หน้าแรก > ราชันสามภพ
บทที่ 407: วินิจฉัยอาการ.

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

เจี้ยงเฉินรู้สึกประหลาดใจมากที่ได้ฟังชายอาวุโสคนนั้นเล่าถึงประวัติชีวิตตั้งแต่ในอดีตขนถึงปัจจุบันของเขา.

 

เขาไม่เคยคิดว่าจะมีคนลึกลับซ่อนตัวอยู่ในเงามืด,คนที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำไว้เหมือนกับว่าเขาสนิทกันมาก.

 

"ท่านผู้อาวุโส,ท่านติดตามข้ามาหรือ?" เสียงของเจี้ยงเฉินลดลง.

 

"ไม่,ไม่ ... " อาวุโสชุนโบกมือให้. เขากลัวอย่างมากว่าเจี้ยงเฉินจะเข้าใจผิด. "ข้าเพิ่งสังเกตเห็นเจ้าและรู้สึกว่าเจ้าเป็นคนพิเศษ,ข้าจึงตัดสินใจตามเจ้าและให้ความสนใจกับเจ้า. ข้าไม่ได้คิดร้าย,ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้สองครั้งแล้ว "

 

อืม ? ท่านเป็นคนลึกลับที่ข่มขู่ชูชิงหานบนหุบเขาบรรจบใช่หรือไม่? " เจี้ยงเฉินก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เขาโห่ร้องเสียงแหบ.

 

เจี้ยงเฉินเข้าใจสิ่งที่ผู้อาวุโสหมายถึงสองครั้งทันที. ครั้งแรกคือบนหุบเขาบรรจบ,ครั้งที่สองคือการโจมตีบรรพบุรุษนักล่าตะวันตอนที่เขาได้สังหารหลงยู่ซื่อ.

 

เจี้ยงเฉินยิ้มแย้มเมื่อความคิดของเขามาถึงจุดนี้. ความสามารถของผู้อาวุโสลึกลับคนนี้น่าจะสูงกว่าบรรพบุรุษนักล่าตะวัน. มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะระวังตัว.

 

ถึงอย่างไร,หากอาวุโสคนนี้คิดร้าย,เจี้ยงเฉินก็ไม่มีทางตอบกลับเขาได้ยู่ดี.

 

เขารีบโค้งคำนับและทำท่าทางสุภาพทันที. "ข้า,เจี้ยงเฉินขอขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับความช่วยเหลือของท่านผู้อาวุโส. คนโง่อย่างข้าขอถามถึงชื่อที่มีเกียรติของท่านได้หรือไม่?

 

เจี้ยงเฉินยังคงจำได้ดีตอนที่อาวุโสคนนี้โจมตีชูชิงหานโดยที่ไม่เปิดเผยตัวตน.

 

เขาถามชายลึกลับนี้ไปแล้วว่าเขาคือใคร,และบอกว่าถ้ามีโอกาส,เขาต้องการที่จะตอบแทนบุญคุณที่ผู้อาวุโสช่วยชีวิตเขาไว้.

 

แต่ในเวลานั้น,ผู้อาวุโสลึกลับไม่ได้บอกชื่อของเขากับเจี้ยงเฉิน.

 

อาวุโสชุนพยักหน้าเล็กน้อย. "เรียกข้าว่าอาวุโสชุนก็ได้"

 

"อาวุโสชุน?" เจี้ยงเฉินมองไปยังผู้หญิงที่น่าตาค่อนข้างอัปลักษณ์.

 

"เจี้ยงเฉิน,เหตุผลที่ข้าให้ความสนใจกับเจ้าก็เพราะนาง. นี่คือหลานสาวจากเผ่าของข้า,นางชื่อว่าฮ่วงเอ๋อ"

 

"สวัสดีน้องฮ่วงเอ๋อ" เจี้ยงเฉินพยักหน้าให้กับฮ่วงเอ๋ออย่างสุภาพ,เขาไม่ได้รังเกียจน่าตาอัปลักษณ์ของนาง.

 

ฮ่วงเอ๋อพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้มให้ "สวัสดี"

 

"เจี้ยงเฉิน,เจ้าต้องมีคำถามมากมายในใจเกี่ยวกับสถานการณ์และทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้"

 

เจี้ยงเฉินมีท่าทางสบายใจและหัวเราะอย่างมีมารยาท.

 

"อืม,ข้าเองที่ทำลายค่ายกลเพราะข้าไม่ต้องการพบกับพวกนิกายทั้งสี่,และข้าอยากจะพูดกับเจ้าเป็นการส่วนตัว. มีเหตุผลสำหรับการกระทำของข้า,ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เข้าใจผิด. ข้ารู้ตัวดีว่าข้าเองก็ทำตัวไม่ค่อยสุภาพ "

 

ท่าทางของอาวุโสชุนดูอ่อนโยนและเขาไม่ได้วางท่าใหญ่โตต่อหน้าเจี้ยงเฉินเพียงเพราะเขาแข็งแกร่งกว่า.

 

จุดนี้ทำให้เจี้ยงเฉินประทับใจ.

 

"อาวุโสชุน,ท่านทำทั้งหมดนี้เพียงแค่เพราะอยากเจอข้าคนเดียวอย่างนั้นหรือ?" เจี้ยงเฉินอ้ำอึ้ง.

 

"ใช่." ขณะที่ตอบอาวุโสชุนก็มองไปที่หญิงสาวข้างๆเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก.

 

ฮ่วงเอ๋อรู้สึกเศร้ามากในตอนนี้. อาวุโสชุนเป็นคนที่มีเกียรติ,แต่เขาก็ต้องสุภาพและนอบน้อมกับคนที่อายุน้อยกว่าเพราะอาการเจ็บป่วยของนาง.

 

ไม่ใช่ว่าฮ่วงเอ๋อเป็นคนยึดถือฐานันดร,แต่นางเข้าใจอาวุโสชุนค่อนข้างดี.

 

นางรู้ว่าอาวุโสชุนเป็นคนที่รักศักดิ์ศรีของตัวเอง,เขาไม่เคยแสดงท่าทางนอบน้อมเช่นนี้กับใครมาก่อน.

 

เขามีมารยาทอย่างมากต่อเจี้ยงเฉินก็เพราะนาง. นางจึงรู้สึกซาบซึ้งและรู้สึกผิด.

 

เมื่อเจี้ยงเฉินเห็นอาวุโสชุนมองไปที่เด็กหญิงหลายครั้ง,ดวงตาของเขาก็ขยับตัวและมองดูนางอีกครั้ง.

 

อาวุโสชุนถอนหายใจเบาๆ, "หนุ่มน้อยเจี้ยง,เจ้าได้วินิจฉัยว่าองค์หญิงแห่งราชอาณาจักรทางทิศตะวันออกมีร่างกายหยินใช่มั้ย?"

 

เจี้ยงเฉินรู้สึกตกใจอย่างมาก. นี่เป็นความลับของราชวงศ์ตะวันออก,อาวุโสคนนี้ก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรือ.

 

เมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้แล้ว,เจี้ยงเฉินก็ไม่อยากโกหก,และปฏิเสธมัน.

 

เขาพยักหน้า. "ใช่,มันเป็นเรื่องจริง"

 

"แล้วหนุ่มน้อยสามารถวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยของหลานสาวของข้าได้หรือไม่?" อาวุโสชุนตัดเข้าประเด็น.

 

เจี้ยงเฉินเข้าใจบางอย่างเมื่อได้ยินเรื่องนี้. อาวุโสชุนให้ความสนใจกับเขาเป็นเวลานานเพราะอาการเจ็บป่วยของหลานสาวของเขา.

 

อย่างไรก็ตามเขายังคงงงงวยมาก. ถ้าอาวุโสชุนมีพลังและมีวิชา,ทำไมเขาถึงไม่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของหลานสาวของเขาได้?

 

ถ้าคนอย่างอาวุโสชุนหมดหนทางรักษาอาการเจ็บป่วยนี้,เจี้ยงเฉินเองก็ไม่อยากรับประกันอะไรล่วงหน้า.

 

เจี้ยงเฉินยังคงนิ่งอยู่ขณะที่เขาจ้องมองฮ่วงเอ๋อ. นอกเหนือจากน่าตาอัปลักษณ์บางอย่างแล้ว,ดูเหมือนว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง.

 

ฮ่วงเอ๋อรู้สึกอายมากที่เจี้ยงเฉินจ้องมอง. นางสดใสและชาญฉลาด,สะอาดปราศจากฝุ่นละออง,นางมีความรู้สึกเหมือนหญิงสาวคนอื่น. แม้ว่านางจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองและจงใจทำให้ตัวเองดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น,แต่นางก็ยังขี้อายเมื่อเจี้ยงเฉินจ้องนางแบบนี้.

 

อย่างไรก็ตามนางเป็นหญิงสาวที่ได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวที่น่าเคารพนับถือ. นางมองเห็นได้จากดวงตาของเจี้ยงเฉินว่าเขาไม่มีความคิดที่เป็นอันตราย. ดวงตาของเขาดูสะอาดสะอ้านและไม่มีความปรารถนาที่จะทำร้ายนาง.

 

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า "อาวุโสชุน,ข้าสามารถวินิจฉัยร่างหยินขององค์หญิงจื่อยั่วได้ในวันนั้นเพราะข้าเคยอ่านเจอโรคที่นางเป็นจากหนังสือโบราณ. ข้าไม่มั่นใจเต็มที่ในการรักษาอาการเจ็บป่วย,แต่ถ้าท่านต้องการให้ข้าวินิจฉัย,ข้าก็จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อตอบแทนความกรุณาของท่าน "

 

เจี้ยงเฉินเป็นคนชัดเจนทั้งเรื่องความแค้นและเรื่องหนี้บุญคุณ. ผู้อาวุโสช่วยเขาไว้หลายครั้ง,และไม่ว่าเขาจะทำด้วยเหตุผลอะไร,เจี้ยงเฉินก็ยังคงเป็นหนี้บุญคุณเขาอยู่.

 

การชดใช้บุญคุณคือความกตัญญูของคน.

 

"อืม,เจ้าทำเท่าที่ทำได้. ส่วนเรื่องที่เจ้าจะสามารถรักษาฮ่วงเอ๋อได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตา,มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า. "

 

อาวุโสชุนเป็นคนที่จริงใจมากและตอนนี้เป้าหมายของเขาถูกวางไว้อย่างเต็มที่,เขาจะไม่ขอร้องให้เจี้ยงเฉินรักษาฮ่วงเอ๋อให้หายโดยเร็ว,มันจะทำให้เจี้ยงเฉินหนักใจ.

 

ถ้าคนในทำนายของอาวุโซเซียนจิคือเจี้ยงเฉินจริงๆ,จะมีการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาถ้าชายหนุ่มคนนี้พยายามอย่างสุดความสามารถ.

 

อาวุโสชุนกังวลมาก,ก่อนหน้านี้เขากลัวว่าเจี้ยงเฉินจะไม่พยายามอย่างสุดความสามารถ,ตอนนี้เจี้ยงเฉินแสดงท่าทีของเขาแล้ว,อาวุโสชุนจึงโล่งใจมากขึ้น.

 

ฮ่วงเอ๋อคือคนที่ป่วยมาตั้งแต่เด็ก,นางไม่ได้แสดงความชื่นชมยินดีใด ๆ บนใบหน้าแม้จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในชะตากรรม. เนื่องจากนางอาการป่วยที่อยู่กับนางมาตลอดชีวิตมันทำให้บุคลิกของนางกลายเป็นคนมองโลกในแง่ดี.

 

"อาวุโสชุน,ดูจากท่าทางของฮ่วงเอ๋อนางก็เป็นคนแข็งแรงดี"

 

อาวุโสชุนถอนหายใจเบาๆ "บรรดาหมอที่มีชื่อเสียงก็พูดแบบนี้. มันเป็นเพราะเหตุนี้โรคนี้ได้ลากมาเป็นเวลายี่สิบปี,และยังคงติดตัวนางมาจนถึงวันนี้. อย่างไรก็ตามมีหมอคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่าถ้าโรคของนางกำเริบขึ้นถึงสามครั้งในหนึ่งเดือน,แม้จะมีเทพอมตะจากสวรรค์ชั้นสูงสุดมามาช่วยก็ไม่อาจรักษานางได้ "

 

จริงหรือ?” เจี้ยงเฉินถามเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้. "จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอาการของนางกำเริบ?"

 

เมื่อไหร่ที่มันกำเริบ,” อาวุโสชุนถอนหายใจยาวอีกครั้ง. "นางจะกลายเป็นเหมือนหุ่นไม้,ไม่สามารถควบคุมคำพูดและการกระทำของนางได้เลย. บางครั้งนางก็หดหู่เศร้าใจและบางครั้งนางก็จะระเบิดอารมณ์ร้อนออกมา. บางครั้งนางก็เป็นลม,แต่ถ้านางไม่เป็นลม,นางก็จะลอยไปในอากาศ. นางอาจนั่งตามลำพังหัวเราะหรือร้องไห้ในมุมห้อง. ดวงตาของนางว่างเปล่าราวกับว่านางคือศพเดินได้,นางไม่เป็นตัวของตัวเองและใจลอย. นางจะหมดสติเหมือนคนตายในตอนท้ายและตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นหรือนานที่สุดก็ตื่นมาหลังจากผ่านไปสามหรือห้าวัน "

 

อาวุโสชุนอธิบายถึงรายละเอียดทั้งหมดที่เขาคิดได้.

 

เจี้ยงเฉินรั้งคิ้วขึ้น. มีหลายโรคที่มีอาการดั่งที่เขาเล่า.

 

ตัวอย่างเช่นบางทีเกิดจากความตกใจจากการถูกขู่กรรโชก,หรือจากการบ่มเพาะผิดวิธี. คนหลายบุคลิกหรือคนที่มีวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ตั้งแต่แรกเกิด.

 

อย่างไรก็ตามโรคส่วนใหญ่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเกิดและมักเป็นเช่นนั้น. มันไม่ได้แสดงออกในช่วงเวลาที่ไม่สม่ำเสมอ.

 

ซึ่งแตกต่างจากโรคของฮ่วงเอ๋อ.

 

เจี้ยงเฉินนึกคิดครู่หนึ่งแล้วถามว่า "ขอข้าตรวจชีพจรของฮ่วงเอ๋อได้หรือไม่"

 

การตรวจจับเส้นชีพจรเป็นวิธีในการวินิจฉัยโรคสมัยโบราณซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี. การทำเช่นนี้อาจทำให้เข้าใจถึงอาการของผู้ป่วยและสภาพร่างกายของพวกเขา.

 

การแสดงออกทางสีหน้าของเจี้ยงเฉินเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป. ในที่สุดเขาก็ปล่อยมือและพูดว่า "ข้าต้องขอโทษด้วยที่ข้าละลาบละล้วง"

 

"ขอบคุณสำหรับความพยายาม,ท่านเจี้ยง" ฮ่วงเอ๋อตอบอย่างตรงไปตรงมา.

 

"เจ้าสัมผัสอะไรได้บ้าง?" อาวุโสชุนตื่นเต้นมาก.

 

"มันแปลกจริงๆ" เจี้ยงเฉินถอนหายใจและส่ายหน้าเบา ๆ. ชีพจรของน้องฮ่วงเอ๋อแข็งแรงและมั่นคง. พลังชีวิตภายในร่างกายของนางก็แข็งแรงมาก. ถ้าข้าเดาถูก,ระดับการฝึกฝนบ่มเพาะของน้องฮ่วงเอ๋อค่อนข้างดีมาก. มันต่างกับอาการเจ็บป่วยปกติที่ข้าคุ้นเคย. พูดกันตามเหตุผล,คนที่ป่วยไม่ควรมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งเช่นนี้.

 

"นางมีหวังหรือ?"

 

เจี้ยงเฉินกางมือออก. "ขอเวลาข้าไตร่ตรองสักครู่. อาการเหล่านี้ค่อนข้างแปลก. ดูเหมือนว่านางไม่ได้เกิดมาพร้อมกับอาการป่วยเหล่านี้,มันเพิ่งมาพัฒนาขึ้นในภายหลัง. แปลก,มันแปลกมาก "

 

ทั้งๆที่อาวุโสชุนกังวลมาก,แต่เขาก็ไม่อยากรบกวนและเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะทำลายความคิดของเจี้ยงเฉิน.

 

ดวงตาของเจี้ยงเฉินก็เปิดกว้างขึ้นขณะที่คิดถึงบางสิ่งบางอย่าง.

 

"อาวุโสชุน,พ่อแม่ของฮ่วงเอ๋อมีศัตรูหรือไม่?"

 

อาวุโสชุนงง,ทำไมเขาต้องถามคำถามนี้อย่างฉับพลัน?

 

เขาคิดอยู่สักครู่หนึ่งและไม่ได้ปฏิเสธ. "ผู้ที่อยู่บนเส้นทางของเต๋าศิลปะการต่อสู้มักจะมีศัตรูอยู่บ้าง "

 

"ข้าหมายความว่าแม่ของฮ่วงเอ๋อมีความขัดแย้งกับใครบางคนหรือไปทำให้ใครไม่พอใจในขณะที่นางตั้งครรภ์หรือไม่? โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิง "

 

อาวุโสชุนคิดและพยักหน้า. "ความจริงแล้วมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่รักพ่อของฮ่วงเอ๋อในขณะที่พ่อแม่ของนางก็รักกันอยู่,แต่นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน"

 

ผู้หญิงคนนี้ยังอยู่บนโลกอีกหรือไม่? นางตายก่อนที่ฮ่วงเอ๋อจะเกิด,และตายโดยไม่มีเหตุผลใช่หรือไม่? " เจี้ยงเฉินยังคงถามต่อ.

 

อาวุโสชุนตัวสั่น. เขารู้เรื่องราวเก่าๆเหล่านี้,ทั้งๆที่มันเป็นความลับ. เจี้ยงเฉินรู้ได้อย่างไร?

 

หรือว่าเจี้ยงเฉินมองเห็นอดีต?

 

อาวุโสชุนแปลกใจมาก. เจี้ยงเฉินไม่ใช่แค่ถามคำถามแบบสุ่มเท่านั้น,เป็นไปได้ไหมว่าคำทำนายของอาวุโสเซียนจิเกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นความจริง ?

 

แสงแห่งความสงสัยส่องออกมาจากดวงตาของอาวุโสชุน,เขารีบถามว่า "หนุ่มเจี้ยง,เจ้าพูดถูกทั้งหมด. เจ้ารู้เรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร? ทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการป่วยของฮ่วงเอ๋อหรือ ? "

 

เมื่อฮ่วงเอ๋อได้ยินคำถามของเจี้ยงเฉินทำให้นางคิดถึงพ่อแม่ของนาง. เรื่องนี้ทำให้อารมณ์ของนางระส่ำระส่าย,และดวงตาของนางก็นางก็ดูมืดมัว.

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.