หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 373: เมืองที่เต็มไปด้วยเลือด

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 373: เมืองที่เต็มไปด้วยเลือด
จางเทีย กลับมาในแค่ 5 นาทีพร้อมกับชุดทหารอีกสี่ชุดเหมือนที่เขาใส่อยู่ ในขณะเดียวกันเขาก็ถืออาวุธมาให้ทั้งสี่คนด้วย มีด,ดาบ, หอกและขวานที่หนักกว่า  50 กก.ในมือ

“ เสื้อผ้าพวกนี้เลือกตามขนาดของพวกเจ้า ใส่แล้วเอาอาวุธไปซะแล้วเราจะได้ออกเดินทาง ! “

เซรอม และเพื่อนแปลกใจเพราะเขาไม่คิดว่า จางเทีย จะจัดการได้เร็วแบบนี้ พวกเขารีบไปเอาเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเปลี่ยนให้เร็วที่สุด

หลังจากที่ ไซมอน ถอดกลางเกงออกมาแล้วง จางเทีย พบเครื่องมือที่ขาของชายแก่ซึ่งมีเครื่องมือต่างๆทั้งตะขอและมีดผ่าตัด ด้วยของพวกนี้เขาสามารถที่จะทำการผ่าตัดได้เลย  จางเทีย คิดว่ารุ่นพี่เขาคงมองว่าลุงคนนี้อ่อนแอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ทำการค้นเครื่องมือที่ขา

ในตอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันอยู่  จางเทีย ได้แนะนำอีกสองคนให้กับ จางเทีย – “ คนที่สูงน่ะชื่อ จอร์แดน หัวหน้าทีมของกลุ่มทอร์ เขาอยู่ระดับ 8 และระดับสูงที่สุดในหมู่พวกเรา ตามกฎของทหารในอาเมสแล้ว จอร์แดน ถือว่าเป็นกัปตัน “

แม้ว่ากองทัพจะต่างกันตามกฎแต่มันก็แบ่งเป็นหน่วยๆอยู่ดี ในอาเมสกองทัพจะแบ่งเป็นทีม,องค์กร, หน่วย, กลุ่ม, ลีค, คอลัมน์ซึ่งเกือบจะเท่ากับพวกกอง, กลุ่ม, แคมป์,หน่วย, กอง, กองพลและแผนกได้ในกองทัพหลายประเทศ

เซรอม มาที่นี่กับคนอีก 8 คนซึ่งถือได้ว่าเป็นทีมแต่นอกจาก ไซมอน แล้วอีก 8 คนน่ะล้วนแต่อยู่ระดับ 6 ขึ้นไป ทีมแบบบนี่มีสิทธิที่จะถูกเรียกได้ว่าเป็นทีมที่ดีมากทีมหนึ่งเลยก็ว่าได้

“ คนที่ผมสีน้ำตาลสั้นๆชื่อ เชร็ก  คนเดียวที่พูดจีนได้ในหมู่พวกเรา อยู่ระดับ 7 เป็นหน่วยสอดแนม เขาน่ะเข้าใจเรื่องต่างๆได้ดีและว่องไวมาก เขาเก่งเรื่องการสอดแนมและการต่อสู้ข้างถนน “

เมื่อมองไปที่พวกนี้ จางเทีย ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร เทียบกับตอนที่เขาอยูที่เมืองแบล็คฮ็อตแล้ว เขาและพี่ชายน่ะต่างก็ฝันที่จะเป็นนักสู้ระดับ 6 แต่ จางเทีย พบว่าตอนนี้เขาไม่ได้กลัวนักสู้ต่ำกว่าระดับ 10 อีกต่อไป

ในสายตาของ จางเทีย นอกซะจากพวกระดับ 9 บางคนที่อาจจะสร้างปัญหาให้กับเขา นักสู้ส่วนมากไม่ได้ต่างกับพวกระดับ 5 เลยเพราะ จางเทีย สามารถจัดการพวกนั้นได้ด้วยหอกเพียงครั้งเดียว

หลังจากที่สู้กับซอมบี้มาหลายวัน  จางเทีย ก็ได้ใช้หมัดเหล็กโลหิตของเขาออกมาได้ดูน่าสะดุดตามากขึ้น จริงๆแล้วเขาใช้มันออกมาเทียบเท่าได้กับที่จักรพรรดิคนแรกของอาณาจักรนอแมนได้ใช้ซึ่งทำให้ตระกูลแบล็คซอนทุกคนต้องช็อก
หลังจากนั้นสักพักทั้งสี่คนก็ใส่เสื้อเสร็จ อีกอย่างแล้วพวกเขาก็ใส่หมวกแล้วดึงเอาผ้าลงมาปิดหน้า ผ้าพวกนี้น่ะส่ามารถกรองอากาศและยังทนต่อความหนาวเย็นและปิดบังใบหน้าเผยให้เห็นแต่ดวงตา

หลังจากนั้นพวกเขาก็เอาอาวุธของตัวเอง

“ อย่างนี้โอเคมั้ย ?” – เซรอม ถามออกมา

“ ไม่มีปัญหา พวกระดับสูงของกองทัพพายุบางคนน่ะยังคงอยู่รอบๆเมืองสวรรค์ เพราะทหารของกองทัพนั้นมาจากทั่วทุกที่ ถ้าเจ้าตามข้ามา มันก็ไม่น่าที่จะมีใครถามอะไร “ - จางเทีย ตอบอย่างมั่นใจ

เซรอม พยักหน้า – “ กองทัพทอร์ติดหนี้เจ้า ! “

จางเทีย ยิ้มออกมา – “ เพราะเหตุผลต่างๆ พวกคนมีอำนาจเลยไม่อยากเผยข้อมูลให้คนธรรมดารู้เกี่ยวกับสงครามที่กำลังมาถึง  แต่ข้ารู้สึกว่ายิ่งคนรู้ล่วงหน้าเท่าไหร่ยิ่งดี  หลังจากที่พวกเขารู้แล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็จะไม่ต้องโดนส่งไปแนวหน้าให้ตายได้ง่ายๆ พวกเขาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดนฆ่ายังไงถ้าเป็นแบบนั้น ! “

“ การคิดของเจ้านี่มันพิเศษจริงๆ !  “- ไซมอน มองมาที่ จางเทีย – “ มีคนไม่มากในตระกูลใหญ่ที่คิดแบบนี้ “”

จางเทีย หัวเราะออกมา –“  บางทีเป็นเพราะข้าเคยอยู่กลุ่มล่างของสังคมมาก่อน ข้ารู้ความรู้สึกของคนธรรมดา ในสงครามศักดิ์สิทธิ ถ้าแนวหน้าพัง มันก็จะอันตรายอย่างมาก พวกคนรวยและมีอำนาจจะหนีไปทางยาน เหลือทิ้งไว้แค่คนธรรมดาให้ถูกปิศาจฆ่า พวกคนธรรมดาไม่มีโอกาสหนีเลยด้วยซ้ำ ข้ารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม ถ้าคนธรรมดารู้เรื่องนี่ก่อน พวกเขาก็จะมีเวลาเตรียมตัวหนีมากกว่าเดิม “

“ สมาชิกในกองทัพทอร์น่ะล้วนแต่กล้าหาญ คนขี้ขลาดเท่านั้นที่คิดจะหนี ถ้ามีโอกาส ข้าจะฆ่าปิศาจด้วยขวานของข้า ! “ - จอร์แดน พูดออกมาเบาๆ

“ แม้ว่าเจ้าจะเป็นนักสู้แต่เจ้าก็มีครอบครัวและเพื่อนที่ซึ่งไม่ใช่นักสู้ ถ้าเจ้ารู้ว่ากองทัพปิศาจจะโจมตีอาเมสในหนึ่งปี เจ้าจะพาครอบครัวกับเพื่อนเจ้าไปที่อาเมสรึเปล่าล่ะ  ? ถ้าเจ้ารู้ว่าตระกูลแบล็คซอนอาจโดนปิศาจยึดในสองปี  เจ้าจะพาครอบครัวและเพื่อนหนีไปที่ปลอดภัยก่อนรึเปล่า ? ถ้าเจ้ารู้ว่าสงครามจะเกิดในครึ่งปี  เจ้าจะพาครอบครัวและเพื่อนกักตุนอาหารและน้ำดื่มรึเปล่า ? “

จอร์แดน เงียบ  เมื่อได้ยินคำพูดของ จางเทีย  เซรอม ก็พยักหน้า ดูเหมือนว่าเขาจะมองคนไม่ผิด ระหว่างหนึ่งปีที่ผ่านมามีหลายอย่างและหลายคนที่เปลี่ยนไปแต่เด็กคนนี้ยังคงจิตใจดีเหมือนเดิม

‘ เคอร์ลิน ต้องภูมิใจกับการที่มีนักเรียนแบบนี้แน่ถ้าเขารู้เรื่องนี้  ! ‘ เซรอม พึมพำในใจ

คนอื่นๆต่างก็เริ่มคิดคำถามของ จางเทีย

จางเทีย ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาแบกซองหอกที่มีหอก 9 อันซึ่งใช้ฆ่าผู้คนมากมายและได้เปิดเต็นท์ออกไป – “ ไปกันเถอะ ! “

จากนั้นทั้งสี่คนก็ได้ตามเขาออกไป

หลังจากที่เดินมาหลายร้อยเมตรจากแคมป์ พวกเขาก็ได้มาที่ป่าที่ซึ่งพอมองเห็นเมืองจากไกลๆ ระหว่างทางที่มาที่นี่แม้ว่าจะมีคนมากมายที่เจอพวกเขาเดินตาม จางเทีย มาแต่ก็ไม่มีใครถามอะไร

“ ที่นี่น่ะห่างจากเมือง 15 กม.  ต้องใช้เวลานานกว่าจะไปถึงที่นั่นถ้าเรายังเดินกันแบบนี้ เจ้าวิ่งได้เร็วแค่ไหน ? “ - จางเทีย ถาม ไซมอน เพราะคิดจากอายุ

“ แม้ว่าจะไม่ใช่นักสู้แต่อย่างน้อยก็เป็นนักรบระดับ 5  ข้าวิ่งได้ต่อเนื่อง 1 ชม. ! “ - ไซมอน ตอบอย่างภูมิใจ

“ ดี งั้นก็ตามข้ามา เพื่อที่จะประหยัดเวลา ข้าจะเลือกเส้นทางที่มีซอมบี้น้อยๆ ! จำไว้ว่านอกจากตัดหัวรึทำลายตั้งตัวหรือว่าทำลายสมองเท่านั้นที่ฆ่าพวกมันได้ ! “

จางเทีย เตือนทุกคนอีกรอบ ทุกคนต่างก็พยักหน้า หลังจากนั้นด้วยการนำทางของ จางเทีย  พวกเขาก็เริ่มวิ่งเข้าไปหาเมือง

ระหว่างทางพวกเขาเจอกับทีมมากมาย ขนาดก็มีตั้งแต่ 3—5 คนไปจนถึงกว่าร้อยคน พวกนั้นมาจากทั่วทุกที่ บางพวกเป็นทหารม้า บางพวกเป็นกองทัพของวังไฮหยวน บางพวกเป็นพวกที่หนีออกมา พวกเขามาที่นี่เพื่อล่าซอมบี้ที่วิ่งออกมาจากเมืองแล้วเอาไปเผาทิ้งรึฝัง

หลังจากที่ได้เจอทีมมากมาย กลุ่มของ เซรอม ก็เริ่มเข้าใจว่าถ้าไม่มี จางเทีย  พวกเขาคงยากที่จะเข้าไปในเมืองได้แม้ว่าจะไม่โดนจับในแคมป์

ตอนนั้นเกราะหนักของ จางเทีย มีหอก 9 อันที่หลังซึ่งเป็นเครื่องหมายแทนตัวเขาในสนามรบ  ใครก็ตามที่เห็นจะไม่กล้ามาหาเรื่องเขา กลับกันหลายทีมต่างก็อุทานออกมาเมื่อเห็นเขา

灭魔神矛

灭魔神矛.....”

นอกจาก เชร็ก แล้ว  ไม่มีเลยสักคนในทีมที่พูดจีน ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นทีมหนึ่งตะโกนใส่พวกเขา พวกเขาจึงกังวลเล็กน้อยและคิดว่าพวกเขาอาจมีปัญหาแต่หลังจากที่เห็นแบบนี้หลายครั้ง พวกเขาก็เริ่มเข้าใจว่าพวกนั้นอุทานใส่ จางเทีย

“ เชร็ก พวกนั้นพูดว่าอะไร ? “ - จอร์แดน ถามออกมาพร้อมกับหอบหายใจ

“ พวกเขาตะโกนเป็นสโลแกน ! “ – เชร็ก มองมาที่ จางเทีย อย่างใจเย็น – “ สโลแกนคือหอกฆ่าปิศาจ พวกเขาตะโกนใส่ จางเทีย ! “

“ นี่คือคำชมใช่มั้ย ? “ – จอร์แดน ถามอย่างแปลกใจ

เชร็ก ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี เพราะวัฒนธรรมที่ต่างกัน มันยากที่จะอธิบายได้

ในเขตที่พูดฮีบรู ถ้านักสู้ได้รับเกียรติ มันจะพิเศษอย่างมาก เพราะพวกเขาจะไม่ได้รับเกียรติถ้าไม่ได้แสดงความสามารถออกมา อีกอย่างแล้วตามการพัฒนาของยุค คนเราจะได้รับเกียรติผ่านทางการต่อสู้กับปิศาจ อีกอย่างแล้วเกียรตินี้ก็มักจะมีรูปแบบที่กำหนดไว้ มันประกอบที่ที่บวกกับความสามารถ ดูไปแล้วพวกเขาไม่ได้ตะโกงถึงเรื่องมีเกียรติรึความกลัวอะไร มันน่าจะเป็นบางอย่างที่อยู่ในวัฒนธรรมของจีน

ในตอนที่ เชร็ก เกาหัว จางเทีย ที่ซึ่งนำหน้าก็ได้พูดขึ้นมา - “ ไม่ได้เป็นเกียรติอะไรหรอก พวกเจ้าถือว่าเป็นแค่ชื่อเรียกไม่ก็คำชมก็ได้ ! “

“ เหมือนกับที่ข้าถูกเรียกว่าขวานเหล็กในทอร์ ใช่มั้ย ? “ – จอร์แดน ถามออกมาอย่างสงสัย

“ ก็แบบนั้นแหละ ! “

“ แต่มีแค่ไม่มี่คนในทอร์ที่รู้จักข้า ไม่มีใครด้านนอกรู้ชื่อเล่นนี้ แต่ดูเหมือนว่ามีหลายคนที่รู้ชื่อเจ้า ! “- จอร์แดน สลดและชื่นชมขึ้นมา

‘ ชายคนนี้น่ารักดีแหะ ‘  จางเทีย ยิ้มออกมา – “ นั่นเพราะชื่อเจ้าน่ะไม่ดังพอรึพิเศษพอยังไงล่ะ ถ้าเจ้าพยายามให้มากกว่านี้และแสดงออกมาให้สุดขั้วตอนเจ้าใช้ขวานในสนามรบ ข้าจะให้ชื่อเล่นเจ้า ข้ามั่นใจว่าคนต้องรู้จักมันมากกว่าเดิมแน่ ! “

“ อ๊าก ! ชื่ออะไร ? “

“ พายุดำ ! “ - จางเทีย หยอก

นี่มันเกินกว่าที่ จางเทีย คาดไว้เพราะ จอร์แดน กลับคึกขึ้นมา หลังจากที่คิดสักพัก – “ ดี งั้นก็พายุดดำนี่แหละที่เจ๋งกว่าขวานเหล็ก  เชร็ก, เซรอม พวกเจ้าเรียกข้าว่าพายุดำนับตั้งแต่นี้เลยนะ ! “
...
1 ชม.ต่อมา พวกเขาก็ได้มาถึงเขตชานเมืองำได้สำเร็จหลั่งจากที่เจอซอมบี้แค่เพียง 10 ตัว ก่อนที่ จางเทีย จะเคลื่อนไหว  จอร์แดน ที่ซึ่งอย่างแสดงความสามารถก็ได้สับพวกนั้นเป็นชิ้นๆในเสี้ยววินาที

ในตอนที่พวกเขามาถึงชานเมือง ทุกอย่างก็แตกต่างออกไป

มันเลยเก้าโมงเช้าไปแล้ว อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเน่าลอยออกมา ในตอนที่พวกเขาห่างจากเมืองไป 1 กม.  เซรอม และคนอื่นๆต่างก็หน้าซีดเมื่อได้กลิ่นนั้น

แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับกลิ่นพวกนี้ในตอนเช้าแต่พวกเขาก็ไม่เคยเจอกลิ่นเน่าหนักขนาดนี้มาก่อน

แม้แต่ จางเทีย ที่ซึ่งไม่ได้ดึงหน้ากากลงเพื่อหายใจในตอนที่เดินทางก็ต้องดึงมันลงเพื่อที่จะตรวจสอบสถานการณ์

“ มีกี่คนกันที่ถูกฆ่าที่นี่ ?” – ไซมอน หันกลับมาถาม

“ พวกนั้นไม่ใช่มนุษย์แล้ว พวกเขาเป็นปิศาจ  จากวันที่ 7 เป็นต้นมา เราได้ฆ่าซอมบี้จากทั้งสี่ประตูไปอย่างน้อยแสนตัว ! “- จางเทีย ตอบออกมาเบาๆ – “ ตอนนี้ก็ยังมีซอมบี้เป็นล้านที่อยู่ในเมือง เราน่ะยากที่จะจัดการพวกนั้นได้หมด คนของเราได้ทำการควบคุมส่วนใกล้ๆกับประตูเมือง หลังจากที่ฆ่าพวกนั้นแล้ว พวกเราก็จะประจำการที่ประตูเผื่อว่าคนที่ยังรอดจะหนีออกมาได้ ! “

ตราบใดที่มีซอมบี้กว่าล้านตัวอยู่ภายใต้อำนาจของหนอนแม่มัน พวกมันก็สามารถทำให้ทั้งสองกองทัพมนุษย์นั้นต้องตกใจได้ อีกอยางแล้วเพราะเขตแลงนั้นค่อนข้างไกล กองกำลังจึงมีไม่ถึง 400,000 คน พวกเขาจะไปสู้กับซอมบี้เป็นล้านได้ยังไง
นี่เองก็บ่งบอกได้ว่าตระกูลเฉินน่ะยิ่งใหญ่ขนาดไหน ถ้าตระกูลเฉินก่อเรื่องในตอนสงครามศักดิ์สิทธิปะทุกขึ้นมา ทั้งเขตแลงคงโดนถล่มยับในไม่กี่วัน เขตแลงนั้นเป็นเขตที่อยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจินหยวนและไม่ได้มีกองกำลังที่แข็งแกร่งในรัศมี 1000 กม. ไม่มีใครรู้ว่าตระกูลเฉินจะสามารถทำอะไรเขตแลงได้ด้วยซอมบี้เป็นล้านตัว

ในสงครามครั้งที่สอง พวกหนอนแม่น่ะโดนควบคุมไว้โดยปิศาจซึ่งสามารถควบคุมซอมบี้กว่า 3 ล้านตัวพร้อมกันได้

ในตอนนั้นนอกซะจากว่าจะมีกองทัพอีก 2 กองทัพมาช่วยเพื่อตรียมตัวรับมือพวกนี้ พวกเขาจะทำได้แค่ล้อมเมืองเอาไว้และกำจัดปิศาจได้ด้วยทีมย่อยๆที่ส่งออกมา พวกเขาน่ะสามารถทำให้กองกำลังของซอมบี้อ่อนแอลงและลดจำนวนซอมบี้ในเมืองลงได้ทีละนิดๆ ต้องขอบคุณที่ซอมบี้ พวกนี้มันออกลูกไม่ได้ ไม่งั้นแล้วมันคงมีปัญหามากกว่านี้

ในตอนที่พวกเขาอยู่นอกประตูเมือง พวกเขาก็ได้ไปเจอกับศพในทุกก้าวที่เดิน พวกนั้นต่างก็เป็นซอมบี้ กว่า 90% โดนตัดหัวรึตัดออกเป็นชิ้นๆ หลายศพนั้นเริ่มเน่า นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นที่นี่กันแน่  ! ?

แม้ว่าพวกคนจากทอร์จะชินกับการตายและเลือดแล้วแต่พวกเขาก็ต้องอ้วกหลังจากที่เดินมาได้สักร้อยก้าว

นอกจาก จางเทีย เพราะเขาเคยเจอเรื่องแบบนี้มาเยอะ  เขาน่ะชินกับฉากแบบนี้แล้ว พวกตัวที่หัวยังติดกับคอได้ถูกระเบิดเพราะหอกของเขา เมื่อมองไปที่ศพพวกนั้น จางเทีย ก็ดูเศร้างเล็กน้อยและเริ่มแสดงสายตาเย็นชาออกมา

ศพพวกนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนเหมือนเขา !

ไอ้ปิศาจเฮงซวย !

จางเทีย มีสองเป้าหมายตั้งแต่ที่เขาเกิดมา

อย่างแรกคือคิดที่จะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ

อย่างที่สองที่เขาทำให้กับเมืองสวรรค์เมื่อหลายวันก่อน เขายืนอยู่ต่อหน้าประตู จางเทีย ได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาไม่คิดว่าคงหลับไม่ลงถ้าฆ่าปิศาจและพวกลูกน้องไม่ได้ครบ 1 ล้านตัว

เพราะแบบนั้น จางเทีย ก็ไม่ได้อ้วกอีกเลย ตาของเขากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าและใจที่เย็นชา

ด้วยการที่เกือบอ้วกทุกครั้งที่เขากิน    เซรอม มองไปที่แผ่นหลังที่ตรงดิ่งของ จางเทีย และรู้สึกว่า จางเทีย เหมือนรูปปั้นเหล็กซึ่งมีความแข็งแกร่งที่ไม่เข้ากับอายุของเขา

‘ แม้ว่าเด็กนี่จะดูเหมือนเดิมในหลายด้านแต่เขาก็ยังมีบางส่วนที่ต่างจากเดิมไป ‘ ความคิดนั้นแว๊บมาในหัว เซรอม

จางเทีย รออย่างใจเย็น ในตอนที่พวกนั้นอ้วกเสร็จและยืนขึ้น ตาของพวกนั้นก็เริ่มมีน้ำตาไหลออกมา จางเทีย พยักหน้า – “ ไปกันเถอะ พวกเจ้าจะหายเองแหละ มีศพมากกว่านี้ด้านในแต่ก็หมายถึงอันตรายที่มากกว่าเดิมด้วย ! “

ทั้งสี่คนตาม จางเทีย เข้าไปต่อ ไม่นานพวกเขาก็ได้มาถึงประตูทางทิศใต้ของเมืองและพบกับการต่อสู้

กลุ่มคนที่ใส่ชุดเดียวกับพวกเขากำลังฆ่าซอมบี้ที่กำลังจะผ่านประตูมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ดึงศพออกไปเพื่อเคลียร์ทางเดิน

จางเทีย เดินเข้าไปหาและกระทืบหนอนที่พื้น

“ จางเทีย “ – หนึ่งในนั้นได้เดินเข้ามาหาเขา เมื่อเห็นแบบนั้น เซรอม และอีกสามคนก็ปิดปากทันที
“ เป็นไงบ้าง ? มีคนรอดออกมาได้มั้ย ? “ - จางเทีย ถามและมองไปที่ หลิวซู

“ ไม่มี ! “ – หลิวซู ส่ายหน้า เพราะผ้าปิดหน้าครึ่งหนึ่งทำให้เห็นสีหน้าของเขาไม่ชัด – “ มันเกือบอาทิตย์แล้ว เริ่มมีคนหนีออกมาได้น้อยลง มัน.. “

หลิวซู หันไปหากลุ่มของ เซรอม

“ เพื่อนเก่าข้า หลังจากที่ได้ยินเรื่องที่เกิดในเมือง พวกเขาอยากเข้าไปดูด้านใน ดังนั้นข้าเลยพาพวกเขามา “ - จางเทีย พูดออกมาตรงและไม่ได้คิดจะปกปิดฐานะของกลุ่ม เซรอม

หลิวซู หันหนีราวกับไม่เห็นอะไร เขาพูดเบาๆและเดินเข้าไปใกล้ จางเทีย – “ ข้าได้ยินมาว่าผู้ใหญ่ในตระกูลได้เจรจากับพวกมีอำนาจจากตระกูลอื่นในการจัดการเรื่องในเมือง  มีพวกแข็งแกร่งที่อยู่ในเมืองด้านในและยังมีธนาคารอยู่ในเมืองด้วย ยังมีพวกโจรอยู่อีก ระวังตัวด้วยล่ะ ! “

จางเทีย เข้าใจจุดประสงค์ของ หลิวซู  เขาเองก็รู้ว่า หลิวซู ต้องการจะสื่ออะไร ดังนั้นเขาจึงตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ – “ ไม่ต้องกังวล พวกนี้แค่มาหาข้อมูลข้างใน พวกนี้น่ะจะออกมาในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ไปดูแคมป์ของทหารของเมือง ! “

“ นั่นก็ดี ระวังตัวด้วย  !” – หลิวซู เข้าใจมันทันที

จางเทีย พยักหน้าก่อนที่จะนำทาง เซรอม และอีกสามคนเข้าไปในเมืองผ่านทางเดินที่โชกเลือดนั่น...

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.