หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 55 ความแข็งแกร่งของเค่อเอ๋อ

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

วันต่อมา การประลองประจำตระกูลก็ดำเนินต่อไปอีกครั้ง

ถึงแม้ว่าวันนี้การประลองจะทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่ภายใต้การจับคู่โดย "อำนาจลึกลับ" เหล่าสาวกที่แข็งแกร่งทั้งหลายก็ยังไม่ได้ปะทะกันเองสักครั้ง

ทั้งต้วนหลิงเทียนและเค่อเอ๋อยังไม่เจอคู่ต่อสู้ที่ทำให้ทั้งสองกดดันแต่อย่างใด พวกเขาจึงเอาชนะมาได้ตลอด

เมื่อยามพลบค่ำมาถึง ตารางประกาศคะแนนก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

วันนี้ต้วนหลิงเทียนมีการแข่งขันมากกว่าเค่อเอ๋อหนึ่งครั้ง

ทำให้ผลรวมของคะแนนทั้งคู่เท่ากัน นั่นคือ 57 คะแนน

ส่วนคะแนนสูงสุด ยังคงเป็นสาวกชั้นในที่แข็งแกร่ง ทั้ง 5 คนที่อยู่ในระดับก่อกำเนิด ซึ่งแต่ละคนมี 60 คะแนน

"หลังจากผ่านไป 2 วันการประลองที่ผ่านมาคงนับว่าเป็นแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น พรุ่งนี้สิคือของจริง! "

สาวกชั้นในต่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ทุกคนรับรู้โดยไม่ต้องมีใครบอก พรุ่งนี้การประลองจะเข้มข้นดุเดือดกว่า 2 วันนี้อย่างเทียบไม่ติด ...

ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เค่อเอ๋อก็รีบวิ่งเข้าครัวไปช่วยลี่หลัวเตรียมอาหาร

ต้วนหลิงเทียนเมื่อมาถึงก็นั่งพักแต่ทว่าไม่ทันได้หายเหนื่อยก็มีกลุ่มคนไม่รู้จักมาหาถึงบ้าน

"เจ้าคือต้วนหลิงเทียนใช่หรือไม่?"

คนที่เดินนำมาเป็นชายวัยกลางคนที่ดูสุภาพ

"ท่านคือ?"

ต้วนหลิงเทียนสับสนเล็กน้อย

"ข้าเป็นผู้ดูแลสาวกชั้นนอก ลี่อี้ หลังจากที่เจ้ากลายเป็นสาวกชั้นในแล้ว ทางนั้นก็จัดการเรื่องที่พักให้เจ้าในเขตตระกูลชั้นใน วันนี้พวกเขาก็ทำความสะอาดที่พักเสร็จสิ้นแล้ว ข้าเลยนำคนมา 2-3 คน เผื่อพวกเจ้าพร้อมจะย้ายบ้านกัน พวกเราจะได้คอยช่วยเหลือเจ้าอย่างไรเล่า"

เสียงของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความสุภาพ แม้มันจะอาวุโสกว่าแต่ว่าก็ไม่ได้กล่าวเชิงดูถูกดูแคลนหรือสะกดข่มใดๆต่อหลิงเทียน

เพราะข่าวลือของต้วนหลิงเทียนที่เขาได้ยินมานั้นนับว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ในภายภาคหน้าเด็กหนุ่มผู้นี้คงเป็นตัวตนที่มันไม่อาจทาบชั้นได้ มันจึงไม่กล้าล่วงเกินอีกฝ่าย

"ขอบคุณผู้ดูแลอี้ ข้าวของที่ต้องขนย้ายของพวกเราไม่ได้มีอะไรมากมาย"

ต้วนหลิงเทียนรีบกล่าวขอบคุณออกมาพร้อมรอยยิ้ม

หลังจากมันเขาไปแจ้งกับสตรีทั้ง 2 ที่อยู่ในครัวแล้ว ทุกคนก็พากันย้ายไปบ้านหลังใหม่

เมื่อมาถึงบ้านหลังใหม่ ทั้งสองสาวงามก็มุ่งตรงไปยังห้องครัวทันที

หลังจากที่ลี่อี้จากไป หลิงเทียนก็สำรวจบ้านใหม่หลังใหญ่ของเขา

บ้านใหม่มีขนาดใหญ่กว่าหลังเก่ามาก ซ้ำยังมีพื้นที่ลานกว้างที่ใหญ่โตกว่าลานกว้างเดิมหลายเท่า

"ยอดเยี่ยม หลังจากนี้ข้าไม่ต้องไปฝึกฝนวิชาท่าร่างที่ลานฝึกซ้อมอีกต่อไป"

ต้วนหลิงเทียนยิ้มเบาๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มเคลื่อนไหว

วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

หลิงเทียนไม่คิดรีรออะไร เขารีบฝึกฝนวิชาท่าร่างภายในลานกว้างแห่งใหม่นี้ทันที ...

ยืดหยุ่นแช่มช้อยทรงพลังดั่งอสรพิษ รวดเร็วว่องไวดุจเส้นสายอัสนี!

ฟึ่บ! ฟึ่บบ!

งูน้อยทั้งสองตัวก็พุ่งไปเล่นตามต้นไม้ในลานกว้าง พวกมันดูมีความสุขกันอย่างมาก

ภาพร่างสีขาวและดำวูบไหวไปมาแว่วเข้าโสตประสาทการมองเห็นของหลิงเทียน

ความเป็นไปได้ไร้จำกัด!

วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดนั้น ได้ถูกคิดค้นขึ้นเพราะมันสังเกตการเคลื่อนไหวและใกล้ชิดกับพญาอสรพิษ กล่าวได้ว่าต้นแบบของท่าร่างนี้มาจาก อสรพิษ!

‘ครั้งสุดท้ายที่ข้าได้มองเห็นและสั่งเกตท่าร่างของเสี่ยวเฮยข้าถึงกับตกอยู่ในภาวะรู้แจ้ง นั่นทำให้ข้าสามารถดูดซับโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 7 กระบวน และ ผลวิญญาณธาตุทมิฬ เพื่อใช้ในการฝึกฝนบ่มเพาะตามเคล็ดวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามรูปแบบพญาอสรพิษจนสำเร็จไร้การติดขัดอีกต่อไป จนทำให้ข้าตัดผ่านไปยังระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9! รูปแบบการเคลื่อนไหวของอสรพิษน้อยนี่ช่างสอดคล้องกับวิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายนัก ไม่สิ วิชาท่าร่างที่ข้าฝึกอยู่มีต้นแบบมาจากพวกมันต่างหาก’ หลิงเทียนครุ่นคิดในใจ

"บางที…."

ต้วนหลิงเทียนรีบจับจ้องไปยังสองร่างซุกซนตัวน้อย ที่กำลังเล่นอยู่บนต้นไม้ เพื่อเลียนแบบการเคลื่อนไหวของพวกมันให้เหมือนที่สุด

ช้าเร็วแปรผันสลับหมุนวนหนุนส่งเสริม!

หลิงเทียนจมอยู่กับการวิเคราะห์ท่าร่างอย่างหลงลืมเวลา ...

วิธีการนี้ เป็นไปได้!

ถึงแม้ว่าตอนนี้ขั้นตอนความสำเร็จของวิชาท่าร่างยังไม่ได้พัฒนาไปอีกขั้น แต่ทว่าหลิงเทียนย่อมรับรู้ได้ว่าตอนนี้วิชาท่าร่างของมันนั้นก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด

"พรุ่งนี้ เมื่อการประลองประจำตระกูลสิ้นสุดลง ข้าสัญญาว่าจะหาของอร่อยๆให้พวกเจ้าทั้งสองกินจนพุงกาง"

ต้วนหลิงเทียนมองไปที่งูน้อยซุกซนทั้งสองตัวด้วยอารมณ์เบิกบาน

"ต้วนหลิงเทียน!"

เสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากนอกลานกว้าง

"เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราย้ายมาที่นี้?"

หลังจากคนที่ส่งเสียงเดินเข้ามาหลิงเทียนก็ตกใจเล็กน้อย ที่เห็นลี่ฉีฉี

"ไม่ใช่มีแต่เจ้าซักหน่อยที่ย้ายบ้าน อย่าลืมสิข้าก็เป็นสาวกสายในแล้วเช่นกัน "

ลี่ฉีฉียิ้ม

"เจ้าหมายความว่า... "

หลิงเทียนกล่าวนำ

"ฮิฮิ ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว"

ลี่ฉีฉีกล่าวตาม

"พี่หญิงฉีฉีอยู่บ้านข้างๆหรือเจ้าคะ!?"

ตอนนี้เองที่เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นออกมาด้วยความดีใจ เค่อเอ๋อที่กำลังยกสำรับอาหารมานั้นบังเอิญได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนเมื่อครู่พอดี ใบหน้าของนางเริ่มแดงจากความดีใจเล็กน้อย

"ฮิฮิใช่แล้ว น้องหญิงเค่อเอ๋อต่อไปนี้พวกเราคงได้เจอกันบ่อยทีเดียวล่ะ"

ลี่ฉีฉีพยักหน้ารับเบาๆ พร้อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี

ในขณะที่นางตอบเค่อเอ๋อนางเองก็ไม่ลืมที่จะหันไปลอบสังเกตสีหน้าหลิงเทียน

แต่นางก็ต้องผิดหวัง

"เค่อเอ๋อ พวกเจ้าทั้งสองคุยกันไปก่อนนะ ข้าจะไปช่วยมารดายกสำรับอาหาร" หลิงเทียนกล่าวกับเค่อเอ๋อแล้วก็เดินเข้าครัวไป

หลังจากนั้นไม่นานสำรับอาหารก็ถูกยกมาจัดเตรียม

"ฉีฉีมาร่วมโต๊ะกับพวกเราสิ"

ลี่หลัวมองไปที่ลี่ฉีฉีก่อนจะกล่าวเชิญชวนออกมา

"ไม่เป็นไรค่ะป้าหลัว ท่านแม่ของข้าคงรอข้าอยู่ที่บ้าน น้องหญิงเค่อเอ๋อข้ากลับก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน ท่านป้าข้าขอตัวก่อนค่ะ"

ลี่ฉีฉีปฏิเสธลี่หลัวอย่างสุภาพ ก่อนจะกล่าวลา และกลับบ้านของนางไป

หลังมื้ออาหาร

ต้วนหลิงเทียนรีบออกมาฝึกฝนวิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายที่ลานบ้านทันที

เข้าย่อมรู้ดีถึงคำกล่าวที่ว่า ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน!

รัตติกาลพ้นผ่าน อรุณรุ่งมาเยือน

หลิงเทียนเดินไปยังลานประลองพร้อมกันกับเค่อเอ๋อและลี่ฉีฉี

ช่วยไม่ได้ที่ระหว่างทางเขาจะถูกบุรุษทุกผู้ จ้องมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทุกสายตามองมาด้วยความอิจฉาริษยา

หากการจ้องมองสามารถฆ่าคนได้ หลิงเทียนมีร้อยชีวิตคงไม่เพียงพอ

เนื่องจากตอนนี้บ้านพักของพวกเขาย้ายมาอยู่ในเขตชั้นในแล้ว จึงใช้เวลาเดินทางไปยังลานประลองไม่มากนัก

"ผู้คนมากมายนัก!"

เมื่อมาถึงสนามประลอง อดไม่ได้ที่ลี่ฉีฉีจะอุทานออกมา

สนามประลองวันนี้เต็มไปด้วยผู้คน ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโส สาวกที่มีอายุมากแล้ว เด็กตัวเล็กตัวน้อย ล้วนมาชมดูกันอย่างคับคั่ง

ไม่เพียงเท่านั้น บนแท่นยกสูงต่างระดับ ที่อยู่ตรงใจกลางของเวทีประลองย่อยทั้ง 30 เวที ตอนนี้มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอยู่ด้านหน้าของ สามอาวุโสคุมกฎหลัก

ต้วนหลิงเทียนจ้องมองด้วยความสนใจ

ชายวัยกลางคนมีสีหน้าและแววตาเด็ดขาดสวมชุดคลุมสีเขียวลากปักมังกรทอง ดูมีอำนาจและทรงพลังราวกับจะชี้ชะตาผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย

เขานั่งอยู่ตรงบัลลังก์ใจกลางแท่นสูง...สถานะและตัวตนนี้ค่อนข้างชัดเจน ...

ประมุขของตระกูลลี่ ลี่อู๋

สำหรับชายชราที่น่าจะเป็นผู้อาวุโสที่หลิงเทียนไม่เคยเห็นก็นั่งเรียงรายอยู่ด้านข้างของ ลี่อู๋

หลิงเทียนคิดว่าชายชราพวกนี้ คงเป็นอาวุโสที่มีหน้าที่สำคัญในตระกูล

"ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าวันนี้ประมุขตระกูลลี่ จะมาด้วยตัวเอง"

หลิงเทียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

"ทั้งหมดเงียบ!"

หลังจากนั้นประมุขตระกูลลี่ ลี่อู๋ก็ลุกขึ้นยืน เขาควบแน่นพลังงานต้นกำเนิดก่อนที่จะแปรเปลี่ยนมันเป็นคลื่นสั่นสะเทือนส่งเสียงไปยังหูของผู้รับฟังทุกคนโดยตรง

นี่เป็นการควบแน่นพลังงานต้นกำเนิดเพื่อเปลี่ยนเป็นเสียงอีกครั้ง!

หัวใจหลิงเทียนถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ

ประมุขที่ดูเหมือนจะเป็นชายอายุไม่เกิน 50 ปีผู้นี้ มีขอบเขตการบ่มเพาะไม่ต่ำกว่าระดับ กำเนิดแก่นแท้ ขั้นที่ 7!!

ถึงแม้ว่าผู้คนยังคงเคลื่อนที่หลั่งไหลเข้ามา แต่ทว่าสรรพเสียงภายในลานประลองกลับเงียบสงบ

ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องไปยัง ลี่อู๋

สายตาที่จับจ้องนั้นเต็มไปด้วยความเคารพมีบ้างที่ประหลาดใจ ...

"ข้ามีความสุขอย่างยิ่งที่ทุกปีจะได้เห็นเหล่ารุ่นเยาว์ของตระกูลที่มาแข่งขันกันและแสดงความสามารถอันยอดเยี่ยม และวันนี้การแข่งขันประจำตระกูลลี่ในปีนี้จะสิ้นสุดลง สำหรับเหล่าสาวกที่ติดอันดับผู้แข็งแกร่ง 3 อันดับแรก 10 อันดับแรก และผู้ชนะเลิศ จะได้รับของรางวัลเพิ่มจากรางวัลส่วนตัวของข้าเองอีกด้วย เอาล่ะข้าจะไม่เสียเวลากล่าวอะไรให้มากความ ผู้ตัดสิน เริ่มการประลองได้! "

หลี่อู๋นั่งลงหลังจากที่กล่าวจบ

มวลชนล้วนจับจ้องไปยังสนามประลองทั้ง 30 แห่ง พวกมันเฝ้ารอการต่อสู้คู่แรก

สาวกสองคนที่ถูกขานชื่อต้องขึ้นมาประลอง หากขานเรียกแล้วไม่มีการตอบรับจะถือว่าพ่ายแพ้

ผู้ชนะจะได้รับคะแนน ผู้แพ้จะถูกหักคะแนน

เวลาครึ่งวันเช้าได้พ้นผ่านไป

แม้ว่าหลิงเทียนจะได้พบผู้แข่งขันที่แข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่ทว่าเขายังคงรักษาชัยชนะรวดเอาไว้ได้อย่างไม่มีปัญหา

เมื่อถึงเที่ยงวัน คะแนนสะสมเขาสูงถึง 73 คะแนนแล้ว

จำนวนคะแนนสูงสุดคือ 86 คะแนน

เขายังไม่พ่ายแพ้แม้แต่นัดเดียว

กล่าวอีกอย่างก็คือ เหลือ สาวกเพียง 13 คนเท่านั้นที่หลิงเทียนยังไม่ได้ประลอง

เค่อเอ๋อก็เป็นเช่นเดียวกับเขา

จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถต้านรับ กระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วง ของนางได้แม้เพียง 1 กระบวนท่า

หลังจากเวลาพักๆสั้นๆ เค่อเอ๋อก็ถูกเรียกขึ้นมาสนามประลองอีกครั้ง

ฝ่ายตรงข้ามครั้งนี้ของนางคือ ...

ลี่หยวน!

ลี่หยวนจ้องมองสาวน้อยบนลานประลองที่ยืนอยู่อย่างอ่อนช้อยและงดงาม

นางยืนอยู่อย่างสงบราวกับไร้ซึ่งความหวาดกลัวที่ต้องปะทะกับมัน

ลี่หยวนเริ่มเคลื่อนไหวทันทีหลังจากที่ผู้ตัดสินกล่าวเริ่มการประลอง

ก้าวย่างล่องลอย!

ความแข็งแกร่งของแมมอธโบราณ 1 ตัวถูกใช้ออกมาอย่างเต็มเปี่ยม มันเคลื่อนร่างไปจู่โจมเค่อเอ๋อราวกับลำแสง

วิชาวาดกระบี่!

เด็กสาวไม่ได้ร้อนรนอะไร นางขยับร่างกายเล็กน้อย ก่อนที่จะใช้ออกด้วยวิชาวาดกระบี่

เหนือศีรษะนางปรากฏเงาร่างแมมมอธโบราณ 1 ตัวเช่นกัน

ฟึ่บบบ!

ลี่หยวนรีบขยับตัวหลบคมกระบี่ด้วยความหวาดหวั่น เงากระบี่เกือบพาดผ่านลำคอไปแล้วหากมันเคลื่อนไหวตัวช้ากว่านี้เพียงเสี้ยวพริบตา

"เขาหลบมันได้!"

"โอ้ !! ในสามวันนี้ ลี่หยวนเป็นคนแรกที่สามารถหลบกระบี่ของนางได้"

"อย่างที่คิดไว้ ผู้แข็งแกร่งสามอันดับแรกของสาวกสายนอก ย่อมไม่ใช่ชื่อเสียงไร้ราคา "

......

ฝูงชนที่เฝ้าชมการประลองต่างซุบซิบสนทนากัน

บางคนคาดเดาว่า เค่อเอ๋อจะได้รับความพ่ายแพ้

แต่เฉพาะต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่ยืนนิ่งๆไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าท่าทางแต่อย่างใด

ไม่มีใครรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเค่อเอ๋อดีกว่าเขาอีกแล้ว

นอกจากวิชาวาดกระบี่ที่เทียบเท่าวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางแล้ว วิชาป้องกัน สี่ตำลึงปาดพันชั่ง และวิชาท่าร่าง ธารารินไหล ที่เป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงของเค่อเอ๋อ ได้ฝึกฝนจนมีความสำเร็จในขั้นตอนเริ่มต้นหมดแล้ว

พรสวรรค์ตามธรรมชาติ และความเข้าใจ ของเค่อเอ๋อนั้นถึงกับทำให้หลิงเทียนตกตะลึง

ในด้านระดับการบ่มเพาะ เค่อเอ๋อเท่าเทียมกับลี่หยวน

ในด้านวิชาท่าร่างทั้งคู่กล่าวได้ว่าเท่าเทียมกัน

ในด้านวิชาป้องกันเค่อเอ๋อเหนือกว่าลี่หยวน อย่างเห็นได้ชัด!

ในด้านวิชาโจมตีเค่อเอ๋อก็เหนือกว่าลี่หยวน อย่างเห็นได้ชัด!

และจนถึงตอนนี้เค่อเอ๋อยังคงใช้ออกด้วยวิชาวาดกระบี่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นางไม่ได้ใช้วิชาสายอื่นๆอะไรในการประลองเลยด้วยซ้ำ

บนเวทีประลอง

ร่างของลี่หยวนกระพริบวูบไหวไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน มันกำลังหาช่องว่างของเค่อเอ๋อ

และในพริบตาที่มันเห็นช่องว่างมันก็พุ่งเข้ามาจู่โจมทันที

ฝ่ามือขยี้ใจ!

มันซัดฝ่ามือขยี้ใจอันเป็นไพ่ตายของมันออกมา!

หลายคนคิดว่าเค่อเอ๋อต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝ่ามือนี้อย่างแน่นอน บางคนถึงกับสาปแช่งลี่หยวนที่ลงมือกับสาวน้อยงดงามอย่างอำมหิตถึงเพียงนี้

สี่ตำลึงปาดพันชั่ง!

บนร่างของเค่อเอ๋อปรากฎกำแพงพลังงานต้นกำเนิดครอบคลุมบางๆ นางยื่นมือไปรองรับฝ่ามือของลี่หยวนด้วยความอ่อนช้อย

วู้มมมม!

เมื่อฝ่ามือขยี้ใจปะทะกับกำแพงพลังงานต้นกำเนิด ที่สร้างโดยเค่อเอ๋อ พลังงานที่คลอบคลุมนางอยู่กระเพื่อมอย่างรุนแรงก่อนที่จะเคลื่อนย้ายพลังฝ่ามือทั้งหมดของลี่หยวนออกไปยังที่ว่างด้านข้าง พลังทำลายของฝ่ามือขยี้ใจได้แต่ปะทะกับลานประลอง เมื่อทำหน้าที่เสร็จสิ้นกำแพงพลังงานต้นกำเนิดของเค่อเอ๋อก็จางหายไป ร่างกายงดงามของนางและเสื้อผ้าไม่ได้รับรอยขีดข่วนใดๆทั้งสิ้น!

ฟุ่บ!

วิชาวาดกระบี่ถูกใช้ออกอีกครั้ง ในช่วงเวลาพริบตาต่อมา

กระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงในมือของเค่อเอ๋อวางพาดลำคอของลี่หยวน คมกระบี่ห่างจากลำคอของมันเพียงเศษผมกั้น

ตอนนี้ลี่หยวนยังคงตื่นตระหนกและตะลึงงัน

มันยืนสติเลื่อนลอยอยู่หลายอึดใจ

"เค่อเอ๋อ เป็นผู้ชนะ!"

ผู้ตัดสินเองก็ยืนทึ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะได้สติและกล่าวตัดสินออกมา

"นะ..นี่…"

ผู้คนที่รับชมอยู่รอบๆเวทีประลองแทบไม่อยากเชื่อเรื่องที่พวกมันได้เห็นเมื่อครู่

สาวน้อยหน้าตางดงามที่ร่างบอบบางถึงเพียงนั้น สามารถป้องกันฝ่ามือขยี้ใจที่เป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางที่มีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญของลี่หยวนได้!! โดยไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย!! ...

น่าเหลือเชื่อเกินไป!

มีเพียงหลิงเทียนเท่านั้นที่รู้สึกเฉยๆ

เขาคาดเดาผลลัพธ์เช่นนี้ไว้ตั้งนานแล้ว

เค่อเอ๋อไม่จำเป็นต้องใช้วิชาทาร่างของนาง เพื่อเอาชนะลี่หยวนด้วยซ้ำ

วิชาป้องกัน สี่ตำลึงปาดพันชั่งของเค่อเอ๋อ นั้นเป็นวิชาป้องกันระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงที่มีความสำเร็จในขั้นตอนเริ่มต้น ซึ่งมันเทียบเท่าวิชาป้องกันระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางที่มีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญ...

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.