spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
เจี้ยงเฉินไม่เคยถามเกี่ยวกับผลกำไรจากหุ้นส่วนในหอโอสถมานานแล้ว. หยูตงและคนอื่นๆเป็นคนจัดการ. เนื่องจากเงินจากโลกสามัญไม่ใช่แหล่งรายได้หลักของเขา.
ถึงจะเป็นอย่างนั้น,เขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยจากข่าวของหยูตง.
หอโอสถมักทำทุกสิ่งอย่างถูกต้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการแบ่งปันผลกำไร. พวกเขาตั้งใจประสบประแจงเจี้ยงเฉินและพร้อมที่จะนำเงินมาให้.
พวกเขาหยุดไปนานถึงหกเดือนนั่นหมายความว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น. หอโอสถคงไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนี้.
"มันอาจเป็นได้ว่าพวกโจรค้นพบเส้นทางของกลุ่มจัดส่งและดักปล้นสะดม,หรือบางอย่างเกิดขึ้นภายในการบริหารของหอโอสถ?"
เจี้ยงเฉินขมวดคิ้ว. เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องส่วนแบ่งจากผลกำไร.
เขาใส่ใจเรื่องของหอโอสถ. เขาได้จัดตำแหน่งในหอโอสถให้กับพ่อบ้านคนเก่าแก่ที่เขาไว้ใจ,เจี้ยงเฉินทำให้เขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารอาวุโสของหอโอสถและได้รับผลกำไร 10%.
บางคนอาจตกอยู่ในอำนาจของความโลภเพราะเงินทอง,แต่เจี้ยงเซิงเป็นคนที่จงรักภักดีต่อเจี้ยงเฉินและคงไม่ได้ละโมบอยากได้เงินของเขา.
เมื่อเจี้ยงเฉินลองทบทวนดู,เขาแน่ใจว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในหอโอสถ.
"เรียกโกวยู่วมาพบข้าที !"
เมื่อผู้คุมกันได้ยินคำสั่งของเจี้ยงเฉิน,ทุกคนจึงรีบมารวมตัวกันด้วยเช่นกัน.
"นายน้อย." โกวยู่วก้าวไปข้างหน้า.
"หยูตงคงแจ้งข่าวเกี่ยวกับเรื่องของหอโอสถให้ทราบแล้ว"
โกวยู่วพยักหน้า,นางก็รับรู้ข้อมูลทั้งหมดก่อนหน้านี้แล้ว.
"เจ้าคิดอย่างไร?"
โกวยู่วคิดสักครู่ก่อนที่จะพูดว่า "ไม่ว่าหอโอสถจะปีกกล้าขาแข็งสักเท่าไหร่,ข้ามั่นใจว่าพวกเขาจะไม่กล้าที่จะระงับผลกำไรของท่าน. ต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น "
โกวยู่วคิดเหมือนกับเจี้ยงเฉิน.
"ข้าคิดว่าเราควรไปสืบให้ถึงที่,เตรียมตัวเดินทางไปราชอาณาจักรตะวันออกได้เลย" ยิ่งเจี้ยงเฉินคิด,เขายิ่งรู้สึกแปลก. ความรู้สึกผิดปรกติได้พุ่งขึ้นมาเป็นอันอับแรก.
เมื่อระกับการฝึกฝนบ่มเพาะสูงเช่นเขา,ความแข็งแรงของหัวใจก็จะสูงขึ้น,สัญชาตญาณของผู้ฝึกฝนมักจะแข็งแกร่งและแม่นยำ.
เมื่อทุกคนต่างกังวลไปพร้อมๆกับเจี้ยงเฉิน. มีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้นกับหอโอสถจริงหรือ?
"พวกเจ้าไปได้แล้ว"
เจี้ยงเฉินคนนี้ไม่ใช่เจี้ยงเฉินคนเดิมที่พวกเขาเคยรู้จัก. เขามีประสบการณ์มากในช่วงสองปีที่ผ่านมาในดินแดนโบราณดั้งเดิมและมีวุฒิภาวะมากขึ้น.
ความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมสิบเท่า. เขาจะไม่รู้สึกหวาดกลัวและถูกรบกวนแม้ว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมา.
เจี้ยงเฉินได้เรียกผู้คุ้มกันส่วนบุคคลทุกคนมาหาเขาเช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้น.
แต่เดิมเขามีผู้คุ้มกันแปดคน,แต่กิมมู,เชินยี่ฟานและไป๋หยุนได้ไปเข้าร่วมในการคัดเลือกและพวกเขาไม่เคยติดต่อกับคฤหาสน์เจี้ยงอีกเลยหลังจากนั้น.
เหลือเพียงห้าคนเท่านั้นคือหยูตง,กุยจิน,พี่น้องเซี่ยวและเว่ยซูฉี,รวมถึงโกวยู่วที่ดูเหมือนจะเป็นผู้คุ้มกันทั้งที่ความเป็นจริงนางคือคนดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์.
"ต้องมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังเรื่องของหอโอสถ. ข้าวางแผนที่จะกลับไปสืบดู,พวกเจ้าคิดยังไง?
ทุกคนจากบ้านเกิดมาเป็นเวลานาน,พวกเขาจึงอยากกลับไปเยี่ยมชมเช่นกัน. ความสุขได้เบ่งบานบนใบหน้าของพวกเขาเมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยงเฉิน.
"นายน้อย,ท่านสั่งเรามาได้เลยว่าท่านต้องการออกเดินทางเมื่อไหร่" โกวยู่วตัดประเด็นตรงกว่าคนอื่น.
"เรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยให้ล่าช้าได้,เราจะออกเดินทางตอนนี้"
นกหงส์ทองรวมตัวกันเมื่อเจี้ยงเฉินเรียก. นกหงส์ทองที่มาพร้อมกับเขาตอนนี้ทั้งหมดตัดผ่านถึงระดับวิญญาณ.
นกหงส์ทองหลายร้อยตัวหมายความว่าเขามีผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณมากมายอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา.
น้องฮ่วงเอ๋อ,ข้าลืมบอกเจ้าไปว่าอาณาจักรตะวันออกเป็นบ้านเกิดของเรา. คราวนี้ ... " โกวยู่วนึกสงสัยว่าฮ่วงเอ๋อจะทำอย่างไรถ้าพวกเขาทั้งหมดไม่อยู่.
ฮ่วงเอ๋อรู้ว่าอาณาจักรตะวันออกเป็นบ้านเกิดของพวกเขา. เนื่องจากนางเคยอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานเช่นกัน.
หอโอสถก็เคยเป็นที่หลบภัยของนาง.
ดังนั้นเมื่อนางได้ยินชื่อ 'หอโอสถ' นางจึงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก. นางฟังเงียบๆ,ไม่สามารถพูดความจริงออกมาได้.
"พี่โกวยู่ว,ถ้าทุกคนไป,กรุณาให้ฮ่วงเอ๋อร่วมเดินทางไปกับพวกท่านด้วย"
ฮ่วงเอ๋อเปิดกว้างและตรงไปตรงมาโดยไม่ต้องวางท่าใด ๆ.
หลังจากใช้เวลาอยู่ด้วยกันหนึ่งวัน,โกวยู่วชื่นชอบนิสัยของฮ่วงเอ๋อมากขึ้น. เมื่อนางได้ยินว่าฮ่วงเอ๋ออยากมาด้วย,นางจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง.
"นายน้อย,เราควรแจ้งให้เซี่ยวไป๋ฉีรู้หรือไม่?" หยูตงถามอย่างฉับพลัน.
เจี้ยงเฉินคิดครู่หนึ่งและตอบว่า "ไม่เป็นไร. เซี่ยวไป๋ฉีไม่มีความเกี่ยวพันกับหอโอสถอีกต่อไป,เราไม่ควรลากเขาเข้ามามีปัญหา. พวกเราจะจัดการเรื่องนี้กันเอง,ไปกันเถอะ ! "
เจี้ยงเฉินผิวปากและกระโดดขึ้นไปบนหลังของนกหงส์ทองตัวเดิมที่เขาขี่มันเสมอ.
นกหงส์ทองไม่ได้ออกโรงมานาน. พวกมันตื่นเต้นและร้องเสียงแหลมซึ่งดังไปถึงสิบลี้.
คนอื่นๆก็รีบกระโดดลงบนนกหงส์ทอง,พวกเขายึดตัวมันไว้,ฝูงนกที่เหลือบินโฉบเฉียวตามเจี้ยงเฉินไป.
ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงสวยงามโดยไม่มีอะไรสามารถเปรียบเทียบได้ในขณะนั้น.
เงาสีทองแผ่กระจายไปทั่วฟ้าทะยานสู่เมฆ,เป็นภาพที่น่าประทับใจ.
ทั่วทั้งเมืองหลวงมีความสุขและเฉลิมฉลอง. ทุกคนรู้ดีว่าเงาสีทองเป็นตัวแทนของเจี้ยงเฉินและตำนานแห่งอาณาจักรนภาจันทร์ !
เสียงรื่นเริงเหล่านี้แสดงถึงความภาคภูมิใจและการสรรเสริญของประชาชน,ทุกคนเคารพเจี้ยงเฉิน,และอยากจะส่งมอบความสุขให้แก่เขา.
ฮ่วงเอ๋อนั่งอยู่บนหลังของนกหงส์ทอง,นางได้ยินเสียงรื่นเริงดังกึกก้องทำให้นางรู้สึกยินดีไปกับเสียงเหล่านั้น.
"ท่านเจี้ยงไม่เคยมุ่งมั่นที่จะแสวงหาชื่อเสียงให้กับตัวเอง,เขาไม่เคยโอ้อวดความสามารถ,แต่เขากลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน,ผู้คนต่างเคารพและชื่นชมเขา. นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของศักยภาพอันไร้เทียมทานและความยิ่งใหญ่เท่านั้น. บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับบุคลิกและความสามารถพิเศษของเขา ? "
ฮ่วงเอ๋อยิ้มอย่างอบอุ่นเมื่อนางคิดเช่นนั้น. ขณะที่นางเดินทางไปกับสายลม,นางรู้สึกว่าโลกทั้งใบสว่างขึ้นอย่างฉับพลันและเปิดขึ้นมาเพื่อนาง. นางมีความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นปลาที่สามารถกระโดดขึ้นได้ตามท้องทะเลกว้างใหญ่,เป็นนกที่ทะยานผ่านท้องฟ้าที่ไม่มีขอบเขต.
ราวกับว่าคนที่อยู่ข้างๆเจี้ยงเฉินมีพรสวรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งสามารถกวาดล้างเงาของหัวใจนางเหมือนแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ. พวกเขาสามารถปัดเป่าความวิตกกังวลในชีวิตและขับไล่อารมณ์ติดลบที่ฝังลึกในใจของนาง.
ฮ่วงเอ๋อยอมรับตอนนี้ว่าแสงสว่างเดียวในหัวใจของนางไม่ได้ดับไปพร้อมกับอาวุโสชุน.
เจี้ยงเฉินและคนที่อยู่ข้างๆเขาใช้ความจริงใจและความเป็นกันเองเพื่อกระจายลำแสงที่สดใสขึ้นเรื่อย ๆให้กับนาง. แสงแดดนี้เป็นสิ่งที่นางไม่เคยพบเห็นในชีวิตและสิ่งแวดล้อมก่อนหน้านี้.
นางค่อนข้างชอบความรู้สึกเรียบง่าย,ไร้กังวล,เบาสบายใจ. ดังนั้นนางจึงพอใจในสถานการณ์ปัจจุบันและปรารถนาอย่างสุดซึ้งว่านางจะสามารถลบยี่สิบปีอันหดหู่ที่ผ่านมา,และตัดทิ้งความทรงจำบางส่วนที่ไม่ดีในชีวิตออกไป.
นางชอบชีวิตที่เรียบง่ายและผ่อนคลาย,ชีวิตที่เต็มไปด้วยแสงแดดสดใส.
เจี้ยงเฉินและคนอื่น ๆ มาถึงยังพรมแดนของอาณาจักรตะวันออกภายในหนึ่งวัน.
หลังจากหลายปีผ่านไป,ใบหญ้าทุกใบและต้นไม้ทุกต้นภายในราชอาณาจักรตะวันออกก็ยังเหมือนเดิม.
มันไม่ได้มีอะไรสำคัญสำหรับเจี้ยงเฉิน,ส่วนคนที่ค่อนข้างมีอารมณ์อ่อนไหวและรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อเข้าใกล้บ้านคือโกวยู่ว.
"พี่โกวยู่ว,ท่านมาถึงบ้านเกิดแล้วท่านรู้สึกตื่นเต้นหรือเปล่า" ฮ่วงเอ๋อเป็นคนที่กระตือรือร้น,นางถามด้วยรอยยิ้ม.
โกวยู่วไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ขณะที่นางถอนหายใจเบาๆ "ข้ากำลังทำให้ตัวเองขายหน้าต่อหน้าเจ้า. ข้าเพิ่งนึกได้ว่าข้าใช้สกุล 'ตงฟาง' เมื่อตั้งเท้าบนดินแดนแห่งนี้ "
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในตระกูลตะวันออก,ความรักและความเกลียดชังของนางในดินแดนนี้ได้ผสมผสานเข้าไปในเลือดและกระดูกของนางแล้ว. ความรู้สึกแบบนั้นคือสิ่งที่ไม่มีวันจางหาย.
"นายน้อย,เราจะไปไหนกัน?" หยูตงถาม.
"ข้าจะไปหาโรงเตี๋ยม" เจี้ยงเฉินได้ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับตระกูลเจี้ยงในราชอาณาจักรตะวันออกไปแล้ว,เขาไม่อยากกลับไปเหยียบคฤหาสน์เจี้ยงหานอีก.
ถ้าไม่มีพ่อของเขาเจี้ยงเฟิงอยู่ตระกูลเจี้ยงก็ไม่สมควรได้อำนาจของขุนนาง.
"โกวยู่ว,เจ้าต้องการไปเยี่ยมพระราชวังหรือไม่?"
โกวยู่วคิดครู่หนึ่งและตอบว่า "ข้าอยากไปเยี่ยมจื่อยั่ว"
เจี้ยงเฉินพยักหน้า. "ถ้าเราทำได้,คราวนี้เราควรพานางกลับไปพร้อมกับเราด้วย. นางจะมีชีวิตที่มีความสุขมากกว่าภายใต้การคุ้มครองของเจ้า "
เมื่อเจี้ยงเฉินคิดถึงจื่อยั่วและร่างหยินของนาง,เขาก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจนางมากขึ้น.
"หยูตง,เจ้าจงไปยังหอโอสถและสืบให้ได้ความว่าเกิดอะไรขึ้น. ถ้าเจ้าเจอตัวเจี้ยงเซิงบอกให้เขามาหาข้า "
เจี้ยงเฉินไม่ต้องการดิ่งตรงไปยังหอโอสถด้วยตัวเองและประณามความผิดของพวกเขา.
สถานะและตัวตนของเขาแตกต่างจากเดิมในขณะนี้. ไม่จำเป็นต้องทำให้สถานการณ์น่าอึดอัดตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามา. เขาเพิ่งมาถึงเท่านั้น,เขามาที่นี่เพื่อจะหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในหอโอสถ,ไม่ใช่เพื่อโอ้อวดสถานะของตัวเอง.
หยูตงรับคำสั่งและกำลังจะออกเดินทาง.
จู่ๆเจี้ยงเฉินก็พูดว่า "อย่าเพิ่งไป. หยูตงข้าไม่ค่อยได้ใช้คันธนูดายูสักเท่าไหร่. ข้าขอมอบมันให้เจ้า. มันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเจ้าในด้านการป้องกัน "
หยูตงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง. คันธนูดายูเป็นอาวุธวิญญาณที่ถูกหลอมสี่ครั้งและเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับเขา!
หลังจากหลายปีที่ผ่านมา,หอโอสถยังคงมีอิทธิพลมากที่สุดในราชอาณาจักรตะวันออก. โอสถแห่งชะตากรรมสวรรค์และโอสถเม็ดอีกสองรายการเป็นสินค้าขายดีทั่วทั้งสิบหกสหราชอาณาจักร. หอโอสถจึงมีฐานะมั่งคั่งอย่างรวดเร็ว. มันกลายเป็นโอสถที่แข็งแกร่งที่สุดภายในอาณาจักรทั้งสิบหก.
หยูตงเดินทางมาถึงหอโอสถอย่างรวดเร็วและเมื่อเขาเข้าไปข้างในเขาก็สังเกตเห็นว่าไม่มีใครที่หน้าตาคุ้นเคยสักคน. เขาไม่รู้จักใครเลย.
ทุกคนในหอโอสถเปลี่ยนไป.
"ท่าน,ท่านต้องการอะไร?" พนักงานคนหนึ่งเข้ามาถามเมื่อเขาเห็นว่าหยูตงเป็นคนแปลกหน้า.
"ข้ากำลังตามหาคนรู้จัก" หยูตงพูดเบาๆ.
“อย่างนั้นหรือขอรับ? ท่านดูแปลกหน้ามาก,ท่านกำลังมองหาใครหรือ? "
"ผู้บริหารอาวุโสเจี้ยงเซิงอยู่หรือไม่?"
เมื่อเขาได้ยินชื่อ "เจิ้ยงเซิง" สีหน้าของเขาวูบวาบเล็กน้อยก่อนที่จะมีการกล่าวโทษตัวเองในทันที "ผู้บริหารอาวุโสเจี้ยงเซิงหรือ? เขาไม่เข้ามาที่นี่นานแล้ว. ท่านคงจะเสียเวลาเปล่าที่มาหาเขาที่นี่ "
"เขาไม่อยู่รึ? เขาไปไหน? "
"นี่เป็นคำถามที่ยากมากสำหรับข้า. ข้าไม่ได้มีตำแหน่งสูง. ข้าไม่รู้เรื่องของผู้บริหารอาวุโส " พนักงานคนดังกล่าวรีบพูดตอบแบบขอไปที.
หยูตงขมวดคิ้ว. "แล้วมีผู้บริหารคนไหนอยู่ที่นี่? ท่านผู้นำหอซงเทียนซ่งอยู่หรือไม่ "
“ไม่ ” ชายคนนั้นส่ายหัว.
"หยิงหวูหยู่ล่ะไปไหน?"
"เขาก็ไม่อยู่เช่นกัน" เสียงของชายคนนั้นเริ่มไม่เป็นมิตรมากขึ้น.
หยูตงคุ่นคิดในขณะที่เขามองไปรอบๆ. ผู้ฝึกฝนประมาณร้อยคนพร้อมด้วยอาวุธครบมือกำลังมุ่งมาจากกทุกทิศทุกทางล้อมรอบหยูตงเอาไว้แสดงให้เห็นถึงเจตนาร้าย.