spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ทั้งสองร่างต่างพุ่งเข้ามาหวังจู่โจมอีกฝ่าย
เหนือศีรษะของพวกเขาปรากฏภาพเงาร่างแมมมอธโบราณที่ไม่ค่อยชัดเจนสักเท่าไร
เพียงกระบวนท่าแรกความแตกต่างของคนทั้งคู่ก็ประจักษ์ออกมาทันที ดูเหมือนความเร็วของวิชาท่าร่างลี่หยวนจะเหนือกว่าเล็กน้อย ...
หลังจากลงมืออีกไม่กี่กระบวนท่า ลี่หยวนก็สบโอกาสเคลื่อนกายไปยังด้านหลังที่เป็นจุดอับของคู่ต่อสู้
ฝ่ามือขยี้ใจ!
พลังฝ่ามือของลี่หยวนได้ปะทะเข้ากลางหลังของอีกฝ่ายอย่างจัง จนคู่ต่อสู้กระเด็นออกไปนอกสนามประลองพ่ายแพ้ในทันที
"ผู้ชนะ ลี่หยวน!"
ผู้ติดสินทำการประกาศผลการแข่งขันออกมาเมื่อผลลัพธ์การต่อสู้ปรากฏ
"ดูเหมือนวิชาท่าร่าง ย่างก้าวล่องลอย ที่เป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางของมัน จะฝึกฝนจนมีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญแล้ว"
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าอดไม่ได้ที่หลิงเทียนจะประหลาดใจเล็กน้อย
ในแง่ความรวดเร็วของวิชาท่าร่างลี่หยวน ที่อยู่ในระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางความสำเร็จขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญนั้น สามารถเปรียบเทียบได้กับ วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายของ หลิงเทียน ที่อยู่ในระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงความสำเร็จขั้นตอนเริ่มต้น!!
‘ข้ามัวแต่ยุ่งอยู่กับการตัดผ่านไปยังระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 จนข้าละเลยที่จะฝึกฝนวิชาท่าร่าง จนตอนนี้นับว่ามีขั้นตอนความสำเร็จล้าหลังผู้อื่นแล้ว... อืม หลังจากสิ้นสุดการะประลองประจำตระกูลเห็นทีข้าคงต้องหันมา ฝึกฝนวิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายอย่างจริงจังอีกครั้ง’ หลิงเทียนครุ่นคิดอยู่ในใจ
วิชาท่าร่างนั้นแตกต่างจากวิชาป้องกันอย่างสิ้นเชิง วิชาป้องกันนั้นสามารถอาศัยโอสถหรือสมุนไพรเพื่อช่วยเหลือในการฝึกฝนได้ แต่ทว่า วิชาท่าร่างนั้นต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจด้วยตนเองทั้งหมด ไม่มีทางลัดหรือตัวช่วยใดๆ
ลี่หยวนเดินลงจากลานประลองด้วยความมั่นใจ เมื่อเขาสังเกตว่าต้วนหลิงเทียนกำลังมองมาทางนี้ เขาหันไปสบตากับมันเล็กน้อย ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มอวดดียั่วยุออกมา
ทว่าหลิงเทียนกลับมองมันด้วยแววตาไม่แยแส ราวกับมันไมมีค่าอะไรเลย
หากหลิงเทียนยังไม่ตัดผ่านระดับ มันคงจะกังวลหรือใส่ใจลี่หยวนสักเล็กน้อย
แต่สำหรับตอนนี้…
ลี่หยวนนั้นไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับเขาอีกแล้ว
ในสายตาของหลิงเทียนตอนนี้ ลี่หยวนแทบไม่ต่างอะไรกับทารกบอบบาง...
เพราะในแง่ความแข็งแกร่งและพละกำลังตอนนี้หลิงเทียนสามารถเทียบชั้นได้กับผู้บ่มเพาะระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2!!
บนสนามประลองย่อยทั้ง 30 ตอนนี้เหล่าสาวกชั้นในแต่ละคนต่างลงมือกับคู่ต่อสู้ราวกับโกรธแค้นกันมานานนม
หลังจากที่การประลองของเหล่าสาวกรู้ผล ผู้ตัดสินจะทำการยุติการต่อสู้พร้อมทั้งจดบันทึกคะแนน แล้วทำการขานชื่อต่อไปออกมาทันที ...
"ต้วนหลิงเทียน!"
ในที่สุดผู้ตัดสินก็ขานชื่อ ต้วนหลิงเทียน
สนามประลองที่ 3
หลิงเทียนรีบย้ายร่างไปยังเวทีประลองนั้นทันที
ฝ่ายตรงข้ามของเขาเป็นชายหนุ่มที่ดูแข็งแกร่งและตรงไปตรงมา
"ข้า ลี่เฉิน โปรดชี้แนะข้าด้วย "
ชายหนุ่มตรงหน้าช่างสุภาพและร่าเริงนัก ผิดกับร่างกายที่กำยำของมัน
"ข้าต้วนหลิงเทียน "
ต้วนหลิงเทียนส่งรอยยิ้มกลับไป
ในสนามประลองอื่นๆ นั้นราวกับสนามประลองเข่นฆ่ากันอย่างจริงๆ ราวกับพวกมันไม่เห็นว่านี่เป็นการประลองเพื่อวัดระดับ มันยากที่จะมีใครกล่าวสนทนากับอีกฝ่าย
เพราะทุกคนล้วนต้องการเอาชนะคู่ต่อสู้ให้รวดเร็วที่สุด
ทว่า ลี่เฉินนั้นแตกต่างจากผู้อื่น
ฟึ่บ!
ลี่เฉินเคลื่อนย้ายร่างกายของเขา ร่างกายที่กำยำของเขาเคลื่อนไหวราวกับไร้น้ำหนัก
ด้วยการเคลื่อนย้ายที่ใช้ออกด้วยกำลังระดับช้างแมมมอธโบราณ 1 ตัวทำให้เกิดลมกรรโชกพัดมาถึงหลิงเทียน บ่งบอกว่ากระบวนท่านี้รวดเร็วถึงเพียงใด
วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!
ต้วนหลิงเทียนเคลื่อนที่ไปหามันเช่นกัน
ในในแง่ของความเร็ว ดูเหมือนหลิงเทียนจะเหนือกว่าชายหนุ่มที่ดูกำยำคนนี้เล็กน้อย...
และแน่นอนว่าหลิงเทียนใช้ออกด้วยกำลังระดับช้างแมมมอธโบราณ 1 ตัวเท่านั้น เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบลี่เฉิน
ไม่ว่าลี่เฉินจะทำการจู่โจมสักเท่าไร ก็ไมอาจสัมผัสได้แม้แต่ชายเสื้อของหลิงเทียน
"ข้ายอมรับความพ่ายแพ้"
ทันใดนั้นเองลี่เฉินพลันหยุดลง และกล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ออกมา
"เพราะอะไรกัน จนถึงตอนนี้มีเพียงวิชาท่าร่างเท่านั้นที่ข้าเหนือกว่าเจ้า ทำไมเจ้าถึงรีบร้อนยอมรับความพ่ายแพ้นักเล่า?"
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
"แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เจ้ารวดเร็วกว่าข้า หมายถึง..ไม่ว่าข้าจะทำเช่นไรก็ไม่อาจไล่ตามเจ้าทัน หรือแม้แต่จะทำร้ายเจ้าได้ เพราะเจ้าจะอยู่ในตำแหน่งที่ข้าไม่สามารถทำอันตรายได้ตลอดเวลา เช่นนั้นถึงจะสู้ต่อไปก็คงไร้ความหมายแล้ว"
ลี่เฉินหัวเราะออกมาอย่างจริงใจ เขานับว่าเป็นคนตรงไปตรงมาผู้หนึ่ง แล้วเขาก็กระโดดลงจากเวทีประลองไป
ต้วนหลิงเทียนยิ้มอย่างอ่อนโยน
ลี่เฉินผู้นี้ดูจริงใจอย่างมาก
เขากระโดดตามมันลงมาจากสนามประลอง
"หืม เค่อเอ๋อไปไหนแล้ว?"
เมื่อต้วนหลิงเทียนกลับมาที่เดิมเขากลับไม่พบเค่อเอ๋อ เขาจึงหันมองไปรอบๆเพื่อค้นหานาง
หลังจากนั้นไม่นานนัก หลิงเทียนก็พบว่าเด็กสาวกำลังต่อสู้อยู่บนลานประลอง
ฟุ่บ!!
เด็กสาวยืนอยู่อย่างสง่างามบนลานประลอง กระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงในมือนางทาบผ่านลำคอของคู่ต่อสู้อย่างน่าเกรงขาม
เพียงนางส่งแรงอีกเพียงครึ่งปอนด์ลำคอของอีกฝ่ายคงถูกเชือดเฉือน จนต้องตกตาย
ร่างกายของฝ่ายตรงข้ามถึงกับสั่นออกมาด้วยความหวาดกลัว มันกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมเหงื่อกาฬที่หลังไหลออกมา "ขะ ... ข้ายอมรับความพ่ายแพ้"
สาวน้อยเก็บกระบี่ของนาง ก่อนที่จะกระโดดลงจากลานประลองแล้ววิ่งไปหาหลิงเทียนท่ามกลางสายตาของผู้ชมที่มาดูการประลอง
คู่รักที่ราวกับสวรรค์สร้างคู่นี้ ช่างดึงดูดความสนใจของผู้คนนัก
พวกมันล้วนอิจฉาแทบตายแล้ว...
"ฮึ่ม!"
ห่างไปไม่ไกลนักมีชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเทาปักลายเงิน ที่พึ่งได้ชัยชนะมาอย่างง่ายดาย จ้องมายังหลิงเทียนด้วยแววตาอาฆาตเจือไปด้วยความริษยา
ตอนนี้มันได้รับชัยชนะไปแล้ว ถึง 2 ครั้ง
มันเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิด โดยปกติแล้วเมื่อคู่ต่อสู้เผชิญหน้ากับมันล้วนแล้วแต่กล่าวยอมแพ้ออกมาทันทีโดยไม่ต้องรอให้การประลองเริ่มต้นด้วยซ้ำ
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ต้วนหลิงเทียนทำการแข่งขันไปทั้งหมด 27 ครั้ง เอาชนะได้ทั้งหมด ได้รับ 28 คะแนน
เค่อเอ๋อได้รับชัยชนะ 28 ครั้ง ได้รับ 29 คะแนน
ผลลัพธ์โดยรวมของวันนี้ก็ถือว่าทำได้ดี ทั้งคู่ต่างเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับกระดานแจ้งระดับคะแนนนั้น ก็ถูกนำมาติดตั้งไว้เพื่อให้ทุกคนได้รับชมคะแนนของสาวกทั้ง 86 ชีวิตที่เข้าร่วมการประลองในครั้งนี้
“อืม”
หลิงเทียนสังเกตเห็นถึงกลุ่มตัวเก็งได้ในเวลาไม่นาน
นอกจากเขาและเค่อเอ๋อ ยังมีอีกราวๆ 10 คนที่ชนะรวดเช่นกัน
ในรายชื่อเหล่านั้นหลิงเทียนก็รู้จักเป็นอย่างดี
ลี่ฉีฉี,ลี่หยวน, ลี่ซ่ง, ลี่อัน
ส่วน 5 อันดับแรกนั้นสามารถเอาชนะไปได้ถึง 29 นัด พวกมันต่างมีคะแนนสูงถึง 30 คะแนน
ใน 5 รายชื่อนั้นที่หลิงเทียนรู้จัก ก็มี ลี่ซ่ง และลี่อัน
"การประลองประจำตระกูลครานี้ถูกจัดได้อย่างยอดเยี่ยมนักแทบไม่มีผู้แข็งแกร่งได้ประลองกันเองในช่วงแรกๆเลย เห็นได้ชัดว่าพวกมันจงใจจัดให้เหล่าผู้แข็งแกร่งทั้งหลายประลองกันในช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน"
ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ว่าทำไม ผู้คนถึงคาดเดาผู้ชนะและผู้แข็งแกร่งได้อย่างง่ายดาย เพราะทุกปีคงมีการจัดแบบนี้นี่เอง
"น้องหญิงเค่อเอ๋อ เจ้านี่น่ากลัวไม่ใช่ย่อยเลยนะ ได้ถึง 29 คะแนน เลยเชียว"
ลี่ฉีฉี เดินเข้ามาหยอกเย้าเค่อเอ๋อ
“พี่หญิงฉีฉี ข้าเพียงลงแข่งขันประลองมากกว่าท่านเพียงเท่านั้น หากจำนวนครั้งการประลองของเราเท่ากัน ท่านก็คงได้คะแนนไม่ต่างอะไรจากข้านักหรอก”
เค่อเอ๋อยิ้มรับเบาๆ
คะแนนของลี่ฉีฉี นั้นเหมือนกันกับหลิงเทียนคือ ได้รับชัยชนะ 27 ครั้ง มี 28 คะแนน
“ทางตระกูลจงใจจัดการประลองเช่นนี้ พวกเจ้าดู 5 คนแรกสิ ล้วนแต่เป็นสาวกที่มีระดับบ่มเพาะระดับก่อกำเนิดแทบทั้งสิ้น รองลงมาก็จะเป็นสาวกสายในที่มีระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9... ที่พวกมันได้คะแนนสูงนั้นก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่เจอกับพวกมัน ล้วนกล่าวยอมแพ้ออกมาทันทีแทบทั้งสิ้น" ลี่ฉีฉีค่อยๆกล่าวออกมา
คิ้วของหลิงเทียนขมวดลงเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง
ทั้งหมดอยู่ในระดับก่อกำเนิด?
นอกจากลี่ซ่งและลี่อันแล้ว ยังมีอีก 3 คนที่อยู่ในระดับก่อกำเนิดที่เขายังไม่เคยพบ
สายตาของเขาจับจ้องไปยังรายชื่อบนกระดานอีกครั้ง
ลี่ฉิง, ลี่เฟย, ลี่หู
ทั้ง 3 คนนี้ เป็นสาวกชั้นใน ที่มีระดับบ่มเพาะอยู่ในระดับ ก่อกำเนิด
"ต้วนหลิงเทียน ยังถือว่าวันนี้เจ้าโชคดี แต่ไม่นานนักพวกเราย่อมได้เจอกันแน่ ถึงตอนนั้นข้าจะเล่นงานเจ้าให้สาสมเลยทีเดียว ระวังตัวไว้เถอะ! "
ลี่ซ่งที่กำลังพาลี่เซียวเดินกลับ ได้เดินผ่านพวกหลิงเทียนไป และมันก็ไม่ลืมที่จะหันมากล่าวเยาะเย้ยและยั่วยุหลิงเทียน
“ตัวโง่งม!”
ทว่าต้วนหลิ้งเทียนพลันสบถออกมาหนึ่งคำพร้อมกับถ่มน้ำลายทิ้ง
"เจ้าว่ากระไร?!"
ร่างกายของลี่ซ่งที่กำลังเดินอยู่ถึงกับหยุดชะงัก มันหันกลับมากล่าวถามหลิงเทียนด้วยสายตาและท่าทางเอาเรื่อง สองตามันจ้องเขม็งไปยังหลิงเทียน
"เค่อเอ๋อเรากลับบ้านกันเถอะ"
ต้วนหลิงเทียนกลับจูงมือเค่อเอ๋อเดินจากไป....
ลี่ฉีฉีหันไปมองลี่ซ่งด้วยแววตาแปลกๆ ก่อนที่นางจะเร่งเดินตามหลิงเทียนและเค่อเอ๋อไป
ตอนนี้เองลี่ซ่งถึงเริ่มขยับร่างกายอีกครั้ง
เมื่อเขาถูกสายตาเย้ยหยันจากรอบข้างทำให้ ท่าทางของแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัว
"ฮ่าฮ่า ... ลี่ซ่ง มันเรียกเจ้าตัวโง่งม แต่เจ้ายังยื่นนิ่งไม่ไหวติง ข้าล่ะนับถือเจ้าจริงๆ "
ทันใดนั้นเองข้างๆมันปรากฏชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเทา กล่าวเยาะเย้ยออกมา
"ลี่อันอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ถึงความต้องการของเจ้า อย่าได้พยายามยุแยงให้ข้าแตกหักกับมันตั้งแต่ตอนนี้! ในอีกสองวันไม่ว่าอย่างไรข้าต้องได้พบเจอกับมันบนลานประลองอย่างแน่นอน และข้าจะเอาชนะและดับความหยิ่งยโสโอหังของมันด้วยมือข้าเอง ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามากังวล "
หลังจากที่ส่งสายตาเย็นชาไปยังลี่อันแล้ว ลี่ซ่งก็หันไปดึงลี่เซียวให้มันเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ท่าทางของลี่อันพลันเปลี่ยนเป็นน่ากลัว มันรู้สึกไม่ได้ดั่งใจเล็กน้อย อีกทั้งยังรู้สึกเสียหน้าจากการถูกเมินอีกด้วย
ในระหว่างทางกลับบ้าน
"น้องหญิงเค่อเอ๋อ วันนี้เจ้าได้ เห็นลี่เฟยหรือไม่?" ลี่ฉีฉีกล่าวถามสาวน้อยด้านข้างออกมา
"ลี่เฟย หรือ?"
เด็กสาวสงสัยเล็กน้อย
"ใช่แล้วลี่เฟยที่เป็นสตรีที่งดงามที่สุดในบรรดาสาวกชั้นใน ..ฮิฮิ แต่ตอนนี้มีน้องหญิงเค่อเอ๋อแล้ว เกรงว่านางจะไม่ใช่ สตรีที่งดงามที่สุดอีกต่อไป "
ลี่ฉีฉีกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มซุกซน
"พี่หญิงฉีฉีล้อข้าเล่นอีกแล้ว"
"อะไรเล่า ข้าเพียงแค่กล่าวความจริงเท่านั้น"
......
ในขณะที่ทั้งสองสามสนทนากันอย่างออกรสนั้น อยู่ดีๆ ลี่ฉีฉี ก็กล่าวถึงลี่อัน ขึ้นมา
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าต้องระวังเอาไว้ให้มาก การประลองประจำตระกูลปีที่แล้ว มีสาวกสายในนับสิบๆ คนที่ถูกลี่อันลงมือด้วยอำมหิตจนต้องพิการ” ลี่ฉีฉีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่จริงจัง
พิการ?
ดวงตาของหลิงเทียนทอประกายวูบขึ้นมา
ใครจะอยู่ใครจะไปหากยังไม่ถึงเวลาคงไม่รู้แน่..
"ในหมู่เยาวชนคนรุ่นใหม่ของตระกูลนับว่า ลี่อันแข็งแกร่งเป็นรองเพียง ลี่ฉิงเท่านั้น เขาค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าสาวกระดับก่อกำเนิดผู้อื่น" เมื่อเห็นว่าหลิงเทียนไม่คิดจะแยแสคำเตือน ลี่ฉีฉีจึงกล่าวตักเตือนออกมาอีกครั้ง
"ดูเหมือนลี่ฉิงจะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้นำทั้ง 5 คน มันมีระดับการบ่มเพาะอยู่ระดับใดกันล่ะ?"
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมา
แต่ทว่าเขากลับไม่ได้กล่าวถามเกี่ยวกับลี่อันแม้แต่น้อย คำถามของเขากลับพุ่งเป้าไปที่คนแข็งแกร่งที่สุดอย่างลี่ฉิง
"เขาก็อยู่ในระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 1 เช่นกัน แต่เหตุผลที่ลี่ฉิงแข็งแกร่งที่สุดนั้นเป็นเพราะ เขาได้ฝึกฝนวิชาต่อสู้ระดับห้วงมหรรณพขั้นสูง ดัชนีเอกบุรุษ จนมีความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งยังมีขั้นตอนความสำเร็จในระดับแก่นแท้ของวิชาท่าร่างและวิชาป้องกันระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางอีกด้วย นั่นเพียงพอให้เขาสามารถกวาดผ่านเหล่าสาวกสายในรุ่นนี้ได้อย่างง่ายดาย! ตอนนี้เขาได้ถูกขนานนามว่าเป็นสาวกที่แข็งแกร่งที่สุด และมีความสามารถในการสำนึกรู้ มากที่สุดในรุ่นนี้แล้ว "
ดวงตาของลี่ฉีฉีฉายแววเคารพเล็กน้อย ในขณะที่นางค่อยๆกล่าวออกมา
พรสวรรค์ที่ติดตัวมาจากธรรมชาติที่สูงส่ง ย่อมมีผลทำให้การเพาะปลูกและฝึกฝนวิชาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ความสามารถในการสำนึกรู้ จะช่วยให้การตีความและทำความเข้าใจวิชาเป็นไปด้วยความรวดเร็ว
หากกล่าวไป ลี่ฉิงนับว่ามีพรสวรรค์และการหยั่งรู้ที่สูงส่งก็ไม่ผิด
"ความสำเร็จขั้นตอนแก่นแท้ของวิชาท่าร่างและวิชาป้องกันระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางงั้นรึ ... เทียบเท่ากับความสำเร็จในขั้นตอนผู้เชี่ยวชาญของวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูง ในแง่ความสำเร็จของวิชาท่าร่างและวิชาป้องกันนับว่ามันเหนือกว่าข้าเล็กน้อย! แต่ในแง่ของวิชาจู่โจมวิชาวาดกระบี่ของข้า หาได้หวาดกลัวดัชนีเอกบุรุษของเจ้าไม่! "ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำกับตัวเอง
"หากข้าใช้กำลังทั้งหมดในระดับช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัว ต่อให้วิชาท่าร่าง และวิชาป้องกันของมันจะเหนือกว่าข้าเล็กน้อย มันต้องปราชัยให้ข้าอยู่ดี!"
ดวงตาของหลิงเทียนส่องประกายอย่างมั่นหมาย
ครั้งนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงตำแหน่งผู้ชนะเลิศย่อมเป็นของเขาอย่างแน่นอน
ไม่ใช่เพื่อเกียรติยศชื่อเสียงหรืออะไร แต่เป็นเพราะความต้องการ โลหิตหลิงซี่อายุ 350 ปีเท่านั้น!!
หลังจากกลับมาบ้านเขาก็เดินมายังลานบ้าน
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เส้นสายสีดำและสีขาวต่างพุ่งมาราวกับสายอัสนีบาตมุ่งมายังข้อมือของหลิงเทียนและเค่อเอ๋ออย่างรวดเร็ว พวกมันเลื้อยพันไปบนแขนก่อนที่จะผงกหัวพร้อมทั้งแลบลิ้นออกมาอย่างน่ารักราวกับจะกล่าวทักทาย
งูเหลือมตัวน้อย ช่างรู้จักพยักหน้าทักทายคล้ายคลึงกับมนุษย์นัก
"สำหรับเจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวนี้ ข้ารู้สึกไม่ค่อยเต็มใจเอาซะเลย"
คิดถึงเวลาที่เขาต้องปล่อยพวกมันทั้งสองตัวกลับไปหาครอบครัวของพวกมัน หลิงเทียนได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะความเศร้าเล็กน้อย
"ข้าก็เสียดายเหมือนกันเจ้าค่ะ ... แต่หากเราไม่นำมันกลับบ้าน บิดามันคงเศร้าเสียใจและทรมานอย่างยิ่ง"
เค่อเอ๋อไม่อาจรั้งงูน้อยไว้ในลักษณะนี้ได้
ฟู่ๆ!
ราวกับงูน้อยทั้งสองจะไม่รับรู้ความลำบากใจของทั้งคู่ พวกมันแลบลิ้นและส่ายคอไปมาอย่างมีความสุข