spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บรรพบุรุษพันใบพยักหน้าด้วยความชื่นชม. "ข้าจะให้เวลาเจ้าสามวัน. เฟยซวน,เจ้าคุ้นเคยกับโลกสามัญมากกว่าช่วยติดตามเทียนฮงไปด้วย "
บรรพบุรุษพันใบมองไปรอบๆเมื่อเขาพูดเสร็จ. "จงจำไว้ว่าเจี้ยงเฉินเป็นสมาชิกของนิกายพฤกษาสวรรค์โดยไม่คำนึงถึงว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว. ครอบครัวและเพื่อนของเขาเป็นคนที่เราต้องปกป้องด้วยเช่นกัน. ถ้าใครกล้าที่จะต่อสู้กับพวกเขา,นั่นก็เหมือนกับการต่อสู้กับตัวเราเอง. ถ้าข้ารู้ว่ามีคนทำเช่นนั้น,ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาออกไปได้ง่ายๆ! "
เจี้ยงเฉินเป็นสมบัติล้ำค่าของนิกายพฤกษาสวรรค์,และมีค่ามากที่สุดในขณะนี้.
บรรพบุรุษพันใบจะไม่ยอมให้ตระกูลเหล็กสบประมาทคนของเจี้ยงเฉินเด็ดขาด. ถ้าพวกเขาทำให้เจี้ยงเฉินโกรธ,ทั้งหมดที่อุตส่าห์ทำมาก็จะเปล่าประโยชน์ !
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้นบรรพบุรุษพันใบจึงตัดสินใจเตือนทุกคนด้วยตัวเอง.
เมื่อพ่อลูกตระกูลเหล็กได้ยินเรื่องนี้,พวกเขาทั้งสองรู้สึกไม่สบายใจ. พวกเขารู้ดีว่ามันหมายความว่าในอนาคตตระกูลเหล็กจะอยู่ใต้เท้าของเจี้ยงเฉิน !
ตอนนี้พวกเขามีความคิดเพียงอย่างเดียว,มันก็คือความหวังที่ว่าเจี้ยงเฉินจะไม่เดินออกมาจากภูเขาอมตะ. เขาควรตายในนั้น !
ในราชอาณาจักรนภาจันทร์,ทุกคนในคฤหาสน์เจี้ยงรู้ว่าการคัดเลือกสิ้นสุดลงแล้ว,แต่รู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่เจี้ยงเฉินยังไม่ออกมาจากภูเขา.
เจี้ยงเฟิงออกจากบ้านไปนานแล้ว,คนที่ยังอยู่ก็คือลุงสามเจี้ยงตงและลูกพี่ลูกน้องของเขา,เจี้ยงยู.
ทั้งสองคนนี้ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจในคฤหาสน์เจี้ยง,ดังนั้นคำตัดสินสุดท้ายจึงถูกทิ้งให้กับโกวยู่ว.
"เจี้ยงเฉินเป็นลูกพี่ของข้า. ข้าจะไม่ทิ้งครอบครัวของเขาให้ต้องต่อสู้เพียงลำพัง. หากต้องการที่พึงให้พวกท่านไปยังนิกายพฤกษาสวรรค์. ข้าจะรับประกันความปลอดภัยให้ทุกคนเอง "
"เราขอขอบคุณความตั้งใจที่ดีของท่าน,แต่เราตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่และรอให้นายน้อยกลับมา" ทัศนคติของโกวยู่วยังคงแน่นแฟ้น.
นางไม่เชื่อว่าเจี้ยงเฉินจตายแล้ว,นางเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัย.
หยูตงเป็นหัวหน้าผู้คุ้มกันส่วนบุคคลที่มั่นคง,ผู้คุ้มกันคนอื่นๆจึงแสดงทัศนคติที่แน่วแน่เช่นเดียวกัน. พวกเขาไม่ต้องการย้ายไปอยู่ในนิกายพฤกษาสวรรค์,พวกเขาอยากจะอยู่ในเมืองหลวงดังเดิม.
ท่าทางของทุกคนบ่งบอกอย่างชัดเจน. ถ้านายน้อยยังไม่ได้เข้าร่วมนิกาย,ผู้ติดตามก็ไม่ควรไป. มิฉะนั้นจะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม.
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสาวกสามัญ,ทุกคนพวกเขาใช้เวลากับเจียงเฉินเป็นเวลานาน,ทุกคนรักในศักดิ์ศรีและได้รับความภาคภูมิใจในตนเองมาจากเขา.
เทียนฮงถอนหายใจด้วยความชื่นชมเมื่อเขาเห็นสิ่งนี้. "พวกท่านจะติดตามลูกพี่คนเดียวสินะ ! พวกท่านเป็นภาพลักษณ์ของลูกพี่. เอาล่ะ,รออยู่ที่นี่,ถ้าพวกท่านต้องการ. ถ้ามีใครมาทำให้พวกท่านเดือดร้อน,ใช้ชื่อข้าได้เลยหรือให้ไปหาอาวุโสพันใบ. ในความเป็นจริงบรรพบุรุษเป็นคนให้คำแนะนำแก่ข้าให้ทำเช่นนี้ ! "
บรรพบุรุษพันใบ,ผู้ที่อยู่ในระดับอาณาจักรต้นกำเนิดให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ! สิ่งนี้ทำให้โกวยู่วและคนอื่นๆหัวใจพองโตด้วยรู้สึกภาคภูมิใจ.
นี่หมายถึงอะไร ?
นั่นหมายความว่านายน้อยก้าวหน้าอย่างมากจนน่าประหลาดใจ. แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะอาณาจักรต้นกำเนิดก็ให้ความสนใจกับเขาเป็นอย่างมาก. แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ถึงสถานะปัจจุบันของเขา,บรรพบุรุษก็ไม่ปล่อยให้คนของเขาต้องทนทุกข์.
มันสะท้อนให้เห็นถึงตำแหน่งปัจจุบันของนายน้อย.
เมื่อเทียนฮงกลับไป,องค์รัชทายาทเย่หลงและเทียนโชจากหน่วยเขี้ยวมังกรต่างพากันมาเยี่ยมและสอบถามสารทุกข์สุกดิบของทุกคนในคฤหาสน์เจี้ยง. พวกเขาไม่ได้เมินเฉยต่อคนของเจี้ยงเฉินในเวลาที่เขาไม่อยู่.
........
เวลาบินราวกับลูกศรของธนู ; วันและเดือนผ่านไปราวกับกระสวยในเครื่องทอผ้า.
ครึ่งปีผ่านไปโดยไม่รู้ตัว.
หลังจากที่ทำงานหนักราวครึ่งปี,เจี้ยงเฉินได้สร้างความเข้มแข็งในการควบคุมตัวเองในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณระดับเจ็ดและแสดงให้เห็นว่าเขากำลังจะตัดผ่านระดับใหม่.
ความเข้มข้นของพลังวิญญาณในพื้นที่ส่วนนภามีมากกว่าโลกภายนอกถึงสิบเท่า. การฝึกฝนบ่มเพาะที่นี่เป็นเวลาครึ่งปีเท่ากับ 3-5 ปีในโลกภายนอกหรืออาจจะมากกว่านั้น.
ในช่วงครึ่งปีที่นี่ไม่มีใครเข้ามารบกวนเจี้ยงเฉิน. เขาไม่จำเป็นต้องคิดมากเกี่ยวกับการสอบ,คู่ต่อสู้,การล่าคะแนน,หรือการจัดอันดับ.
ดังนั้นนอกเหนือจากการพูดคุยเป็นครั้งคราวกับอาวุโสชุนและฮ่วงเอ๋อในช่วงครึ่งปีนี้,เขาใช้เวลาเกือบทั้งหมดไปกับการฝึกฝนบ่มการเพาะ.
ชูชิงหานที่นอนหมดสติฟื้นตัวขึ้นหลังจากใช้เวลาสามเดือนในอาการโคม่า. อารมณ์ที่ซับซ้อนหลากหลายไหลเข้ามาในหัวใจของเขาเมื่อเขาค้นพบว่าคนที่ช่วยเขาคือเจี้ยงเฉิน.
อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนเปิดกว้างยอมรับความแตกต่าง. ตอนที่หลงยู่ซื่อทำร้ายเขาด้วยพลังระเบิด,เขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเขากับนิกายตะวันม่วงสิ้นสุดลงแล้ว.
เจี้ยงเฉินไม่ได้พูดปลุกเร้าเขา. ตั้งแต่ที่เขาตื่นขึ้นมันก็ขึ้นอยู่กับหัวใจและจิตวิญญาณของชูซิงหานถ้าเขาสามารถฟื้นความเชื่อของเขาและเดินไปตามทางของเต๋าศิลปะการต่อสู้อีกครั้ง.
ในตอนแรกชูชิงหานรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาตายไปแล้ว. แต่เมื่อเวลาผ่านไปและเขาได้เห็นว่าเจี้ยงเฉินมุ่งมั่นฝึกฝนบ่มเพาะทุกวัน,เขาจึงรู้สึกประทับใจ.
เขาได้ฟังเรื่องราวที่เจี้ยงเฉินฟันหลงยู่ซื่อขาดเป็นสองท่อนบนสังเวียน.
เมื่อได้ยินเช่นนี้,ปมในหัวใจของชูชิงหานก็คลายออกทันที. ดูเหมือนว่าพลังและความเชื่อที่หายไปทั้งหมดของเขาถูกค้นพบอีกครั้ง.
"ขนาดหลงยู่ซื่อคนที่มีร่างฟีนิกซ์สวรรค์ยังถูกตัดขาดเป็นสองท่อน. สามารถมองเห็นได้ว่าบนเส้นทางของเต๋าศิลปะการต่อสู้,คนที่เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะกลับไม่มีอะไรเลย. ข้าเป็นผู้ชาย,อาจารย์ของข้าทิ้งข้า,เพื่อนของข้าพยายามที่จะทำร้ายข้า - เมื่อสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำลายข้า,ข้ามีเหตุผลอะไรที่จะต้องหมกมุ่นอยู่กับการสมเพชตัวเอง? ข้ามีอะไรให้เสียอีก? "
ชูชิงหานเข้าใจทุกอย่างที่เจี้ยงเฉินทำเพื่อเขาเมื่อเขาคิดได้เช่นนั้น,และเขาเข้าใจความพยายามอย่างหนักของเจี้ยงเฉินเช่นกัน.
"เจี้ยงเฉิน ... "
แสงสว่างเป็นประกายในดวงตาของชูชิงหานขณะที่เขามองไปในทิศทางของที่พักของเจี้ยงเฉิน. เขารู้ดีว่าเจี้ยงเฉินเป็นคนช่วยเขาให้มีชีวิตรอด,และเขาก็ยังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งบัดนี้เพราะโอสถของเจี้ยงเฉิน.
หลังจากเดินไปที่ประตูแห่งความตาย,ชูชิงหานได้เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์.
"ข้าไม่คิดเลยว่าคนที่ต้องการจะสังหารข้าจะเป็นอาจารย์ที่ข้ารับใช้ทำหน้าที่ด้วยความจงรักภักดีตลอดมา,และคนที่ช่วยข้าคือศัตรูที่ข้าอยากจะทำลายเขาด้วยพลังทั้งหมดของข้า. มันช่างทิ่มแทงใจข้าเหลือเกิน ! ข้าเหมือนตัวตลกที่ได้รับการถ่ายทอดความคิดที่โง่เขลาจากคนที่ข้ายกย่องให้เป็นมารดา,คนคนเดียวกันกลับลงโทษข้าด้วยชีวิต.”
ชูชิงหานคิดอย่างชัดเจนและรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่โชคดี.
เมื่อคิดถึงคนอื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้หัวหน้าชูอยู่และตอนนี้นางขาดความสามารถ,แม้แต่ศิษย์พี่หนึ่งของเขาต้องหันหน้าไปหานิกายวายุคลั่ง.
"ข้าต้องมีชีวิตอยู่,และใช้ชีวิตต่อไป!" ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ได้เกิดขึ้นในหัวใจของชูชิงหาน. ข้าได้ชีวิตใหม่จากเจี้ยงเฉิน. ข้าได้แยกแยะความเกลียดชังและความกตัญญูไว้อย่างชัดเจน. ข้าต้องชดใช้หนี้บุญคุณนี้แม้ว่าข้าจะต้องตายก็ตาม "
เมื่อความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ของชูชิงหานได้ก่อตัวขึ้น,เต๋าหัวใจอันแข็งแกร่งของเขาก็ทำให้เขามีแรงจูงใจที่ไม่มีขีด จำกัด ในการฝึกฝน.
ในวันนี้,เจี้ยงเฉินก็รู้สึกว่าแรงผลักดันในมหาสมุทรวิญญาณของเขาพุ่งเข้ามาอย่างฉับพลันจนทำให้เขากำลังจะได้ตัดผ่านระดับ.
เจี้ยงเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง. เขาคิดว่าการตัดผ่านอาณาจักรปราณจิตวิญญาณระดับที่แปดจะต้องใช้เวลามากกว่านี้. เขาไม่คิดว่ามันจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้.
ช่วงเวลาของการตัดผ่านได้มาถึงแล้ว,เจี้ยงเฉินจะปล่อยให้มันผ่านไปได้อย่างไร?
เขารวบรวมพลังของตัวเองไว้เป็นครั้งเดียวในขณะที่พลังวิญญาณในมหาสมุทรวิญญาณของเขาเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อย ๆ,มันกำลังตัดผ่านระดับใหม่.
ในที่สุดเมื่อกระแสวิญญาณฉีเสร็จสิ้นการไหลเวียนเต็มรูปแบบ,เขาได้ตัดผ่านไปอีกหนึ่งระดับในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณและก้าวเข้าไปในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณระดับที่แปด.
“ฮู ! ข้าไม่คิดว่าระดับที่แปดจะมาถึงอย่างรวดเร็วเร็วกว่าที่ข้าคาดไว้! "
เจี้ยงเฉินไม่รอช้าในขณะที่เขารีบทำให้รากฐานของเขาแข็งแกร่งหลังจากเสร็จสิ้นการตัดผ่านไปอีกระดับ.
.........
ในสนามบ้านพักที่ไม่ไกลเกินไป,อาวุโสชุนลุกยืนมือไขว้หลัง,เขามองเอื่อยๆไปยังบ้านพักของเจี้ยงเฉิน. เขาถอนหายใจเบา ๆ. "เจี้ยงเฉินคนนี้เป็นอัจฉริยะที่หัวแข็งมาก. เขามีความลับมากมายแค่ไหน. หรือว่าเขาเป็นเทพ? "
เมื่อเจียงเฉินก้าวมาจากคนไร้ประโยชน์ไปสู่อัจฉริยะแห่งราชอาณาจักรตะวันออก,เหมือนกับว่าเทพเจ้าดลใจเขา.
อาวุโสชุนเคยได้ยินเรื่องนี้มาจากหอโอสถ,แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับโลกสามัญมากนัก.
ตอนนี้เขาแปลกใจจริงๆว่าเจี้ยงเฉินได้รับพรจากเทพเจ้าหรือเปล่า?
ในโลกนี้,คนที่แข็งแกร่งและมีการบ่มเพาะขั้นสูงจะมีความเข้าใจในเรื่องของพระเจ้ามากขึ้น.
อาวุโสชุนไม่เคยสงสัยเรื่องการดำรงอยู่ของเหล่าทวยเทพ. เป็นเพราะเขาเชื่อว่าพวกเขามีตัวตนอยู่จริง,และเขาไม่เชื่อว่ามีเทพองค์เดียวครองร่างเจี้ยงเฉิน.
ตอนที่เขามองย้อนกลับไปในชีวิตของเจี้ยงเฉิน,จริงๆแล้วมีสัมผัสอันศักดิ์สิทธิ์มากมาย. เจี้ยงเฉินเป็นคนที่เขาให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ,ดังนั้นเขาจึงรู้รายละเอียดมากกว่าเหล่าบรรพบุรุษ.
อย่างไรก็ตาม,อาวุโสชุนเป็นคนสุภาพ. เขาไม่ได้เริ่มบ่งการเจี้ยงเฉินเพราะว่าเขามีผลงานที่น่าประทับใจ.
เขารู้ดีว่าถ้าเขาทำตัวน่ารำคาญและเริ่มตั้งคำถามสักสองสามข้อ,มันจะทำให้เจี้ยงเฉินระวังตัวและไม่ชอบขี้หน้าเขาก็เป็นได้.
ด้วยวิธีนี้จะเป็นการกระทำที่ขัดต่อความปรารถนาของอาวุโสชุนและส่งผลต่อโอกาสในการรักษาอาการเจ็บป่วยของฮ่วงเอ๋อ.
อาวุโสชุนรู้ว่าบรรดาอัจฉริยะในโลกทุกคนมีโชคเป็นของตัวเอง. ไม่มีใครมีสิทธิที่จะถามอะไร,นอกจากพวกเขามีแผนชั่วร้าย.
อาวุฃดสชุนไม่มีแผนการใดๆเกี่ยวกับเจี้ยงเฉิน,ดังนั้นเขาจึงรู้สึกขอบคุณที่เจี้ยงเฉินพยายามวินิจฉัยโรคให้กับฮ่วงเอ่อและยังช่วยรักษานาง. เขาไม่ได้สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแสดงที่ท้าทายสวรรค์ของเจี้ยงเฉิน.
เจี้ยงเฉินยังแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมและไม่บอกว่าเขาได้มันมาจากไหน.
"ฮ่วงเอ๋อ,เจ้ารู้สึกอย่างไรในช่วงครึ่งปีนี้?" อาวุโสชุนถอนหายใจเบา ๆ และหันศีรษะไปถาม.
"ข้ารู้สึกดีขึ้นมากในครึ่งปีนี้ตามคำแนะนำของท่านเจี้ยง. แม้ในขณะที่อาการดังกล่าวดูเหมือนว่ามันกำลังจะกำเริบขึ้นมาสักสองสามครั้ง,ดนตรี 'เสียงบรรเทาจิตก็สามารถยับยั้งมันได้.' ท่านเจี้ยงเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก "
ฮ่วงเอ๋อทั้งชมและเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณเมื่อนางพูดถึงเจี้ยงเฉิน.
"อืม,เจี้ยงเฉินต้องมีมรดกที่พิเศษที่ไม่มีใครรู้. ฮ่วงเอ๋อ,ใครจะคิดว่าคำทำนายของอาวุโสเซียนจิจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์? ตอนนี้ข้าค่อนข้างอยากรู้ว่าเจี้ยงเฉินจะไปไกลแค่ไหน? ข้ามีความคาดหวังที่สูงมากสำหรับเขา " อาวุโสชุนไม่ปกปิดความรู้สึกที่ดีของเขาที่มีต่อเจี้ยงเฉิน.
"ถ้าอาวุโสชุนชื่นชมท่านเจี้ยงมาก,ทำไมไม่เอาเขามาเป็นศิษย์ของท่าน,เพื่อให้ท่านสามารถให้คำปรึกษากับเขาได้อย่างเต็มที่?" เสียงของฮ่วงเอ๋อมีการล้อเลียนเล็กน้อย.
อาวุโสชุนหัวเราะเบาๆ. "ข้าต้องบอกว่าข้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว. หลังจากนั้นข้าได้สังเกตเจียงเฉินและปล่อยความคิดนี้ออกไปเพื่อป้องกันตัวเองจากการพยายามอย่างไร้ผล "
"ทำไมท่านถึงพูดแบบนี้ค่ะ?" ฮ่วงเอ๋ออึ้ง.
เจี้ยงเฉินเป็นคนที่ยึดแน่นในความคิดของตนเองมาก. ทุกขั้นตอนบนเส้นทางของเขาถูกวางไว้ตามแผนของเขา. นี่คือความคิดที่แท้จริงของอัจฉริยะ. นอกจากนี้,ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าข้าแข็งแกร่งกว่าทั้งสี่บรรพบุรุษ,เขาก็ไม่คิดที่จะเปิดเผยร่องรอยใด ๆ ว่าเขาต้องการเริ่มมีสัมพันธภาพกับข้า. เขาหยิ่งในศักดิ์ศรีและมีความคิดเป็นของตัวเอง. อัจฉริยะแบบนี้จะมีเส้นทางของตัวเองในการก้าวหน้า. ตอนแรกข้าอยากจะพาเขาออกไปจากที่นี่,แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าเขาควรจะเดินตามเส้นทางของตัวเอง. ข้าไม่ควรแทรกแซงเส้นทางของเขามากจนเกินไป ! "
มีบางอย่างที่ลึกลับแฝงอยู่ในเสียงของอาวุโสชุน.