หน้าแรก > ราชันสามภพ
บทที่ 409: ช่วยสุดฝีมือ

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

มีคำกล่าวว่า "ถ้าต้องการที่จะช่วยใครก็ควรช่วยไปตลอดรอดฝั่ง. ถ้าอยากจะส่งใครกลับบ้านก็ควรส่งไปให้ถึงหน้าประตู. "

 

เจี้ยงเฉินมองเห็นว่าทั้งคู่ไม่มีทางอื่นให้เลือก. มิฉะนั้น,พวกเขาคงไม่เสียเวลาติดตามสาวกสามัญอย่างเขา.

 

การต้องใช้เวลาสามปีในการหลบซ่อนจับตามองสาวกสามัญเพื่อโรคของฮ่วงเอ๋อสำหรับคนที่มีพลังระดับอาวุโสชุน,ถือว่าเขาทุ่มเทความคิดอย่างเต็มที่และพยายามอย่างมาก.

 

นอกจากนี้เขาเคยช่วยเจี้ยงเฉินหลายครั้ง,ด้วยเหตุผลนี้เจี้ยงเฉินควรจะพยายามอย่างสุดความสามารถ.

 

"อาวุโสชุน,เราต้องการโชคในการตามหาไม้จตุชาติสุคนธ์. ถ้าเราไม่สามารถหามันเจอ,เราก็ไม่มีทางแก้คำสาปผูกมัดทายาทได้. แต่มีวิธีการที่จะชะลออาการป่วยไม่ให้อาการกำเริบขึ้นมาและมันจะลดอาการเจ็บปวด. อย่างไรก็ตาม,ข้าจะต้องเตรียมตัวก่อน "

 

อาวุโสชุนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินเรื่องนี้. เวลาไม่มีปัญหา. เราสามารถอยู่บนภูเขาอมตะเป็นเวลาหนึ่งปีหรือสองปีได้โดยไม่มีปัญหาอะไรเลย "

 

เขายิ้มหน้าเจื่อนเมื่อเห็นใบหน้าที่ดูสับสนของเจี้ยงเฉิน. "จริงๆแล้วข้าเปลี่ยนบางอย่างในค่ายกลเท่านั้น. ข้าย้ายหินวิญญาณที่เป็นฐานของค่ายกล. ค่ายกลจะเปิดขึ้นอีกครั้งถ้าหินวิญญาณถูกส่งกลับไปยังตำแหน่งเดิม. ทั้งสี่นิกายได้เตรียมที่จะปล่อยให้ผู้เข้าแข่งขันเข้าพักที่นี่เป็นเวลาประมาณสามปี. ถ้าไม่ใช่เพราะข้ารีบ,การคัดเลือกของเจ้าก็จะไม่จบลงก่อนเวลา. แม้ว่าคนอื่นๆจะไม่สามารถทำอะไรได้,แต่จริงๆแล้วเจ้าสามารถเพลิดเพลินไปกับสภาพแวดล้อมนี้ได้ต่อไปอีก 3 ปี "

 

เจี้ยงเฉยจ้องเขม็ง,อ้าปากกว้างเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น. เขาเริ่มสงสัยเกี่ยวกับพลังความแข็งแกร่งของอาวุโสชุนมากขึ้น.

 

เขาสามารถแทรกแซงค่ายกลภายใต้จมูกของบรรพบุรุษทั้งสี่นี้หมายความว่าเขาแข็งแกร่งกว่าบรรพบุรุษมาก !

 

"เรามีเวลาอย่างน้อยหนึ่งปีครึ่งหรืออาจเป็นสองปี. มันเพียงพอหรือไม่? " อาวุโสชุนถาม.

 

"มันไม่นานขนาดนั้น. สามเดือนก็พอเพียงแล้ว "

 

อาวุโสชุนตบมือ. "งั้นเราก็ตกลงกันแล้ว. เจี้ยงเฉิน,ไม่ว่าเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตามข้าก็จะถือว่าข้าติดหนี้เจ้า.

 

เจี้ยงเฉินยิ้มอย่างสุภาพ,เขาไม่ใส่ใจมากนักเกี่ยวกับเรื่องบุญคุณ.

 

ดูเหมือนอาวุโสชุนจะรู้ว่าเจี้ยงเฉินไม่สนใจคำสัญญาของเขา. เขาหัวเราะอย่างเสียใจและถอนหายใจ, "เจี้ยงเฉินเจ้ารู้ไหมว่าสิ่งที่ข้าบอกว่าหนี้บุญคุณหมายถึงอะไร?"

 

"อาวุโสชุน,ข้าเจี้ยงเฉิน,มีจิตสำนึกที่ชัดเจนเมื่อข้าตั้งใจ. ท่านยื่นมือมาช่วยข้าถึงสองครั้ง,และข้าควรพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเห็นแก่ฮ่วงเอ๋อ. ข้าไม่กล้าที่จะขอสิ่งตอบแทน "

 

เจี้ยงเฉินไม่ได้พูดแบบนั้นเพราะอวดดี,เขาไม่ได้คาดหวังอะไรจากอาวุโสชุน.

 

ของขวัญ ? คำแนะนำเกี่ยวกับการบ่มเพาะ?

 

เจี้ยงเฉินไม่สนใจเรื่องพวกนี้.

 

เป็นเพราะเขามีความเชื่อมั่นและวางใจว่าเขาจะไม่อ่อนน้อมถ่อมตนหรือหยิ่งและไม่สนใจบุญคุณของอาวุโสชุนและสิ่งใดเลย.

 

หลังจากผ่านไปสิบวันคนของนิกายก็ออกจากเขตแดนของภูเขาอมตะ.

 

ค่ายกลจึงสามารถเปิดใช้งานได้ตามโดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกรบกวนโดยคนอื่น

 

มีที่อยู่มากมายในท้องฟ้าเช่นกัน พวกเขาสามารถอาศัยอยู่ในบ้านพักเหล่านี้คนละหลังได้ตามสบายใจ.

 

เจี้ยงเฉินมอบรายการวัตถุดิบแก่อาวุโสชุน. เขาต้องการกลั่นโอสถที่จะบรรเทาอาการเจ็บปวดของวิญญาณและทำให้หัวใจสงบ.

 

ชื่อของโอสถเม็ดนี้คือ,โอสถหกเต๋า,และการกลั่นโอสถนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ.

 

นอกเหนือจากโอสถหกเต๋าแล้ว,เจี้ยงเฉินได้ค้นหาความทรงจำในอดีตที่ผ่านมาเพื่อดึงข้อมูลเพิ่มเติม.

 

เขารู้เรื่องคำสาปผูกมัดทายาทจากชีวิตที่ผ่านมาของเขาและด้วยเหตุนี้จึงมีหลายวิธีในการแก้ไขปัญหานี้.

 

มีบทสวดมนต์ในคัมภีร์โบราณที่มีชื่อว่า "มนตราอิสรภาพ" บทสวดสามารถปราบปรามการแทรกแซงภายในวิญญาณและวิญญาณจะสงบลงเมื่อสวดมนต์นี้.

 

นี่คือสิ่งที่ง่ายมากที่นางทำได้และจะเห็นผลลัพธ์ที่ตามมา.

 

อีกอย่างหนึ่งคือเสียงดนตรี "เสียงบรรเทาจิต" ซึ่งมีจุดประสงค์เช่นเดียวกับบทสวดมนตราอิสรภาพ,แต่ผลของมันมีประสิทธิภาพมากกว่า.

 

เสียงดนตรีนี้สามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือหลายอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งมันจะมีผลกับเครื่องดนตรีศักดิ์สิทธิ์. โดยเฉพาะกู่ฉิน,ขลุ่ยโบราณ,พิณใหญ่,หรือกู่เจิงจะมีประสิทธิภาพอย่างมาก.

 

เจี้ยงเฉินดึงเรื่องราวเกี่ยวกับทั้งสองออกมาจากความทรงจำลึกภายในและใช้เวลาอีกครึ่งเดือนเพื่อทำความเข้าใจอย่างสมบูรณ์.

 

"ฮ่วงเอ๋อ,ถ้าเจ้าท่อง 'มนตราอิสรภาพ' นี้สามครั้งทุกเช้าและทุกคืน,เมื่อเจ้ารู้สึกลำบากหรือฟุ้งซ่าน,มันก็จะปราบปรามการแทรกแซงในดวงวิญญาณของเจ้า"

 

" 'เสียงบรรเทาจิต' สามารถทำได้โดยใช้เครื่องดนตรีเพื่อควบคุมความไม่ลงรอยกันในดวงวิญญาณหากอาการของเจ้ากำเริบ. แม้ว่ามันจะไม่ได้รักษาตรงจุด,แต่ก็มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการชะลออาการเจ็บปวด. หากเจ้าใช้ประโยชน์อย่างเพียงพอ,เจ้าแน่ใจได้เลยว่าเจ้าจะไม่ต้องกังวลกับคำสาปนี้อีกเป็นเวลาสิบปี. อย่างไรก็ตามคำสาปแช่งคือการแก้แค้นและความเกลียดชัง. มันจะไม่หยุดจนกว่าเจ้าจะตาย. ถ้าเราไม่สามารถรักษาปมปัญหาของมันได้,ในวันหนึ่งมันจะสะท้อนกลับมายังเจ้าอย่างฉับพลัน,และมันก็จะแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ. ดังนั้นทั้งสองสิ่งที่ข้าบอกไปจะทำให้เจ้าไม่ต้องกังวลกับโรคไปอีกสิบปี,อาจจะถึงยี่สิบปี,ข้าก็ไม่แน่ใจถึงระยะเวลาหลงจากนั้น "

 

อาวุโสชุนพูดอย่างเฉียบขาด "ข้าจะหาไม้จตุชาติสุคนธ์ให้เจอและจะได้ชำระล้างคำสาปในตัวฮ่วงเอ๋อ !"

 

เจี้ยงเฉินพยักหน้า. สวรรค์ต้องเปิดทางออกให้เขา. ฮ่วงเอ๋อไม่ได้ดูเหมือนคนที่จะตายในวัยเยาว์. บางทีอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมในชีวิตของนาง.

 

อย่างน้อยการที่ทั้งสองได้มาเจอเขาก็คือการเปลี่ยนแปลงแล้ว.

 

ฮ่วงเอ๋อรู้สึกซาบซึ้งมากในขณะที่รับบทสวดและบทเพลง.

 

"ท่านเจี้ยงเฉิน,ต้องขออภัยที่ทำให้ท่านต้องใช้ความพยายามอย่างมากและต้องมาเสียเวลาในเรื่องส่วนตัวของข้า"

 

"อย่าพูดแบบนี้เลยฮ่วงเอ๋อ,มันจะทำให้ข้ารู้สึกละอายใจมากกว่าเดิม. ถ้าไม่ใช่เพราะอาวุโสชุน,ข้าอาจต้องตายบนหุบเขาบรรจบ "

 

ฮ่วงเอ๋อยิ้มอย่างอ่อนโยน. น่าตาของนางดูอัปลักษณ์น่าเกลียด,แต่รอยยิ้มนี้ทำให้รู้สึกถึงแสงแดดที่อบอุ่นและดอกไม้หลายร้อยต้นที่บานออกพร้อมเพรียง.

 

"ท่านเจี้ยงเฉิน,ข้าพอจะรู้จักบทเพลงอยู่บ้างและสามารถบอกได้ว่าเสียงบรรเทาจิตเป็นบทเพลงที่แปลกมาก. ท่านช่างรอบรู้ดั่งนักปราชญ์และท่านยังเป็นคนที่มีพรสวรรค์ขั้นเทพ. "

 

อันที่จริงฮ่วงเอ๋อเป็นอัจฉริยะที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านดนตรี.

 

เพียงนางเหลือบมองบันทึกดนตรีนางก็ตกใจมาก. ดนตรี "เสียงบรรเทาจิต" ที่ถูกพบในโลกสามัญทำให้นางตะลึงจริงๆ. นางรู้สึกว่าเจี้ยงเฉินคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับกลายเป็นคนที่ลึกมากขึ้น.

 

ก่อนหน้านี้ที่อาวุโสชุนให้ความสำคัญกับเจี้ยงเฉิน,นางไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่,นางคิดว่าเขาได้รับโชคที่น่าอัศจรรย์บางอย่างและโอ้อวดถึงศักยภาพในการต่อสู้และเต๋าโอสถและด้วยเหตุนี้เขาจึงติดอยู่ในสิบหกอาณาจักร.

 

ดูเหมือนสายตาของนางยังไม่แหลมคมเท่ากับสายตาของอาวุโสชุน.

 

เมื่อนางนึกถึงว่าเมื่อก่อนนางไม่เคยเหลียวมองเขา,นางก็รู้สึกอับอายมาก. นางเป็นสาวบริสุทธิ์และใจดี,และตอนนี้นางได้รับความช่วยเหลือจากเจี้ยงเฉิน,เนางจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดกับความคิดที่ไม่ดีก่อนหน้านี้ของนาง.

 

"ฮ่วงเอ๋อ,เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล. ข้าสังเกตสีหน้าของเจ้าแล้ว,และดูเหมือนว่าเจ้าเป็นคนที่โชคดีมาก. เจ้าจะสามารถเปลี่ยนความหายนะให้กลายเป็นพรแม้ว่าเจ้าจะพบกับภัยพิบัติ,ไม่พูดถึงผู้อาวุโสที่มีเมตตาอย่างอาวุโสชุน,เจ้าจะมีความสุขกับผลไม้แห่งความสมหวังของชีวิตหลังจากนี้ "

 

เจี้ยงเฉินไม่ได้พูดอย่างขอไปที. เขาสามารถอ่านคนได้ในชีวิตที่ผ่านมาและเขาจะเปิดเผยคำแนะนำบางอย่างเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาจากการสังเกตสีหน้าของพวกเขา.

 

ฮ่วงเอ๋อไม่ใช่คนที่สมควรตายก่อนวัยอันควร,ชีวิตนางมีค่า. นางต้องเผชิญกับความล้มเหลวบางอย่างในชีวิต,แต่เมื่อนางเอาชนะมันไปได้,นางจะมีความสุขกับโชคลาภมากมาย.

 

อาวุโสชุนก็ตกใจเมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้.

 

คำพูดของเจี้ยงเฉินเป็นคำพูดที่คล้ายกับอาวุโสเซียนจิ. การทำนายของอาวุโสก็บอกด้วยว่าฮ่วงเอ๋อถูกกำหนดให้พบกับโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของนาง,และนางจะได้มีความสุขกับความหวานของชีวิตหลังจากความขมขื่น. เคราะห์ร้ายของนางจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นโชคลาภหลังจากได้พบกับคนที่ให้ความช่วยเหลืออย่างมาก!

 

เขาไม่คิดว่าเจี้ยงเฉินจะพูดเหมือนกับอาวุโสเซียนจิทั้งๆที่ทั้งสองคนถูกคั่นด้วยภูเขาและแม่น้ำ!

 

ภายในใจอาวุโสชุนตกตะลึงมาก.

 

ร่องรอยของความประหลาดใจกระพริบผ่านสายตาของฮ่วงเอ๋อ. นางเชิดชูและชื่นชมเจี้ยงเฉินลึกซึ้งมากขึ้น.

 

"อาวุโสชุนข้าจะพักแรมอยู่ที่นี่อีกครึ่งปีถึงหนึ่งปีและใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมที่ดีของพื้นที่ส่วนนภา. นอกจากนี้,ชูชิงหานยังไม่ฟื้นเลย. บางทีอาจจำเป็นต้องใช้เวลามากกว่านี้. เวลานี้จะเพียงพอที่จะพิสูจน์ถึงประโยชน์ของสองสิ่งที่ข้าบอกนางให้ทำและข้าจะเตรียมโอสถบางอย่างสำหรับฮ่วงเอ๋อด้วย "

 

อาวุโสชุนรู้สึกซาบซึ้งกินใจกับความช่วยเหลือของเจี้ยงเฉิน. เขาไม่อยากจะขออะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว.

 

........

 

ขณะที่เจี้ยงเฉินยังคงอยู่ในภูเขาอมตะ,เหล่านิกายทั้งสี่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางเลือกของพวกเขาเพราะการคัดเลือก.

 

ภายในนิกายตะวันม่วง.

 

ความโกรธของบรรพบุรุษนักล่าตะวันยังไม่หายไปเมื่อเขากลับมายังนิกาย.

 

" เจี้ยงเฉิน !" ความโกรธแค้นเดือดในหัวใจของนักล่าตะวันเมื่อเขานึกถึงชื่อนี้. เขาไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุขได้หากไม่ได้เห็นเจี้ยงเฉินตายด้วยตาตัวเองในภูเขาอมตะ.

 

"ชูอยู่,เจ้าบอกว่าชายลึกลับคนนี้เคยช่วยเขาไว้ในโลกสามัญ. มันเกี่ยวกับอะไร? "

 

หัวหน้าชูอยู่ยังไม่ฟื้นตัวจากอาการตกใจที่หลงยู่ซื่อถูกตัดเป็นสองท่อน. นางฟุ้งซ่าน,ใจลอยและเฉื่อยชา.

 

นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเล่าขานข้อความที่จุนเซียนฮานนำกลับมาจากทางข้ามที่สอง

 

บรรพบุรุษนักล่าตะวันคิดเงียบๆสักครู่. "เดิมทีเจ้าเคยบอกว่าเจ้าสงสัยว่าเย่ชองหลิวคือชายลึกลับคนนั้นใช่มั้ย?"

 

หัวหน้าชูอยู่พยักหน้า. “Iใช่แล้ว,ตามพื้นหลังของเจี้ยงเฉิน,มันน่าจะเป็นไปได้ว่าชายคนนั้นคือเย่ชองหลิว"

 

ชั่วช้ามาก !บรรพบุรุษนักล่าตะวันโกรธเคือง. "เจ้าเย่ชองหลิวจอมยโส,มันทำมากเกินไปแล้ว,มันกล้าหยามนิกายตะวันม่วงของเราอย่างนั้นหรือ?"

 

ยิ่งบรรพบุรุษนักล่าตะวันคิดแบบนี้มากขึ้น,เขายิ่งรู้สึกว่าอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล. ลูกสนที่โจมตีเขาบนสังเวียนจนหน้ามืดและกระเด็นไปไกล. ไม่ว่ามันจะมาจากไหน,มันต้องมีใครบางคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาอยู่ที่นั่น,คนที่ไม่มีใครตรวจเจอ.

 

ตอนนี้เขาสงสัยว่าคนที่โจมตีเขาบนสังเวียนและจัดการชูชิงหารบนหุบเขาบรรจบต้องเป็นคนคนเดียวกัน!

 

ประมุขฉีเคือแห่งนิกายตะวันม่วง,ถามในช่วงบรรยากาศที่ตึงเครียด "บรรพบุรุษ,นิกายของเราต้องสูญเสียอย่างมากในการเลือกครั้งนี้ เราควรทำอย่างไรหลังจากการตายของหลงยู่ซื่อ? ถ้าคนพวกนั้นถาม,เราควรจะตอบอย่างไร? "

 

คำถามนี้ทำให้บรรพบุรุษนักล่าตะวันยิ่งขมวดคิ้วและเขาสาปแช่ง "เราจะพูดอะไรได้อีก? เราต้องบอกความจริงกับพวกเขา. ใครจะคิดว่าหลงยู่ซื่อที่มีร่างฟีนิกซ์สวรรค์จะถูกสาวกสามัญแยกชิ้นเป็นสองส่วน? "

 

ประมุขฉีเคือยิ้มอย่างหวาดหวั่น "ข้าเกรงว่าการพูดความจริงจะทำให้พวกเขาโกรธเรา. แม้ว่าเราจะทำข้อตกลงกันมานานแล้ว,แต่คนเหล่านี้ก็เป็นพวกมีอิทธิพลและไร้เหตุผล "

 

หัวหน้าชูอยู่สับสนมาก. "หยุดก่อน,บรรพบุรุษ,ท่านประมุข,พวกท่านพูดกันถึงเรื่องอะไร? คนกลุ่มไหนกัน? "

 

บรรพบุรุษนักล่าตะวันพ่นลมออกจากจมูกและมองไปรอบๆ,เขากวาดตามองไปที่ใบหน้าผู้บริหารอาวุโสทุกคน. "ทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว,ข้าไม่จำเป็นต้องปิดบังมันอีกต่อไป. ชะตากรรมของสิบหกอาณาจักรถูกตัดสินไว้นานแล้ว. เราขาดคนที่มีพรสวรรค์,ทรัพยากรของเราก็แห้งเหือด,และเราก็อ่อนแอลงมาก. เราเคยถูกกลุ่มอี้หมิงข่มขู่หลายครั้งและจะต้องถูกเนรเทศออกไปในดินแดนรกร้างว่างเปล่าเป็นเวลาหลายสิบปี. นิกายตะวันม่วงของเราได้เตรียมการบางอย่าง,เราจึงจำเป็นต้องหาผู้สนับสนุนบางส่วนในอี้หมิง. นิกายของเราจะไม่ยอมล่มจมไปพร้อมกับพันธมิตรทั้งสิบหกอาณาจักร !

 

ผู้บริหารอาวุโสทุกคนดูงุนงงกับคำพูดของบรรพบุรุษนักล่าตะวัน.

 

ชะตากรรมของสิบหกอาณาจักรถูกตัดสินแล้วหรือ? แล้วการคัดเลือก ... มันเป็นเพียงพิธีการ,และดูเหมือนว่านิกายเจอกับผู้สนับสนุนมานานแล้ว?

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.