิงเทียนใช่หรือไม่? นี่เพราะเจ้าไม่มั่นใจที่จะกำจัดมันได้ จึงคิดยืมดาบฆ่าคนเช่นนั้นรึ? " ลี่ฉิงกล่าวออกมาอย่างทะลุปรุโปร่ง มันย่อมทราบถึงสาเหตุที่ลี่อันมาใส่ไฟได้เป็นอย่างดี
"ไม่มั่นใจ กับมันเช่นนั้นรึ? น่าขำ มันขึ้นอยู่กับว่าเป็นเจ้าหรือข้าที่พบเจอกับมันก่อน หากมันพบกับข้าก่อน แน่นอนว่าข้าย่อมมั่นใจที่จะทำให้มันไม่สามารถประลองต่อได้ และนั่นก็ประหยัดแรงเจ้าไม่น้อยไม่ใช่รึไง" ลี่อันกล่าวออกมาอย่างไม่กริ่งเกรงเช่นกัน
"คงงั้น แต่ทว่าหากมันเจอข้าก่อน มันย่อมไม่เหลือลมหายใจไปประลองกับเจ้าอย่างสืบไป"
แล้วลี่ฉิงก็จับจ้องไปยังหลิงเทียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกระหายและอำมหิต
บนเวทีประลอง
เป็นธรรมดาที่บ่มเพาะระดับกำกำเนิดเช่นลี่เฟย จะได้ยินบทสนทนาของผู้ชมด้านล่างเวที นั่นทำให้นางมีโทสะมากขึ้นไปอีก อีกทั้งยังอับอายมากเช่นกัน
"ต้วนหลิงเทียน!"
แต่ทว่าแม้ลี่เฟยจะกล่าวตวาดเรียกชื่อมันออกมาด้วยโทสะ ทว่าหลิงเทียนกลับยังมองนางด้วยแววตาปรารถนาดุจเดิมนั่นทำให้นางไม่รู้ว่าจะกักเก็บความอับอายและโทสะนี้ไว้ได้อย่างไร
"ว่าไง? เจ้ามีอะไรจะพูดรึ? "
ต้วนหลิงเทียนกลับรับคำพร้อมกับจ้องตากลับอย่างทะเล้น
ฉากหยอกเย้านี้แทบทำให้ผู้คนหัวเราะออกมา
"เฮ้ ต้วนหลิงเทียน หากเจ้าไม่อยากทำให้บุปผางดงามต้องชอกช้ำ เจ้าควรรีบๆยอมแพ้ไปเสีย" ผู้ชมกล่าวออกมาอย่างสนุกสนาน
“ยอมรับความพ่ายแพ้งั้นหรือ? อ่า เสี่ยวเฟย เจ้าอยากให้ข้ายอมแพ้หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนจ้องนางด้วยรอยยิ้มก่อนจะกล่าวถามออกไปด้วยวาจากรุ้มกริ่ม
เสี่ยวเฟย?
ได้ยินบทสนทนาที่หลิงเทียนกล่าวออกมา ผู้คนถึงกับทึ่งกับคำเรียกขานลี่เฟยของมัน
"ต้วนหลิงเทียน!"
ลี่ฉิงนั้นตอนนี้จ้องหลิงเทียนอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ มันกำหมัดเอาไว้แน่น พลังงานต้นกำเนิดของมันปะทุออกมาอย่างหนาแน่นราวกับว่ามันพร้อมจะขึ้นไปเข่นฆ่าสังหารหลิงเทียนให้สิ้น
บนเวทีประลอง
ลี่เฟยไม่อาจทนยืนนิ่งต่อไปแบบนี้ได้อีก นางจึงตัดสินใจจู่โจมออกด้วยโทสะทันที
นางไม่คิดเลยว่าหลิงเทียนจะเป็นบุคคลเช่นนี้ มันกลับกล้าเรียกชื่อเล่นของนางออกมาตรงๆ ...
และแน่นอนว่านางย่อมมีความสงสัยอยู่เต็มอก ว่าหลิงเทียนไปล่วงรู้ชื่อเล่นของนางได้อย่างไร
ประกายแสงไร้ลักษณ์!
รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรของลี่เฟยพุ่งออกไปหมายจู่โจมหลิงเทียนราวกับเส้นแสง
บนศีรษะของนางปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมาอย่างเด่นชัด 2 ตัว
หลิงเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย
ความเร็วของลี่เฟยนับว่ารวดเร็วกว่าลี่ซ่งเล็กน้อย
“หืม?”
ลี่เฟยพลันสังเกตเห็นได้ในพริบตา
ว่าในขณะที่นางเข้ามาใกล้และเตรียมจะจู่โจมแล้ว ทว่าหลิงเทียนกลับไม่คิดหลบหรือตอบโต้อันใด
"เมินข้าเช่นนั้นหรือ ... "
โทสะนางพลันทะลักล้นออกมา เพราะความอับยศจากการไม่แยแสของหลิงเทียน
หมัดดาวตก!
กำปั้นของนางแหวกชุดสีม่วงขึ้นมาก่อนที่จะซัดไปกลางอกของหลิงเทียนอย่างสุดกำลัง ราวกับอุกกาบาตพุ่งผ่านฟากฟ้า
ประกายตาของหลิงเทียนเรืองวูบขึ้น
ตอนนี้เขาเร่งความแข็งแกร่งของร่างกายขึ้นมาถึง 28,000ปอนด์ ...
พลังเคลื่อนย้ายจักรวาล!
เขาโคจรพลังงานต้นกำเนิดเพื่อใช้ออกด้วยวิชาป้องกัน เพื่อรับมือกับหมัดดาวตกของลี่เฟยทันที
ปัง!!
พริบตาต่อมากำปั้นของลี่เฟยก็ซัดไปยังร่างของหลิงเทียนอย่างจัง
ลี่เฟยพลันเปลี่ยนเป็นสับสน
หลิงเทียนกลับไม่ยอมหลบหลีกหมัดนี้ของนางจริงๆ และกำปั้นนี้ของนางก็ซัดเข้าไปด้วยพลังทั้งหมด
นางรู้สึกกังวลเล็กน้อย การโจมตีนี้ของนางใช่หนักไปหรือไม่?
"ความแข็งแกร่งของช้างแมมมอธโบราณ 2 ตัว!"
แต่ทันใดนั้นลี่เฟยพลันได้ยินเสียงดังขึ้นที่หูของนาง
และพริบตาเดียวกันนั้นนางก็สัมผัสได้ว่า กำปั้นของนางนั้นไม่อาจจะฝ่าการป้องกันของกำแพงพลังที่คลุมร่างของหลิงเทียนอยู่แม้แต่น้อย
"นิ ... นี่เป็นไปได้อย่างไร?!"
ดวงตาที่สวยงามของนางถึงกับเบิกกว้างออกด้วยความตกตะลึง ความไม่เชื่อฉายชัดอยู่บนใบหน้าที่งดงามและน่ารักของนาง
นางเงยศีรษะขึ้นดูเหนือหัวหลิงเทียนอย่างไม่ได้ตั้งใจ และสายตานางก็กระจ่าง
บริเวณเหนือศีรษะของต้วนหลิงเทียน กลับปรากฏเงาร่างของช้างแมมอธโบราณออกมาเลือนราง ถึง 2 ตัว ...
เพียงระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 แต่กลับมีความแข็งแกร่งระดับ ช้างแมมมอธโบราณถึง 2 ตัว?
และใบหน้าที่สวยงามของนางกลับฉายชัดไปด้วยความตกตะลึงอีกครั้งเมื่อ...
ในวินาทีต่อมานางสัมผัสได้ว่าพลังงานที่นางส่งออกไปนั้นราวกับจะสะท้อนไปมากับโล่พลังงานต้นกำเนิดของหลิงเทียนแล้วไหลย้อนกลับมาทางกำปั้นของนาง
พลังนี้นางรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
มันเป็นสัมผัสพลังแบบเดียวกันกับกำปั้นดาวตกของนาง ...
"แย่แล้ว รีบหลบเร็วเข้า!"
หลิงเทียนถึงกับขมวดคิ้วขึ้น เมื่อเขาตระหนักว่าเขาใช้พลังแยบยลเกินไปจนดูดซับพลังงานทั้งหมดของนางโดยไม่ตกหล่น เมื่อสะท้อนมันกลับไปอาจทำให้นางบาดเจ็บสาหัสได้ เขาจึงรีบเคลื่อนร่างออกเพื่อไม่ให้พลังงานสะท้อนกลับไปจู่โจมนางมากเกินไปนัก พร้อมทั้งตะโกนให้นางรีบหลบทันที
แต่ทว่าลี่เฟยกลับไม่สามารถถอยกลับได้ทันการณ์
ถึงแม้ว่าหลิงเทียนจะระงับพลังที่สะท้อนไปจากพลังเคลื่อนย้ายจักรวาลของมันไว้ได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังคงมีอยู่ไม่น้อยที่ไหลผ่านกำปั้นของนางโดยไม่แยแสเกราะพลังงานต้นกำเนิดของนางแม้แต่น้อย ก่อนที่มันจะระเบิดกระแทกไปยังตัวนาง...
และทันใดนั้นสีหน้าของลี่เฟยพลันซีดเผือดราวกับคนตาย
นางบินออกไปราวกับลูกธนูหลุดออกจากแล่ง ตรงไปยังมุมหนึ่งของเวทีประลอง
“ท่าไม่ดีแล้ว!”
“แย่แล้ว หากพุ่งไปลักษณะนี้ นางสาหัสแน่!”
ทันใดนั้นพลันมีเสียงตะโกนด้วยความกังวลดังขึ้นจากนอกลานประลอง
และเมื่อหลิงเทียนเหลือบมองไปยังทิศทางที่ลี่เฟยกระเด็นออกไป สีหน้าของมันก็พลันเปลี่ยนไปเป็นบิดเบี้ยว
ตอนนี้ลี่เฟยหน้าซีดเผือดลงราวกับไร้สีเลือดกอปรกับนางอ่อนแอมากเกินกว่าจะควบคุมร่างกายได้
และศีรษะของนางกำลังมุ่งไปยังขอบเสาที่ตั้งอยู่ตรงมุมของเวทีประลอง ...
ด้านแหลมคมและแง่มุมอันตรายของขอบเสานั้นหันมาทางศีรษะของนางพอดี
หากลี่เฟยที่ไร้กำลังพุ่งไปชนในลักษณะนี้แล้วล่ะก็ ผลลัพธ์ย่อมเลวร้ายเกินคาดเดา!
บนแท่นสูง
ท่าทางของลี่อู๋พลันแปรเปลี่ยนเป็นกังวล มันลุกขึ้นเตรียมที่จะพุ่งไปช่วยลี่เฟยทันที
แต่ทว่ามันถึงกับต้องหยุดชะงักลงเพราะความทึ่ง
และในขณะนี้ไม่ใช่แค่ลี่อู๋เท่านั้น ทว่าทุกคนที่กำลังจับจ้องไปยังลานประลองล้วนตาเบิกกว้างออกด้วยความตกตะลึงและความทึ่ง
ราวกับว่าตอนนี้พวกมันพลันลืมเลือนเรื่องที่ลี่เฟยกำลังตกอยู่ในห้วงอันตรายถึงชีวิตไปเสียสิ้น
บนเวทีประลองร่างชายหนุ่มที่ราวกับแปรเปลี่ยนเป็นพญาอสรพิษกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วน่าตื่นตระหนก...
และบนอากาศเหนือศีรษะของมันกลับปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณถึง 3 ตัว ..ทุกสายตาล้วนประจักษ์แจ้งถึงภาพนี้
"ไม่จริง... เป็นไปไม่ได้ ... มันจะเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร ... "
ลี่อันที่เห็นภาพนี้จากไกลๆ มันถึงกับส่ายหัวออกมาราวกับจะไม่ยอมรับ
มันไม่อาจจะเต็มใจรับความจริงข้อนี้ได้
บนเวทีประลอง
เมื่อหลิงเทียนสังเกตถึงอันตรายที่อาจคร่าชีวิตลี่เฟยได้ เขาไม่อาจกังวลเรื่องอื่นใดได้อีก เขาจึงระเบิดความแข็งแกร่งออกมาทั้งหมดและใช้วิชาท่าร่างออกมาอย่างเต็มกำลังพุ่งตัวราวกับเส้นแสงไปช่วยเหลือลี่เฟย
แต่ทว่าเมื่อมันเคลื่อนมาถึงครึ่งทางมันพลันตะหนักถึงวิกฤตกาลครั้งใหม่ ...ความเร็วของมันด้อยกว่าที่ต้องการอยู่เล็กน้อย
“ไม่!”
ทันใดนั้นดวงตาของหลิงเทียนพลันเปลี่ยนไปเป็นสีแดงฉาน ก่อนที่มันจะคำรามออกมาด้วยความไม่ยินยอม
บนแท่นสูง ประมุขตระกูลลี่อู๋และเหล่าอาวุโสล้วนเห็นภาพนี้ชัดแจ้ง ดังนั้นท่าทางของพวกมันจึงบิดเบี้ยวอย่างมาก
เพราะตอนนี้ต่อให้เป็นพวกมัน ก็ไม่อาจพุ่งไปช่วยเหลือลี่เฟยได้ทันเวลา ...
ระยะทางมันไกลเกินไป
ลี่เฟยที่กระเด็นออกไปเพราะแรงปะทะ ...มีแต่ความสิ้นหวังฉายชัดอยู่เต็มดวงตาของนาง
"ข้ากำลังจะตายงั้นเหรอ?" นางเอ่ยออกมาด้วยแววตาหมดอาลัย
ทันใดนั้นเองนางก็เห็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีม่วง แสดงทีท่าดุร้ายราวกับอสูรกายกำลังพุ่งตัวมาทางนางด้วยความเร็วสูง ...
ทว่าท่าท่างร้อนรนราวกับอสูรกายของมันนั้น พลันทำให้หัวใจของนางรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
สุดท้ายแล้วความจริงก็ปรากฏ เขาไม่ได้น่ารังเกียจจริงๆ ...
“อ๊าคคคคคค !!” หลิงเทียนที่พุ่งร่างไปด้วยความเร็วเกินขีดจำกัดตะโกนออกมาด้วยความร้อนรนและแค้นใจ
กล้ามเนื้อและเส้นโลหิตในร่างกายของมันถึงกับโป่งพองออกมาอย่างน่าหวาดกลัวราวกับจะระเบิดออก ...
ปัง!!
มันกระทืบพื้นอีกครั้งด้วยความแข็งแกร่งเต็มกำลังเพื่อให้ได้แรงส่งที่มากพอ
แต่ทว่าทันที่ที่ขาของมันกระทืบถูกพื้น เสี้ยวพริบตานั้นภาพในใจของมันก็กระพริบภาพเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา
ในภาพเหตุการณ์นั้นปรากฏร่าง เสี่ยวเฮย สั่นไหวร่างกายเล็กน้อยก่อนที่มันจะพุ่งออกไปรวดเร็วดั่งเส้นสายอัสนี ...
ทันใดนั้นเอง ในห้วงคำนึงของหลิงเทียนพลันบังเกิดความรู้แจ้งขึ้นมาในบางสิ่ง
ในขณะที่ร่างกายมันกระทืบพื้นเพื่อใช้แรงถีบส่งตัวออกไปนั้น พลังงานต้นกำเนิดที่โคจรใช้ออกด้วยวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายพลันหมุนวนอย่างบ้าคลั่งและถูกบังคับให้หมุนวนต่างออกไปจากก่อนหน้านี้...
ความสำเร็จขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญ!
ฟุ่บบ!
ความเร็วของหลิงเทียนพลันปะทุขึ้นในพริบตา ร่างของมันเลือนหายไปปรากฏข้างร่างลี่เฟยที่กำลังจะปะทะกับมุมเสาอย่างน่าอัศจรรย์
ทว่าระยะห่างระหว่างศีรษะลี่เฟยกับมุมเสานั้นห่างกันเพียงไม่ถึงหนึ่งข้อนิ้ว
ต้วนหลิงเทียนได้แต่กัดฟันและแทรกตัวมันไปคั่นระหว่างศีรษะลี่เฟยและมุมเสา
ปัง!!
ทว่าก่อนที่หลิงเทียนจะได้ทันโคจรพลังงานต้นกำเนิดเพื่อสร้างกำแพงพลังงานต้นกำเนิดคลุมกายเพื่อบรรเทาแรงปะทะ ร่างของลี่เฟยพลันปะทะเข้าไปในอ้อมอกของหลิงเทียนเสียก่อน
และด้วยแรงปะทะที่มันได้รับจากลี่เฟย มันยินยอมที่จะรับแรงจากการปะทะเอาไว้ทั้งหมดโดยพยายามไม่ให้นางบาดเจ็บอะไรมากมาย ตัวมันจึงปะทะกับขอบเสาเวทีประลองอย่างจัง ความเจ็บปวดราวกับสายฟ้าฟาดแล่นมาจากแผ่นหลังในทันที ทำให้สีหน้าของมันพลันเปลี่ยนเป็นซีดเซียว ...