spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

บทที่ 3: เมลิสซ่า

หลังจากยืนยันแผนของเขาแล้ว โจวหมิงรุ่ยรู้สึกขนลุกทันที ความกลัวและความไม่สบายใจถาโถมสู่หัวใจของเขา

จากนั้นเขาจึงมีความสนใจศึกษาเศษความทรงจำของไคลน์อย่างระมัดระวัง

โจวหมิงรุ่ยยืนขึ้นก่อนจะปิดวาล์วท่อ เขามองดูโคมไฟติดผนังค่อยๆหรี่ลงจนกระทั่งเปลวไฟดับก่อนที่จะนั่งลง ในขณะที่เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับกระบอกปืนพก เขานำมันกดลงไปที่ข้างศีรษะ เขาค่อยๆระลึกความทรงจำของเขาในความมืดที่ถูกย้อมเป็นสีแดงเข้ม ราวกับว่าเขาเป็นผู้ชมที่ดีในโรงภาพยนตร์

บางทีอาจเป็นเพราะกระสุนปืนทะลุศีรษะ ความทรงจำของไคลน์จึงเหมือนกับกระจกที่แตกกระจาย ไม่เพียงเท่านั้น แต่ความทรงจำที่ไม่ต่อเนื่องมีหลายจุดที่หายไปอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเช่นความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับปืนพกสวยงาม ไม่ว่าเขาจะฆ่าตัวตายหรือถูกฆ่ารวมถึงความหมายของคำว่า 'ทุกคนต้องตายรวมถึงฉัน' บนสมุดบันทึก รวมทั้งสิ่งแปลกๆสองวันก่อนเกิดเหตุการณ์

ไม่เพียง แต่ความทรงจำเหล่านี้จะถูกแยกส่วนเท่านั้น แต่ยังมีชิ้นส่วนที่หายไป มันเหมือนเป็นความรู้ที่เขามีติดตัวอยู่แล้ว จากสถานการณ์ปัจจุบันโจวหมิงรุ่ยเชื่อว่าหากไคลน์จะกลับไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย เขาก็ไม่น่าจะสำเร็จการศึกษาได้ แม้ว่าเขาจะออกจากมหาวิทยาลัยเมื่อไม่กี่วันก่อนโดยไม่ได้พักผ่อนเลยสักนิด

เขาต้องการมีส่วนร่วมในการสัมภาษณ์ภาควิชาประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยทิงเจนในอีกสองวันให้หลัง ...

ผู้สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยของของอาณาจักรโลน ไม่มีธรรมเนียมในการเข้าพักที่โรงเรียนเก่า ... ที่ปรึกษาของเขาได้ให้จดหมายแนะนำสำหรับมหาวิทยาลัยทิงเจน และมหาวิทยาลัยแบ็คเลิน ...

...

โจวหมิงรุ่ยมองผ่านหน้าต่างไปทางทิศตะวันตกอย่างเงียบๆ ดวงจันทร์ตกลงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งแสงจางๆ ส่องมาจากทางทิศตะวันออกย้อมสีขอบฟ้าด้วยสีทอง

ในขณะนั้นมีความปั่นป่วนเกิดขึ้นในอพาร์ตเมนต์ ในไม่ช้าเสียงฝีเท้าก็เข้ามาใกล้ประตูของเขา

“ เมลิสซ่าตื่นแล้ว…เธอเป็นคนตรงต่อเวลาเช่นเคย” โจวหมิงรุ่ยยิ้ม เนื่องมาจากความทรงจำของไคลน์ การได้เห็นเมลิสซ่าทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเธอเป็นน้องสาวของเขาจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ฉันไม่มีน้องสาว…เขาแย้งตัวเองทันที

เมลิสซ่านั้นแตกต่างจากเบ็นสันและไคล์ เธอยังไม่สำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานที่โรงเรียนสอนวันอาทิตย์ซึ่งถูกเสนอโดยโบสถ์เทพธิดาราตรี เมื่อเธออายุถึงวัยเรียน อาณาจักรโลนได้ประกาศใช้กฎหมายการศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดตั้งคณะกรรมการการประถมศึกษาและมัธยมศึกษาขึ้นโดยได้รับเงินสนับสนุนเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มการลงทุนด้านการศึกษาของอาณาจักร

ในเวลาสามปีภายใต้สมมติฐานที่ว่าจะมีการจัดตั้งโรงเรียนคริสตจักรจำนวนมาก โรงเรียนประถมของรัฐหลายแห่งได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อรักษาหลักการของความเป็นกลางทางศาสนาอย่างเคร่งครัด นี่คือการป้องกันไม่ให้มีการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างเจ้าแห่งพายุ เทพธิดาราตรี และเทพแห่งหมอกและเครื่องจักรกล

เมื่อเทียบกับโรงเรียนสอนวันอาทิตย์ที่มีค่าใช้จ่ายเพียงหนึ่งทองแดงเพนนีต่อสัปดาห์ ค่าใช้จ่ายของโรงเรียนประถมสาธารณะสามเพนนีต่อสัปดาห์มันจึงดูค่อนข้างแพง อย่างไรก็ตามมันมีการสอนเพียงวันอาทิตย์เท่านั้น นอกจากนั้นก็ต้องเข้าคลาสเรียนหกวันที่เหลือ สรุปแล้วราคามันจึงต่ำมากจนเกือบฟรี

เมลิสซ่าแตกต่างจากผู้หญิงส่วนใหญ่ ตั้งแต่อายุยังน้อยเธอชอบสิ่งต่างๆ เช่นเกียร์ สปริงและตลับลูกปืน ความทะเยอทะยานของเธอคือการเป็นช่างไอน้ำ

หลังจากเดือดร้อนจากการขาดความรู้ เบ็นสัน ผู้รู้ถึงความสำคัญของการศึกษา จึงสนับสนุนความฝันของน้องสาวของเขาเหมือนกับที่เขาสนับสนุนการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยของไคลน์ ท้ายที่สุดโรงเรียนเทคนิคทิงเจนนั้นพิจารณาระดับมัธยมศึกษาเท่านั้น ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องเข้าโรงเรียนสอนภาษา หรือโรงเรียนของรัฐเพื่อรับความรู้เพิ่มเติม

เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เมลิสซ่าตอนอายุสิบห้าปีสามารถสอบผ่านเข้าไปได้และเติมเต็มความฝันของเธอในการเป็นนักเรียนที่แผนกเครื่องจักรไอน้ำที่โรงเรียนเทคนิคทิงเจน ด้วยเหตุนี้ค่าเล่าเรียนรายสัปดาห์ของเธอก็เพิ่มเป็นเก้าเพนนี

ในขณะเดียวกันบริษัทของเบ็นสันก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในภาคใต้ กำไรที่ได้ลดลงอย่างมากรวมถึงการทำธุรกรรมทางธุรกิจ พนักงานมากกว่าหนึ่งในสามถูกให้ออก เพื่อรักษางานของเขาและรักษาความเป็นอยู่ของพวกเขา เบนสันทำได้เพียงยอมรับงานที่ยากลำบากมากขึ้นเท่านั้น เขาต้องทำงานล่วงเวลาบ่อยขึ้นหรือไปยังสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรง นั่นคือสิ่งที่เขาเป็นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ไม่ใช่ว่าไคล์ไม่คิดว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระของพี่ชาย แต่เกิดมาเป็นสามัญชนและเข้าเรียนแค่ในโรงเรียนสอนภาษาทั่วไป เขารู้สึกไม่เพียงพอเมื่อเขาลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัย ตัวอย่างเช่น ต้นกำเนิดของทุกภาษาในทวีปทางเหนือภาษาโบราณของเฟย์ซัคเป็นสิ่งที่เด็กๆทุกคนของตระกูลขุนนางและชนชั้นที่ร่ำรวยจะเรียนรู้ตั้งแต่อายุยังน้อย ในทางตรงกันข้ามเขาพึ่งได้สัมผัสมันครั้งแรกในมหาวิทยาลัยเท่านั้น

เขาเผชิญหน้ากับแง่มุมที่คล้ายกันมากมายระหว่างอาชีพการศึกษาของเขา ไคลน์แทบทุ่มหมดตัวกับมันและมักจะตื่นขึ้นมากลางดึกและตื่นมาจัดการเรื่องส่วนตัวแทบไม่ทัน และในที่สุดเขาก็สำเร็จการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ยทั่วไป

ความทรงจำเกี่ยวกับพี่ชายและน้องสาวของเขายังคงอยู่ในใจของโจวหมิงรุ่ยจนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดลูกบิดประตู จากนั้นเขาก็ได้สติขึ้นและจำได้ว่าเขาถือปืนพกไว้ในมือ

นี่เป็นของที่ต้องอยู่ในการควบคุม!

มันจะทำให้เด็กๆกลัว!

นอกจากนี้ยังมีแผลบนหัวของฉัน!

เมื่อเมลิสซ่ามาถึง โจวหมิงรุ่ยก็กดไปที่ขมับและรีบดึงลิ้นชักโต๊ะเปิดออกแล้วขว้างปืนพกลูกโม่เข้าเข้าไปก่อนที่จะกระแทกปิดลิ้นชัก

"เกิดอะไรขึ้น?" เมลิสซ่ามองอย่างสงสัยเมื่อเธอได้ยินเสียงปั่นป่วน

เธอยังคงเด็กอยู่ แม้ว่าเธอจะไม่ได้กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากนักทำให้หน้าเธอซูบและผิวซีดเล็กน้อย เธอยังคงดูน่ารักเพราะเปล่งประกายความรู้สึกของเด็กสาว

เมื่อโจวหมิงรุ่ยเห็นดวงตาสีน้ำตาลของน้องสาว เขาก็หยิบของชิ้นหนึ่งไว้ในมือของเขาก่อนที่จะปิดลิ้นชักอย่างใจเย็นเพื่อซ่อนปืนพก เขาวางมืออีกข้างบนผิวขมับเพื่อยืนยันว่าแผลของเขาหายดีแล้ว!

เขาหยิบนาฬิกาพกสีเงินออกมาแล้วกดที่ด้านบนเบาๆ ทำให้ฝาเปิดออก

มันเป็นภาพพี่น้องของพ่อ มันเป็นสิ่งมีค่าที่สุดที่จ่ากองทัพบกทิ้งไว้ แต่มันเป็นของมือสองจึงมักจะทำงานผิดพลาดเป็นครั้งคราวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะให้ช่างซ่อมนาฬิกามาซ่อมก็ตาม เบ็นสันรู้สึกอับอายที่นำมันติดตัวไปด้วยเพื่อยกระดับสถานะของเขาหลายครั้ง ดังนั้นมันจึงถูกส่งกลับมาที่บ้านในท้ายที่สุด

ต้องบอกว่าเมลิสซ่าอาจมีความสามารถด้านเครื่องจักร หลังจากเข้าใจหลักการที่อยู่เบื้องหลังนาฬิกา เธอจึงยืมเครื่องมือจากโรงเรียนเทคนิคของเธอเพื่องัดแงะนาฬิกาพกเล่น เมื่อเร็วๆนี้เธอยังอ้างว่าซ่อมมันได้แล้ว!

โจวหมิงรุ่ยมองไปที่ฝาเปิดของนาฬิกาและเห็นว่าเข็มที่สองไม่ขยับ โดยไม่รู้ตัวเขาบิดปุ่มหมุนด้านบนเพื่อหมุนนาฬิกาพก

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะวนๆอยู่สองสามครั้ง เขาก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ เข็มวินาทียังคงนิ่งเงียบ

“ ดูเหมือนว่ามันจะพังอีกแล้ว” เขามองน้องสาวของเขาขณะพยายามหาหัวข้อสนทนา

เมลิสซ่าหันมามองเขาทันทีและเดินตรงมาเอานาฬิกาพกไป

เธอยืนอยู่ในจุดของเธอแล้วดึงปุ่มขึ้นมาบนนาฬิกาพก หมุนมันไปแบบง่ายๆสองสามครั้งเสียงติ๊กตอกก็ดังออกมาจากทั้งสองเข็ม

การดึงปุ่มขึ้นไม่ได้หมายถึงการปรับเวลาเสมอไป…ใบหน้าโจวหมิงหรุ่ยกลายเป็นความว่างเปล่าทันที

ในขณะนั้นเสียงระฆังถูกตีมาจากมหาวิหารอันไกล มันสั่นหกครั้งทำให้เกิดเสียงที่ดังกังวาลออกไปไกล

เมลิสซ่าเงยศีรษะของเธอเพื่อฟังและดึงปุ่มขึ้นอีกครั้ง ต่อจากนั้นเธอหมุนมันเพื่อปรับเวลา

“ มันดีแล้วตอนนี้” เธอพูดอย่างไร้อารมณ์ จากนั้นเธอก็กดปุ่มบนและนำนาฬิกาพกคืนโจวหมิงรุ่ย

โจวหมิงรุ่ยยิ้มอย่างสุภาพให้อย่างอายๆ

เมลิสซ่าจ้องมองพี่ชายของเธอก่อนจะเดินไปที่ตู้ เธอหยิบอุปกรณ์อาบน้ำและผ้าเช็ดตัวของเธอก่อนที่จะเปิดประตูออกไป เธอมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำสาธารณะ

ทำไมสีหน้าของเธอถึงทำท่าดูถูกและเอือมระอา?

มันเป็นลักษณะของความรักและความห่วงใยต่อพี่น้องที่มีความบกพร่องหรือไม่?

โจวหมิงรุ่ยก้มศีรษะลงและหัวเราะเบาๆ เขาปิดฝานาฬิกาพกด้วยก่อนที่จะเปิดอีกครั้ง

เขาทำซ้ำไปมาขณะมุ่งเน้นไปที่คำถามในหัว

ไคลน์ฆ่าตัวตายโดยไม่มีเครื่องระงับเสียงใดๆ ตอนนี้ฉันจะคิดว่ามันเป็นการฆ่าตัวตาย การฆ่าตัวตายของเขาน่าจะทำให้เกิดความปั่นป่วน ถึงกระนั้นเมลิสซ่าซึ่งอยู่อีกฟากของกำแพงห่างออกไปไม่ได้สังเกตอะไรเลย

เธอนอนหลับสนิทเกินไปไหม? หรือการฆ่าตัวตายของไคลน์เต็มไปด้วยความตั้งใจตั้งแต่แรก?

คลิก! นาฬิกาพกเปิดขึ้น แคล่ก! นาฬิกาพกปิดลง…เมลิสซ่ากลับมาจากการอาบน้ำและเห็นพี่ชายของเธออยู่ในความคิดของตัวเองและกำลังปิดนาฬิกาลงอย่างต่อเนื่อง

นางจ้องมองอีกครั้งด้วยความโกรธขณะเธอพูดด้วยเสียงหวาน“ ไคลน์ เอาขนมปังที่เหลือออกมาทั้งหมด อย่าลืมซื้อของสดสำหรับวันนี้ด้วย มีเนื้อและถั่วด้วย การสัมภาษณ์ของพี่จะมีเร็วๆนี้ ฉันจะทำเนื้อแกะตุ๋นกับถั่วให้ "

ขณะที่เธอพูดเธอขยับเตาออกมาจากมุมหนึ่ง เธอใช้ถ่านต้มน้ำร้อนหนึ่งหม้อ

ก่อนที่น้ำจะเดือดเธอเปิดลิ้นชักที่อยู่ต่ำที่สุดของตู้และเอาสิ่งที่ดูเหมือนสมบัติ-กระป๋องใบชาที่แทบจะเป็นเพียงใบไม้ เธอโยนใบชาสิบใบลงไปในหม้อและแกล้งทำว่าเป็นชาจริง

เมลิสซ่าเทชาสองถ้วยใหญ่ขณะที่เธอแบ่งขนมปังข้าวไรย์สองชิ้นกับโจวหมิงรุ่ยพร้อมชา

ไม่มีส่วนผสมของขี้เลื่อยหรือกลูเตนมากเกินไป แต่มันไม่อร่อย ... โจวหมิงรุ่ยยังรู้สึกอ่อนแอและหิวโหย เขาบังคับตัวเองให้กลืนขนมปังพร้อมกับน้ำชาขณะที่บ่นภายในใจ

เมลิสซ่ากินเสร็จในไม่กี่นาทีต่อมา หลังจากที่เธอปล่อยผมสีดำยาวลงไปถึงเสื้อกั๊ก เธอมองไปที่โจวหมิงรุ่ยแล้วพูดว่า“ อย่าลืมซื้อขนมปังสดใหม่ด้วย สิ่งที่เราต้องการคือแปดปอนด์ อากาศมันร้อนดังนั้นขนมปังจะเสียง่าย นอกจากนี้ซื้อเนื้อแกะและถั่วมาด้วย อย่าลืมซื้อมาล่ะ!”

เธอแสดงความกังวลต่อพี่ชายที่น่าเบื่อของเธอ เธอต้องพูดซ้ำเพื่อย้ำเตือนอีกครั้ง…โจวหมิงรุ่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“ได้”

เกี่ยวกับปอนด์ของอาณาจักรโลน โจวหมิงรุ่ยจัดเรียงความจำกล้ามเนื้อของไคล์กับเขา เขาเชื่อว่ามันใกล้เคียงประมานครึ่งกิโลกรัม เท่าที่เขาจำได้

เมลิสซ่าไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เธอยืนขึ้นและจัดระเบียบพื้นที่ หลังจากเก็บขนมปังชิ้นสุดท้ายสำหรับมื้อกลางวัน เธอก็สวมหมวกคลุมที่ขาดรุ่งริ่งซึ่งแม่ของพวกเขาทิ้งไว้ให้ หยิบถุงที่เย็บด้วยตนเองมาใช้เพื่อพกหนังสือและเครื่องเขียนของเธอและเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง

มันไม่ใช่วันอาทิตย์ เธอจึงต้องเรียนทั้งวัน

เดินจากอพาร์ทเมนต์ของพวกเขาไปยังโรงเรียนเทคนิคทิงเจนใช้เวลาประมาณห้าสิบนาที มีรถม้าสาธารณะที่เก็บเงินหนึ่งเพนนีต่อกิโลเมตรโดยมีสูงสุดที่สี่เพนนีในเมืองและหกเพนนีในเขตชานเมือง เพื่อเป็นการประหยัดเงินเมลิสซ่าจะออกไปก่อนเวลาและเดินไปโรงเรียน

ครู่ต่อมาหลังจากที่เธอเปิดประตูใหญ่ เธอหยุดเดินแล้วหันร่างไปพูดว่า“ ไคลน์อย่าซื้อเนื้อแกะหรือถั่วมากเกินไป เบ็นสันอาจกลับมาในวันอาทิตย์ โอ้ และจำไว้ว่าเราต้องการเพียงแค่ขนมปังแปดปอนด์เท่านั้น”

“ได้ แน่นอน "โจวหมิงรุ่ยตอบอย่างโกรธเคือง

ในขณะเดียวกันเขาก็พูดคำว่า 'วันอาทิตย์' ซ้ำหลายครั้งในหัวของเขา

ในทวีปทางเหนือหนึ่งปีก็ถูกแบ่งออกเป็นสิบสองเดือน ทุกปีมี 365 หรือ 366 วัน สัปดาห์ก็ถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดวัน

การแยกเดือนเป็นผลมาจากการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ ทำให้โจวหมิงรุ่ยสงสัยว่าเขาอยู่ในโลกคู่ขนานหรือไม่ สำหรับการแบ่งวันมันเป็นผลมาจากศาสนา นี่เป็นเพราะทวีปทางเหนือมีเทพเจ้าออร์โธดอกทั้งเจ็ด - ดวงอาทิตย์ที่ลุกโชติช่วงนิรันดร์ เทพแห่งพายุ เจ้าแห่งความรู้และภูมิปัญญา เทพธิดาราตรี แม่ธรณี เทพเจ้าแห่งสงครามและเทพเจ้าแห่งไอน้ำและเครื่องจักรกล

เมื่อเห็นน้องสาวของเขาปิดประตูแล้วออกไป โจวหมิงรุ่ยถอนหายใจทันที ในไม่ช้าความคิดของเขาก็มุ่งเน้นไปที่พิธีการเพิ่มพูนโชคชะตา

ขอโทษด้วย ฉันต้องการกลับบ้านจริงๆ ...