spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 370: หอกฆ่าปิศาจ
ในหลายวันที่ผ่านมา จางเทีย รู้สึกว่าเขาเข้าไปสู่ดินแดนมืดมนน่ารังเกียจ ทรมานจริงๆ !
หลังจากวันที่ 7 มิถุเจ้าน ชนชั้นสูงของตระกูลจางและพวกตระกูลไทชิจากเขตแลงก็ได้ถอยห่างจากเมืองสวรรค์ไป 15 กม.และทำการล้อมเมืองเอาไว้ พวกไหนที่วิ่งหนีออกมาจากเมืองจะเจอกับการโจมตีของกองทัพ
พวกคนที่ว่านี้รวมไปถึงผู้ชาย,ผู้หญิง,เด็กและคนแก่ คนส่วนมากนั้นเป็นคนธรรมดาก่อนเหตุการณ์นี้ ดังนั้นแล้วความแข็งแกร่งของพวกนี้เลยมีจำกัด แม้ว่าบางคนจะมีทักษะต่อสู้แต่พวกเขาคงเทียบกับกองทัพของตระกูลจางและตระกูลไทชิไม่ได้
แต่ในสายตาของคนพวกนั้น พวกนี้ดูโหดร้ายพร้อมกับส่งเสียงแปลกๆที่ไม่มีความหมายออกมา ด้วยอาวุธมากมายในมือทั้งท่อนไม้และมีดทำครัว มีคนมากกว่า 400 คนที่แห่กันออกมาจากเมือง
“ พวกคนที่อาศัยในเมืองโดนปิศาจและตระกูลเฉินฆ่าแล้ว พวกเขาไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป พวกเขาเป็นแค่ปิศาจและซอมบี้ พวกเขาน่ะโดนควบคุมโดยหนอนตุ๊กตาในหัว ! “
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของวังไฮหยวนตะโกนออกมา หลังจากนั้นเขาก็ได้ยิงลูกดอกออกไปหนึ่งลูกแล้วทำลายหัวของซอมบี้ที่พุ่งออกมาจากเมือง
ในตอนที่หัวของซอมบี้โดนทำลาย สมองของเขาได้กระจายไปทั่วทุกทิศทาง จางเทีย เห็นบางอย่างตัวขนาดพอๆกับฝ่ามือผิวสีชมพูเรียบลื่นยซึ่งดูเหมือนปลาหมึก
ตอนที่มันตกลงมาที่พื้น มันก็เริ่มสะบัดตัวไปมาเหมือนกับปลาหมึก
เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย ก็ได้กัดฟันแน่นและได้ฆ่ามันทิ้ง
สำหรับสาวๆจากวังมังกรลับ มากกว่า 90% น่ะทนได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง พวกเธอถอยกลับไปเหลือทิ้งไว้แค่นักเรียนชายเท่านั้น
สำหรับคนส่วนมากแล้ว พวกเขาไม่ได้ลังเลไม่ว่าศัตรูนั้นจะโหดร้ายเพียงใดแต่การสู้กับคนธรรมดาซึ่งโดนควบคุมโดยหนอนน่ะทำให้หลายคนยากที่จะรับได้
จางเทีย ไม่รู้ว่าเขาทนมาดั้งไง ในตอนที่เขาสับหัวเด็กสาววัย 7 ขวบทิ้ง จางเทีย ก็ดูเหมือนได้ยินบางอย่างในใจเขา
จากนั้น จางเทีย ก็เริ่มมั่นคงอย่างกับเหล็ก เขาเปลี่ยนตัวเองเป็นเครื่องจักรแล้วทำการฆ่าซอมบี้เหล่านั้น
ในวันที่ 8 มิถุเจ้าน มีควันสีดำได้ลอยออกมาด้านนอกเมืองสวรรค์ มันมีการรวบรวมศพแล้วทำการผา จากนั้นควันสีดำก็ไม่ได้หายไปอยู่นาน
ในวันที่ 9 มิถุเจ้าน ยานและสมาชิกของตระกูลหลาน,อู่,ดันไท, หวาง,หลี่ก็ได้มาที่เมืองสวรรค์ พวกเขาเป็น 5 ใน 6 ตระกูลที่ทำการดูแลจินหยวน
หลังจากที่พวกเขามาถึงเมืองสวรรค์ พวกเขาก็ได้ตั้งแคมป์ห่างจากเมืองไป 15 กม.และได้ทำการร่วมมือในการกำจัดซอมบี้ที่วิ่งออกมาจากเมือง
ในวันที่ 10. ก็ได้มียานเดินทางมาที่เมืองนี้มากกว่าเดิม จากนั้นท้องฟ้าใกล้ๆกับเมืองก็เต็มไปด้วยยานจากประเทศต่างๆ พวกเขามาที่นี่เพื่อหาข้อมูลของเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองสวรรค์
ในวันเดียกันแม้ว่าพวกมีอำนาจจะไม่อยากปล่อยข่าวเรื่องสงครามที่จะมาถึงแต่เหตุการณ์ในเมืองสวรรค์ในที่สุดก็เป็นที่รู้กันไปทั่วและช็อกทั้งทวีปตะวันออก
ในวันที่ 11 หลังจากที่รู้เรื่องเมืองสวรรค์ผู้คนก็ได้เริ่มเดินทางมาที่เมืองสวรรค์รวมไปถึงตัวแทนของพวกตระกูลเล็กๆ,นักรบเร่ร่อน,นักข่าวจากสำนักโด่งดังต่างๆที่ต้องการมาหาเงินจากที่นี่
สำหรับบางคนเมืองสวรรค์นี้คือเมืองที่ตายไปแล้ว แต่ความรวยในเมืองนั้นยังคงมีอยู่ พวกคนที่รวยในตระกูลเฉินรึพวกอื่นยังคงอยู่ในเมือง ตราบใดที่มีความกล้าพอ พวกเขาก็สามารถไปหาของข้างในได้
แม้ว่าหลายคนจะมาที่นี่เพื่อเงินแต่มีใครกล้าพอที่จะเข้าไปข้างใน ตอนนั้นมีซอมบี้อย่างน้อย 1 ล้านตัวในเมือง ในขณะเดียวกันชนชั้นสูงนับหมื่นๆของ 6 ตระกูลและทหารม้ากว่า 40,000 คนต่างก็ล้องเมืองไว้ ไม่มีใครกล้าพอที่จะเข้าไปเลยสักนิด
ตอนนั้นเมืองสวรรค์นั้นเหมือนกับเหยื่อที่เย้ายวน ก่อนที่สิงโตจะอิ่มและจากไป ไม่มีหมาในตัวไหนที่กล้าเข้าไปใกล้ พวกเขาได้แต่วนรอบๆเหยื่อ สิ่งที่สิงโตทิ้งไว้อาจถือว่าเป็นของวิเศษเลยก็ได้
...
ในวันที่ 13...
ในเย็นวันที่หกตั้งแต่ที่มาเมืองนี้ จางเทีย ได้ตื่นขึ้นมาหลังจากหลับสนิทมาทั้งคืน เขาไม่ได้นอนมาสามวันติด หลังจากที่เปิดถุงนอนแล้ว จางเทีย ก็เดินออกมาจากเต็นท์
เพราะ จางเทีย ไม่ได้เปลี่ยนชุดตอนนอน เขาเลยตื่นแล้วพร้อมทำงาน
ในตอนที่พระอาทิตย์ขึ้น ตอนที่เขาเดินออกมาจากเต็นท์ จางเทีย ก็เห็นควันสีดำลอยขึ้นมาจากไกลๆ แม้ว่าเขาจะอยู่ไม่ไกลมากแต่เพราะเขาอยู่ที่ราบลุ่ม จางเทีย จึงได้กลิ่นไหม้จากการเผาศพ
หลังจากที่ล้างหน้าล้างตา จางเทีย ก็เริ่มกินเนื้อแห้งและดื่มน้ำ จิตใจของเขาฟื้นตัวจากความด้านชาเพราะการฆ่าสามวันติดที่ผ่านมา
พวกอาหารสำหรับทหารและพวกระดับสูงของวังไฮหยวนได้ถูกส่งมาด้วยยาน เพราะอาหารที่อยู่ใกล้เมืองนี้น่ะทำให้คนกลัว
แม้ว่าจากประสบการณ์ในสงครามครั้งที่สอง หลังจากที่การตายของพ่อแม่หนอน นอกซะจากว่าไข่ได้ฟักตัวขึ้นมาในสมองของเจ้าของร่าง ไข่อื่นๆที่มี่เจ้าของร่างก็จะตายแต่หลังจากที่ผ่านมาร้อยปี ไม่มีใครยืนยันได้ว่ามันจะยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนกับที่พวกเขาไม่คิดว่าสามาคมเฉินจะมีหนอนพ่อแม่เมื่ออาทิตย์ก่อน
แคมป์นั้นตั้งอยู่ข้างแม่น้ำของเมืองสวรรค์ซึ่งมีพื้นที่หลายร้อยตารางเมตร ตอนนี้ข้างแม่น้ำต่างก็เต็มไปด้วยเต็นท์มากมาย
จากวันที่เจ็ดเป็นต้นมา มันยังมีคนที่มีชีวิตที่หนีออกมาจากเมือง จำนวนของคนที่หนีออกมาจากเมืองพร้อมกับกองทัพของตระกูลจางและไทชินั้นมากที่สุด ในวันที่ผ่านมา แม้ว่าพวกเขาจะพยายามมากที่สุดที่จะช่วยคนที่รอดและได้ส่งทีมไปในเมืองเพื่อหาผู้คนและทำลายพวกซอมบี้ใกล้ๆประตูเมืองอยู่หลายครั้งแต่จำนวนคนที่รอดนั้นก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ
เมื่อวาน จางเทีย ได้ไปสู้ที่ประตูทางทิศเหนือและฆ่าซอมบี้ใกล้ๆประตูแต่เขาช่วยคนไว้ได้แค่ 5 คน จริงๆแล้วมันเริ่มหมดหวังแล้วกับการที่คนจะรอดอยู่ข้างในได้
...
พวกคนที่หนีออกมาได้ต่างก็ดูด้านชาและซึมเศร้า แม้ว่าจะเป็นตอนเช้าแต่พวกแคมป์อพยพก็ไม่ได้แสดงท่าทีดีใจออกมา พวกเขากรีดร้องราวกับอยู่ในฝันร้าย แม้ว่าพวกเขาจะหนีออกมาจากเมืองได้แต่ก็ยังไม่ฟื้นตัวดี แม้แต่ตอนนอน พวกเขาก็ยังต้องตื่นเพราะเสียงเล็กๆน้อยๆ
“ อ๊าก ไปให้พ้นจากข้านะ ไปให้พ้น อย่ากินข้า .. “
ประตูของเต็นท์ด้านหน้าอยู่ๆก็ได้เปิดออกและได้มีชายคนหนึ่งวิ่งออกมา เขาวิ่งตรงไปหา จางเทีย ตามมาด้วยคนบางพวก – “ หยุดเขา เขาเริ่มป่วยอีกแล้ว ! “
ในตอนที่เขาวิ่งไปตรงหน้า จางเทีย จางเทีย ได้เกามือและยกอีกฝ่ายขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ได้สับไปที่หลังคอของอีกฝ่าย ทำให้ชายคนนั้นหมดสติไป
พวกคนที่ไล่ตามชายคนนั้นใส่ชุดหมอ พวกเขาถูกส่งมาโดยเขตไฮหยวนและเขตแลงเพื่อรักษาผู้คนในแคมป์
เมื่อเห็น จางเทีย หมอพวกนั้นก็กลัวนิดๆเพราะ จางเทีย ใส่ชุดต่อสู้ที่แผ่พลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิตออกมา
หลังจากที่ฆ่ามาหลายวัน จางเทีย จำไม่ได้ว่าเขาฆ่าซอมบี้นี่ไปเท่าไหร่ อย่างน้อยก็ 2000 ตัว มันก็เหมือนกับทหารที่มีประสบการณ์ต่อสู้มากมาย รังสีการฆ่าของ จางเทีย เป็นเพราะการฆ่าสิ่งมีชีวิตที่เป็นภัยต่อคนอื่น
“ อ๊าก ขอบคุณ !” - หมอพวกนั้นรีบเข้ามาหา จางเทีย
“ ไม่เป็นไร ! “ - จางเทีย ตอบกลับอย่างใจเย็น
เมื่อตระหนักได้ว่า จางเทีย ไม่ได้ถือตัวอะไร หมอพวกนั้นก็ถอนหายใจออกมา หมอสองคนรับไปตัวชายคนนั้นกลับมา หมอแก่คนหนึ่งรีบเช็คอาการชายคนนั้นว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ตอนนั้นแม้ว่า จางเทีย จะฆ่าอีกฝ่ายแต่ก็ไม่มีใครจะไปโทษเขา
หลังจากที่เช็คแล้วหมอก็พบว่าชายคนนี้ก็แค่หมดสติไป เขาเริ่มวางใจและได้สั่งหมอหนุ่มอีกสองคน -“ ชายคนนี้น่ะกลัวเกินไป เอาผงปรับวิญญาณให้เขา แบกเขากลับไปที่เต็นท์ก่อน ! “
“ ได้ครับ ! “ – หมออีกสองคนตอบกลับและแบกชายคนนั้นกลับไปที่เต็นท์
“ น่าสงสารจริงๆ... “ – หมอแก่ถอนหายใจออกมาและตามพวกนั้นกลับไปที่เต็นท์
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งในหลายวันที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีหลายคนที่หนีจากเมืองสวรรค์มาได้ แต่พวกเขาก็ต้องได้รับความเสียหายทางจิตใจและเป็นบ้า อีกอย่างแล้วก็ยังมีบางคนที่รับความจริงที่ว่าญาติตัวเองได้ตายและได้ทำการฆ่าตัวตายตาม ในหนึ่งวันมักจะมีคนรึสองคนที่ทำการฆ่าตัวตาย
จางเทีย เดินเข้าไปในแคมป์นั้นแล้วมองดูผู้คนข้างในด้วยความรู้สึกต่างๆนาๆ
หลายวันมานี้ถ้าว่าง จางเทีย จะมาที่นี่เพื่อเข้ามาดูพวกคนอพยพ หลังจากที่มองไปที่ใบหน้าซึมเศร้าและนิ่งเฉย เขาก็ได้เดินไปที่สนามรบและฆ่าซอมบี้ทุกตัวที่เขาเห็น
แม้ว่า จางเทีย จะไม่รู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ได้ยังไง บางทีเขาอาจทำมันเพื่อความสบายใจและหาบางอย่างที่มีความหมาย
จางเทีย ได้เอาอาหารแห้งที่เขาได้มาให้กับพวกเด็กที่ซึ่งมองมาที่เขาด้วยสายตาละห้อยและกลัว
ตอนนั้นเด็กนักเรียนหญิงส่วนมากจากวังมังกรลับต่างก็ได้รับหน้าที่ต่างๆในแคมป์เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปต่อได้
จางเทีย เห็น หยวนซีจี เธอมีชีวิตชีวาอย่างมากในเกาะมังกรลับแต่ตอนนี้เธอดูเศร้าเพราะเรื่องในแคมป์หลายวันมานี้ เธอน่ะเป็นคนแจกอาหารให้กับคนในแคมป์ คนมากมายต่างก็ยืนต่อคิวตรงหน้าเธอแต่พวกเขาแสดงสีหน้าเหมือนไร้วิญญาณ
“ น้อยแค่นี้เองเหรอ ? เมื่อวานเราได้เนื้อแห้งมาด้วยนะ วันนี้ไปไหนซะล่ะ ?แค่นี้จะไปอิ่มได้ไง ? “ – ชายคนหนึ่งตะโกนออกมาดังๆแล้วเรียกให้คนอื่นสนใจ
“ ของอื่นกำลังรวมในเขตแลง พวกเขากำลังมาส่ง เส้นทางน่ะไม่สะดวกสำหรับการขนส่ง ของพวกนี้น่ะส่งมาโดยยาน ดังนั้นแล้วมันจึงมีจำกัด ! “ – หยวนซีจีอธิบายด้วยท่าทีอดทน ด้วยประสบการณ์หลายวันที่ผ่านมา เด็กสาวคนนี้ต้องอดทน
“ ข้าไม่สน ข้าอยากได้สองห่อ ! “ – เมื่อพูดจบชายคนนั้นก็ได้แย่งของไปอีกหนึ่งอันต่อหน้า หยวนซีจี
“ คนละอัน ! “ - หยวนซีจี จับมือชายคนนั้นแล้วอธิบายอย่างอดทน
“ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกแก เมืองสวรรค์จะเป็นแบบนี้ได้ไง ? เมืองสวรรค์น่ะก่อนหน้านี้ดีจะตายแต่หลังจากที่พวกแกมาถึงมันก็พังเรียบ ดังนั้นแล้วพวกแกต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ! “
ดูจากที่ หยวนซีจี เป็นแค่เด็กสาว ชายคนนั้นก็เริ่มหยาบคาย เขาได้ชี้ไปที่หน้า หยวนซีจี และด่าออกมา – “ สาวน้อย ข้าบอกเจ้าเลยนะ พ่อคนนี้น่ะมีเงินมากมายในเมือง ข้าน่ะได้กินดีๆทุกวัน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้า ข้าจะเสียทุกอย่างได้ยังไง ? เจ้าคิดที่จะไล่ข้านี้ได้ด้วยของแค่นี้งั้นเหรอ ? ไม่มีทาง ! เจ้าควรที่จะชดใช้สำหรับทุกอย่างที่ข้าเสียไป ! พ่อคนนี้ต้องได้ 2 ห่อต่อวัน เจ้าติดหนี้ข้า ! ปล่อยนะ ไม่งั้นแล้วข้าจะสั่งสอนเจ้าว่าข้า... “
หยวนซีจี โกรธจนตัวสั่น การทำงานหนักในแคมป์ทุกวันแต่กลับยังมาโดนด่าอีก หยวนซีจี ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนตั้งแต่เกิดมา ดังนั้นแล้วน้ำตาจึงเริ่มไหลออกมา
จางเทีย เดินเข้าไปหาด้วยท่าทีเย็นชา เขาตบไหล่ของชายคนนั้นก่อน ในตอนที่ชายคนนั้นหันกลับมา จางเทีย ก็ตบหน้าอีกฝ่ายไปตรงๆทำให้ฟันอีกฝ่ายนั้นหลุดออกมา
“ อ๊าก ช่วยด้วย พวกมันกำลังจะฆ่าข้า .. “ - ชายคนนั้นตะโกนออกมาดังๆ
จางเทีย อัดอีกฝ่ายอีกครั้งด้วยหลังมือ ทำให้มีฟันหักออกมาอีก ชายคนนั้นอยากที่จะร้องออกมา แต่เมื่อเห็นสีหน้าและพลังฉีต่อสู้ของ จางเทีย เขาก็ต้องหุบปากไป
จางเทีย มองไปที่มืออีกฝ่าย เมื่อเห็นแบบนั้นชายคนนั้นก็รีบเอาอาหารอีกห่อวางไว้แต่เมื่อเห็นสายตาที่ จางเทีย ยังคงจ้องมาต่อ เขาก็ต้องวางอาหารอีกห่อที่มีด้วย
“ รุ่นพี่ ทำงานต่อ เจ้าไม่ต้องไปเสียน้ำตาให้กับคนแบบนี้หรอก มีพวกบัดซบมากมายแบบเขาในโลก ไม่ใช่ทุกคนในแคมป์ที่จะเป็นแบบนี้ ข้าได้ยินมาว่าชายคนนี้ต้องการให้เราชดใช้ ข้าจะส่งเขากลับไปที่เมืองสวรรค์และคืนความร่ำรวยที่เขามีเลย ! “ – หลังจากที่พูดจบ จางเทีย ก็ได้ยิ้มให้กับ หยวนซีจี ก่อนที่จะลากชายคนนั้นออกไปจากแคมป์ คนรอบๆต่างก็พากันหลีกทางให้กับ จางเทีย
แคมป์นั้นอยู่ข้างๆกับแนวป้องกันที่ล้อมรอบเมือง จางเทีย ลากชายคนนี้ผ่านแนวป้องกันแล้วเข้าไปในเมือง ด้วยคอที่ถูกลาก ชายคนนั้นทำอะไรไม่ได้นอกจากพยายามหายใจ เมื่อเห็น จางเทีย ลากชายคนนั้นไป ไม่มีใครถามาอะไรเขาเลย ไม่ว่ากองทัพของจางรึไทชิก็ไม่ได้มองไปที่ชายคนนั้นเลยสักนิด หลังจากการแสดงฝีมือหลายวันของ จางเทีย ในเมืองนั้นทำให้หลายคนเคารพ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ชื่อของ จางเทีย แต่หลายคนก็จำหน้าได้และรู้ว่าเจ้าของหน้านี้น่ะได้ฆ่าและช่วยคนมากที่สุดในหลายวันมานี้
ในสนามรบพวกคนที่แข็งแกร่งและชอบช่วยคนอื่นโดยเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงจะได้รับความเคารพจากคนอื่นในกองทัพ เพราะทักษะการโยนหอกของ จางเทีย นั้นน่าตกใจและสุดยอด เขาจึงโดดเด่นขึ้นมาในหมู่ตระกูลจางที่ซึ่งเก่งในเรื่องการใช้หน้าไม้ ดังนั้น จางเทีย ในฐานะเด็กผู้แข็งแกร่งของวังมังกรลับจึงเป็นที่รู้จักในหมู่ตระกูลไทชิ เขาเริ่มที่จะถูกมองว่าอยู่ระดับเดียวกับ จางวูมู และเป็นคนที่แข็งแก่รงที่สุดรองมาจาก หลานหยุนซี่
พวกตระกูลไทชิเองก็มีทหารเป็นหมื่นและถือว่ามีอำนาจในท้องถิ่น แน่นอนว่าเด็กอย่าง จางเทีย ที่มีแววว่าจะเป็นคนมีอำนาจในตระกูลจางนั้นสำคัญในสายตาของพวกไทชิ แม้ว่าตระกูลจางจะมีแค่ 8 เมืองแต่ความแข็งแกร่งของเมืองยีแยงอย่างเดียวก็มากกว่าเมืองธรรมดา 10 เมืองรวมกัน ดังนั้นพลังของตระกูลนั้นจึงไม่สามารถที่จะตัดสินได้ด้วยจำนวนเมืองที่มี
หลังจากที่ผ่านแนวป้องกันมาได้ แม้ว่าจะอยู่ห่างจากเมือง 10 กม.ในตอนกลางวัน พวกเขาก็ยังพอเห็นซอมบี้ที่เดินไปมาในเมือง ยิ่งไปใกล้เมืองเท่าไหร่ก็จะเห็นซอมบี้มากเท่านั้น
เมื่อเห็นซอมบี้จากไกลๆ หน้าของชายคนนั้นได้ซีดลงทันที
ตอนนั้นทีมทหารม้า 100 คนจากตระกูลไทชิได้วิ่งออกมาจากสถานี ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะไปทำหน้าที่ประจำวันของตัวเอง กำจัดพวกซอมบี้ที่อยู่ในป่า ในตอนที่พวกเขาผ่าน จางเทีย หัวหน้าก็ได้มองไปที่ จางเทีย แล้วได้ส่งเสียงออกมา เขาได้เงยหน้าขึ้นและคนอื่นๆก็ได้หยุดลงห่างจาก จางเทีย ไปหลายเมตรซึ่งบ่งบอกได้ถึงทักษะการขี่ม้าและความแข็งแกร่ง
จางเทีย มองไปที่พวกนั้น ว่าจะอยู่ห่างออกไปหลายเมตรแต่ม้าที่ใส่เกราะนี้ดูเหมือนจะตกใจกับบางอย่าง ด้วยเสียงที่ร้องออกมาเบาๆพวกมันได้ถอยออกไปพร้อมกันอยู่หลายก้าวจนเกือบทำให้พวกทหารนั้นตกลงมา เจ้าหน้าที่อึ้งและบ่นในใจ ‘ พลังฉีฆ่าที่แรงจริงๆ ! แม้แต่ม้ายังกลัว เขาได้ฆ่าไปแล้วกี่คนกันแน่ถึงได้สร้างพลังฉีฆ่าแบบนี้ได้ ‘
“ จางเทีย ..” – เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้เรียกชื่อเขาออกมา จากนั้นเขาก็ได้มองไปที่คนที่ จางเทีย ลากมา – “ เขาเป็นใคร .. “
จางเทีย ยิ้มออกมา ‘ เจ้าหน้าที่คนนี้ดูคุ้นๆ ข้าเคยเห็นเขามาเมื่อหลายวันก่อน เขาสู้ด้วยกันและฆ่าซอมบี้ไปมากมาย ‘
“ ชายคนนี้อยากให้เราชดใช้เขากับความรวยที่เขามีในเมือง เขาบอกว่าเราทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นและโทษเราทั้งหมด ข้าจะพาเขาเข้าไปในเมืองและไปเก็บของที่เขามี ตอนนี้พวกคุณจะไปทำหน้าที่ที่นั่นพอดี เพราะพวกคุณน่ะขี่ม้า คุณก็ต้องเร็วกว่า เอาเขาไปด้วยสิ พาเขาไปดูของเขาหน่อยว่ายังอยู่รึเปล่า แล้วก็พาเขาไปดูระบบน้ำด้วยเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของเรา ! “ - จางเทีย ยิ้ม
เมื่อได้ยินแบบนั้น ตาของหัวหน้าคนนั้นก็เป็นประกายและได้ยิ้มออกมา –“ เราควรที่จะทำแบบนั้น ! “
“ โทษทีที่รบกวนนะ ! “ – เมื่อพูดจบ จางเทีย ก็ได้โยนชายที่ลากมาไปให้เจ้าหน้าที่คนนั้น
หลังจากที่รับชายคนนั้นมา เจ้าหน้าที่ได้อัดอีกฝ่ายจนหมดสติ เขาได้ดึงชายคนนั้นขึ้นม้าแล้วหัวเราะออกมา –“ น้องจางนี่ตรงไปตรงมาจริงๆ เพราะเจ้าเรียกข้าว่าพี่ งั้นถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลย ข้าไม่ลังเลแน่ ! “ – หลังจากที่พูดจบ เจ้าหน้าที่ก็ได้ตะโกนให้ทหารด้านหลัง – “ เพื่อน ชายที่เรียกเราว่าพี่คือเด็กที่ดีที่สุดในวังไฮหยวน หอกฆ่าปิศาจน่ะคือชื่อที่เราเรียกเขาหลายวันมานี้ เพราะเขาเรียกเราว่าพี่ พวกเจ้าจะกล้าสู้เพื่อเขารึเปล่า ?”
“ กล้า ! “
“ กล้า !
“ กล้า ! “
ทหารม้าทุกคนต่างก็ดึงม้าแล้วชูขึ้นเหนือหัว
เมื่อรู้ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนธรรมดา จางเทีย ก็มองไปที่หัวหน้าพวกนั้นและกำหมัดข้างหนึ่งทุบที่อกก่อนจะถามด้วยท่าทีเคร่งขรึม – “ ให้ข้าเรียกพวกพี่ว่าอะไรดี? “
“ ข้า ไทชิคี ! “ – ชายคนนั้นตอบกลับมา
“ ข้าจะเชิญ พี่และพี่ท่านอื่นๆมาดื่มในคืนนี้ ฟังดูเป็นไง ? “
“ ดี ! “ - ไทชิคี ดึงดาบออกมาแล้วโบกเหนือหัว – “ เพื่อน ไปเลย ไปฆ่าศัตรูของเรา หลังจากที่กลับมา เราจะไปดื่มกับน้องจาง ฮาฮา “
ทหารม้านับร้อยได้โบกดาบแล้วขี่ม้าผ่าน จางเทีย ไป พวกนั้นพุ่งเข้าไปในเมือง จางเทีย ยังคงได้ยินพวกนั้นร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน
‘ นั่นคือสิ่งที่พวกฮีโร่ชอบทำ ‘ จางเทีย พยักหน้า
จนกระทั่งพวกทหารม้าหายไปจากสายตา จางเทีย จึงได้กลับไปที่แคมป์อพยพ จางเทีย ไม่ได้ถามชื่อชายที่เขาลากไปทิ้งและไม่สนว่าจะกลับมาแบบมีชีวิตได้รึเปล่า ใครก็ตามที่กล้าบอกว่าวังไฮหยวนเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้และสงสัยคนอื่นอาจจะนำไปสู่ความวุ่นวายซึ่งมีโทษถึงตาย เพราะมีคนมากกว่าล้านที่ตายไปในเมือง ทำไมคนแบบนี้ถึงได้มีชีวิตอยู่ได้ ? ทำไมไอ้นั่นถึงยังมีชีวิตอยู่ได้ ?
แม้ว่า จางเทีย จะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นต่างจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงไม่กล้าตัดสินชะตากรรมของคนๆหนึ่งง่ายขนาดนี้
เพราะผ่านการฆ่ามาแล้วหลายวัน ราคาของชีวิตคนบริสุทธิ์นับล้านในเมืองน่ะทำให้ จางเทีย คิดออกว่ามีทางเดียวที่ทำให้ตัวเอง,ญาติและเพื่อนในโลกนี้รอดและสู้กับปิศาจกับพวกลูกน้องได้นั้นคือต้องแข็งแกร่งและไร้เมตตามากกว่าพวกปิศาจ
สงครามศักดิ์สิทธิ์คืออะไร ? มันคือสงครามของคนที่แข็งแกร่งกว่าและไร้ปราณีกว่า !
ในตอนที่ จางเทีย กลับมาที่แคมป์ เขาก็เห็นพวกรุ่นพี่บางคนจากวังมังกรลับที่เดินตรวจตราและทำตามคำสั่งในแคมป์อพยพ โดยจับคนที่หนีเข้ามา พวกเขาได้มัดคนเหล่านั้นและพาพวกนั้นออกไปนอกแคมป์
เมื่อเห็นหนึ่งในคนที่โดนมัด จางเทีย ก็อึ้งและเอามือถูตา – “ เซรอม ?นี่มันบ้าอะไรวะ ! “
ด้วยปากที่โดนอุดอยู่ เซรอม ดูน่าอายอย่างมาก ในตอนที่เขาเห็น จางเทีย เขาก็ทำตาโตและเริ่มตัวสั่นไปทั่ว....