หน้าแรก > Virtual World: Close Combat Mage กังฟูจอมเวทย์
Chapter 2: Kung Fu? 

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 2: Kung Fu? 

 

สองในสามคนพุ่งเข้าใส่กู่เฟยจากสองด้านพร้อมกัน ส่วนอีกคนหนึ่งเดินไปที่ตรอกทางเข้าซอยเพื่อกันไม่ให้กู่เฟยหนี  

 

พวกเขาคนหนึ่งเตะ คนหนึ่งต่อย กู่เฟยก้าวถอยหลังเป็นเป็นจังหวะสองสามก้าวหลบการโจมตีของพวกเขาไปอย่างง่ายดาย จากนั้นเขายกขาซ้ายขึ้นเตะเข้ากลางหน้าของชายทางด้านซ้ายของเขา แต่ขณะที่กู่เฟยกำลังจะยกขาอีกข้างขึ้นเตะคนที่อยู่ทางด้านขวา เขาก็ผงะถอยออกไปด้วยความตกตะลึงแล้ว 

 

กู่เฟยยิ้มแห้ง เขาจะไม่ได้เตะโดนแค่คนเดียวแน่หากเป็นในโลกจริง ตอนนี้ความเร็วของเขาถูกจัดกัดโดยค่าสถานะร่างกายของจอมเวทย์ ทำให้เขาออกกระบวนท่าได้เพียงครึ่งเดียว แถมพละกำลังของเขาก็ลดลงมากจนน่าตกใจ  หลังจากโดนลูกเตะของเขาเข้าไป ชายที่อยู่ทางซ้ายเพียงกุมหน้าด้วยความเจ็บปวดพลางมองกู่เฟยด้วยความตกตะลึงเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงการรับลูกเตะของกู่เฟยเข้ากลางหน้าควรทำให้เขาสลบไปสักสี่หรือห้าชั่วโมงแล้ว 

 

“อย่างที่คาด มันมีทักษะการต่อสู้” สีหน้าของหัวหน้าอันธพาลเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ตื่นตระหนก ลูกเตะของกู่เฟยนั้นยอดเยี่ยม แต่เห็นได้ชัดว่าพลังของเขาถูกจำกัด เขาตะโกนออกไป “มันเป็นแค่จอมเวทย์ อย่าไปกลัว!” จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปร่วมวง 

 

กู่เฟยเคลื่อนไหวหลบทั้งสามอย่างคล่องแคล่ว แม้ร่างกายของจอมเวทย์จะจำกัดพลังของเขา  แต่ความเร็วพื้นฐานของจอมเวทย์ก็พอมี อย่างน้อยความเหลื่อมล้ำทางด้านอาชีพก็ยังไม่เด่นชัดมากภายใต้สถานการณ์ที่ทุกคนยังเป็นผู้เล่นใหม่และยังไม่ได้อัพเลเวล แถมกู่เฟยจะเตะหรือต่อยไปกี่ครั้งก็เข้าเป้าเนื่องจากประสบการณ์การต่อสู้อันโชกโชนของเขา ในทางกลับกัน อันธพาลทั้งสามกลับแทบไม่ได้แตะแม้ปลายเสื้อของกู่เฟย หัวหน้าของเหล่าอันธพาลเริ่มตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆพลางคิด “มันไม่ใช่ผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้ธรรมดาๆแล้ว หากมันมีแรงมากกว่านี้ พวกเราทั้งหมดคงนอนกินดินไปนานแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่มันเป็นแค่จอมเวทย์” 

 

กู่เฟยค่อนข้างรู้สึกหดหู่ ทักษะกังฟูเกือบทั้งหมดของเขาต่างถูกผูกมัดด้วยข้อจำกัดต่างๆของเกม ดูท่าถึงเขาจะเลือกอาชีพสายต่อสู้ เขาก็คงไม่สามารถใช้ทักษะกังฟูได้อย่างสมบูรณ์อยู่ดี เห็นได้ชัดว่าทักษะกังฟูของเขาคงใช้ได้หลังจากที่เขาใช้แต้มสถานะที่ได้รับจากการอัพเลเวลมาอัพสเตตัสที่จำเป็นก่อน ในทางกลับกัน นั่นหมายความว่าตราบใดที่เขาใช้แต้มสถานนะที่ได้มาเพิ่มค่าสเตตัสให้ดี จอมเวทย์อย่างเขาก็สามารถใช้กังฟูได้ กู่เฟยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีพลังเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ 

 

ไม่นานนักอันธพาลทั้งสามก็ตระหนักได้ว่าไม่เพียงแค่การโจมตีของพวกเขาจะทำอะไรกู่เฟยไม่ได้เท่านั้น แต่กู่เฟยยังสนุกไปกับการต่อสู้นี้อีกด้วย แถมในตอนนี้เขายังยิ้มอย่างสบายใจ ทำให้พวกเขาเริ่มตื่นตระหนก 

 

ในสายตาของกู่เฟย เทคนิคการต่อสู้ข้างถนนพวกนี้มีแต่ช่องว่าง กู่เฟยคิดว่าสู้กับคนพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงหาอากาสตีออกจากวงล้อมพลางหัวเราะ “ยังต้องการสู้อยู่อีกไหม?” 

 

ทั้งสามถูกกู่เฟยเตะต่อยไปนับครั้งไม่ถ้วน แม้ความแรงของแต่ละครั้งจะไม่มาก แต่การโจมตีแต่ละครั้งล้วนซ้ำจุดเดิม คนทางซ้ายขอบตำซ้ายคล้ำจนแทบดำ ส่วนคนทางขวาก็เป็นที่ตาข้างขวา ส่วนตัวหัวหน้าอันธพาลที่อยู่ตรงกลางมีเลือดไหลออกทางจมูก ด้วยกลัวว่าเลือดจะไหลเข้าปากเวลาพูด หัวหน้าอันธพาลจึงเงยหัวขึ้นและเช็ดเลือดออกพลางกล่าว “พวกเราไป!” 

 

“เดี๋ยว!” กู่เฟยพูด “พวกแกคิดจะเดินออกไปเฉยๆโดยไม่ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นพวกนี้รึไง?” 

 

“ขอโทษ?” หัวหน้าอันธพาลหัวเราะ “ไม่ขอโทษแล้วจะทำไม แกฆ่าฉันได้รึไง?”  

 

ก็ไม่ผิดนัก หลังจากต่อสู้กันมานาน กู่เฟยทำได้แค่ทำให้สองในสามคนขอบตาดำและอีกหนึ่งคนจมูกหักเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องตายเลย แค่จะเรียกว่าบาดแผลยังไม่ใช่ด้วยซ้ำ การตายจะเกิดขึ้นในเกมก็ต่อเมื่อเลือดของผู้เล่นคนนั้นลดลงจนเหลือศูนย์เท่านั้น ในตอนนี้ทั้งสามถูกต่อยจนตาช้ำและจมูกหักก็จริง แต่เลือดของพวกเขายังเต็มเปี่ยม สิ่งนี้อาจเป็นหนึ่งในข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของเกมก็ได้ 

 

กู่เฟยหัวเราะเบาๆก่อนก้มลงหยิบหินบนพื้น ด้วยการสะบัดแขนเบาๆ หินที่อยู่ในมือของเขาก็ไปกระแทกที่กลางหน้าผากของหัวหน้าอันธพาลอย่างแม่นยำ 

 

หัวหน้าอันธพาลเริ่มเดือดดาล “แก....” 

 

“แกว่ามันจะรู้สึกยังไงถ้าหากมันกระแทกใส่ดวงตาคน?” กู่เฟยพูดยิ้มๆ 

 

หัวหน้าอันธพาลตกตะลึง ในตอนแรกเขาคิดว่ากู่เฟยแค่ปามั่วๆ แต่น้ำเสียงของเขาในตอนนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้พูดเล่น 

 

“การมองเห็นในชีวิตจริงของแกอาจไม่ได้รับผลกระทบ แต่ไม่ใช่สำหรับในเกม.... จงอย่าลืม นี่คือเกมเสมือนจริง” กู่เฟยเอ่ยเตือน 

 

หัวหน้าอันธพาลถอยห่างไปสองสามก้าวด้วยความหวาดกลัว แต่ในไม่ช้าเขาก็พิจารณาถึงความเป็นไปได้ จะมีใครปาก้อนหินใส่ดวงตาคนได้เพียงเพราะพวกเขาพูดว่าพวกเขาสามารถทำได้จริงงั้นหรือ? ใครจะไปมีความสามารถถึงขนาดนั้น? เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาเริ่มรู้สึกโล่งใจและเย้ยหยัน “แกคิดว่าฉันโง่พอที่จะเชื่อแกรึไง?” 

 

ท่ามกลางความเงียบ กู่เฟยใช้เท้าเตะหินก้อนหนึ่งขึ้นมาและโบกมือขวาของเขา.... 

 

“อ๊าคคค!” หัวหน้าอันธพาลใช้มือทั้งสองข้างปิดดวงตาข้างขวาของเขาขณะที่เขาล้มลงกับพื้นพร้อมร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด เขากลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นอย่างทรมาน การถูกกระแทกใส่ดวงตาโดยตรงสร้างความเจ็บปวดมหาศาลไม่ต่างจากการโดนมีดกรีดแทง 

 

“ไม่ต้องห่วง แกยังเหลือดวงตาอีกข้าง” กู่เฟยพูดกับหัวหน้าอันธพาล ต่อมาเขาสะบัดเท้าเตะหินสองก้อนขึ้นมาไว้บนมือ เขากวาดสายตาผ่านคนของหัวหน้าอันธพาลอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้า “อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ”  

 

“ขะ-ขอโทษ! เราขอโทษ!” ทั้งสองรีบพูดขอโทษอย่างรวดเร็ว เสียงร้องโหยหวนของหัวหน้าของพวกเขาที่ยังนอนดิ้นอยู่กับพื้นเตือนสติให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่ควรคิดลองดี 

 

“ไสหัวไป!” กู่เฟยเอ่ยปาก ทั้งสองรีบดึงตัวหัวหน้าของพวกเขาขึ้นจากพื้น เขาใช้มือปิดดวงตาข้างขวาของเขาแน่นพลางเอ่ยเสียงที่สั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด “ไป.... พาฉันออกไปเร็ว...” ทั้งสองทำอะไรไม่ถูกไปพักหนึ่งก่อนจะรีบพยุงตัวหัวหน้าของพวกเขาออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนสำหรับคนที่ถูกทิ้งให้เฝ้าทางออกก่อนหน้านี้ เขาได้หนีไปก่อนนานแล้ว 

 

อาฟาตกตะลึงเนื่องจากเขาเห็นทุกอย่างจากหน้าตรอกทางเข้าซอย กว่าเขาตั้งสติได้ก็หลังจากที่ทั้งสี่หนีหายไปไกลแล้ว เขารีบวิ่งไปหากู่่เฟย “อาจารย์ อาจารย์เป็นกังฟูจริงๆงั้นเหรอ?” 

 

“แน่นอนอยู่แล้ว อาจารย์ฝึกกังฟูมาตั้งแต่เด็ก” คำพูดของกู่เฟยนั้นเหมือนกับสิ่งที่เขาพูดเป็นประจำที่โรงเรียน กระทั่งน้ำเสียงหรือสีหน้าของเขาก็แทบไม่ต่างกัน 

 

กู่เฟยเป็นกังฟูจริงๆ 

 

เขาเกิดในครอบครัวของผู้ฝึกกังฟู ดังนั้นเขาจึงถูกจับฝึกกังฟูตั้งแต่เด็ก สมาชิกในครอบครัวของเขาทุกคนต่างก็มีหน้าที่การงานและโลกของตน แต่ภายในตระกูลพวกเขามีเป้าหมายร่วมกันอย่างหนึ่งคือส่งต่อศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมของตระกูลให้สืบต่อไป แต่ถึงอย่างไรในท้ายที่สุดคำพูดก็ไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่าคำพูด กู่เฟยรู้สึกว่านอกจากตัวเขาเองกับพ่อ ตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีใครใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่แล้ว 

 

ไม่เหมือนกับพ่อของเขาที่มีคุณลุงของเขาสองคนเป็นคู่ซ้อมอยู่เป็นประจำ กู่เฟยไม่มีคู่ซ้อมรุ่นเดียวกัน ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขาทุกคนยังดูถูกกู่เฟยที่เอาแต่ฝึกกังฟูตั้งแต่ยังเด็กอีกด้วยว่า “นี่มันยุคไหนแล้ว? เปิดตาดูบ้าง ตอนนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเครื่องบินและมองไปทางไหนก็เจอแต่คอมพิวเตอร์ กังฟูบ้าอะไร? แกหากินจากกังฟูได้หรือไง?” 

 

กู่เฟยต้องการพิสูจน์ว่าพวกเขาคิดผิด แต่ผลสุดท้ายกลับยิ่งโดนดูถูกมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ยุคนี้มันไม่ใช่ยุคที่จะเอากังฟูมาวิ่งเสิร์ฟอาหารได้จริงๆ 

 

กู่เฟยเคยพยายามเอากังฟูไปใช้ในกีฬาที่ความพิเศษของกังฟูน่าจะเป็นประโยชน์ แต่สุดท้ายกู่เฟยก็ทำผิดพลาดเนื่องจากเขาไม่เข้าใจกฏซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นห้ามเตะคนสูงกว่าเอวในกีฬาฟุตบอลหรือห้ามลงมือกับคนถือลูกบาสโดยตรงในกีฬาบาสเก็ตบอล นอกจากนี้ยังมีกีฬาอื่นๆที่กังฟูไม่มีประโยชน์เช่นหมากรุกหรือหมากล้อม แถมยังมีกีฬาที่กู่เฟยทำไม่ได้ตั้งแต่ต้นเช่นว่ายน้ำ ดำน้ำ และกีฬาเกี่ยวกับการว่ายน้ำอื่นๆ เพราะกู่เฟยว่ายน้ำไม่เป็น 

 

แม้จะเป็นกีฬาที่เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ เขาก็คาดไม่ถึงว่าเขาก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน  

 

กังฟูเป็นการฝึกฝนที่มุ่งเน้นการขัดเกลาร่างกายและศิลปะการต่อสู้ เขาไม่ได้มีข้อได้เปรียบใดๆแม้แต่น้อยในศิลปะการต่อสู้ประเภทท่วงท่า และเพื่อให้แย่ไปกว่านั้น พ่อของเขายังห้ามไม่ให้เขาเข้าร่วมกีฬาที่เกี่ยวกับการต่อสู้เต็มรูปแบบซึ่งเป็นกีฬาที่เขาจะได้เปรียบอีกด้วย  (ศิลปะการต่อสู้ประเภทท่วงท่าก็เช่นซูโม่, ส่วนศิลปะการต่อสู้เต็มรูปแบบก็เช่นนักมวยMMA) 

 

“เราฝึกศิลปะการต่อสู้เพื่อฝึกตนให้ก้าวผ่านขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ ไม่ใช่ฝึกไปเพื่อต่อยตีกับใคร!” พ่อของเขาพูดอย่างจริงจัง 

 

“เราไม่ได้ก้าวผ่านขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์เพื่อเอาชนะศัตรูของเราหรอกเหรอ?” กู่เฟยงง 

 

“ลูกเข้าใจผิดแล้ว ทางที่ดีที่สุดที่จะเอาชนะศัตรูของลูกได้ก็คือยิงพวกมันทิ้ง!” 

 

“ยิงทิ้งเลย?” 

 

พ่อของเขาพยักหน้าอย่างเคร่งขึม “ใช่ ยิงทิ้งไปเลย!” 

 

“แต่....” 

 

ก่อนที่กู่เฟยจะพูดจบ พ่อของเขาก็ออกหมัดใส่แล้ว พวกเขาเป็นครอบครัวของผู้ฝึกกังฟู หากคุยกันด้วยคำพูดไม่ได้ก็คุยกันด้วยหมัด! ในปีนั้นพ่อของเขาแข็งแรงแถมยังเชี่ยวชาญในวิชากังฟูมากกว่ากู่เฟย ยิ่งไปกว่านั้นกู่เฟยไม่อาจเอาจริงกับพ่อของเขาได้ ซึ่งเป็นผลให้เขาทำได้เพียงถูกทุบตี และนั่นก็คือวันเดียวกันกับที่เขาไปโรงเรียนมัธยมหยูหลินเพื่อสมัครงาน.... 

 

สุดท้ายแล้วหลังจากตัดกีฬาที่เป็นไปไม่ได้ออกทั้งหมด อาชีพเกี่ยวกับกีฬาที่กู่เฟยสามารถทำได้ก็เหลือแค่อาจารย์สอนพละ  

 

อย่างไรก็ตามมีคนเห็นเหตุการณ์ที่พ่อของเขาอัดเขาตอนที่เขากำลังจะไปสมัครงาน และหลังจากที่วีดีโอนั้นถูกเผยแพร่ กังฟูของกู่เฟยก็กลายเป็นเรื่องตลก 

 

กังฟูอยู่รอดในสังคมปัจจุบันยากจริงๆงั้นเหรอ? กู่เฟยรู้สึกทุกข์ใจ ทุกวันนี้เขาแทบจะไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมของคนในตระกูลแล้ว ก่อนหน้านี้คนรุ่นเก่าเคยเชื่อว่ากู่เฟยที่หมั่นเพียรฝึกฝนกังฟูเป็นตัวอย่างที่ดีที่เด็กรุ่นเดียวกันกับเขาควรเอาเป็นแบบอย่าง แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงอาจารย์สอนพละชุดซอมซ่อในขณะที่คนอื่นๆต่างมาเข้าร่วมการชุมนุมของตระกูลด้วยเสื้อผ้าหรูหราที่แสดงถึงความสำเร็จในหน้าที่การงานของพวกเขา คนรุ่นเก่าเริ่มลังเลใจเมื่อเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น และนอกจากพ่อของเขาก็ไม่มีใครเชื่ออีกต่อไปแล้วว่ากู่เฟยเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในรุ่นของเขา 

 

แต่ถึงอย่างนั้นพ่อของเขาก็ยังยืนกรานหนักแน่นว่า “กังฟูไม่ควรถูกเอาไปใช้ทำร้ายใคร!” 

 

“ฉันไม่อนุญาตให้แกใช้กังฟูทำร้ายผู้คนอย่างเด็ดขาด!” พ่อของเขากล่าว 

 

“ไม่แม้แต่คนเลว?” กู่เฟยถาม 

 

“คนเลวก็ไม่ได้!” พ่อของเขาตอบอย่างแน่วแน่ “ตำรวจมีไว้เพื่อคนพวกนั้น! กฏหมายจะลงโทษพวกมันเอง ไม่ใช่เรา!” 

 

“แล้วกังฟูจะใช้ทำอะไรได้?” กู่เฟยเศร้าใจ เขาเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถเข้าใจคำพูดของพ่อของเขาได้ ตั้งแต่ต้นจนจบสิ่งเดียวที่เขารู้สึกคือวิชากังฟูที่เขามีไม่สามารถเอาไปใช้ทำอะไรได้เลย 

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.