spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 379: ถ้าไม่ใช่มดก็ต้องเป็นมังกร
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตานั้น จางเทีย ก็ตอบกลับโดยที่ไม่กลัว – “ ผมแค่ทำสิ่งที่ควรทำ ! “
“ เจ้าควรทำอะไร ? “ - สีหน้าไม่พอใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของผู้อาวุโส – “ เจ้าไม่รู้รึไงว่าวังไฮหยวนได้ประกาศใช้กฎที่นี่แล้ว ? เจ้าคิดว่านั่นคือสิ่งที่เจ้าควรทำแต่เจ้าอาจจะตายได้ตามกฎของตระกูลที่ลอร์ดไฮหยวนได้ให้ไว้เป็นร้อยปี แม้แต่ลูกหลานที่ผิดกฎก็ต้องโดนขังไปตลอดชีวิต เจ้าคิดว่าเจ้าจะไม่ได้รับผลเรื่องนี้เพราะแค่เพราะยารักษารอบด้านของเจ้างั้นเหรอ ? เจ้าคิดว่าวังไฮหยวนจะไม่ฆ่าเจ้ารึไง ? ”
“ ผมแค่คนตัวเล็กๆ ผมไม่ได้คิดว่าผมยิ่งใหญ่ ถ้าผมทำผิดกฎแน่นอนว่าวังไฮหยวนสามารถฆ่าผมได้ !” - จางเทีย เงยหน้าขึ้น –“ แต่ในฐานะคนแล้ว ผมต้องทำบางอย่าง ! “
“ โอ้ ? เจ้ายังมีข้อแก้ตัวให้กับการกระทำของเจ้าอีกงั้นเหรอ ? “ – ผู้อาวุโสเปลี่ยนสีหน้าหงุดหงิดเป็นรอยยิ้ม – “ ข้อแก้ตัวของเจ้าสำคัญกว่ากฎของตระกูลอีกรึไง ? บอกเหตุผลข้ามา พวกมันสมควรกับสิ่งที่เจ้าทำรึเปล่า ? “
“ หนึ่งในนั้นเคยช่วยชีวิตผมมาก่อน ผมต้องตอบแทน นี่คือเหตุผลแรก ! “
“ เหตุผลที่สองล่ะ ? “
จางเทีย เงียบไปสักพกัก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงเบาๆแต่หนักแน่ – “ ข้อมูลที่ได้มานั้นต้องใช้ชีวิตคนธรรมดานับล้านคนที่ไม่ใช่คนของตระกูลทั้งหกรึเขตใดๆ ไม่มีใครมีสิทธิที่จะเก็บข้อมูลนี้ไว้กับตัวเองอย่างเดียวได้ ถ้าข่าวเรื่องสงครามศักดิ์สิทธิ์ถูกปิดกั้นก็จะมีคนธรรมดามากกว่าเดิมที่ต้องตายเพราะเตรียมตัวไม่ทัน !”
“ เจ้าคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ ? “ – ผู้อาวุโสหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ ใช่ ! “ - จางเทีย ตอบกลับเสียงดังและยืดอก – “ ในไม่กี่วันก่อน มีคนแข็งแกร่งมากมายที่ได้รับข้อมูลที่ต้องการจากเมืองไป ผมไม่คิดว่าพวกคนมีอำนาจและตระกูลใหญ่ในเขตจะเป็นแค่พวกเดียวที่มีสิทธิที่จะรู้เรื่องการมาถึงของสงครามในปีหน้ารึในอีก 6 เดือน ทำไมคนอื่นถึงจะไม่มีสิทธิรู้ข้อมูลพวกนั้นซึ่งชัดแล้วว่ามันเกี่ยวข้องกับชีวิตพวกเขา ? “
ผู้อาวุโสจ้องมาที่หน้า จางเทีย สายตาของเขามองทะลุจนไปถึงจิตใจของ จางเทีย – “ เจ้าอยากรู้มั้ยว่าทำไม ? เพราะมีแค่คนและตระกูลพวกนั้นที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับปิศาจและช่วยคนให้รอดได้มากกว่าเดิม เพราะพลังและความสามารถของพวกเขาทำให้พวกเขามีสิทธิที่จะรู้ข้อมูลมากกว่าคนธรรมดา ! “
“ งั้นคนธรรมดาก็ต้องมีโชคชะตายที่ต้องตายสินะ ? “
ผู้อาวุโสตอบกลับด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม – “ เจ้าเคยเห็นมดว่ายหนีน้ำได้ตอนน้ำท่วมมั้ย ? มดมันว่ายน้ำไม่ได้ ที่มันทำได้ก็แค่กอดกันแล้วกลิ้งไปตามน้ำ ระหว่างตอนนั้นมดก็จะถูกน้ำพลัดพาไป สงครามนี้ก็เหมือนกับการที่มดมันว่ายน้ำนี่แหละ สุดท้ายก็จะมีมดบางตัวที่โดนน้ำพัดหนี แต่ก็ยังมีบางส่วนที่รอด การเสียสละเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะรอด เราจึงต้องมั่นใจว่าจะมีพวกที่แข็งแกร่งมากพอที่จะรวมพลังตัดสินอนาคตของเราได้นั้นรอดอยู่ ! “
จางเทีย รู้ว่าอีกฝ่ายน่ะถูก เมื่อสงครามมาถึง คนส่วนมากน่ะไม่มีพลังมากพอที่จะร่วมมือกันได้เพื่อโจมตีโต้กลับ พวกนั้นจะคิดแต่เรื่องหนี...
‘ ตอนนี้พวกคนใหญ่คนโตกับข้าคิดไม่เหมือนกัน พวกนี้สนใจเรื่องคนที่จะร่วมมือกันได้แต่ข้าต้องการให้คนธรรมดาเตรียมตัวล่วงหน้าแม้แต่เล็กน้อยก็ยังดี พวกนี้อาจจะไม่รอดแต่อย่างน้อยก็น่าจะหาอะไรพึ่งพาตัวเองได้ มีใครผิดรึเปล่า ? ไม่มีใครผิด แต่ละคนต่างก็มีความคิดของตัวเอง แม้ว่าความคิดของข้าเกือบจะอยู่ในด้านสมบูรณ์แบบแต่ข้าก็ช่วยได้ไม่กี่คน กลุ่มทอร์มีคนแค่หมื่นคนนั้นเทียบไม่ได้กับพวกมีอำนาจ ข้าพยายามที่จะช่วยพวกนั้นให้ได้มากที่สุดแล้ว ‘
ก่อนที่จะมาวังไฮหยวน ครอบครัวของเขาในแบล็คฮ้อตต่างก็เป็นมดธรรมดาพวกนั้นที่ต้องตายเพราะน้ำท่วม
เมื่อคิดแบบนั้น จางเทีย ก็ยิ้มเยาะตัวเอง ตอนนี้เขาไม่รู้ตัวเลยว่าแม้ว่าเขาจะรวยและยิ่งใหญ่กว่าแต่ก่อนแต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเป็นคนอย่างหลานหยุนซีรึพวกชนชั้นสูงอื่นๆเพราะเขาน่ะไม่ได้คิดเหมือนพวกนั้นเลย ประสบการณ์ชีวิตจากชนชั้นล่างสุดน่ะได้ฝังลึกในวิญญาณของเขา ลึกไปในใจของเขาแม้ว่าจะเป็นคนกระจอกแค่ไหนก็ต้องทำอะไรสักอย่างเมื่อเห็นใครเจอเรื่องไม่ยุติธรรม
ดอนเดอร์ บอกกับเขาเรื่องการค้นพบของมนุษย์ก่อนเกิดภัยพิบัติ ทุกคนน่ะพยายามที่จะทำหนึ่งสิ่งคือการเติมเต็มชีวิตในวัยเด็กให้สมบูรณ์แบบ
‘ ข้าคงเข้าใจความคิดของพวกมีอำนาจได้ยาก ข้าต้องการที่จะทำสิ่งที่ทำให้ข้าและเพื่อนรู้สึกดีขึ้น ข้าน่ะคาดหวังถึงสวรรค์ที่ทุกคนจะเท่าเทียมกัน นี่คือความคาดหวังที่มาจากวิญญาณข้างั้นเหรอ ? “
“ เจ้าไม่ต้องเข้าร่วมการลงมือครั้งนี้ก็ได้ ไม่มีใครบังคับให้เจ้าทำแบบนั้นแต่เจ้าอาจมารับผิดชอบเอง อีกอย่างแล้วเจ้าน่ะกล้าหาญในสนามรบ ข้าชื่นชมเรื่องนั้นมาก ! “ - เมื่อเห็น จางเทีย เงียบไปสักพัก ผู้อาวุโสก็ได้จิบชาแล้วพูดต่อ – “ เพราะนี่เป็นความผิดครั้งแรกของเจ้า ข้าจะลงโทษเจ้าตามกฎของวังไฮหยวน คะแนนตระกูลของเจ้าจะโดนหักไปเต็มๆ อีกอย่างแล้วเจ้าน่าจะรับการโบยร้อยที เจ้าเห็นด้วยมั้ย ? “
“ ประเทศเองก็มีกฎ ตระกูลเองก็ด้วย เพราะผมฝ่าฝืนกฎ ผมจึงต้องรับการลงโทษ ! “ - จางเทีย พูดออกมาเบาๆ
“ อืม อีกอย่างที่เจ้าต้องรู้ บางคนในตระกูลเฉินเคยทำงานในกลุ่มนักเล่นแร่แปรธาตุของจินหยวน ขวดยาที่เจ้าสั่งจากตระกูลน่ะมากเกินไปและทำให้เขาสนใจ ดังนั้นแล้วตระกูลเฉินจึงส่งคนมาฆ่าเจ้าที่เกาะ อีกอย่างแล้วตระกูลเฉินก็ยังเป็นสมาชิกของกลุ่มปิศาจสามตาซึ่งพัฒนาขึ้นมาโดยปิศาจ หลังจากที่รู้ว่าเจ้าสามารถผลิตยาได้จำนวมาก ตระกูลอื่นๆและสมาชิกของกลุ่มปิศาจเองก็รู้ด้วย ดังนั้นแล้วเจ้าจึงตกอยู่ในอันตรายอย่างมากในตอนนี้ ! “
“ กลุ่มปิศาจสามตาต้องการฆ่าผม ?” - จางเทีย ช็อกกับข้อมูลนี้ เขาคิดว่าเขาได้แก้ปัญหาไปแล้วหลังจากที่จัดการตระกูลเฉินแต่เขาไม่คิดว่าการโจมตีของตระกูลเฉินนั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้น เพราะกลุ่มปิศาจสามตาน่ะหนุนหลังตระกูลเฉินและยังคงต้องจับตาดูเขาอยู่
“ จากสไตล์ของพวกมัน ในตอนที่พวกเราเริ่มสงคราม พวกมันจะทำการกำจัดใครก็ตามที่เป็นคนเพิ่มความแข็งแกร่งและทำการช่วยเหลือมนุษย์ให้สู้กับปิศาจได้ ไม่นานมานี้มีนักเล่นแร่แปรธาตุมากมายที่โดนฆ่าและกลุ่มนักเล่นแปรธาตุคาร์โลก็โดนฆ่าทิ้ง ตามที่สืบสวนแล้ว พวกที่ทำเรื่องนี้คือกลุ่มปิศาจสามตา เพราะเจ้ามีค่าพอๆกับนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงคนอื่นๆ พวกนั้นแน่นอนว่าต้องการจะมาจัดการเจ้าแน่ ! “
“ ขอบคุณที่เตือน ผู้อาวุโส ผมจะดูแลตัวเอง ! “
“ หลังจากที่ตัวตนของตระกูลเฉินโดนเปิดโปง กลุ่มปิศาจสามตาน่ะอาจจะแอบอยู่สักพัก ดังนั้นเจ้าน่าจะปลอดภัยในช่วงสั้นๆนี้ได้ ถ้าเจ้าตกลง ตระกูลของเราจะส่งคนไปปกป้องเจ้าเอง ! “
“ ผมคิดว่าการปกป้องที่ดีที่สุดคือการหายไป ผมไม่อยากให้ใครมาหาผมเจอรึถ้ากลุ่มพวกนั้นคิดที่จะกำจัดผม ผมจะจัดการมันด้วยตัวเอง ! “ - จางเทีย คิดสักพักก่อนจะปฏิเสธ
หนึ่งนาทีต่อมา จางเทีย ได้ออกจากห้องด้วยสีหน้าใจเย็น
เอาจริงๆแล้วการลงโทษของเขาน่ะเป็นเรื่องแฟร์ จางเทีย ไม่ได้รู้สึกผิดรึแย่กับตระกูลจางสำหรับการลงโทษนี้ เขาคิดว่าเขาสมควรได้รับการลงโทษแต่เพราะเรื่องนี้เขาจึงเห็นความต่างของเขากับวังไฮหยวน
ความต่างนี้ไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาอะไร มันเป็นความต่างของการมองโลกและการให้ค่าสิ่งต่างๆ มุมมองของพวกคนมีอำนาจต่อคนธรรมาน่ะทำให้ จางเทีย อึดอัดอย่างมาก
ในตอนที่เขาออกมา จางเทีย ก็นึกถึงหน้าของเพื่อนที่อยู่ในเมืองแบล็คฮ็อตและบาปี --- แบร์ลี่, โอเวน, ดั๊ก, ฮิสต้า, แบกแดด, ลิซ , เบเวอร์รี่, แฮนนา สาวๆกลุ่มกุหลาบและมิสไดน่า
จางเทีย รู้ว่าคนพวกนี้น่ะเป็นมดที่จะโดนน้ำพัดพาไปตาย ระหว่างสงครามที่ยาวนาน ชีวิตของพวกนี้จะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ถ้าพวกเขาสามารถรอดไปได้ก็หมายถึงว่าโชคดีแต่ถ้าไม่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แม้ว่าสงครามกำลังจะมาแต่ก็ไม่มีใครคิดว่าจำเป็นที่จะมาบอกพวกนี้
นี่ทำให้ จางเทีย อึดอัดและหงุดหงิด
หลังจากนั้น จางเทีย ก็เห็น หลานหยุนซี ในยาน ไม่กี่วันก่อน จางเทีย ได้ยินมากว่าเธอได้ปลุกสายเลือดของเธอและฆ่าผู้แข็งแกร่งของตระกูลเฉินที่อยู่ระดับเหนือ 10 ไปสามคนในตอนที่เธอโจมตีเมือง เพราะแบบนั้นพลังฉีของเธอจึงอ่อนแออย่างมาก เธอต้องพักฟื้นสักพัก ดังนั้นแล้วเธอจึงออกจากสนามรบตั้งแต่นั้นมา
จางเทีย เห็นหลายคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับเธอแต่ไม่มีสักคนที่รู้ว่าเธอไปไหน เขาถึงกับคิดว่าเธอกลับไปที่วังไฮหยวนแล้ว ดังนั้น จางเทีย จึงอึ้งเล็กน้อยเมื่อเห็น หลานหยุนซี บนยาน
เธอมีชายคนหนึ่งตามมาซึ่งอายุได้ประมาณ 20 ปี คิ้วที่เหมือนกับดาบและตาที่เป็นประกาย ชายคนนี้ขาวราวกับหยก เขาดูสง่าและสูง มีดาบที่ห้อยไว้ทีเอว ช่างเป็นชายที่หล่อเหลา ! เขาเดินมาข้างๆ หลานหยุนซี ชายคนนั้นไม่ได้โดนสนามพลังฉีของเธอกดทับเลย เขากลับหัวเราะและพูดคุยกับเธออย่างสนุกสนาน
จางเทีย เดินผ่านโดยที่ไม่มองไปที่พวกนั้น
ในตอนที่เธอเดินผ่านไหล่ของ จางเทีย เธอได้มองไปที่เขาแล้วกัดปากเล็กน้อยแทนที่จะพูดอะไรออกมา ในทางกลับกันชายอีกคนน่ะไม่ได้สนใจ จางเทีย เลย
“ รุ่นน้องซี นี่คือหยกสำหรับการฟื้นตัว ข้าเอามาจากตระกูลชันไห่ในภูเขาฉิงหัวโดยยาน ข้าหวังว่ามันจะช่วยเจ้าให้หายดีได้เร็วที่สุด “
หลังจากที่เดินผ่านไปสองก้าว จางเทีย ก็ได้ยินเสียงชายคนนั้น จากนั้นเขาก็ได้กำหมัดและรู้สึกอิจฉาในใจ
...
ห้านาทีต่อมา จางเทีย ก็ได้ไปรับการลงโทษที่ลานในแคมป์ที่ซึ่งมีผู้คนมากมายมามุงดู
“ จางเทีย นักเรียนของวังมังกรลับ พาคนนอกเข้าไปในเมือง สำหรับการลงโทษ คะแนนทั้งหมดที่เขามีระหว่างการเข้าร่วมการโจมตีนี้ถูกยกเลิก อีกอย่างแล้วเขาต้องถูกโบยร้อยที !”- เจ้าหน้าที่ของวังไฮหยวนได้ประกาศความผิดออกมาหลังจากที่กวาดสายตามไปมองคนรอบๆ จากนั้นเขาก็ได้สั่งให้ทหารทำการลงโทษ จางเทีย
เมื่อได้ยินแบบนั้นพวกคนที่มุงต่างก็มองหน้ากัน ความสามารถของ จางเทีย ในเมืองหลายวันมานี้โดดเด่นอย่างมากซึ่งทำให้เขาโด่งดังแต่มันเกินกว่าที่ทุกคนคาดจริงๆที่เขาเจอบทลงโทษแบบนี้ ดังนั้นทุกคนจึงทำได้แค่มองดูการลงโทษเงียบๆ
ไม้ยาวกว่า 2 ม.ถูกวางไว้ตรงพื้นหน้า จางเทีย โซ่เหล็กที่มัดอยู่บนพื้นได้ถูกใช้เป็นกุญแจมือ
ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาหาและต้องการจะตรึงมือของ จางเทีย ไว้ที่กองไม้นั้น
“ ข้าจะยืนเฉยๆ ฟาดเถอะ ! “ - จางเทีย ถอดเสื้อออกเผยให้เห็นแผ่นหลังอันสง่า
“ การฟาดของกองทัพน่ะไม่ใช่เรื่องตลก มันคือแส้มังกรที่ทำมาจากเอ็นของวาฬนักฆ่าและเคเบิล คนธรรมดาน่ะจะสลบหลังจากที่โดนฟาดสามที ข้าว่าเจ้าน่าจะเคารพหน่อยน่ะ ไม่งั้นแล้วเจ้าอาจจะเสียเกียรติที่มีไป ข้าเคารพกับสิ่งที่เจ้าทำในเมืองไม่นานมานี้ ดังนั้นแล้วข้าจึงเตือนเจ้าเรื่องนี้ ! “ - ทหารพึมพำกับ จางเทีย
“ ขอบคุณ ไม่จำเป็นหรอก ข้าอยากรู้ว่าแส้นี่จะทำให้ข้าตื่นได้มากแค่ไหน ! “ - หลังจากที่พูดจบ จางเทีย ก็ยิ้มให้กับ หม่าไอหยุน และ สาวๆคนอื่นที่แสดงท่าทีเป็นห่วงเขา
หลังจากที่มองอีกรอบ ทหารก็ได้ถอยหลัง เขาได้พยักหน้าให้กับคนที่ถือแส้ให้เตรียมการฟาด ชายกำยำคนนั้นได้เปิดกล่องข้างๆและเอาแส้สีดำซึ่งหนาพอๆกับแขนเด็กออกมา จากนั้นเขาก็ได้โชว์ให้คนรอบๆได้ดู หลังจากนั้นเขาก็ได้เอาแส้ไปแช่น้ำก่อนจะดึงออกมาแล้วฟาดเข้าใส่หลังของ จางเทีย ...
ด้วยเสียงที่ดังก้อง แส้ได้สะบัดเข้าไปใส่หลังของ จางเทีย
เมื่อได้ยินเสียงนั้นพวกคนที่ดูอยู่ต่างก็ขนหัวลุก
แม้ว่าเขาจะมีคราบเลือดที่หลังแต่ จางเทีย ก็ยังคงยืนนิ่งอย่างกับเสาเหล็ก ยกเว้นแค่คิ้วขมวดเล็กน้อย
หลังจากที่ฟาดไปแล้ว ชายกำยำเห็นว่า จางเทีย ไม่ได้ตอบสนอง เขาจึงหยิบแส้ขึ้นมาดูว่ามันพังหรือไม่ หลังจากที่เห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรเขาก็ได้ทำการลงโทษต่อ
เพี๊ยะ....
เพี๊ยะ....
เพี๊ยะ....
ในเสี้ยวพริบตาชายคนนั้นก็ได้ฟาดไปกว่า 20 ครั้ง ไม่ใช่แค่พวกคนดูทีเปลี่ยนสีหน้าแต่แม้แต่คนลงโทษเองก็เปลี่ยนสีหน้าไปด้วย ด้วยแส้ที่สามารถทิ้งรอยไว้บนก้อนหินได้นั้นแต่ จางเทีย กลับยืนนิ่งอย่างกับรูปปั้น กล้ามเนื้อที่หลังเขาไม่ได้กระตุกเลยสักนิด
ตอนแรก จางเทีย คิ้วขมวดเล็กน้อยหลังจากที่โดนฟาดแต่ละที แต่หลังจากที่โดนฟาดได้สิบครั้ง เขาก็ไม่ได้คิ้วขมวดอีกเลย เขากลับดูใจเย็นอย่างเคย
พวกคนที่ดูนั้นไม่เคยเห็นใครทนการฟาดได้มากกว่า 20 ทีโดยที่ไม่ขยับ พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน
คนเริ่มมาดูมากกว่าเดิม ไม่ใช่แค่พวกคนที่มาจากวังมังกรลับ แม้แต่ทหารจากกองทัพพายุและทำลายอาทิตย์ก็ยังมาด้วย เมื่อเห็นความสามารถของ จางเทีย พวกเขาต่างก็อึ้ง
หลังจากที่ฟาดไปได้สิบครั้งแบบเต็มแรง ชายกำยำก็หอบออกมา
“ แรงอีก ไม่ได้กินข้าวมารึไง ? นี่ไม่ตลกเลยนะ ! เปลี่ยนคนสิ !” - จางเทีย คำรามออกมา
ในตอนที่เขาตะโกนก็ได้มีคนตะโกนออกมาทันที – “ แข็งแกร่งจริงๆ ! “
ผู้ลงโทษเดินเข้ามา เขารับแส้และได้ฟาดไปที่หลังของ จางเทีย จนทำให้เกิดเสียงตัดอากาศและรอยแตกที่หลัง
พวกคนที่มองดูอยู่เริ่มนับมาให้เขาดังๆ
58...
59..
60...
เสียงนับเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆซึ่งทำให้ผู้กคนที่อยู่ไกลๆนั้นสนใจ
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนที่ดังนอกยาน ผู้อาวุโสที่ซึ่งกำลังดื่มชาอยู่ก็คิ้วขมวด เขาเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไปข้างนอก เพราะตัวยานนั้นสูง ผู้อาวุโสจึงเห็น จางเทีย ที่ซึ่งยืนนิ่งอย่างกับเสาเหล็กรับการลงโทษอยู่
ตอนนั้นก็ได้มีชายอีกคนเดินมาที่หน้าต่างและมองดูด้วย
“ น่าสงสารจริงๆ “ – เมื่อมองไปที่ จางเทีย ที่โดนฟ้า เขาก็ส่ายหน้าเล็กน้อย – “ เด็กหนุ่มนี่ใจกว้างเกินไป เพราเขาโดนลอบฆ่าที่เกาะ ข้าคิดว่าเขาจงใจตีตัวออกห่างจากวังไฮหยวน ! “
“ เป็นเรื่องธรรมดา ยังไงซะเขาก็เป็นคนใหม่และไม่มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่อะไร สำหรับเด็กหนุ่มที่โดนลอบฆ่าโดยคนของตระกูล เขาน่ะถือว่ากล้าพอที่จะรักษาความเป็นคู่ค้าของกลุ่มมลองวินเอาไว้และอยู่ในเกาะต่อ ! “ - แม้ว่าจะเพิ่งด่า จางเทีย ไปตะกี้แต่ผู้อาวุโสก็เริ่มชื่นชมเขา
“ ข้าคิดว่าวังไฮหยวนน่าจะเชี่ยวชาญเรื่องยารักษารอบด้านได้ ถ้าเด็กนี่ไปเจอเรื่องที่แย่กว่านี้ ข้ากลัวว่าจะไม่มีใครผลิตมันได้อีกต่อไป ! สำหรับเรื่องตระกูลจาง มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขารึวังไฮหยวนถ้ายานี่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาคนเดียว ! นี่น่ะไม่ต่างอะไรกับให้เด็กถือสมบัติเข้าไปในตลาดเลยด้วยซ้ำ ! “
ผู้อาวุโสยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ – “ เหตผุลที่วังไฮหยวนแข็งแกร่งไม่ใช่เพราะยาขวดเล็กๆ ไม่ว่ายังไงการผลิตยารักษารอบด้านก็อยู่ในมืองของลูกหลานของลอร์ดไฮหยวน นั่นก็เพียงพอแล้ว ! ถ้าวังไฮหยวนบังคับรึหลอกเขาส่งวิธีการผลิตมาให้ มันจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์ของตระกูลทิ้ง ถ้าเป็นแบบนั้นเจ้าคิดว่าวังไฮหยวนจะรอดสงครามนี่ไปได้งั้นเหรอ คิดจากความสามารถของคนพวกนั้นแล้วที่มีความโลภในตัวงั้นเหรอ ? “
“ มันน่าเสียดายจริงๆ .. “ – ชายคนนั้นถอนหายใจออกมาในตอนที่มองไปยัง จางเทีย – “ ถ้าเด็กนี่พูดง่ายกว่านี้ เขาอาจจะเป็นนายพลของวังไฮหยวนเลยก็ได้แต่ข้ารู้สึกว่าเด็กนี่น่ะไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับวังไฮหยวนแล้ว เพราะเขากล้าเอาคนนอกเข้าไปในเมืองและฝ่าฝืนกฎ เขาอาจจะทำเรื่องใหญ่กว่าเดิมในอนาคตก็ได้ อีกอย่างแล้วข้ากลัวว่าเขาจะไม่ช่วยวังไฮหยวนอีกหลังจากที่โดนโบยไปร้อยที ! “
“ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ตราบใดที่เขาฝ่าฝืนกฎของวังไฮหยวน เขาก็ควรได้รับการลงโทษ ! ในอนาคตตราบใดที่เขาไม่หักหลังวังไฮหยวน รึทำเสื่อมเสียชื่อเสียงบรรพบุรุษรึทำสิ่งใดที่ส่งผลเสียต่อวังไฮหยวนก็ถือซะว่าเขาเป็นตัวประหลาดพอ เออใช่แล้วการสืบสวนเป็นไงบ้าง ?”
“ เรายืนยันได้แล้วว่าเด็กนี่น่ะไม่เกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์นี้ อย่างแรกเขาไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้โดยเฉพาะคิดจากที่มีคนมากมายในตระกูลเฉิน เขาไม่สามารถฆ่าคนพวกนั้นได้ในเวลาสั้นๆก่อนที่จะมีคนเคลื่อนไหวได้ อย่างที่สองเขากินเลี้ยงกับเพื่อนที่ปราสาทจินวูจนถึงเที่ยงคืน ในวันที่สองเขาก็ยังอยู่บนเกาะ นอกซะจากว่าเขาจะบินได้,ว่ายน้ำได้พันไมล์ในคืนเดียว อีกอย่างแล้วไม่มียานรึเรือที่ออกจากเกาะในคืนนั้นด้วย เช้าวันต่อมาก็มี อย่างสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดเขาจะรู้การลงมือของตระกูลเฉินในวังไฮหยวนได้ยังไง ? ในตอนที่ตระกูลเฉินได้ส่งคนเข้ามาในวังไฮหยวน เขาก็ยังอยู่ในเมืองแบล็คฮ็อต ดังนั้นเรายืนยันได้ว่าต้องมีผู้แข็งแกร่งอีกคนที่บ่มเพาะหมัดเหล็กโลหิตที่มาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ “
“ คนนั้นจะเป็นใครกัน ? “- ผู้อาวุโสขมวดคิ้ว
...
ในอีกห้องของยาน หลานหยุนซี มองดู จางเทีย จากไกลๆและหน้าก็เริ่มซีดลง
...
"97..."
"98..."
"99..."
"100..."
ด้วยเสียงแส้ที่ฟาดลงครั้งสุดท้าย ผู้คนต่างก็เงียบลงไป ทุกคนมองมาที่ จางเทีย ตอนนั้น หม่าไอหยุน และสาวๆคนอื่นต่างก็วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน
หยวนซีจี เอายาล้างแผลออกมาและเริ่มเช็ดไปตามหลังของ จางเทีย ในเวลาเดียวกัน กูไคดี ก็ได้เอาเสื้อของ จางเทีย มาใส่ให้เขา
แต่ จางเทีย ทำเพียงแค่มองดูเมฆบนท้องฟ้าที่ดูเหมือนมดและมังกร การโบยร้อยทีนี่ทำให้เขาตื่น ในบรรดาความเจ็บปวดที่ได้รับ สติของเขาได้กระจ่างขึ้นมา ด้วยการที่มองไปยังเมฆบนฟ้าเขาจึงคิดได้หลายอย่าง
“ จางเทีย เจ้าเป็นอะไรมั้ย ? “ - หม่าไอหยุน ถาม เมื่อเห็นว่า จางเทีย เหม่อ เธอก็จับไปที่หน้าผากของเขาด้วยความเป็นห่วง เธอกลัวว่า จางเทีย จะกลายเป็นบ้าเพราะการโดนโบย
“ พี่หม่า ข้าโอเคดี !” - จางเทีย ยิ้มกว้างออกมา เมื่อเห็นแบบนั้นเธอจึงรู้สึกวางใจ
ในตอนที่เขาโดนฟาดตะกี้ จางเทีย ไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยสักนิดแต่หลังจากที่การลงโทษจบลง ในตอนที่เขาตั้งใจจะเอามือไปดึงบางอย่างที่หลัง เขาก็รู้สึกว่าตัวของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นๆนี่ทำให้หน้าของเขาเบี้ยวเล็กน้อย
“ เจ้าต้องการอะไร ? ข้าจะช่วยเอง ! “ – “ หม่าไอหยุน กดมือของ จางเทีย – “ เจ้าต้องการยารักษารอบด้านงั้นเหรอ? “
“ ไม่ กระเป๋าตังข้า ! “ - จางเทีย ตอบ – “ พี่หม่า เอาเงินข้าไปซื้อเนื้อกับเหล้าสำหรับคน 150 คนที ! “
“ เจ้าคิดที่จะกินเลี้ยงอยู่อีกงั้นเหรอ ?” - หม่าไอหยุน ตาถลนทันที
“ ข้าสัญญากับพวกตระกูลไทชิไว้แล้วว่าจะดื่มกับพวกเขาคืนนี้ ข้าผิดคำพูดไม่ได้ เธอมาด้วยก็ได้ อย่าลืมเรียก หลิวซุ, เว่ยเว่ย, จางหยุนเฟย ตอนพวกเขากลับมาด้วยนะ !”
“ อะไรนะ ? เจ้ายังอยากจะไปอีกรึไง ? “
เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย หยวนซียี ที่ทายาที่หลังให้ก็ได้สะบิดมือทันทีซึ่งทำให้ จางเทีย ต้องคิ้วขมวดอีกครั้ง
จางเทีย พยักหน้า – “ ข้ารู้สึกว่าคงไม่เหมาะที่ข้าจะอยู่ทีนี่อีก ! “ – หลังจากพูดจบ จางเทีย ก็เห็นสีหน้าสาวๆหม่นลงทันที ไม่นานหลังจากนั้น จางเทีย ก็ยิ้มออกมาและพึมพำ – “ พวกเธออยากเห็นข้ายกก้นนอนอยู่บนเตียงรึไง ? ข้าไม่รู้ว่าท่ามันจะเซ็กซี่มั้ยนะ ถ้าอยากดูจริงๆก็ไปหาข้าที่ปราสาทจินวูได้ ข้าจะให้ดูฟรีๆเลย แบบที่มีกางเกงและไม่มีกางเกงในด้วยก็ได้ .. “
หยวนซีจี หัวเราะออกมาทันที เพราเธอไม่ได้ระวังมือ จางเทีย จึงร้องโหยหวนออกมาจนเขาเกือบสะดัง – “ อ๊าก บ้าเอ้ย เบาหน่อยสิ.. “
พวกคนที่ดูอยู่ที่ตั้งใจเดินเข้ามาใกลๆต่างก็หยุดเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างกับหมูโดนเชือดของ จางเทีย พวกเขามองหน้ากันและถามตัวเอง - “ คนเมื่อกี้ไปไหนแล้ว ? ทำไมคนที่แข็งแกร่งตะกี้ถึงได้หายไปหลังจากที่ฟาดเสร็จ ? นี่เขาทำท่าใช่มั้ย ? ทำไมไม่ทำต่ออีกนิด ? ทำไมมันน่าอายจังวะ.. “
...
คืนนั้น จางเทีย, ไทชิคี, หลิวซู, หยางหยวนคัง, หม่าไอหยุนและพวกทหารม้าของตระกูลไทชิต่างก็นั่งล้อมกองไฟและดื่มกันจนถึงเที่ยงคืน
หลังจากที่ จางเทีย กลับมาที่เต็นท์ก็ได้มีเงาหนึ่งเข้าไปมาในเต็นท์เขา
“ รุ่นพี่หม่า.. “
จางเทีย ได้สติทันที่แต่ปากของเขาก็โดนหน้าร้อนๆเข้าทับ
ช่างเป็นฝันที่ดีจริงๆ....