spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ต้วนหลิงเทียนออกตัวพุ่งไปข้างหน้า มันวูบไหวร่างราวกับไร้กระดูกไปยังลี่ซ่งด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
วิชาวาดกระบี่!
ประกายแสงจากกระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงบังเกิดขึ้นมาหนึ่งวูบในพริบตาก่อนที่จะหายลับไป
แต่ทว่าหนึ่งกระบี่นี้ กลับสกัดกั้นทิศทางที่ลี่ซ่งจะก้าวเคลื่อนที่ไปได้อย่างหมดจด มันไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ...
และในเสี้ยวพริบตานั้นทำให้ลี่ซ่งไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป!
ฟึ่บ!
ดังสายอัสนีแลบลั่นจากฟากฟ้า ประกายสีม่วงบังเกิดขึ้นอีกครั้ง พาดผ่านลำคอของมันไปโดยที่ไม่สามารถป้องกันอะไรได้ ...
นี่ทำให้ร่างกายของมันแปรเปลี่ยนเป็นตะลึงงัน มันหยุดเคลื่อนไหวโดยพลัน!
ลี่ซ่งยกมือขึ้นไปจับลำคออย่างไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ทว่าร่องรอยโลหิตบนมือของมัน ทำให้สองตาของมันเบิกกว้างขึ้น ...
"ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ชนะ!"
เสียงของผู้ตัดสินดังขึ้น
"ข้า แพ้…."
ลี่ซ่งหันไปจ้องมองชายหนุ่มในชุดคลุมสี่ม่วงที่ยัดเยียดความปราชัยให้เขา
แล้วมันก็กระโดดลงจากเวทีโดยไม่เอื้อนเอ่ยแม้แต่คำลา
มุมปากของหลิงเทียนปรากฏรอยยิ้มขึ้น รอยยิ้มครั้งนี้มันดูกว้างกว่าทุกครั้ง
การต่อสู้กับลี่ซ่งครั้งนี้
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้ใช้พลังระดับช้างแมมมอธโบราณ 2 ตัวแม้สักครั้งเดียว
เขาจำกัดมันเอาไว้
การทำเช่นนี้คือการท้าทายตัวเองรูปแบบหนึ่ง
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เหตุใดเหล่าสาวกสายนอกถึงร่ำลือกันเรื่องความสุดยอดของวิชากระบี่ของหลิงเทียนว่าเหนือล้ำนัก จากวันนี้เมื่อได้เห็นด้วยสองตาแล้ว ข้ากลับรู้สึกว่าคำร่ำลือมันดู...ด้อยกว่าความเป็นจริงอยู่บ้าง”
"วิชากระบี่ที่เขาใช้ออกนั้นแลไปกลับคล้ายคลึงกับหญิงสาวข้างกายเขานัก ทว่าดูเหมือนระดับความเข้าใจของนางจะต่ำกว่าเขา"
"บางทีวิชากระบี่นี้ นางอาจถูกต้วนหลิงเทียนสอนสั่งก็เป็นได้"
"เอาชนะระดับการบ่มเพาะระดับก่อกำเนิด ได้ในระดับการบ่มเพาะร่างกาย ..ต้วนหลิงเทียนสร้างตำนานบทใหม่ขึ้นในตระกูลลี่แล้ว!"
"ใช่แล้ว เรื่องราวครานี้นับว่าเกิดขึ้นครั้งแรก มันเป็นประวัติการณ์!"
......
กลุ่มผู้ชมต่างสนทนากันอย่างออกรส ตอนนี้พวกมันพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
และตอนนี้หามีผู้ใดกล้าตั้งคำถามเกี่ยวกับเป้าหมายการคว้าตำแหน่งผู้ชนะเลิศของหลิงเทียนไม่
เพราะต้วนหลิงเทียนมีความสามารถเพียงพอ
บนแท่นสูง
“ความสามารถในเชิงกระบี่ของสาวน้อยนางนั้นนับว่าทำให้ข้ายอมรับแล้ว แต่ทว่าข้ากลับไม่คาดคิดเลยว่าความสำเร็จในเชิงวิชากระบี่ของหลิงเทียนจะลึกล้ำยิ่งไปกว่านางเสียอีก เด็กหนุ่มอายุเพียง 16 ปีมันฝึกฝนจนมีความสำเร็จในเชิงกระบี่สูงส่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”
ประมุขตระกูลลี่ ลี่อู๋กล่าวออกมาด้วยความทึ่ง
"มิผิด นับว่าตระกูลลี่ของเรามีอัจฉริยะที่เหนือล้ำระดับนี้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์"
หนึ่งในผู้อาวุโสด้านข้างพยักหน้าออกมาก่อนกล่าววาจาลึกซึ้งยอมรับ
"อายุเพียง 16 ปีทว่ากลับมีความสามารถถึงเพียงนี้ ข้าอยากรู้นักอีก 2 ปีความแข็งแกร่งของมันจะเหนือล้ำไปถึงขั้นใด"
นัยน์ตาของชายชราคิ้วขาวทอประกายเรืองวูบออกมาด้วยความคาดหวัง
หลังจากกระโดดลงมาจกาเวทีประลองหลิงเทียนก็เดินมาหาเค่อเอ๋อทันที
และหลิงเทียนสังเกตเห็นถึงร่างของคนอีกหนึ่งคนที่เพิ่มมานอกจากเค่อเอ๋อและลี่ฉีฉี
สตรีอายุราวๆ 18 ปี นางสวมเสื้อผ้าสีม่วงอ่อนรูปร่างอ้อนแอ้นอรชร เอวที่บอบบางของนางคงสามารถถูกโอบได้รอบด้วยแขนบุรุษเพียงหนึ่งข้าง ทุกส่วนสัดองค์ประกอบบนใบหน้านับว่างดงามอย่างลงตัว
หากจะกล่าวไปรูปร่างและความงดงามนางไม่ได้ด้อยกว่าเค่อเอ๋อแม้แต่นิดเดียว เมื่อเทียบกับเค่อเอ๋อนางกลับมีเสน่ห์ที่ราวกับดอกไม้ผลิบานแล้วมากกว่าเค่อเอ๋อเสียอีก
ดวงตาของนางกระจ่างคมชัดทอประกายทว่ากลับแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งความเย้ายวน
นางอาจสะกดวิญญาณผู้คนได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่การจ้องมอง
ต้วนหลิงเทียนช่วยไม่ได้ที่มันจะบังเกิดความชมชอบและความปรารถนายามสบตากับนาง
"งดงามและมีเสน่ห์ยิ่งนัก!"
ตอนนี้หลิงเทียนรู้สึกคันในหัวใจยากจะเกา
ตั้งแต่เขาโผล่มาอยู่ในโลกใบนี้ เขาก็มีอาการราวกับคนที่ต้องสะกดอดกลั้นความต้องการมาโดยตลอด เมื่อพบเจอเสน่ห์เช่นนี้มันแทบทำให้เขาไม่อาจอดทนต่อไปได้
หากชีวิตก่อนหน้านี้เขาเป็นหนุ่มพรหมจรรย์ก็คงไม่มีอาการเช่นนี้ แต่ทว่าเขากลับเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธอันดับหนึ่งของโลก บุรุษที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบอย่างเขาย่อมต้องเสวยสุขกับรสชาติสตรีมามากมาย
หลิงเทียนรีบสะกดข่มสัตว์ร้ายที่ถูกกักขังอยู่ภายในอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาสามารถรู้ได้โดยธรรมชาติว่าสตรีงดงามผู้นี้เป็นใคร
นางย่อมเป็น ลี่เฟย สตรีที่งดงามที่สุดในบรรดาสาวกสายในไม่ผิดเพี้ยน
และต้วนหลิงเทียนยังสังเกตได้อีกว่า มีบุรุษหนุ่มสวมชุดสีขาวผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหลังของนาง
ชายหนุ่มที่สวมชุดขาวมีอายุประมาณ 18 ปีเช่นเดียวกับลี่เฟย ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหอง มันไม่คิดจะสบสายตาของหลิงเทียนแม้แต่สักครั้งตั้งแต่แรกจนบัดนี้ ราวกับมันไม่เห็นหลิงเทียนอยู่ในสายตา
"นายน้อย นี่คือ พี่หญิงลี่เฟย"
เค่อเอ๋อแนะนำด้วยรอยยิ้มสดใส
"ข้าย่อมคาดเดาได้ งดงามไร้ที่ติเช่นนี้จะเป็นผู้ใดไปอีกนอกจากสตรีที่ได้สมยานามว่างดงามเป็นอันดับ 1 "
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เมื่อเขาหันมาสบตากับลี่เฟยแววตาเขาก็เจือไปด้วยเพลิงแห่งความปรารถนาเล็กน้อย
คิ้วที่สวยงามของลี่เฟยถึงกับขมวดขึ้น
นางคุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้ของหลิงเทียนดี เพราะเมื่อใดก็ตามที่นางออกไปนอกที่พักของตระกูลลี่ สายตาบุรุษทุกผู้ที่มองมายังนางนับว่าเป็นสายตาเช่นเดียวกันนี้ไม่ผิดเพี้ยน
และนางรังเกียจสายตาเช่นนี้ที่สุด
คนที่มีสายตาเช่นนี้ส่วนมากมักมีความปรารถนาที่จะปลดเปลื้องอาภรณ์และครอบครองเรือนร่างของนาง
ทันใดนั้นความเย็นชาบังเกิดในสายตาของนาง
นางคิดว่าเขาจะเป็นบุรุษที่แตกต่างออกไป
ทว่ากลับไม่ได้คิดเอาไว้เลยว่าเขาก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน!
"เค่อเอ๋อ ฉีฉี เอาไว้พวกเราค่อยมาสนทนากันอีกครั้งเมื่อมีเวลา"
นางส่งสายตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาราวหิมะโปรยยามเหมันต์มายังหลิงเทียนอย่างชัดเจน แต่เมื่อนางหันกลับไปสนทนากับสองสาวสายตาของนางพลันละลายความเย็นชาราวกับวสันตฤดูมาเยือน
เมื่อกล่าวจบคำนางก็เดินออกไปทันที
"เฮอะ!"
ทว่าชายหนุ่มชุดขาวที่ติดตามลี่เฟยมา กลับเลือกที่จะส่งสายตาราวกับหมาหวงก้างและ ข่มขู่หลิงเทียนราวกับจะตักเตือนหลิงเทียนออกมายามมันจากไป
ทว่าหลิงเทียนเมินสายตามันอย่างสิ้นเชิง
"นายน้อยท่านทำพี่หญิงเฟยหวาดผวาแล้ว นางอุตส่าห์มาหาข้าหวังให้ข้าแนะนำนางให้รู้จักกับท่าน "
ริมฝีปากสีแดงของเค่อเอ๋อช่างดูน่ารักสดใส ยามที่จ้องมองมันกระเพื่อม บุรุษทุกผู้ล้วนอยากสัมผัสและดูดดื่มกับริมฝีปากนี้ของนาง
เห็นได้ชัดว่านางเห็นแววตาเมื่อครู่ของหลิงเทียนยามที่จับจ้องไปยังลี่เฟย
"น้องหญิงเค่อเอ๋อ ลี่เฟยหวาดกลัวหลิงเทียนงั้นหรือ?"
ลี่ฉีฉีมีความรู้สึกช้าไปอยู่บ้าง
เมื่อเค่อเอ๋อลากนางออกไป ก่อนที่จะกระซิบกระซาบอยู่ครู่หนึ่งนางก็เข้าใจ
นางหันมามองหลิงเทียนแล้วรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
โชคร้ายนัก..ที่แววตาเต็มไปด้วยความปรารถนาเช่นนั้นของหลิงเทียนไม่เคยเกิดขึ้นกับนาง ...
"ดูเหมือนการพบกันครั้งแรกจะสร้างความประทับใจไม่ค่อยดีสักเท่าไร ... "
เมื่อได้เห็นทีท่าของลี่เฟยหลิงเทียนเผยรอยยิ้มลึกล้ำออกมา
เขาต้องยอมรับโดยสดุดีว่าตั้งแต่ที่เขาได้มาใช้ชีวิตในโลกนี้ ลี่เฟยนับว่าเป็นสตรีคนที่สอง ที่เขาบังเกิดความปรารถนาเช่นนี้
แน่นอนอยู่แล้วว่าเค่อเอ๋อย่อมเป็นคนแรก
อีกอย่าง เค่อเอ๋อ กับ ลี่เฟย ล้วนเข้าคู่กันได้เลิศล้ำนัก
หากจะกล่าวว่าเค่อเอ๋อนั้นบริสุทธ์ราวกับดอกลิลลี่แล้วล่ะก็ ลี่เฟยย่อมเป็นกุหลาบแดงที่ร้อนแรงลุกไหม้ไปด้วยความเย้ายวนไร้ที่สิ้นสุด
.....
การประลองประจำตระกูลเริ่มทวีความดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ
ในเวลานี้ ทั้งเค่อเอ๋อ และ ลี่ฉีฉี ต้องขึ้นเวทีไปปะทะกับ ลี่ซ่ง และ ลี่หู ที่เป็นสาวกที่มีระดับบ่มเพาะก่อกำเนิด ทั้งคู่
แต่ทว่าพวกนางเลือกที่จะยอมแพ้โดยไม่ต้องเสียเวลาขึ้นไปต่อสู้ให้เหนื่อยแรง
พวกนางไม่ได้เก่งกาจดั่งต้วนหลิงเทียนเสียหน่อย จะขึ้นไปให้เหนื่อยทำไม
"ข้ายอมรับความพ่ายแพ้"
เมื่อผู้ตัดสินขานนาม เค่อเอ๋อและลี่อัน ตัวลี่อันรีบวิ่งไปรอบนลานประลองอย่างคาดหวัง แต่ทว่าเด็กสาวไม่คิดแม้แต่จะมองมายังเขา นางไม่ขึ้นมายังเวทีประลองด้วยซ้ำ นางเลือกที่จะกล่าวตะโกนยอมแพ้มาจากด้านล่างที่ห่างไกล
มันได้แต่มองไปตามเสียงของนาง และพบว่านางยังคงหยอกล้อกับต้วนหลิงเทียนด้วยเสียงหัวเราะ พร้อมจับมือจับไม้กันอย่างสนิทสนม โดยที่ไม่สนใจการประลองอะไรแม้แต่น้อย
"ต้วนหลิงเทียน!"
ใบหน้าลี่อันบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
เสียงของผู้ตัดสินยังคงขานรายชื่อต่อไป
"ลี่ซ่ง ลี่หู!"
เสียงของผู้ตัดสินประจำสนามประลองที่อยู่ด้านหน้าหลิงเทียนดังขึ้น เรียกความสนใจของมันไม่น้อย
"ลี่หู?"
หลิงเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย เพราะว่านามลี่หูนี้ นับว่าเป็น 1 ใน 5 สาวกสายในที่มีระดับก่อกำเนิด
ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจหลังผู้ตัดสินประกาศชื่อ เหล่าผู้คนต่างมารุมล้อมลานประลองแห่งนี้อย่างรวดเร็ว ...
หลิงเทียนสามารถเข้าใจปรากฏการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็ว
การสู้รบระหว่างลี่ซ่งและลี่หู นับว่าเป็นการประลองของสาวกสายในที่มีระดับก่อเกิดทั้งคู่ด้วยกันเป็นครั้งแรก
เมื่อหลิงเทียนสังเกตลักษณะของลี่หู ก็พบว่ามันมีใบหน้าและท่าทางที่แสดงความเย่อหยิ่งออกมาอบย่างเห็นได้ชัด
บนเวทีประลอง
“ลี่ซ่งรีบยอมแพ้ข้าเสียสิ เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะชนะ สาวกที่มีระดับการบ่มเพาะร่างกายได้ แล้วเจ้ายังกล้าฝันที่จะเอาชนะข้าอีกงั้นหรือ?”
ลี่หูกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูกใบหน้าของมันปรากฏความเบื่อหน่ายราวกับไม่อยากเสียเวลาออกมา
"นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า"
ลี่ซ่งกล่าวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะเย็นเยียบ
ลี่หู ผู้นี้กล้ากล่าวย้ำบาดแผลของเขา ตอนนี้ลี่ซ่งเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดอย่างถึงที่สุด
หลิวทะยานผ่านลำน้ำ!
ร่างของลี่ซ่งพลันหลอมรวมกับสายลมเคลื่อนที่พุ่งไปด้วยความเร็วสูง
การประลองของทั้งสองเริ่มต้นขึ้นในพริบตา
เหนือศีรษะของทั้งคู่ปรากฏภาพเงาร่างแมมมอธโบราณ 2 ตัวชัดเจนอย่างงดงาม พวกมันต่างล้วนไม่มีผู้ใดยิ่งหย่อนมากไปกว่ากัน ท่าทางของพวกมันราวกับจะทะยานผ่านท้องฟ้าได้
นับว่าการจับคู่ประลองครั้งนี้เป็นมวยถูกคู่นัก
ทว่าสุดท้ายแล้ว กลับเป็นลี่ซ่งที่จับจุดอ่อนและฉวยโอกาสลงมือยามที่ลี่หูเปิดเผยช่องว่างออกมา จนมันต้องกระเด็นออกนอกเวทีประลอง
“บัดซบ”
ลี่หูกล่าวสบถออกมา มันเตรียมจะต่อสู้กับลี่ซ่งต่อ แต่ว่าผู้ตัดสินกลับหยุดมัน
"ลี่หูไม่ใช่เจ้าเป็นคนกล่าวไว้เองหรอกหรือ ว่าข้าผู้นี้ไม่สามารถเอาชนะได้แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับการบ่มเพาะร่างกาย? แต่ทว่าตอนนี้เจ้ากลับไม่อาจเอาชนะข้า ผู้ซึ่งไม่อาจเอาชนะนักสู้ระดับการบ่มเพาะร่างกายได้ เจ้ารู้สึกอย่างไรเล่า?"
ลี่ซ่งเริ่มหัวเราะด้วยความเหนือกว่า พร้อมทั้งกล่าววาจาเยาะเย้ยลี่หูทันทีเมื่อมันได้รับชัยชนะ
และในตอนนี้ผู้คนที่อยู่รอบๆที่มุงดูการประลองอยู่ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่อาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้
และหลังจากนั้นไม่นาน ก็ถึงคราวที่หลิงเทียนขึ้นเวทีประลองอีกครั้ง
ทว่าฝ่ายตรงข้ามของหลิงเทียนหากไม่ใช่สาวกสายใน 5 คนที่อยู่ในระดับก่อกำเนิด ต่างยอมแพ้หลิงเทียนทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องประลอง..จะให้พวกมันขึ้นไปต่อสู้กับผู้ที่สามารถเอาชนะระกับก่อกำเนิดได้อย่างนั้นหรือ...
จนกระทั่งเขาได้พบกับลี่หู
ขณะที่ลี่หูขึ้นมาบนเวทีเพื่อเข้าร่วมการประลอง หลิงเทียนสังเกตเห็นความกระเหี้ยนกระหือรือออกมาอย่างชัดเจน
"ดูเหมือนว่ามันคิดจะเอาชนะข้าเพื่อล้างอาย หลังจากปราชัยให้แก่ลี่ซ่งเมื่อครู่"
ต้วนหลิงเทียนคาดเดาเหตุผลไว้ในใจ
แต่ถึงแม้ว่าลี่หูจะพ่ายแพ้ลี่ซ่งมาก่อนหน้านี้เพราะความประมาท ทว่าความแข็งแกร่งของทั้งคู่นั้นแทบไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย
หากลี่ซ่งยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงเทียนฉันท์ใดลี่หูก็ไม่เหนื่อยแรงหลิงเทียนอะไรมากมายฉันท์นั้น
และตามคาดหลิงเทียนเอาชนะลี่หูได้ด้วยความรวดเร็ว และยังครองสถิติไร้พ่ายต่อไป
"ลี่เฟย ลี่ซ่ง!"
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากผู้ตัดสินที่อยู่ด้านหลังเขา หลิงเทียนหันกลับมาจ้องมองเล็กน้อย กอนที่จะจูงมือเค่อเอ๋อแล้วเดินไปหาพื้นที่ว่างๆรับชมการประลอง
การต่อสู้ระหว่างลี่เฟย และ ลี่ซ่ง
ร่างของลี่เฟย นั้นสง่างามราวกับกุหลาบแดงมันช่างดึงดูดสายตาของทุกคนอย่างยิ่ง นับว่าตอนนี้นางเป็นจุดศูนย์รวมความสนใจของบุรุษทุกคน
ในฐานะสตรีคนหนึ่ง นางสามารถก้าวเข้าไปยังระดับก่อกำเนิดได้ตั้งแต่มีอายุเพียง 18 ปี นั้นถือว่าหาได้ยากยิ่ง
สิ่งที่ทำให้หลิงเทียนตกใจก็คือความแข็งแกร่งของลี่เฟยนี้นับว่าเหนือกว่าลี่ซ่งอย่างเห็นได้ชัด ...
และหลังจากนั้นเพียง 2 กระบวนท่าลี่ซ่งก็ถูกยัดเยียดความปราชัยให้อย่างที่ไม่อาจขัดขืนได้
“น่าสนใจนัก”
มุมปากของหลิงเทียน เผยยิ้มออกมา
เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าสตรีที่งดงามนางนี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้
"ลี่หู ลี่อัน!"
เป็นการต่อสู้ระหว่างระดับก่อกำเนิดอีกครั้ง
สิ่งที่ทำให้หลิงเทียนประหลาดใจ คือ เพียงกระบวนท่าเดียว ลี่อันก็สามารถเอาชนะลี่หูได้
เขาย่อมรู้ว่าเรื่องนี้สืบเนื่องจากขวัญกำลังใจของลี่หูนั้นถดถอยลงอย่างมาก
จากที่เขาดู เหมือนว่าลี่หูจะไม่สามารถล้างเงาจากความพ่ายแพ้เขาได้ เมื่อขึ้นไปบนเวทีประลองในลักษณะนี้ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลี่อัน
"ลี่ซ่ง ลีฉิง!"
การต่อสู้ระหว่างระดับก่อกำเนิดยังคงดำเนินต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
"ลี่ฉิง มันหรือ?"
หลิงเทียนจับจ้องไปยังชายหนุ่มชุดขาวที่อยู่บนเวทีประลอง
‘หืม นี่ไม่ใช่ผู้ชายหน้าด้านไร้ยางอายที่ ‘ตามตื๊อ’ ลี่เฟยโดยการเดินตามหลังนางต้อยๆหรอกรึ?’
แต่จากที่หลิงเทียนสังเกตก็พบว่าลี่เฟยนั้นไม่ได้สนใจใยดีอะไรกับเขาเลย
เห็นได้ชัดว่า นี่เป็น ความรักข้างเดียว ของลี่ฉิง
"ลี่ซ่ง ยอมรับความพ่ายแพ้ซะ"
บนเวทีลี่ฉิงนั้นเอยออกมาอย่างหยิ่งยโส เขามองไปยังลี่ซ่งด้วยสายตาเรียบๆก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
ทีท่าของลี่ซ่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สายตาของมันเจือไปด้วยโทสะเล็กน้อย
พลังงานต้นกำเนิดเริ่มโคจรไปที่ขาของมัน และพร้อมจุดระเบิดพุ่งตัวออกไปจู่โจมทันที
แต่ทว่าด้วยแรงกดดันจากอีกฝ่าย ร่างกายของเขาถึงกับสั่นสะท้านพลังงานต้นกำเนิดที่รวบรวมมาและหวังจะใช้ออกพลันสับสนวุ่นวาย...แล้วมันก็สลายหายไป อย่างไม่อาจควบคุมได้
"ข้า... ยอมรับความพ่ายแพ้"