spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ทว่าคืนนี้ภายในบ้านหลิงเทียนกลับมีแขกที่มาโดยไม่คาดฝัน
ลี่ฉีฉีที่ดูอ่อนโยนและงดงาม กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า "ขอบคุณเจ้ามากที่มอบวิชากระบี่ประสานเงาให้แก่ข้า หากข้าไม่ได้วิชากระบี่นี้ข้าคงไม่มีความมั่นใจที่จะเป็น 1ใน 10 ของงานประลองถึง 100% เช่นนี้ "
"หืม 1 ใน 10 ของงานประลอง? ดูเหมือนว่า วิชากระบี่ประสานเงาของเจ้าคงมีความสำเร็จในขั้นตอนเริ่มต้นแล้วสินะ ถึงได้มั่นใจเช่นนี้ "
หลิงเทียนรู้สึกทึ่งกับความมั่นใจของลี่ฉีฉี
ถึงแม้ว่าลี่ฉีฉีจะแข็งแกร่งติด 1 ใน 3 ของสาวกสายนอก แต่ทว่าสาวกสายในก็ย่อมมีผู้แข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย การที่นางจะติด 1 ใน 10 มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่คิด
"ถูกแล้ว"
ลี่ฉีฉีพยักหน้าตอบรับ
"ถ้าเจ้าอยากจะขอบคุณล่ะก็ เจ้าควรไปขอบคุณเค่อเอ๋อจะดีกว่านะ เหตุผลเดียวที่ข้ามอบวิชากระบี่ให้แก่เจ้านั่นเป็นเพราะเค่อเอ๋อมาขอร้อง ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้วล่ะ ข้าจะเข้าห้องไปบ่มเพาะต่อ "
หลิงเทียนยักไหล่เล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังกลับเข้าไปยังห้องของเขา
ลี่ฉีฉีที่จ้องไปยังแผ่นหลังหลิงเทียนด้วยแววตาซับซ้อนอยู่ครู่หนึ่ง ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
"อ่าวแล้วนายน้อยล่ะเจ้าคะ พี่หญิงฉีฉี?"
เด็กสาวน่ารักสดใสก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น
"เขากลับไปในห้องเพื่อบ่มเพาะเสียแล้ว น้องสาวเค่อเอ๋อข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ได้เจ้าช่วยร้องขอ ต้วนหลิงเทียนคงไม่มอบวิชากระบี่ประสานเงาให้แก่ข้าเช่นนี้ ข้าเป็นหนี้เจ้าแล้ว วันหลังข้าจะช่วยเหลือเจ้าบ้างนะ ฮิฮิ "
ลี่ฉีฉีหัวเราะเล็กน้อยก่อนที่จะกลับออกไป
"พี่หญิงฉีฉี ... "
เค่อเอ๋อสัมผัสได้ว่า ลี่ฉีฉีมีอะไรบางอย่างที่ปิดบังนาง
ลี่หลัวที่แอบดูอยู่ด้านนอกถึงกับส่ายศีรษะออกมาเมื่อเห็นท่าทางเศร้าสร้อยของลี่ฉีฉี ที่เดินจากไป
ในฐานะที่เป็นสตรี อีกทั้งยังมีประสบการณ์มากกว่า นางย่อมคาดเดาถึงสาเหตุที่ลีฉีเป็นเช่นนั้นออก
เช้าวันต่อมา หลิงเทียนก็นำเค่อเอ๋อมายังลานฝึกซ้อมหลักของสาวกด้านใน
นี่เป็นเพราะว่า การประลองจะจัดขึ้นที่นี่
ภาพตรงหน้านั้นนอกจากเวทีประลองขนาดใหญ่ รอบๆยังถูกแบ่งเป็นส่วนๆ จำนวน 30ส่วน
สนามต่อสู้ 30 แห่ง ถูกจัดให้อยู่ภายในลานฝึกซ้อมบริเวณรอบๆ ลานประลองหลัก
บริเวณด้านหน้าสุดของลานประลองหลัก มีซุ้มที่นั่งและเวทีที่ดูสง่างามตั้งอยู่
เมื่อผู้ตัดสินการประลองเริ่มปรากฏตัวเสียงคุยอื้ออึงในลานฝึกซ้อมทั้งหมดก็เงียบลง
ผู้ตัดสินทั้งสามคนนี้เป็นถึงผู้อาวุโสของตระกูลลี่ ปกติพวกมันก็ทำหน้าที่เป็นผู้คุมกฎของตระกูล
ด้านหลังผู้ตัดสินหลักทั้งสาม ก็ยังมีคนหนุ่มสาวอีกจำนวน 30 คน ซึ่งเป็นผู้ตัดสินเช่นกัน
สามหัวหน้าผู้คุมกฎนำขบวนมาโดยชายชราที่มีคิ้วงดงามราวกับปีกอินทรีย์ ขนคิ้วของมันขาวโพลนดูสง่างามไม่น้อย อีกทั้งรูปร่างของมันยังแฝงความดุดันและมีลักษณะของยอดฝีมือขั้นสูง
ต้วนหลิงเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของมันได้
หลิงเทียนเข้าใจได้ทันที ว่าบุคคลนี้ต้อง มีอำนาจตัดสินความเป็นตายของคนในตระกูลได้อย่างแน่นอน
มันแข็งแกร่งขนาดที่ว่า...แค่สะบัดมือหลิงเทียนก็ตายตกได้อย่างง่ายดาย ...
"ในฐานะที่เป็นหัวหน้าผู้ตัดสินในวันนี้ ข้าจะอธิบายกฎการประลองให้พวกเจ้าฟัง ในการประลองประจำตระกูลวันนี้มีสาวกสายนอกทั้งหมด... 242 คน พวกเจ้าจะถูกแบ่งออกเป็น 30 กลุ่ม โดยมีกลุ่มแรกที่มีจำนวน 10 คนส่วนกลุ่มที่เหลือ มีเพียง 8 คนเท่านั้น"
"ทั้งสามสิบกลุ่มจะถูกจัดแยกให้ไปประจำในแต่ละเวทีประลองย่อยรอบๆ ทั้ง 30 เวทีที่พวกเจ้าเห็นอยู่นี้ แต่พวกเจ้าไม่ต้องกังวลหากพวกเจ้าถูกจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกับผู้ที่แข็งแกร่งเกินไป พวกเจ้าสามารถที่จะเลือกเวทีประลองอื่นๆ ใน 30 เวทีแห่งนี้ได้ เจ้าสามารถขอท้าทายผู้ชนะในแต่ละเวทีได้อย่างอิสระ เพียง 1 ครั้ง ตราบใดที่พวกเจ้าสามารถเอาชนะได้ พวกเจ้าจะเป็นผู้ชนะของเวทีนั้นๆทันที!"
"เมื่อไม่มีใครมาท้าทายเจ้าและเอาชัยเจ้าได้หลังจากที่เจ้าเป็นผู้ชนะในแต่ละเวทีจนจบสิ้นเวลาการประลอง คนที่เป็นผู้ชนะของแต่ละเวทีจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสาวกสายใน"
หลังจากที่หัวหน้าผู้ตัดสินกล่าวจบ คนทั้งหมดก็ถูกแบ่งเป็นกลุ่มๆตามลำดับหมายเลข และแยกย้ายไปตามเวทีประลองย่อยต่างๆ โดยมีผู้ตัดสินที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวทั้ง 30 คนคอยแจ้งตำแหน่ง
และแน่นอนว่า หลิงเทียนและเค่อเอ๋อ อยู่ร่วมกลุ่มเดียวกันเพราะพวกมันไปสมัครพร้อมๆกัน
"กฎนี้นับว่าไม่เลว นับว่าเป็นกฎที่ยุติธรรมอย่างมาก"
หลิงเทียนยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส
ต้วนหลิงเทียนและ เค่อเอ๋อที่ได้หมายเลข 77,78 ถูกจัดไว้อยู่ในกลุ่มที่ 10
ในกลุ่มที่สิบมีทั้งหมด 8 คน ใน 6 คนนั้น มีสองคนที่สามารถจดจำต้วนหลิงเทียนได้
ก่อนหน้านี้ในตอนที่หลิงเทียนเอาชนะหลิงฉี พวกมันก็อยู่ในเหตุการณ์และได้เห็นด้วยสองตาของพวกมันเอง มันย่อมจดจำหลิงเทียนที่นำเกียรติยศมาสู้ตระกูลได้อย่างดี
เมื่อทั้งสองพบเจอหลิงเทียนในการประลอง พวกมันต่างเลือกที่จะยอมแพ้ทันที
ส่วนสี่คนอื่นๆที่เหลือไม่มีใครสามารถป้องกันเพียงแค่กระบวนท่าแรกของหลิงเทียนได้
สำหรับทางเค่อเอ๋อก็เช่นกัน กระบี่แรกที่ว่องไวปานสายฟ้าของนางทาบทับลำคอของคู่แข่งเพียงแค่การเคลื่อนไหวครั้งแรกตลอด โดยไม่มีผู้ใดสามารถต้านหนึ่งกระบี่ของนางได้ นั่นทำให้คู่ต่อสู้ทั้งหมดล้วนสูดหายใจด้วยความหนาวเหน็บ
แม้แต่ผู้ตัดสินเองก็พูดไม่ออก
กลุ่มที่ 10 ถึงกับมีตัวประหลาดอยู่ถึง 2 คน
สุดท้ายแล้วผู้นำของเวทีที่ 10 ก็คือ หลิงเทียนและเค่อเอ๋อ
สายตาของผู้ชมรอบๆ สนามประลองล้วนจับจ้องมาที่คนทั้งสอง
บนเวทีกลางที่ยกระดับขึ้นสูงๆ
"ทั้งสองคนนี้ข้ากลับไม่ค่อยคุ้นเคยนัก พวกมันมาจากตระกูลสาขาหรือ? "
หนึ่งในหัวหน้าผู้คุมกฎถึงกับแสดงความประหลาดใจออกมา
"ถูกแล้ว พวกมันทั้งสองมาจากตระกูลสาขา กล่าวได้ว่าทั้งสองมาจากตระกูลลี่สาขาเมืองวายุโปรย แต่ทว่าทั้งสองนั้นกลับเป็นผู้ที่ไม่ได้ใช้แซ่ของสกุลลี่แต่อย่างใด อ่อเด็กผู้ชายคนนั้น ยังสามารถเอาชนะหลิงฉี ได้กลางตลาดอีกด้วย "
หัวหน้าผู้คุมกฎอีกคนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
"หลิงฉี? ลูกชายคนเล็กของ ประมุขตระกูลหลิงน่ะรึ? ได้ข่าวว่ามันเป็นสาวกชั้นนอกที่มีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ฝีมือพอๆกับลี่ควงของเราไม่ใช่หรอกรึ? "
ผู้คุมกฎคนแรกกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง
"ถูกแล้ว"
หัวหน้าผู้คุมกฎกล่าวตอบ
"เฮ่อ สาวกจากตระกูลสาขา แต่ทว่าเลือกใช้แซ่อื่นงั้นรึ น่าเสียดายยิ่งนัก"
ผู้คุมกฎคนที่ตื่นตะลึงเมื่อครู่ถึงกับถอนหายใจออกมา
"เฮอะ! จะเป็นสาวกจากตระกูลสาขา ที่ใช้แซ่อื่นแล้วอย่างไรล่ะ?! ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ได้ทรยศตระกูลลี่ของเรา พวกเขาก็นับว่าเป็นสาวกตระกูลลี่ของเรา "
ชายชราคิ้วขาวกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส
เมื่อได้ยินอย่างนี้ผู้คุมกฎทั้งสองคนก็ได้แต่เงียบไม่กล่าวอะไรออกมาอีก
ต้วนหลิงเทียนที่กำลังยืนเผชิญหน้ากับเค่อเอ๋ออยู่ กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า "ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้"
นี่ทำให้ทุกคนรวมถึงหัวหน้าผู้คุมกฎผิดหวังเล็กน้อย
แต่นั่นเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนและเค่อเอ๋ออาศัยอยู่ด้วยกัน พวกเขาจึงไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร
ตอนนี้เค่อเอ๋อจึงกลายเป็นผู้ชนะของเวทีที่ 10
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ผู้ชนะก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีทั้ง 30 เวที
นอกจากเค่อเอ๋อและต้วนหลิงเทียนแล้ว เวทีที่ได้รับความสนใจก็มีอีก 3 เวที
ลี่ฉีฉี, ลี่หยวน และ ลี่เซียว
ตอนนี้หัวหน้าผู้คุมกฎคิ้วขาวก็ยืนขึ้นพร้อมกับประกาศออกมา
น้ำเสียงเรียบๆดังขึ้น "ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว สำหรับสาวกที่พ่ายแพ้และไม่ได้เป็นผู้ชนะของเวทีที่ตนอยู่ในตอนแรก พวกเจ้าสามารถ ท้าประลอง ผู้ชนะในเวทีใดก็ได้ เพียง 1 ครั้งเท่านั้น หากพวกเจ้าสามารถเอาชนะได้ พวกเจ้าก็จะเป็นผู้ชนะบนเวทีแทน และหากหมดเวลา ผู้ใดที่ยืนอยู่บนเวที จะเป็นคนที่ได้เข้าร่วมเป็นสาวกสายใน "
ทันทีที่จบคำกล่าว ในลานประลองล้วนระอุขึ้นมา
ทุกคนเหลือเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นในการท้าทาย
พวกมันต้องการเวลาในการประเมินความแข็งแกร่งของผู้ชนะในแต่ละเวที นั่นเพราะพวกมันเลือกได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ฟึ่บ!
แต่ทว่าในขณะที่ทุกคนกำลังเคร่งเครียดกันอยู่นั้น ร่างหนึ่งก็กระโจนขึ้นไปบนเวทีผู้ชนะที่ 15 ทันทีอย่างไม่ลังเล
"เขาคือต้วนหลิงเทียน!"
สิ่งนี้สาวกสายนอกล้วนเข้าใจได้อย่างดี...เอาจริงๆในที่นี้เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดรับมือหลิงเทียนได้ด้วยซ้ำ นอกจาก 3 อันดับแรกของสาวกสายนอก
“ต้วนหลิงเทียน? สาวกสายนอกที่สามารถเอาชนะ หลิงฉี ได้ที่ตลาดน่ะรึ?”
"ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนั้นเหตุใดเขาจึงไม่สามารถเป็นผู้ชนะบนเวทีได้กัน ความสามารถของเขาน่าจะพอๆกับลี่ควงไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกข้านะว่าเขาถูกลี่ควงจัดการ? "
"ไม่ได้เป็นเช่นนั้น สาเหตุที่เขาไม่ได้เป็นผู้ชนะบนเวทีเพียงเพราะว่า เขาสละมันให้แก่เด็กสาวที่มาด้วยกันกับเขา นางอยู่นั่นไง"
"งดงามยิ่งนัก! ความงามของนางแม้แต่สตรีที่งดงามที่สุดในบรรดาสาวกสายนอกอย่างลี่ฉีฉี ยังดูด้อยกว่า "
“ตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว วีรบุรุษมักยอมให้หญิงงามเสมอ หึหึ”
......
ลี่เซียวที่เป็นผู้ชนะบนเวทีที่ 15 ได้แต่แสดงสีหน้าบิดเบี้ยวราวกับกลืนยาขม
เขาไม่คิดเลยว่า ต้วนหลิงเทียนนั้นจะมารังแกเขาเช่นนี้ ดูเหมือนว่าการกระทำของหลิงเทียนครั้งนี้จะมีความหมายแอบแฝง!
"ต้วนหลิงเทียน!"
นอกสนามประลอง แววตาของลี่ซ่งถึงกับแผ่ความอาฆาตออกมา
ถึงแม้มันจะชอบดูถูกลี่เซียวอยู่ตลอดเวลา แต่จะอย่างไรลี่เซี่ยวก็เป็นน้องชายของมัน มันย่อมห่วงและคอยดูแลน้องชายของมันอยู่เสมอ
"ข้ายอมรับความพ่ายแพ้!"
ภายใต้การจับจ้องของทุกคน ลี่เซียวเลือกที่จะยอมแพ้โดยไม่ต่อสู้
ถึงแม้ว่ารอบๆ จะมองเขาด้วยสายตาเวทนาราวกับว่าเขาขี้ขลาดไม่กล้าต่อสู้กับต้วนหลิงเทียน แต่เขาก็สามารถกัดฟันอดทน กับสายตาดูหมิ่นเหยียดหยามและยินยอมรับความอัปยศครั้งนี้ไว้
ด้วยการยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ เขายังสามารถเก็บรักษาพละกำลังและสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ เพื่อไปท้าประลองเวทีอื่นได้
หากเขาต่อสู้กับหลิงเทียน จะอย่างไรเขาก็ไม่สามารถสู้กับหลิงเทียนได้อยู่แล้ว และถ้าหากหลิงเทียนจู่โจมอย่างไม่ยั้งมือ เกรงว่ามันจะต้องบาดเจ็บเสียเปล่าๆ และการไปประลองเพื่อชิงตำแหน่งเวทีอื่นทั้งที่บาดเจ็บย่อมไม่ใช่เรื่องดี เพราะหากมันพลาดนั่นหมายความว่าสถานะสาวกสายในได้หลุดลอยหายไป
"ต้วนหลิงเทียน อีกสามวันให้หลังข้าจะสั่งสอนเจ้าอย่างสาสม"
ลี่ซ่งมองไปที่หลิงเทียนพร้อมกล่าวออกมาอย่างอาฆาต ก่อนที่มันจะเดินไปหาลี่ซ่ง เพื่อช่วยเหลือน้องชายของมันในการมองหาคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมบนเวทีประลองอื่นๆ
ส่วนหลิงเทียนนั้นไม่ได้สนใจอะไร มันหลับตาลงและเริ่มพักผ่อน เพราะคงไม่มีใครขึ้นมาท้าสู้กับมันแน่ๆ..
ส่วนผู้ชนะเวทีอื่นๆ กำลังเผชิญศึกหนัก บรรยากาศช่างดุเดือดมากนัก ...
แน่นอนว่า ไม่มีใครกล้าท้าทาย ลี่ควง ลี่หยวน และ ลี่ฉีฉี ที่เป็นสามผู้แข็งแกร่งของสาวกสายนอกเช่นกัน และเวทีของหลิงเทียนที่มันแย่งมาจากลี่เซียวนั้นก็ว่างเปล่าจน ตัวหลิงเทียนเหมือนจะนั่งหลับไปเสียแล้ว...
ส่วนทางด้านเค่อเอ๋อกลับมีผู้ท้าชิงโผล่ออกมาถึง 3 คน
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม กระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงของนาง ยังคงโผล่ออกมาราวกับแสงอัสดง..รู้ตัวอีกทีกระบี่ก็พาดไว้บนลำคอของคู่ต่อสู้แล้ว โดยที่พวกมันไม่ทันได้ขยับตัวหรือออกกระบวนท่าเสียด้วยซ้ำ
"บัดซบเด็กสาวคนนี้ เพลงกระบี่แทบจะคล้ายคลึงกับต้วนหลิงเทียนถึง 10 ส่วน นางมิได้อ่อนด้อยไปกว่าหลิงเทียนสักนิด! "
"แต่ข้ากลับรู้สึกว่านางแข็งแกร่งกว่าลี่ฉีฉีเสียอีก"
"ถูกแล้ว หาใช่แค่ความแข็งแกร่งอย่างเดียวไม่ รูปร่างหน้าตาของนาง เกรงว่าลี่ฉีฉีก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้"
......
เหล่าสาวกชั้นนอกต่างพูดคุยกันระงม
สาวกชั้นในบางคนที่มาเข้าร่วมชมดูการประลองด้วยความสนุกสนานต่างก็จับจ้องไปยังเค่อเอ๋อเช่นกัน
"พี่อัน ท่านดูสิเด็กสาวนางนั้นหาได้ธรรมดาไม่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนับว่าสาวกสายในของเรา จะปรากฏสตรีที่งดงามและมีความสามารถไม่ด้อยไปกว่า ลี่เฟย อีกผู้หนึ่งแล้ว" สาวกสายในคนหนึ่งกล่าวกับชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง
ลี่เฟย นับว่าเป็นสตรีที่งดงามและมีความสามารถมากที่สุดในสาวกสตรีสายใน
ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีเทาปักด้วยดิ้นและลายปักสีเงิน ได้แต่จ้องมองไปยังเค่อเอ๋อด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและความโลภ ราวกับว่ามันต้องการสตรีนางนี้ไม่ว่าต้องทำอย่างไรก็ตาม
"นั่น เขาคือลี่อัน!"
"อา มันเป็นเขาจริงๆ!"
......
เมื่อสาวกสายนอกรับรู้ถึงตัวตนของสาวกสายในคนนั้นที่มาชมอยู่ พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ และนับถือ
ลี่อัน สาวกสายในที่มีชื่อเสียงอย่างมากของตระกูลลี่
หนึ่งปีที่แล้ว ลี่อันที่อายุเพียง 17 ปีกลับสามารถตัดผ่านไปยังระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 เขาสามารถติด 1ใน 10 ของการประลองประจำตระกูล หากนับในรุ่นอายุเดียวกัน คนที่เหนือกว่ามันก็มีเพียงผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที 9 ที่อายุ 18 ปีผู้หนึ่งเท่านั้น
ตอนนี้ในหมู่สาวกที่อายุต่ำกว่า 19 ปี ความแข็งแกร่งของมันถือได้ว่าเป็นอันดับ 2
เมื่อการประลองประจำตระกูลดำเนินมาถึงยามพลบค่ำ การประลองก็สิ้นสุดลง..
หลังจากยอมรับความพ่ายแพ้จากหลิงเทียน ลี่เซียวก็ประสบผลสำเร็จในการแย่งชิงตำแหน่งผู้ชนะของเวทีอื่น
ผู้ชนะทั้ง 30 คนก็ถือได้ว่า เป็นสาวกสายในตั้งแต่บัดนี้
มีหลายคนที่ได้แต่ส่ายศีรษะด้วยความเสียดาย บางคนก็เศร้าสลดราวกับหมดสิ้นความหวังในชีวิต
ในหมู่ของพวกมัน มีบ้างแล้วที่อายุล่วงเลยมาถึง 18 ปี เนื่องจากพวกมันไม่สามารถเป็นสาวกสายในได้ในการประลองครั้งนี้..หมายความว่าหลังจากนี้และตลอดไปพวกมันจะไม่มีวันได้เป็นสาวกสายในอีกตลอดกาล
หากพวกมันเป็นครอบครัวที่มาจากตระกูลสาขา พวกมันจะถูกส่งตัวกลับตระกูลสาขาโดยทันที!
ต้วนหลิงเทียนและเค่อเอ๋อเดินจับมือเคียงคู่พร้อมกับแย้มยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
เค่อเอ๋อกอดแขนหลิงเทียนขึ้นมาไว้แน่นเพราะตอนนี้นางดีใจมากที่ได้เป็นสาวกสายใน
สายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาถูกส่งมายังหลิงเทียน ทั่วทุกทิศทาง และส่วนมากจะเป็นสายตาจากบุรุษ...
“หืม?”
ทันใดนั้นหลิงเทียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
มองไปพื้นที่ด้านหน้าที่ควรจะเป็นทางเดินโล่งๆ กลับมีเด็กชายอายุประมาณ 19 ปียืนขวางทางอยู่สองคน
ชายหนุ่มด้านหน้าที่สวมชุดคลุมสีเทาลายปากสีเงิน ดูเหมือนจะกำลังมองเขาด้วยสายตาที่ราวกับเป็นคู่แค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน
หลิงเทียนเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนตรงหน้าถึงมองมันด้วยสายตาที่แค้นเคืองกันถึงขนาดนี้ ทั้งที่มันเองก็ไม่เคยรู้จักคนตรงหน้ามาก่อนด้วยซ้ำ
แต่ทว่ามันก็พลันเข้าใจได้ทันที เมื่อสังเกตเห็นคนตรงหน้าพลันแปรเปลี่ยนจากสายตาที่โกรธแค้นเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความกรุ้มกริ่ม พร้อมทั้งจับจ้องไปยังเค่อเอ๋อ
อ่า...ที่แท้เหตุผลเป็นเพราะเค่อเอ๋อนี่เอง
หลิงเทียนรู้สึกช่วยไม่ได้ จนมันต้องหัวเราะออกมา