หน้าแรก > ราชันสามภพ
บทที่ 413: กลับสู่อาณาจักรนภาจันทร์

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ชูชิงหานอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างอึดอัด,เพราะเจี้ยงเฉินจะกลับไปยังนิกายพฤกษาสวรรค์.

 

เจี้ยงเฉินช่วยชีวิตชูชิงหานไว้,และเขาต้องการที่จะชดใช้เจี้ยงเฉิน,แต่เขาก็ยังคงเป็นศิษย์ของนิกายตะวันม่วงอยู่วันยังค่ำ. สำหรับคนที่จงรักภักดีอย่างเขา,การที่จะเดินเข้าไปในนิกายพฤกษาสวรรค์เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับ.

 

ดังนั้นเมื่อชูชิงหานได้ยินว่าเจี้ยงเฉินจะกลับไปเข้าร่วมกับนิกายพฤกษาสวรรค์,เขาก็รู้สึกยุ่งใจ,เขากล่าวอย่างแน่วแน่ว่า "เจี้ยงเฉิน,ข้าเป็นหนี้ชีวิตเจ้า. เมื่อใดก็ตามที่เจ้าต้องการ,เจ้ามาเอาชีวิตข้าไปได้เลย. ข้ายอมเป็นผู้ฝึกฝนพเนจรไปตลอดชีวิตดีกว่าที่จะไปร้องขอความเมตตาจากนิกายอื่น. โปรดเข้าใจข้าด้วย. ถ้ามีวันที่หนึ่งที่เจ้าออกจากนิกายพฤกษาสวรรค์,โปรดเรียกข้าเมื่อใดก็ได้และข้าจะรีบมา,ข้าจะรอคำสั่งของเจ้าเสมอ "

 

เจี้ยงเฉินชื่นชมชูชิงหานมากและไม่ต้องการบังคับให้ชายคนนี้ติดตามเขา.

 

เขายิ้มและพูดว่า "ไม่ใช่ว่าข้าช่วยชีวิตเจ้า,เจ้าช่วยชีวิตตัวเอง. ข้าไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนจากเจ้า,เพียงขอให้เจ้ามีจิตสำนึกที่ชัดเจนก็พอแล้ว. "

 

ชูชิงหานตระหนักดีว่าเจี้ยงเฉินเป็นคนเปิดกว้างและตรงไปตรงมา. เขาปลาบปลื้มในตัวเจี้ยงเฉินมากขึ้น.

 

อาวุโสชุนที่ยืนมองดูอยู่ก็หัวเราะขึ้นมา "มันช่างบังเอิญเหลือเกินที่ข้ากำลังจะเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลและข้ายังไม่มีเพื่อนร่วมเดินทาง. ชูชิงหาน,ชะตากรรมของเจ้าและข้าดูเหมือนจะเชื่อมกัน. เจ้ายินดีที่จะอยู่เคียงข้างข้าและเป็นเพื่อนร่วมเดินทางให้ข้าได้หรือไม่? "

 

อาวุโสชุนคือคนที่ช่วยชีวิตเจี้ยงเฉินจากการโจมตีของชูชิงหานบนหุบเขาบรรจบ.

 

ชูชิงหานละทิ้งอารมณ์ความรู้สึกเก่าๆไว้ด้วยอารมณ์ขันที่ดี. สิ่งนี้ทำให้อาวุโสชุนรู้สึกดีกับเขา.

 

ตอนนี้โชคชะตาได้ดึงพวกเขาทั้งหมดเข้าด้วยกันในภูเขาอมตะ.

 

สำหรับอาวุโสชุน,นี่คือโชคชะตา.

 

เจี้ยงเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินเรื่องนี้. ถ้าชูชิงหานติดตามอาวุโสชุน,มันจะเป็นโชคดีมากสำหรับเขา. เขายิ้มทันที "ชูชิงหาน,อาวุโสชุนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยกย่องในยุคของเรา. ถ้าเจ้าสามารถอยู่ใกล้ๆเขาและรับใช้เขาได้ก็เท่ากับว่าเจ้าจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ "

 

ชูชิงหานไม่ได้วางท่าทีใดๆ. อาวุโสชุนใช้การเคลื่อนไหวที่ธรรมดามากในวันนั้นบนภูเขาบรรจบและเขาก็สามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมดของชูชิงหานได้. ศิลปะอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ภายในพลังของเขานั้นถือเป็นสิ่งที่ไกลเกินกว่าอาจารย์ชูอยู่ของเขา.

 

ชูชิงหานเพิ่งมารู้ในภายหลังว่าอาวุโสชุนใช้กลเม็ดบางอย่างเพื่อตบตาบรรพบุรุษทั้งสี่.

 

นั่นหมายความว่าเขาแข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก.

 

ตอนนี้อาวุโสชุนได้เชิญชวนชูชิงหานให้ไปร่วมเดินทาง,นั่นเป็นการเปลี่ยนแปลงโชคลาภอย่างไม่น่าเชื่อ. เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธคำขอเลย.

 

ชูชิงหานรีบโค้งคำนับและกล่าวด้วยความนับถือว่า "ชิงหานยินดีที่จะติดตามอาวุโสชุนไปทุกหนทุกแห่ง,ขอให้ท่านเรียก,ข้าจะรีบมารับใช้ท่าน "

 

ฮ่วงเอ๋อรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อนางเห็นว่าอาวุโสชุนได้พาชูชิงหานไปเป็นผู้ติดตาม. ก่อนหน้านี้นางเป็นห่วงว่าอาวุโสชุนจะรู้สึกโดดเดี่ยวเพราะเขาอายุมาก.

 

ชูชิงหานเป็นคนที่มีบุคลิกที่ดีและซื่อสัตย์. มันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่เขาเข้าร่วมกับอาวุโสชุน.

 

เมื่อทั้งสองฝ่ายคุยกันเสร็จ,พวกเขาออกจากภูเขาอมตะและอาณาเขตโบราณดั้งเดิมผ่านฝีมือของอาวุโสชุน.

 

เจี้ยงเฉินและฮ่วงเอ๋อมุ่งหน้าไปยังนิกายพฤกษาสวรรค์,อาวุโสชุนจะพาชูชิงหานไปตามหาไม้จตุชาติสุคนธ์.

 

เมื่อเจี้ยงเฉินได้เฝ้าดูอาวุโสชุนและชูชิงหานเดินทางออกไป,เขาก็ถอนหายใจเบา ๆ. เขามีความสุขอย่างแท้จริงที่เห็นชีวิตใหม่ของชูชิงหาน.

 

เมื่อฮ่วงเอ๋อเห็นเจี้ยงเฉินถอนหายใจ,นางถามด้วยความสงสัยว่า "ทำไมท่านเจี้ยงจงถอนหายใจค่ะ?"

 

ชีวิตของชูชิงหานมีแต่ความวุ่นวาย. การได้ติดตามอาวุโสชุนเป็นปลายทางสุดท้ายที่ดีที่สุดสำหรับเขา,ข้าจึงมีความสุขกับเขา. ในบรรดาเหล่าสาวกของนิกายทั้งสี่คนที่ข้าชอบมีน้อยมากนัก. ชูชิงหานเป็นคนเปิดเผยและตรงไปตรงมาด้วยหลักการของเขาเอง. เขาเป็นคนที่กล้าหาญ "

 

ฮ่วงเอ๋อครุ่นคิดและถอนหายใจยาวหลังจากนั้น. ท่านเจี้ยงสรรเสริญคนอื่น,ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านก็เป็นคนเช่นนั้นเหมือนกัน?"

 

เจี้ยงเฉินหัวเราะอย่างเต็มที่ "ข้าไม่รู้ว่าข้าเป็นคนที่กล้าหาญหรือไม่,แต่ข้ารู้ว่าข้าต้องชดใช้หนี้บุญคุณและชำระความแค้นที่มี,และข้าต้องตอบแทนคนที่ช่วยเหลือข้า. โปรดสบายใจได้,แม่นางฮ่วงเอ๋อ,ข้าจะไม่ทำให้อาวุโสชุนผิดหวังและข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี "

 

ฮ่วงเอ๋อยิ้มให้,ความรู้สึกเศร้าหมองที่นางต้องแยกทางกับอาวุโสชุนจางหายไปบ้างเมื่อนางเห็นว่าเจี้ยงเฉินมีความจริงใจ. นางรู้สึกว่าเจี้ยงเฉินเป็นคนที่เปิดกว้าง,รับผิดชอบ,และเป็นคนมีมิตรไมตรี.

 

"อาวุโสชุนและชูชิงหานไปไกลแล้ว,เราก็น่าจะเริ่มออกเดินทางเช่นกัน" ฮ่วงเอ๋อยอมละสายตา,นางทำความรู้สึกให้แน่วแน่,และพูดคุยกับเจี้ยงเฉิน.

 

เจี้ยงเฉินพยักหน้าและเดินทางไปกับฮ่วงเอ๋อ,มุ่งหน้าไปยังราชอาณาจักรนภาจันทร์.

 

สิ่งที่เขาไม่เคยนึกคิดคือไม่ว่าเขาจะเดินเร็วแค่ไหน,ฮ่วงเอ๋อก็จะสามารถรักษาระยะให้ทันกับฝีเท้าของเขา. นางไม่เคยก้าวไปข้างหน้าเขาก่อนสักครึ่งก้าว,และนางก็ไม่เคยทิ้งห่างอยู่ข้างหลัง.

 

สิ่งนี้ทำให้เจี้ยงเฉินรู้สึกประหลาดใจ,และเขาเริ่มสงสัยเกี่ยวกับระดับการฝึกฝนบ่มเพาะปลูกของนาง.

 

เขาจำได้ว่าวันนั้นเมื่อเขาสัมผัสชีพจร,ฮ่วงเอ๋อมีระดับการเพาะปลูกที่ลึก,แต่เขาไม่สามารถประเมินความสามารถของนางได้.

 

"ที่มีของอาวุโสชุนและฮ่วงเอ๋อมีความลึกลับ,และความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้" มันเป็นเรื่องของคนอื่นซึ่งเจี้ยงเฉินไม่อยากจะสืบเสาะหาข้อมูล.

 

ทั้งสองคนคุยกันเป็นครั้งคราวขณะเดินทาง,แต่เจี้ยงเฉินไม่เคยถามว่าพวกเขามาจากไหน.

 

ในวันนี้,ในที่สุดพวกเขาก็เดินเข้าไปในเขตเมืองหลวงของอาณาจักรนภาจันทร์.

 

ฮ่วงเอ๋อใส่เสื้อคลุมสีดำ. นางสวมชุดรัดกุมและซ่อนใบหน้าของนางไว้ใต้ผ้า.

 

เจี้ยงเฉินรู้สึกว่านี่เป็นเพราะฮ่วงเอ๋ออายเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง,เขาจึงไม่ได้พูดอะไร.

 

ทุกอย่างเป็นระเบียบในคฤหาสน์เจี้ยงโดยไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากเดิมถึงแม้ว่าเจี้ยงเฉินจะไม่อยู่.

 

"นายน้อย?" เมื่อหยูตงเดินมาถึงประตู,เขาเห็นเจี้ยงเฉินและตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น.

 

ผู้คุมส่วนตัวคนอื่นๆก็วิ่งออกมาเมื่อได้ยินเสียงตะโกนนี้,พวกเขาดีใจมากจนพูดไม่ออก.

 

การพรากจากกันเป็นเวลาเกือบสองปี. ทุกคนได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในระหว่างนั้น.

 

พวกเขาทั้งหมดเคยเป็นแค่เด็ก,แต่ได้เติบโตขึ้นและกลายเป็นผู้ใหญ่หลังจากผ่านไปสองปี.

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยูตงที่ตัดผ่านเข้าสู่อาณาจักรปราณจิตวิญญาณ,ในขณะที่คนอื่นๆยังอยู่ในระดับจุดสูงสุดของลมปราณฉี,ซึ่งยังมีอีกครึ่งก้าวถึงจะผ่านเข้าสู่ระดับอาณาจักรปราณจิตวิญญาณ.

 

เจี้ยงเฉินกวาดสายตาไปทั่วและยิ้มให้. "ไม่เลว,ไม่เลว !"

 

เมื่อเขาเดินเข้าไปในประตูหน้า,เขาเห็นโกวยู่วยืนอยู่ในสนามบ้าน. รูปของร่างยังคงสวยงามอยู่,แต่ใบหน้าของนางดูผอมลง,ทำให้นางสวยขึ้น.

 

"นายน้อย,ในที่สุดท่านก็กลับมา"

 

โกวยู่วโตที่สุดในหมู่พวกเขาทั้งหมดและนางก็เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น. แต่ไม่ว่านางจะพยายามปกปิดอารมณ์ที่ตื่นเต้นอยู่ในใจ,แต่ก็ยังเผยให้เห็นในดวงตาของนาง.

 

เห็นได้ชัดว่าการกลับมาของเจี้ยงเฉินทำให้นางมีความสุขมากไม่น้อยไปกว่าหยูตงและคนอื่น ๆ.

 

เป็นเพราะว่านางมีหน้าที่ในการดูแลทุกอย่างเมื่อนายน้อยไม่อยู่,นางจึงเก็บอาการดีใจไว้บ้างไม่เหมือนกับคนอื่นๆที่กระโดดโลดเต้น.

 

"ฮ่าๆ, โกวยู่ว,ดูเหมือนเจ้าจะผอมลงในช่วงสองปีที่ผ่านมา. สองปีนี้คงทำให้ทุกคนอยู่อย่างลำบาก " เจี้ยงเฉินรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างปกติในคฤหาสน์ของเขา. "ลุงสามและเจี้ยงยูสบายดีหรือเปล่า?"

 

"ท่านเจี้ยงตงและเจี้ยงยูสบายดีขอรับ" หยูตงตอบ.

 

"อีม,ไปคุยกันข้างในกันเถอะ" เจี้ยงเฉินกำลังเกือบจะเข้าไปข้างในจู่ๆเขาก็หยุดทันที,เขายิ้ม,และชี้ไปที่ฮ่วงเอ๋อ. "นี่คือฮ่วงเอ๋อ,เพื่อนของเพื่อนเก่า"

 

"สวัสดี,แม่นางฮ่วงเอ๋อ"

 

หยูตงและคนอื่นๆทักทาย.

 

โกวยู่วเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และดึงแขนของฮ่วงเอ๋อ. "ฮ่วงเอ๋อเป็นเพื่อนของนายน้อยของเรา,โปรดวางใจเราให้ดูแลเจ้าเถอะ"

 

ฮ่วงเอ๋อยิ้มและมีความสุขที่ได้เห็นว่าสาวกคนสวยของเจี้ยงเฉินเป็นคนใจกว้างและเป็นกันเอง.

 

"สวัสดีพี่โกวยู่ว"

 

โกวยู่วสังเกตว่าฮ่วงเอ่อจำชื่อของนางได้ทันทีและเสียงของนางก็บริสุทธิ์ราวกับเสียงสวรรค์. มันทำให้โกวยู่วรู้สึกตัวเบาหวิว.

 

โกวยู่วถึงกับอยากรู้อยากเห็นทันที. นายน้อยไปเจอนางที่ไหน? เสียงของฮ่วงเอ๋อไพเราะจับใจเหมือนเสียงของนางฟ้า. นางเป็นใครกัน?

 

นางค่อนข้างอยากเห็นใบหน้าของฮ่วงเอ๋อใต้ผ้าคลุมหน้า.

 

ดูเหมือนฮ่วงเอ๋อจะรู้สึกถึงความคิดของโกวยู่วขณะที่นางยิ้มอ่อนโยน. ผู้หญิงสัมผัสได้ถึงเรื่องแบบนี้เร็วมากจนน่าทึ่ง.

 

นางรู้ว่าพี่โกวยู่วต้องมีความรู้สึกบางอย่างกับนายน้อยของนาง,นางจึงค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องของโกวยู่ว.

 

ฮ่วงเอ๋อรู้สึกเห็นใจ,นางดึงผ้าคลุมหน้าของนางออกมาเบา ๆ เผยให้เห็นหน้าตาที่อัปลักษณ์น่าเกลียด.

 

โกวยู่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้เห็นสิ่งนี้,แต่ความประหลาดใจดังกล่าวเปลี่ยนไปเป็นคำขอโทษ. นางรู้ว่าการสอบสวนของนางเมื่อสักครู่ทำให้ฮ่วงเอ๋อเข้าใจผิด.

 

การกระทำของฮ่วงเอ๋อเป็นการปัดเป่าความอยากรู้และความเข้าใจผิดของโกวยู่ว.

 

ตอนนี้โกวยู่วรู้สึกอึดอัดมาก. นางอยากรู้ก็จริง,แต่ก็ไม่ได้หมายความด้วยท่าทีอิจฉา. นางรู้สึกแย่มากที่ฮ่วงเอ๋อถูกบังคับให้เปิดเผยใบหน้าของนาง.

 

"แม่นางฮ่วงเอ๋อ ... " โกวยู่วพึมพำและอยากจะอธิบายตัวเอง.

 

ฮ่วงเอ๋อยิ้มจาง ๆ. "พี่โกวยู่ว,ข้าควรจะแสดงให้ท่านเห็นใบหน้าของข้าอยู่แล้ว. ข้าเองที่ทำตัวหยาบคาย "

 

ฮ่วงเอ๋อเอาชนะใจโกวยู่วด้วยความนอบน้อม. นางรู้สึกเสียดายที่ฮ่วงเอ๋อเป็นคนใจดีและตรงไปตรงมา,แต่รูปลักษณ์ของนางทำให้นางมีจุดบกพร่อง. สิ่งที่หาได้ยากก็คือว่านางไม่รู้สึกอายว่าตัวเองมีปมด้อยและแสดงใบหน้าให้คนอื่นเห็นอย่างเปิดเผย. ท่าทางเช่นนี้มาจากบุตรสาวของครอบครัวที่มีชื่อเสียง.

 

ในขณะนั้นโกวยู่วทั้งรู้สึกแปลกใจและรู้สึกผิดไปพร้อมๆกัน.

 

นางคว้ามือฮ่วงเอ๋อ,ทำให้นางรู้สึกว่ามันอ่อนนุ่มมากจนเหมือนกับวามือของนางแทบไม่มีกระดูก. น้องฮ่วงเอ๋อต้องอยู่กับเรานับตั้งแต่วันนี้. ถ้าใครกล้าข่มขู่หรือแกล้งเจ้า,ข้าจะจัดการเอง ! "

 

โกวยู่วมักมีเมตตากับผู้หญิงด้วยกัน,และสัญชาตญาณในการป้องกันของนางก็ระเบิดขึ้นทันที.

 

เจี้ยงเฉินหัวเราะและไม่ได้พูดอะไร.

 

ไม่มีใครกำหนดได้ว่าใครจะปกป้องใคร. อย่างไรก็ตามบุคลิกของโกวยู่วเป็นคนเปิดกว้าง,ดุร้ายและใจสู้. นางเป็นคนตรงไปตรงมา,และนางรู้สึกผิดต่อฮ่วงเอ๋อเกี่ยวกับการกระทำของนางเมื่อสักครู่. การที่นางต้องการปกป้องฮ่วงเอ๋อช่างสอดคล้องกับบุคลิกของนาง.

 

ฮ่วงเอ๋อรู้ว่าโกวยู่วเป็นคนจริงใจและเป็นคนเก่งทันทีที่นางเห็น. นางไม่ได้ปฏิเสธโกวยู่ว,นางยิ้มอย่างนุ่มนวล, "ข้าต้องขอขอบคุณพี่สาวจริงๆ"

 

ทั้งสองเดินเข้ามาข้างใน,จับมือพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน.

 

ข่าวการกลับมาของเจี้ยงเฉินได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปยังพระราชวัง,หน่วยเขี้ยวมังกร,และทุกมุมของเมืองหลวง.

 

ขุนนางทุกคนไม่สามารถนั่งนิ่งได้ขณะที่พวกเขาออกมายังคฤหาสน์เจี้ยง.

 

เจี้ยงเฉินเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในราชอาณาจักรนภาจันทร์,และตอนนี้เขากลับมาแล้ว,ทำให้เขาเป็นหมายเลขหนึ่งในหมู่คนรุ่นใหม่ !

 

ด้วยตัวตนนี้,ใครจะกล้าทำร้ายเขา? พวกเขาแทบจะรอประจบสอพลอไม่ไหว !

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.