หน้าแรก >
Chapter 1: ตื่น!

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 1: ตื่น!

เมืองรีบฟ เมืองขนาดใหญ่ที่สร้างบนพื้นที่ราบติดกับทะเล หอคอยมากกายสูงเสียดฟ้าขึ้นไป เกวียนไอน้ำที่เดินทางไปตามท้องถนนแม้ว่าจะไม่มีม้าคอยดึง ทหารเดินไปมาในท้องถนนพร้อมกับปืนไรเฟิลไอน้ำที่สะพายไว้ที่หลัง
เด็กหนุ่มวัย 15 ปีกำลังขี่สกู๊ตเตอร์ของเขาอยู่ ท่อไอเสียบางครั้งจะพ่นไอน้ำออกมาซึ่งเร่งความเร็วให้สกู๊ตเตอร์เร่งตัวไปข้างหน้าได้หลายเมตรก่อนที่จะกลับมาช้าลงอีกครั้ง สกู๊ตเตอร์นี้เดินทางไปตามท้องถนนและไปหยุดตรงหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง เขาลงจากสกู๊ตเตอร์ก่อนจะพับมันแล้วเอามันมาถือไว้  ผมของเขายุ่งจากลมที่พัดเข้ามา เด็กหนุ่มมีผิวที่ซีด,ตาดำและผมหยิกๆสีดำ เขาสูงประมาณ 1.6 ม.
“ เฮ้ เอ็ด
! สกู๊ตเตอร์ที่นายขี่มาสวยดีนิ ! นายสร้างเหรอ ? ฉันคิดว่าจะยืมมันหน่อยเพราะอันที่แล้วของนายพังไปแล้ว ! นายคงไม่ว่าใช่มั้ย ? ฮาฮา ! “
นักเลงที่เดินเข้ามาหา เอ็ด นั้นตัวใหญ่กว่าเขามาก เขาสูงอย่างน้อย 1.8 ม. ผมของเขาเป็นสีส้มหยิกงอและหน้านั้นเต็มไปด้วยกะ
เอ็ด ดึงเอาแท่งเหล็กที่เป็นประกายออกมาแล้วชี้ไปที่เด็กชายตัวโต – “ ฉันไม่ให้นายเอาอันนี้ไปหรอก เจค  ไปไกลๆเลยถ้านายไม่อยากมีรูบนหัว ! “
เจค ถอยกลับไปช้าๆพร้อมกับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหลัง – “ อะ...เอ็ด นายไปเอามันมาจากไหน ? นายรู้นิว่านั้นไม่ถูกกฎหมายถ้าพลเมืองมาพกอาวุธ นายบ้าไปแล้วรึไง ?ใจเย็นๆก่อนโอเคมั้ย ? เราเป็นเพื่อนกันนิ ไม่เป็นไรหรอกน่า “
ในตอนที่ เจค ถอยกลับไปนั้น เขาก็ค่อยๆมองไปที่ปืน  เมื่อมองดูใกล้ๆแล้วเขาก็รู้ว่ามันเป็นของปลอม  เขาต่อยออกมาและตะโกนขึ้น – “ เฮ้ย ฉันไม่เคยเห็นปืนแบบนี้มาก่อนเลยนิ ? ! มันของปลอมไม่ใช่รึไง ? ไอ้บัดซบนี่ ! ฉันจะฆ่าแก ! “
เจค วิ่งเข้าหา เอ็ด พร้อมกับหมัดที่พร้อมจะเหวี่ยงเข้าใส่ !
ปัง ! เสียงระเบิดดังขึ้นมา  เจคหยุดและก้มลงไปมองด้วยความลนลานและพบว่าเขายังไม่เป็นอะไร เขามองกลับไปที่ เอด และปืนก่อนจะเห็นธงที่ยื่นออกมาจากปากกระบอกโดยเขียนเป็นตัวหนังสือว่า ‘ ปัง ‘
“ อ๊าก ! ไอ้เตี้ยนี่ ! “- เจค เหวี่ยงหมัดเข้าใส่ เอด ที่ซึ่งก้มตัวลงพยายามที่จะพุ่งเข้าชน  เอด ได้ใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อผลัก เจค ให้ถอยกลับไป อยู่ๆ เอด ก็รู้สึกว่าตัวเขาโดนยกขึ้นมา ลมได้พัดผ่านเขาไปก่อนจะรู้สึกว่าพื้นได้พุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว – “อั๊ก ! “ - เอด รู้สึกได้ว่าลมรอบตัวนั้นได้หายไปพร้อมกับโลกที่มืดมนลง

“ บ้าเอ้ย ฉันแพ้อีกแล้ว รอดูฉันโตก่อนเถอะ ฉันจะแก้แค้น ! “ – เอ็ด กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ – “ นี่เป็นสกู๊ตเตอร์อันที่สามที่ฉันเสียไปแล้ว...ฉันไม่น่าซื้อมันมาเลย ฉันน่าจะวิ่งมาสายๆสักหน่อย บ้าเอ้ย ฉันอาจจะสายแล้ว นี่ฉันสลบไปนานเท่าไหรแล้วเนี้ย ? “
เอ็ด มุ่งหน้าเข้าไปในโรงเรียนก่อนจะเข้าไปในห้องเรียนของเขา  ครูได้เริ่มสอนแล้วและไม่ได้มองมาที่เขาเลย  เขาเดินไปนั่งที่ด้านหลังและเริ่มฟังที่ครูพูด วิชาที่เรียนวันนี้คือประวัติศาสตร์
ครูได้พูดขึ้นมา – “ ภัยพิบัติครั้งแรกเกิดขึ้นตอนที่โลกนั้นโดนพาสมาจำนวนมหาศาลจากดวงอาทิตย์เข้าโจมตี นี่เป็นที่รู้จักกันในชื่อการกำเนิดภัยพิบัติ  มันได้กำจัดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดบนโลก ในตอนที่เราพยายามสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาใหม่ ส่วนมากแล้วก็ไม่ค่อยได้ผลแต่ทันทีที่พบว่าเทคโนโลยีไอน้ำยังคงใช้งานได้อยู่ เราก็ได้เข้าสู่ยุคทองยุคใหม่ของความสงบสุขและรุ่งเรือง  วันนี้เรากำลังเจอกับภัยพิบัติครั้งที่ 2  ภัยพิบัติมานา  แต่ละวันคนเราจะตายไปเพราะภัยจากสิ่งกลายพันธุ์ที่เพิ่มขึ้นมา บางครั้งมันก็จะมีการสังหารโหดทั้งเมืองซึ่งทำให้คนนับล้านต้องตายและทำให้ผู้คนต้องเสียบ้านเมืองของตัวเอง  ผู้เชี่ยวชาญนั้นเชื่อว่ามันเป็นเพราะภัยพิบัติครั้งนี้คือพลังงานแบบใหม่ที่เราค้นพบในโลกซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อมานา “
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งแย้งขึ้นมา – “ ครูคะ ! มันแย่แบบที่ครูพูดเลยเหรอ ? แน่นอนน่ะคนตายไปเยอะแต่ตอนนี้เราก็มีพวกเอสเปอร์ที่มีพลังพิเศษนิ ! “
ครูพยักหน้าแล้วตอบกลับ – “ ก็จริง บางคนได้พิสูจน์แล้วว่าเราอยู่ในยุคทองก็เพราะเอสเปอร์  บางคนเชื่อว่านี่คือการวิวัฒนาการของมนุษย์แต่คนเหล่านี้ถือว่าเป็นพวกแปลกประหลาดออกไป พวกเธอรู้มัยว่ามีเอสเปอร์กี่คนที่ตายไปในการโจมตีของสัตว์ประหลาดครั้งที่แล้ว ?”
นักเรียนหญิงคนนั้นส่ายหน้า – “ มันเยอะเหรอ ? “
ครูถอนหายใจออกมา – “ เอสเปอร์กว่า 300 คนตายไป มีเอสเปอร์แค่ 900 คนที่เข้าร่วม ในอีกความหมายคือมีอัตราการตาย 33% ในหมู่เอสเปอร์ สำหรับพลเมืองน่ะเหรอ ? คนตายนับล้าน  โชคร้ายที่พวกเขาไม่อาจทำอะไรไนต์แมร์ได้เลยแม้แต่รอยขีดข่วน พวกเธอน่ะโตมาด้วยการได้รับการป้องกันจากกำแพงเมือง ก่อนที่เมืองจะรีบสร้างกำแพงเหล็กได้เสร็จ เราได้เสียคนไปนับไม่ถ้วน  เราไม่ได้มีชุดไอน้ำ แม้แต่ปืนไรเฟิลไอน้ำก็ถือว่าเป็นของที่ไร้ค่าในตอนนั้น วันนี้อย่างน้อยมนุษย์ก็ยังมีโอกาสที่จะรับมือกับพวกมันได้เมื่อมีชุดขับเคลื่อน “
คาบเรียนได้จบลงและนักเรียนต่างก็มุ่งหน้าไปยังห้องวิชาต่อไป ครูได้เรียก เอ็ด ก่อนที่เขาจะออกไป – “ คุณเทสล่า  มานี่สักเดี๋ยว “
“ ครับครู มีอะไรรึเปล่า ? “
“ อืม ฉันเห็นว่าวันนี้เธอมาสายอีกแล้ว  ฉันหวังว่าเธอไปรับการกักตัวหลังเลิกเรียนวันนี้นะ “
เอ็ด พยักหน้าและออกจากห้องไป เขาชินกับเรื่องนี้แล้ว แม้ว่าเขาจะเถียงแต่ครูก็คงไม่สน มันไม่ใช่ว่าครูไม่ชอบ เอ็ด  ในทางกลับกันแล้วเขาถือว่าเป็นคนเรียนดีเลย แต่นี่คือยุคที่คนแข็งแกร่งจะอยู่รอดและคนอ่อนแอต้องตาย การรังแกรึกลั่นแกล้งกันนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอะไรในทุกวันนี้
เอด มุ่งหน้าไปที่โรงยิมและเปลี่ยนชุด  เขาเดินมาได้สองไมล์พร้อมกับคนอื่นๆ ระหว่างทางกลับไปที่โรงยิม  เจค ได้มากอดคอเขา – “ เพื่อน  ขอบคุณนะสำหรับสกู๊ตเตอร์น่ะ เพื่อนฉันอยากได้มันบ้าง คิดว่านายน่าจะช่วยเราได้นะ ? “
เอ็ด ตะโกนออกมา – “ ไปไกลๆเลย ! นายเอาไปสามอันแล้ว นั่นเป็นอันสุดท้ายที่ฉันมีแล้วและคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์กว่าจะสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ! “
เด็กชายที่แก่กว่าพวกเขาสองคนเดินเข้ามาหา คนหนึ่งหน้าตาเย็นชาและใส่เครื่องแบบ เครื่องแบบโรงเรียนนี้มีกางเกงสีเทา, เสื้อขาวและเสื้อนอกสีเทา  นี่คือเด็กชายวัย 17 ปีที่รู้จักกันดีว่าเป็นนักเลงในโรงเรียนที่ชื่อ ร็อบบี้
อีกคนไม่ได้ใส่ชุดนักเรียน  เขาใส่กางเกงยีนส์สีดำและเสื้อแขนกุดสีดำ  แขนเขามีกำไลที่ปล่อยไอน้ำออกมา  แขนเขานั้นดูแดงเล็กน้อยเพราะไอน้ำนี้แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สน  เขาคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนกลัว  พวกคนที่ทำร้ายตัวเองและแผลอื่นๆนั้นจะใช้ไอน้ำ โดยพื้นฐานแล้วพวกนี้จะใส่ชุดสีดำและชอบที่จะทำร้ายตัวเอง  เอ็ด ไม่เคยเห็นนักเรียนคนนี้มาก่อน
เด็กชายสองคนมาจับแขน เอ็ด ไว้แล้วลากเข้าไปที่โรงเก็บของของโรงยิ้ม  พวกนั้นโยนเขาเข้าไปในโดยมี เจค เดินตามเข้าไปข้างใน  เด็กชายหน้าเย็นชา เขานั่งยองๆลงไปแล้วมองมาที่ เอ็ด – “ ฉันกับเพื่อนอยากได้สกู๊ตเตอร์ไอน้ำ  ปัญหาคือเราซื้อมันไม่ได้ เจค บอกเราว่าเราน่าจะมาคุยกับนาย “
เอ็ด มองไปที่อีกฝ่าย – “ ฉันไม่มี แม้ว่าจะมีแต่ฉันก็ไม่ให้นายหรอก นายไปไกลๆได้แล้ว ไปหางานทำสิถ้านายอยากได้น่ะ ไอ้พวกขี้เกียจเอ้ย “
เด็กชายหน้าเย็นชายิ้มออกมาและเตะอัดเข้าที่ท้องของ เอ็ด
“ อั๊ก !” -  เอ็ด กุมท้องด้วยความเจ็บ
เด็กชายคนนั้นได้เตะ เอ็ด อีกหลายครั้งก่อนที่จะหยุด  เขามองไปที่เพื่อนตัวเอง – “ แอนดี้ ไปเอาถังที่เราเตรียมไว้มา “ – จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองที่ เจค –“  นาย มานี่และอัดตูดมัน พวกอ่อนแอต้องรู้ฐานะตัวเอง ไอ้ห่านี่น่ะควรจะรู้นะว่าฉันต้องการอะไรจากมัน “
เจค วิ่งเข้ามาหาแล้วกระทืบ เอ็ด  มันยังเป็นแบบนี้ต่อไปอีกหลายนาทีจนกระทั่ง แอนดี้ กลับมาพร้อมกับถัง – “ ร๊อบบี้ ฉันได้มาแล้ว ! “
ร็อบบี้ ยิ้ม – “ ดี เอาสิ “
แอนดี้, เจค และ ร็อบบี้ เดินออกมาจากโรงเก็บของ  ร็อบบี้ ได้โยนถังเข้าไปใส่ เอ๊ด  มีแมงมุมขนาดเท่ากับหมัดหลายสิบตัวเริ่มไต่ออกมา – “ อ๊าก ! ออกไป ! ออกสิโว้ย ! “ - เอ็ด ตะโกนออกมาด้วยความลนลานพยายามปัดแมงมุมออก หลายตัวนั้นกัดเขาด้วยซ้ำ เขาวิ่งไปที่ประตูแต่มันก็ไม่เปิดเลยสักนิด เสียงล็อคประตูดังขึ้นมา
ร็อบบี้ ตะโกนตามมา  - “ สนุกเข้าไว้นะ ! ฉันจะกลับยมาปล่อยนายวันจันทร์ ฉันหวังว่านายจะมีวันหยุดที่ดีนะ แล้วตอนนั้นเราค่อยคุยเรื่องสกู๊ตเตอร์กันใหม่ ! “
ร็อบบี้ เดินออกไปพร้อมกับหัวเราะ  แอนดี้ และ เจค เดินตามไปติดๆ  เจค หันไปหา ร็อบบี้และลังเลไปสักพักก่อนจะกระซิบออกมา  “ แบบนี้มันดีจริงๆเหรอ ?  มันไม่มีอาหารรึน้ำในนั้นเลยนะ ? “

“ ฮาฮา ไม่ต้องกังวลหรอก ครูจะปล่อยเขามาก่อนหมดวันเองแหละ พวกเขาต้องเอาอุปกรณ์ไปเก็บตอนเลิกเรียนอยู่แล้ว พวกเขาจะหามันเจอเอง ฉันแค่ทำให้ไอ้หนูนี่มันกลัวเท่านั้นแหละ “
เจค ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก – “ งั้นก็ดี ฉันมีเรียนคาบหน้า ไว้เจอกันทีหลัง
!  “- เขาโบกมือพร้อมกับวิ่งเหยาะๆออกไป
ร็อบบี้ หันกลับไปมองที่ แอนดี้ – “ นายไปบอกครูว่านายจะเก็บของเองตอนเลิกเรียน โอเคมั้ย ? “
แอนดี้ พยักหน้า – “ โค้ชดีใจด้วยซ้ำตอนที่ฉันบอกว่าจะทำเพื่อที่เขาจะได้กลับเร็วๆ “
ร็อบบี้ ยิ้มออกมา – “ ดี ! มาดูกันว่าไอ้หนูนั่นจะมีท่าทียังไงหลังจากที่ใช้ช่วงวันหยุดในห้องเก็บของนั่น “
เอด ยังคงสู้กับแมงมุมอยู่ในห้องเก็บของ เขาฆ่ามันไปได้หลายตัวและตัวที่หลือต่างก็กลัวจนรีบไปซ่อน  เขาเต็มไปด้วยรอยกัดจากแมงมุม เขาถอนหายใจออกมา – “ บ้าเอ้ย นี่ฉันสมควรโดนรึไง ? บางทีฉันน่าจะทำปืนขึ้นมาจริงๆแล้วเตรียมใจเข้าคุกไว้ซะ “
เขาพยายามเปิดประตูแต่ที่ทำได้ก็มีแค่เสียงครืนของประตูเท่านั้น  เขาตะโกนร้องให้คนช่วยอยู่หลายนาทีแต่ก็ไม่มีใครมา เมื่อเป็นแบบน้นั้นเขาก็นั่งพิงกำแพงแล้วพึมพำออกมา – “ ยังไงซะครูก็คงมาปล่อยตอนเลิกเรียนเอง “ - เขาหาวออกมาก่อนจะหลับไปช้าๆ...
เอ็ดเวิด ตื่นขึ้นมาหลังจากที่ผ่านไปหลายชั่วโมง  แสงยังคงลอดผ่านเข้ามาในห้องผ่านรูขนาดนิ้วมือจากบนหลังคา  เอ็ด มองไปที่นาฬิกาตัวเอง  ‘ เอ่อ ? โรงเรียนปิดไปชั่วโมงก่อนนิ ? พวกเขาลืมเก็บของรึไง ? ‘ ท้องของเขาเริ่มส่งเสียงร้องออกมาจนทำให้เขาต้องลูบท้องตัวเอง ‘ อั๊ก วันนี้ฉันยังไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน ฉันว่าฉันน่าจะหาทางออกจากที่นี่ดู ‘
เขามองไปรอบๆ อุปกรณ์กีฬานั้นวางเรียงรายตามพื้นและมีโต๊ะบางตัวที่พิงอยู่ที่มุมห้อง  เขากางโต๊ะออกและเริ่มจับของที่ดูมีประโยชน์สำหรับเขา เขาไปหาท่อเหล็ก, ชะแลงและเครื่องตัดหญ้าไอน้ำที่สนิมกิน ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ถูกใช้มาเป็นสิบปีแล้ว
เอ็ด ดึงมีดกองทัพออกมาจากกระเป๋าและเริ่มทำการแยกส่วนเครื่องตัดหญ้า ‘ อั๊ก นี่มันขยะชัดๆ ! เครื่องต้องใส่น้ำมันและทำความสะอาด...รึไม่ก็มันก็เป็นแค่ขยะดีๆนี่เอง ‘ เขาหยิบชะแลงขึ้นมาและพยายามไปเปิดประตูห้องเก็บของ ‘ บ้าเอ้ย นี่ไม่ดีละ ทั้งห้องนี้ทำขึ้นมาจากเหล็กแข็ง ‘
เขายอมแพ้และตัดสินใจที่จะพัก เขานอนลงกับพื้นและค่อยๆหลับไปอีกครั้ง เขาตื่นขึ้นมากลางดึกภายใต้เสียไซเรนยามค่ำคืน ! เขาลุกขึ้นมาและมองไปที่เพดาน เขาเห็นเปลวไฟที่ลุกไหม้ผ่านรูบนหลังคา เขาเริ่มลนลานขึ้นมา – “ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ? พวกนี้คือเสียงไซเรนของเมือง ! พวกมันจะถูกเปิดในตอนฉุกเฉินที่ส่งผลต่อทั้งเมือง ! “
เอ็ด จับชะแลงขึ้นมาและเริ่มฟาดไปที่กำแพงห้อง เขาตะโกนขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด – “ เหี้ย ! นี่มันไม่ได้ผล ! “ – เขาโยนชะแลงทิ้งและคว้าเอาปืนไอน้ำปลอมที่เขาพกติดในกระเป๋าออกมา เขาฉีกธงที่ใช้แกล้งคนออก  จากนั้นก็จับเอาน็อตที่ถอดออกมาจากเครื่องตัดหญ้ายัดลงไปในปืน  เขาผลักประตูออกจนเห็นตัวล็อคประตู  เขาเล็งและค่อยๆลั่นไกลช้าๆ  ติ๊ง ! เสียงแสบแก้วหูดังขึ้นมาพร้อมกับเหล็กชิ้นเล็กๆที่กระเด็นแล้วอัดเข้าที่มือของ เอ็ด ซึ่งทำให้เขาต้องปล่อยปืนเพราะความเจ็บ ตัวล็อคนี้ยากที่จะได้รับรอยขีดข่วน
ไฟเริ่มแผ่เข้ามาถึงห้องเก็บของ  ควันเริ่มไหลเข้ามาข้างใน  เอ็ด ถึงกับได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นและพยายามหาอากาศหายใจ ควันตอนนี้เต็มไปในระยะมองเห็นของเขาจนทำให้เขามองเห็นพร่ามัว ‘ ฉันต้องทำยังไง ? ฉันต้องทำยังไง ! ? ‘ เขามองไปที่โต๊ะและพยายามคิด  ‘ อั๊ก ! ‘ เขาร้องออกมาเพราะมีสะเก็ดไฟมาโดนที่แขนของเขา  ตึก ! ตึก ! ตึก ! หัวใจเริ่มเต้นดังขึ้นดังขึ้น  ตอนนี้ทั้งตัวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ  เขารู้สึกได้ว่าความร้อนนี้กำลังเปลี่ยนผิวเขาให้เป็นสีแดง
อยู่ๆเวลาก็เหมือนจะช้าลงสำหรับเขา เขารู้สึกได้ว่าโลกรอบตัวนั้นช้าลงจนราวกับเวลาหยุดนิ่งไป  ชิ้นส่วนที่เขามองอยู่นั้นเริ่มลอยขึ้นไปในอากาศ เครื่องยนต์ที่เป็นสนิมเริ่มแยกกันเป็นชิ้นเล็กๆ สนิมได้หลุดลอกออกมาจากส่วนประกอบเหล่านั้น  เศษเหล็กบางส่วนได้หลอมรวมกันเป็นเหล็กเหลวและผสมเข้ากับส่วนที่เสียหาย จากนั้นเครื่องยนต์ก็เริ่มทำการประกอบขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว
เครื่องตัดหญ้าที่ถูกทิ้งไว้ได้หายไปกลายเป็นถุงมือขนาดใหญ่  เครื่องไอน้ำได้เชื่อมต่อไว้บนถุงมือนี้และใบมีดตัดหญ้าเองก็เชื่อมต่อบนลูกสูบของเครื่อง เอ็ด จับถุงมือนี้ขึ้นมาแล้วเล็งไปที่กำแพงใกล้ๆ เครื่องยนต์เริ่มหมุนจนทำให้ลูกสูบนั้นดีดตัวไปมาเร็วขึ้นเรื่อยๆ ! ไอน้ำได้พุ่งออกมาจากด้านหลังของเครื่องพร้อมกับลูกสูบที่อัดเข้าใส่กำแพงซ้ำๆ !  เอ็ด ได้ลากถุงมือนี้เป็นวงกลมและตัดรูขนาดใหญ่บนกำแพงเหล็กขึ้นมาได้  เขารีบมุดออกไปจากรูนั้นแล้ววิ่งหนีไปจากเปลวไฟ
เขามาถึงที่ที่ไม่มีไฟไหม้แล้วค่อยๆใจเย็นลง ‘ เหี้ย เหี้ย ! นี่มันบ้าอะไร ! มานาที่ฉันใช้ตะกี้มันอะไรกัน ? ฉันตื่นขึ้นมาในฐานะเอสเปอร์งั้นเหรอ ? ฉันรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ไหลอยู่ในตัว  นี่มันพลังแบบไหนที่ฉันปลุกขึ้นมาได้ ? ‘ ในตอนที่เขาใจเย็นลง เขาก็เริ่มมองไปรอบๆ เปลวไฟที่ลุกไหม้ทั่วทุกที่ที่สายตาเขามองเห็น  ทั้งเมืองนั้นตกอยู่ในเปลวไฟ ! เสียงไซเรนยังคงดังอย่างต่อเนื่องจนทำให้ แอ็ด เริ่มปวดหัวขึ้นมา ทั้งตัวเขาปวดไปจากการโดนแมงมุมกัดและความร้อนก่อนหน้านี้
“ กรร ! “ – เอ็ด ได้ยินเสียงและหันกลับมาก่อนจะพบกับสัตว์กลายพันธุ์ตัวหนึ่งที่สูง 1.2 ม.  มันมีสี่ขาและผิวหนังสีเขียวหม่น  ตัวของมันเต็มไปด้วยเนื้องอกสีดำ ฟันคมๆยื่นออกมาจากปาก ตาของมันดูกระหายเลือดและมองมายังเด็กชายตรงหน้า
ตาของ เอ็ด เบิกกว้างด้วยความกลัวพร้อมกับเริ่มถอยออกไปช้าๆ  อยู่ๆสัตว์กลายพันธุ์ก็โดดเข้าหาเขา ! เขารีบกลิ้งตัวไปข้างๆและหลบการโจมตีได้อย่างเฉียดฉิว  เขารีบลุกขึ้นยืนและมองไปที่ถุงมือของเขา  ตึก, ตึก, ตึก ! ใจของเขาเต้นดังขึ้นมา เขากรีดร้องขึ้น – “ บ้าเอ้ย ! นี่มันบ้าอะไร ! เอาก็เอาวะ ! “ - เขาพุ่งเข้าใส่สัตว์อสูร ถุงมือได้พ่นไอน้ำออกมาและลูกสูบติดใบมีดก็ดีดตัวไปมา เขาต่อยเข้าใส่สัตว์อสูรในตอนที่มันอ้าปากกว้างเพื่อกัดเขา !
“ อ๊าก !!!! “ - เอ็ด กรีดร้องออกมาเพราะความเจ็บปวด  สัตว์กลายพันธุ์ได้กัดเข้าที่แขนขวาของเขาซึ่งเขาใช้ต่อยใส่มันแต่ถุงมือไอน้ำยังคงทำงานอยู่  ใบมีดได้เริ่มแทงใส่เข้าปากมันซ้ำๆ เลือดกระจายออกมาทั่วทุกที่จนเปื้อนไปที่หน้าของ เอ็ด และย้อมเสื้อผ้าเขาให้เป็นสีแดง สัตว์กลายพันธุ์นั้นไม่ยอมและคงยื้ออยู่หลายวินาทีก่อนที่ตาของมันจะเริ่มหม่นลงก่อนที่จะล้มลงไป
เอ็ด จับไปที่แขนตัวเองด้วยความเจ็บ เลือดหยดลงมาจากรอยกัด  มีดบนถุงมือได้หักไปครึ่งหนึ่งและยากที่จะใช้ต่อได้ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปรอบตัว มันมีสัตว์กลายพันธุ์อีกว่าสิบตัวที่เดินหน้าเข้ามาหาเขาจากทุกทาง

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.