spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
เด็กหนุ่มนั่งในถังน้ำ ที่อุดมไปด้วยโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 7 กระบวน มันกำลังเร่งดูดซึมน้ำโอสถและบ่มเพาะพลังด้วยความเร็วสูงอย่างไม่หยุดพัก
วิชา 9 มังกรจักพรรดิสงครามรูปแบบพญาอสรพิษ!
โอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 7 กระบวนถึงกับถูกดูดซึมเข้าร่างกายด้วยความเร็วที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
พลังงานที่หนาแน่นและแข็งแกร่งของผลจิตวิญญาณธาตุทมิฬก็ดูเหมือนจะถูกร่างกายของหลิงเทียนดูดซับด้วยความเร็วสูงเช่นกัน
หากเขาต้องการตำแหน่งผู้ชนะเลิศ และได้รับโลหิตหลิงซี่ อายุ 350 ปี จากการประลองประจำตระกูลแล้วล่ะก็ ...
เขาต้องตัดผ่านไปยังระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 สถานเดียว!
"อีกนิดเดียว"
ด้วยการรับรู้ของเขานั้นสัมผัสได้ว่าเหลืออีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่ทว่าร่างกายของเขาก็มาถึงขีดจำกัดเสียก่อน เขาจึงสามารถซึมซับพลังงานได้เพียงเท่านี้ ก่อนที่จะมันจะหลอมรวมกับเขาอย่างสมบูรณ์ เขาไม่สามารถดูดซับได้อีก
เด็กหนุ่มที่นั่งบ่มเพาะอยู่ค่อยๆลุกขึ้นก่อนที่จะเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
เขาหลับไปจนถึงเช้า
"นายน้อย นายน้อยเจ้าคะ!"
เสียงที่ดูกระวนกระวายใจของเด็กสาวดังมาจากด้านนอก ปลุกเด็กหนุ่มให้ตื่นจากนิทรา
"เค่อเอ๋อ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?"
เด็กหนุ่มรีบสวมชุดนอนให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินออกไปเปิดประตู เมื่อเปิดประตูก็พบเด็กสาวที่กำลังมีทีท่ากังวล
"นายน้อยท่านดูนี่สิ"
ในมือของเด็กสาวทั้งสองข้างปรากฏไข่สองใบที่กำลังสั่นอย่างแรง รอยปริแตกกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แกร๊ก! แกร๊กก!
ไม่กี่อึดใจเปลือกไข่ทั้งสองใบก็ถูกดันจนแตกออก ลูกงูเหลือมเล็กๆสองตัวต่างดันไข่ออกมาแทบจะพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่พวกมันจะชูคอขึ้นมา พร้อมทั้งแลบลิ้นเล็กๆออกมาอย่างน่ารัก หลังจากนั้นพวกมันก็เริ่มกัดกินเปลือกไข่ที่เหลือ
ต่อมางูน้อยทั้งสองตางจับจ้องไปยังหลิงเทียนและเค่อเอ๋อด้วยแววตาใสซื่อราวกับจะออดอ้อน
ดวงตาเล็กๆทั้งคู่ที่กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่มันเต็มไปด้วยความรู้สึก ...
ราวกับเด็กน้อยที่กำลังมองไปยังบิดามารดา ด้วยความโหยหา
"นายน้อย เหตุใดพวกมันดูไม่เหมือนงูเหลือมทมิฬเลยล่ะเจ้าคะ"
เค่อเอ๋อขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัย
"อืม พวกมันยังดูแตกต่างกันอีกด้วย ... "
หลิงเทียนกำลังสำรวจลูกงูน้อยทั้งสองตัว
ลูกงูน้อยทั้งสองตัวนั้น ตัวหนึ่งสีดำทมิฬอีกตัวหนึ่งสีขาวบริสุทธิ์
ลูกงูเหลือมตัวสีขาวนั้นมีลายสีเงินพาดผ่านอยู่ที่ตัวของมัน ลายเส้นสีเงินนั้นราวกับเป็นเครื่องหมายอะไรสักอย่างที่มีความลึกลับซับซ้อนจนหลิงเทียนไม่สามารถเข้าใจได้
ส่วนลูกงูเหลือมตัวสีดำก็มีลวดลายคล้ายคลึงกับตัวสีขาวแต่ทว่าลายเส้นของมันกลับเป็นสีทอง
ทั้งสองคนดูคล้ายคลึงกันอย่างมาก
พวกมันมีรอยตรงกระพุ้งแก้มน่ารักเหมือนๆกัน
ต้วนหลิงเทียนลองค้นหาในความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดแต่ทว่าเขากลับไม่พบข้อมูลของงูเหลือมน้อยสองตัวนี้
อาจจะกล่าวได้ว่า ตอนนี้ต่อให้จักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ยังมีชีวิตอยู่เขาก็ไม่สามารถระบุชนิดของลูกงูเหลือมสองตัวนี้ได้
แต่ทว่าในความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด กลับมีงูสายพันธ์หนึ่งที่มีลักษณะใกล้เคียงกับลูกงูเหลือมสองตัวนี้เล็กน้อย
แต่ทว่ามันไม่ใช่งูเหลือมทมิฬแต่อย่างไร
มันเป็นสัตว์อสูรที่ร้ายกาจอย่างมาก งูเหลือมหิมะนิรันดร์
จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด งูเหลือมหิมะนิรันดร์ตัวเต็มวัยนั้น มีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกันกับ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับ วิญญาณแรกก่อตั้ง!! ...
การบ่มเพาะของผู้ฝึกตนเริ่มขึ้นที่ ระดับการบ่มเพาะร่างกาย ซึ่งเน้นสร้างรากฐานที่ร่างกายและเลือดเนื้อ
ต่อมาจะเป็นขั้นตอน ก่อกำเนิด ที่เริ่มพัฒนาพลังงานต้นกำเนิดในร่างให้แข็งแกร่ง
หลังจากนั้นจะเข้าสู้ขั้น กำเนิดแก่นแท้ เพื่อควบรวมพลังงานต้นกำเนิดให้เป็นแกนหลักในร่างกาย
หลังจากขั้นกำเนิดแก่นแท้แล้ว ผู้ฝึกฝนจะตัดผ่านไปยังระดับ วิญญาณแรกก่อนตั้ง
ผู้ที่แข็งแกร่งในเมืองออโรร่าแห่งนี้ส่วนมาก จะอยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ทั้งสิ้น
ส่วนผู้ฝึกตนระดับวิญญาณแรกก่อตั้งนั้นสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว
"เอ หรือมันจะเป็นลูกหลานของงูเหลือมหิมะนิรันดร์กันนะ"
แต่หลิงเทียนก็ส่ายหัวให้กับความคิดครั้งนี้ของเขา
ไม่ต้องพูดถึงความแตกต่างของงูเหลือมหิมะนิรันดร์และงูเหลือมทมิฬเลย แค่สัญลักษณ์บนร่างกายของลูกงูน้อยทั้งสอง มันก็แตกต่างจากสัญลักษณ์ของ งูเหลือมหิมะนิรันดร์และงูเหลือมทมิฬ อย่างมากแล้ว
จากนี้อาจจะสรุปได้ว่าลูกงูน้อยทั้งสองตัวอาจไม่ใช่ลูกหลานของทั้งงูเหลือมทมิฬและงูเหลือมหิมะนะรันดร์ก็ได้
‘บางทีพวกมันอาจจะคล้ายคลึงกับบิดาของพวกมันก็ได้ แต่ข้าสงสัยจริงๆว่าบิดาของมันจะเป็นงูสายพันธุ์อะไรกันแน่ ขนาดจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ใช้ชีวิตมาแล้วทั้งสองชาติภพยังไม่สามารถระบุสายพันธ์ของงูชนิดนี้ได้เลย ช่างน่าประหลาดเสียจริงๆ’ หลิงเทียนสรุปในใจอย่างเงียบๆ
"นายน้อยท่าทางของพวกมันดูเหมือนจะหิวแล้วนะเจ้าคะ"
เสียงของเด็กสาวทำให้หลิงเทียนเรียกสติกลับมาได้อีกครั้ง หลังจากนึกอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ลูกงูตัวน้อยทั้งสองตัว กำลังส่งสายตาอ้อนวอนราวกับกำลังหิวหรือต้องการอะไรบางอย่างพวกมันส่ายตัวไปมาราวกับพยายามจะอดอ้อนหลิงเทียนและเค่อเอ๋อ
ต้วนหลิงเทียนจึงไปหยิบผลไม้ที่เขานำกลับมาจากถ้ำด้วยในวันนั้นทั้งสองลูกมา
ผลไม้วิญญาณทั้งสองนี้คือผล ประกายม่วง ที่ถูกงูเหลือมทมิฬหลงเหลือเอาไว้ในถ้ำ
พริบตาเดียวกับที่หลิงเทียนยืนผลไม้ไปให้ งูน้อยทั้งสองตัวพลันขยับร่างด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ราวกับเส้นอัสนีสีขาวและสีดำ ฟาดฟันลงมาวกมันบรรลุไปถึงผลไม้ในมือทั้งสองของหลิงเทียนในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตา...
เพียงไม่กี่วินาที ผลไม้บนมือทั้งสองของหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปราวกับมันไม่เคยมีอยู่มาก่อน
หลังจากกินเสร็จแล้วงูน้อยสองตัวก็เลื่อยไปนอนที่มุมห้องอย่างสงบ..
"งูอะไรกันเนี่ย"
ต้วนหลิงเทียและเค่อเอ๋อต่างหันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ทั้งคู่ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก
ความเร็วของลูกงูตัวน้อยๆที่พึ่งเกิดเมื่อครู่ หากเทียบกันแล้วแทบไม่ต่างกับงูเหลือมทมิฬที่พวกเขาพบวันก่อนเลยด้วยซ้ำ
งูเหลือมทมิฬตัวเต็มไวจะมีความเร็วดังกล่าวนั่นไม่แปลกเพราะมันโตแล้ว
แต่ทว่างูน้อยสองตัวนี่พึ่งจะลืมตาดูโลกเท่านั้นเอง ...
สัญชาติญาณของหลิงเทียนร้องเตือนว่า งูน้อยสองตัวนี่ย่อมไม่ใช่งูธรรมดาสามัญอย่างเด็ดขาด
หลังจากที่หากล่องไม้ที่เหมาะสม หลิงเทียนก็ทำการเจาะรูและนำผ้าต่างๆมาปูทำเป็นรังนอนให้กับงูน้อยทั้งสองตัว มันย้ายงูน้อยทั้งสองตัวมานอนให้เรียบร้อยก่อนที่จะหันไปจูงมือเค่อเอ๋อ
"เค่อเอ๋อ เราออกไปเดินเล่นกันเถิด"
ต้วนหลิงเทียนพาเค่อเอ๋อออกมาจากบ้านพักจนถึงลานฝึกซ้อมด้วยความรวดเร็ว
ตอนนี้บริเวณลานฝึกซ้อมค่อนข้างมีผู้คนบางตามาก แต่ทว่ามุมหนึ่งกลับมีกลุ่มคนชุมนุมกันอยู่
"หืม พวกเราเข้าไปชมดูกันเถิด"
ต้วนหลิงเทียนและเค่อเอ่อเดินไปดูทันที
ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามีสาวกประลองกัน แต่ทว่ากลับไม่ใช่ คนทั้งหมดกำลังยืนล้อมเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มสวมชุดสีฟ้ากำลังเปิดปากพูดพร้อมทั้งขยับมือไปมา มเหมือนกำลังต่อสู้กับใคร
หากพิจารณาจากน้ำเสียงและการยกไม้ยกมือประกอบ หลิงเทียนก็รู้ได้ทันทีว่ามันกำลังเล่าเรื่องอะไรบางอย่างอยู่
"จากข่าวที่ข้าได้ยินมา ค้นพบว่างูเหลือมหิมะนิรันดร์กำลังออกอาละวาดอยู่ในป่าหมอกมรณะชั้นใน มันเคลื่อนไหวราวกับสายอัสนีบาตลุกลามไปทั่ว เริ่มต้นจากฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ออกไปล่าสัตว์อสูรจากเมืองออโร่ร่าของเรา อีกทั้งมันยังไม่หยุดแค่นั้น มันกลับเข่นฆ่าผู้คนไปทั่วราวกับระบายอารมณ์บางอย่าง มันเคลื่อนไหวเร็วมากเพียงไม่กี่อึดใจ จากป่าหมอกมรณะก็สามารถไปยังเมือง หมอกวารีได้แล้ว...มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้หลายคนพยายามหยุดยั้งมันแต่ทว่ามันลงมือเพียงครั้ง ทุกคนกลับไม่สามารถทานทนได้แม้แต่ครั้งเดียว "
เด็กหนุ่มเสื้อฟ้า บรรยายนออกมาอย่างน้าตื่นเต้น ราวกับว่ามันอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วยตนเอง
"ลี่หยุน นี่เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ ที่ในป่าหมอกมรณะจะมีงูเหลือมหิมะนิรันดร์ออกอาละวาดอยู่?"
คนในกลุ่มคนหนึ่งกล่าวถามขึ้นมา
"ข้าลี่หยุนนั้นมีชื่อไม่น้อยในเมืองออโรร่า นั่นเพราะข่าวของข้ามีความแม่นยำสูง พวกเจ้าคอยดูแล้วกัน ข่าวเรื่องนี้จะแพร่กระจายเป็นวงกว้างในอีกไม่ช้า ไม่นานทั่วเมืองออโรร่าต้องได้รับรู้ และเมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าจะรู้เองว่าสิ่งที่ข้ากล่าวเป็นความจริง "
ลี่หยุนกล่าวพร้อมกับเชิดศีรษะขึ้นด้วยท่าทางมั่นใจ
"ลี่หยุนเจ้านั้นสามารถล่วงรู้ข่าวต่างๆได้อย่างรวดเร็วและ ข่าวของเจ้าก็มีความน่าเชื่อถืออย่างมากนั่นก็ถูก แต่ว่าเรื่องราวครั้งนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป "
"ใช่ตามหลักแล้วในฤดูเช่นนี้ สัตว์อสูรที่อันตรายอย่าง งูเหลือมหิมะนิรันดร์ต้องอยู่ในช่วงจำศีล อีกอย่างตามบันทึกหมื่นสัตว์อสูร งูเหลือมหิมะนิรันดร์นั้น ในฤดูเช่นนี้พวกมันจะมีอาการง่วงซึมอย่างมากเพราะอุณหภูมิไม่เหมาะสมกับตัวมัน พวกมันต้องไปจำศีลในสถานที่ลับสิ เหตุใดมันจึงมาออกอาละวาดเอาเวลานี้เล่า"
คนอื่นที่สงสัยกล่าวถามออกมา
"สิ่งที่เจ้ากล่าวนั้นก็ไม่ผิด แต่ว่าเรื่องนี้ได้รับการยืนยันมาจาก คนของตระกูลเหอ ที่มีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ระดับกำเนิดแก่นแท้ ที่บังเอิญโชคดีสามารถเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของงูเหลือมหิมะนิรันดร์มาได้ และเขาสามารถหลบหนีกลับไปยังเมืองหมอกวารีเป็นผลสำเร็จก่อนที่จะเล่าออกมาด้วยตนเอง..เขายังกล่าวอีกว่า งูเหลือมหิมะนิรันดร์นั้น ฆ่าทุกคนที่มันพบเจอราวกับว่ามันกำลังระบายโทสะออกมา ... "
ลี่หยุนพยักหน้าเบาๆ หลังจากเล่าเหตุการณ์ออกมา
คนที่อยู่ในกลุ่มคนหนึ่งที่มีขนาดร่างกายค่อนข้างสูงใหญ่กล่าวถามออกมาอย่างสงสัย "แล้วเจ้าคิดว่า สาเหตุอะไรที่ทำให้งูเหลือมหิมะนิรันดร์มันบ้าคลั่งได้ถึงเพียงนี้เล่า?"
"หากให้ข้าคาดเดานั้น ความบ้าคลั่งเช่นนี้หากเป็นมนุษย์ก็มักจะเป็นความแค้นที่เกิดจากญาติพี่น้องหรือคนรักถูกสังหาร ข้าว่าเดรัจฉานอย่างมันก็คงไม่ต่างกัน" ลี่หยุนเอ่ยข้อสันนิษฐานออกมา
แม้ผู้พูดเองยังกล่าวออกมาอย่างไม่มั่นใจ แต่ผู้ฟังเองก็ไม่อาจจะคาดเดาอย่างอื่นได้อีก พวกเขาเลยต้องคิดว่าข้อสันนิษฐานนี้อาจจะเป็นจริง
ต้วนหลิงเทียนหันมามองหน้ากันเองก่อนที่จะเดินออกจาก วงสนทนา
"นายน้อย ท่านคิดว่า งูเหลือมหิมะนิรันดร์เป็นบิดาของเจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวหรือไม่เจ้าคะ?"
แววตาของเค่อเอ๋อนั้นเต็มไปด้วยความสงสารและเห็นอกเห็นใจ
"มันอาจจะเป็นไปได้"
หลิงเทียนเอ่ยออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร
งูน้อยทั้งสองตัวอาจจะเป็นลูกของงูเหลือมทมิฬและงูเหลือมหิมะนิรันดร์จริง แต่พวกมันคงบังเอิญกลายพันธุ์หรืออะไรสักอย่าง ทำให้ลักษณะมันแตกต่างออกไป
จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด หลิงเทียนก็พบว่า บางครั้งสัตว์ป่าและสัตว์อสูรก็สามารถกลายพันธุ์ได้ ...
"นายน้อย เราควรส่งพวกมันกลับบ้านหรือไม่เจ้าคะ ... " เค่อเอ๋อกล่าวออกมา ดวงตาของนางเหมือนจะคลอไปด้วยน้ำตา
"เค่อเอ๋อ เจ้าเป็นอะไรกันมีเรื่องอะไรงั้นหรือ?"
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยความกังวล
"ข้าคิดถึงท่านแม่ของข้า ยามท่านแม่จากไปข้ารู้สึกเหมือนกับโลกทั้งโลกพังทลายลง ... ข้าว่าความรู้สึกของงูเหลือมหิมะนิรันดร์ที่กำลังออกอาละวาดอยู่ ต้องรู้สึกแบบเดียวกันกับข้าแน่ "
เสียงเค่อเอ๋อสั่นเครือเล็กน้อยในขณะที่พูดออกมา
ต้วนหลิงเทียนใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ รีบเข้าไปโอบกอดเค่อเอ๋อพร้อมกับตบไปที่หลังของนางเบาๆ "เด็กโง่ ตอนนี้เจ้าก็มีข้าแล้วไง"
"ที่ข้าได้พบกับนายน้อยนั้นช่างโชคดียิ่งนัก แต่ว่างูเหลือมหิมะนิรันดร์ ...ฮึก "
เสียงของเค่อเอ๋อเริ่มเบาลงก่อนที่จะกลายเป็นเสียงสะอื้น
หลิงเทียนลูบผมที่สลวยและหอมละมุนของเค่อเอ๋ออย่างอ่อนโยน มันสูดดมกลิ่นหอมสดชื่นเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวออกมา "เด็กโง่ไม่ต้องกังวลนะ เมื่อการประลองประจำตระกูลสิ้นสุดลง ข้าสัญญาว่าจะส่งพวกมันกลับบ้านเป็นอย่างไร"
แต่ทว่าเมื่อหลิงเทียนกลับมาเขาก็พบว่ากล่องไม้นั้นกลับว่างเปล่า
งูน้อยทั้งสองตัวหายไปเสียแล้ว
แต่ในขณะที่เขาและเค่อเอ๋อกำลังจะออกไปตามหานั้น
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ประกายแสงราวกับสายฟ้าสีดำและสีขาวก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
งูเหลือมตัวน้อยสีดำพุ่งมาพันรอบแขนของหลิงเทียนอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกันกับงูเหลือมตัวน้อยสีขาวก็พุ่งไปพันรอบแขนของเค่อเอ๋อ ท่าทางของพวกมันรวมกับคิดถึงคนทั้งสองมาก มันรัดเอาไว้แน่น ก่อนที่จะแลบลิ้นน้อยๆออกมาราวกับจะตำหนิที่ทั้งสองหายตัวไป
“ฮึ เจ้าสองตัวน้อยนี่ ร้ายกาจไม่เบาจริงๆ”
หลิงเทียนส่ายหัวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
"เค่อเอ๋อเจ้าตั้งชื่อให้พวกมันทีสิ"
หลิงเทียนหันไปมองเค่อเอ๋อ
"อืมม เอาเป็น เสี่ยวเฮย กับ เสี่ยวไป๋ ดีไหมเจ้าคะ"
(** Eng มันแปลมาว่า ดำน้อยกับขาวน้อย อันนี้ขอทับศัพท์จีนนะครับ เฮย = ดำ ป๋าย = ขาว)
เค่อเอ๋อกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
"เอาล่ะต่อไปนี้เจ้าคือ เสี่ยวเฮยนะ"
ต้วนหลิงเทียนชูข้อมือที่งูเหลือมสีดำตัวน้อยรัดพันอยู่ พร้อมกล่าวกับมันด้วยรอยยิ้ม
แต่ทันใดนั้นเองเหตุการณ์แปลกประหลาดพลันบังเกิดขึ้น
ต้วนหลิงเทียนเห็นว่างูเหลือมตัวน้อยๆนั่นกลับมองหน้าเขาและพยักหน้าตอบรับ นี่ทำให้หลิงเทียนตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นอย่างมาก
หรือว่างูเหลือมสีดำตัวน้อยนี่จะรู้ภาษามนุษย์กัน?
แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่งหลิงเทียนก็เห็นว่า เสี่ยวเฮย ยังคงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง เขาก็เข้าใจว่า เขาคงคิดมากไปเอง
งูเหลือมตัวน้อยนี่ดูเหมือนจะติดหลิงเทียนมาก มันไม่อยากจากหลิงเทียนไปไหนเลยรัดแขนหลิงเทียนเอาไว้เสียแน่น
งูเหลือมสีขาวเองก็ติดเค่อเอ๋อมากเช่นกัน มันก็พันแขนเค่อเอ๋อไว้แน่นเช่นกัน
ทั้งสองคนรู้สึกช่วยไม่ได้ เลยได้แต่ปล่อยให้งูน้อยเกาะแขนต่อไปอย่างนั้น
หลังจากครู่หนึ่ง หลิงเทียนก็สามารถระบุความแตกต่างของงูน้อยทั้งสองตัวได้อีกอย่าง ดูเหมือนว่า เสี่ยวเฮย จะเป็นตัวผู้ และ เสี่ยวไป๋ จะเป็นตัวเมีย
ในคืนนั้นขณะที่หลิงเทียนกำลังดูดซับโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 7 กระบวน ดูเหมือน เสี่ยวเฮยก็จะดำผุดดำว่ายอยู่ในถังน้ำอย่างสบายอารมณ์ท่าทางมันชอบโอสถน้ำนี่ไม่น้อย และดูเหมือนว่ามันก็กำลังดูดซับโอสถน้ำเช่นกัน
ในขณะที่มันทำท่าเหมือนกับว่ากำลังดูดซับโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 7 กระบวนนั้น สัญลักษณ์แปลกประหลาดสีทองบนตัวของมันก็เรืองแสงขึ้นมาวูบหนึ่ง และดูเหมือนว่าสีทองจะเข้มข้นขึ้นอีกด้วย มันดูดซับโอสถจนพอใจก่อนที่จะเลื้อยออกไปนอนในลังไม้ที่หลิงเทียนสร้างไว้ให้อย่างสบายใจ
และเงาสีทองบนร่างของมันก็ค่อยๆจางลง
"เอ...ข้าล่ะสงสัยจริงๆ เสี่ยวเฮย มันคืออะไรกันแน่" หลิงเทียนได้แต่คิดอย่างสงสัย
สองวันผ่านไป
การประลองประจำตระกูลรอบที่ 2 กำลังจะเริ่มขึ้น ในวันพรุ่งนี้ แต่ทว่า...
หลิงเทียนยังไม่สามารถตัดผ่านระดับการเพาะปลูกไปได้
แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายตนเองสะสมพลังงานได้ถึงระดับที่ต้องการและราวกับจะทะลวงผ่านไปได้ตลอดเวลา แต่ทว่าเขากลับยังไม่สามารถตัดผ่านไปได้
อีกทั้ง เขาเองก็ดูดซับพลังงานจากผลจิตวิญญาณธาตุทมิฬไปถึง 80% แล้วด้วย
"หรือฟ้า...ไม่ต้องการให้ข้าได้รับ โลหิตหลิงซี่ อายุ 350 ปีกัน?"
หลิงเทียนได้แต่หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
ฟึ่บ ฟึ่บ
เสียงการเคลื่อนไหวเสียงหนึ่งพลันแว่วเข้ามาในโสตการรับฟังของเขา เมื่อหันไปหลิงเทียนก็พบเสี่ยวเฮยในลังไม้ขยับหัวไปมาราวกับจะทักทายเขา มันแลบลิ้นไปมาเล็กน้อย
ฟุ่บ!
ครู่ต่อมา ร่างกายของเสี่ยวเฮ่ยก็สั่นสะท้านก่อนที่จะเคลื่อนไหวในรูปแบบแปลกประหลาด
เดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า
ยามสงบมันเคลื่อนไหวลอยเลื่อนดั่งเมฆา ยามเร่งร้อนกลับถาโถมราวพายุอัสนี!
ในตอนแรกนั้นหลิงเทียนจ้องเสี่ยวเฮยด้วยความสงสัยว่ามันทำอะไรอยู่..แต่ทว่า
เมื่อเขามองการเคลื่อนไหวของเสี่ยวเฮยอยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกว่าประตูแห่งความรู้แจ้งบางอย่างถูกเปิดออกขึ้น นี่มันคล้ายคลึงกับการตรัสรู้โดยฉับพลันของปรมาจารย์ยุทธ์
สายตาของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นเลื่อนลอยไร้เป้าหมาย
ราวกับว่า สิ่งเดียวในโลกที่สายตาเขารับรู้ในตอนนี้ จะมีเพียงรูปแบบการเคลื่อนไหวของเสี่ยวเฮยเทานั้น..ภายในใจของหลิงเทียนยามนี้ มีแต่ ภาพเงาร่างสีดำเล็กๆตรงหน้า เคลื่อนย้ายวูบไหวไปมาอย่างน่าอัศจรรย์