spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บทที่ 400: เผชิญหน้ากับเล่ยกงหยุน
บนสังเวียนขนาดมหึมาของจัตุรัสหลักในพื้นที่ส่วนนภา
การแข่งขันนัดแรกของรอบรองชนะเลิศกำลังจะเริ่มขึ้น ทั้งสองฝ่ายคือเล่ยกงหยุนจากนิกายตะวันม่วง ผู้เคยเป็นอันดับหนึ่งในพื้นที่ส่วนนภา อีกฝ่ายคือเจี้ยงเฉิน
นี่เป็นการแข่งขันรอบรองชนะเลิศที่มีผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอนมากขึ้นจากทั้งสองฝ่าย
เกือบจะแน่ใจได้ว่าจะไม่มีผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดจากอีกคู่ซึ่งก็คือเช่อหยุนหยุนและหลงยู่ซื่อ
เจี้ยงเฉินท้าทายคนที่มีอันดับสูงกว่าเขา เขาเคยบุกเข้าไปในการประชุมของอัจฉริยะขั้นเทพก่อนหน้านี้ และได้แลกเปลี่ยนหมัด 2 ครั้งกับเล่ยกงหยุน ขณะที่เจี้ยงเฉินเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บและไม่ได้เสียเปรียบ
นี่คือเหตุผลที่โลกภายนอกมีความมั่นใจในตัวเจี้ยงเฉินเล็กน้อย
ถ้าพวกเขาต้องเลือกการแข่งขันรอบรองชนะเลิศที่ผลลัพธ์ยังไม่แน่นอน มันก็คือการแข่งขันของเจี้ยงเฉิน เจียงเฉินดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้มากกว่าเช่อหยุนหยุนในการสร้างความมหัศจรรย์ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตาม
เล่ยกงหยุนมีร่างกานกำยำและสูงโปร่ง เขาสวมเกราะสีทองและเสื้อคลุมสีเหลือง มีท่าทางค่อนข้างดุร้าย การจัดแต่งทรงผมหัวโล้นทำให้เขาดูโหดเหี้ยมขึ้น
ลักษณะใบหน้าของเขามีความคมชัดราวกับใช้ใบมีดแกะสลักไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะการก้าวหน้าอย่างแข็งแกร่งของหลงยู่ซื่อ เล่ยกงหยุนก็เหมาะสมกับการที่ได้รับตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่เยาวชนรุ่นใหม่ของสี่นิกาย
"เจี้ยงเฉิน ข้ายอมรับว่าเจ้าก้าวหน้าได้ค่อนข้างฉับพลัน และเจ้าได้สร้างตำนานแห่งรากหญ้าที่ท้าทายท้องฟ้า อย่างไรก็ตามตำนานนี้สิ้นสุดที่นี่ในวันนี้ "
เล่ยกงหยุนเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและศักดิ์ศรีที่ไม่อาจหักล้างได้
เจี้ยงเฉินยิ้มเบา ๆ "นั่นคือสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามทุกคนของข้าคิดก่อนที่พวกเขาจะได้ประลองกับข้าบนสังเวียน ดูตอนนี้สิ ข้าก็ยังมีชีวิตและยังยืนอยู่บนสังเวียน"
"หึ นั่นเป็นเพราะพวกเขาไร้ความสามารถ!"
เล่ยกงหยุนเป่านกหวีดยาว พลังฉีรอบร่างกายของเขาเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น หมอกแดงอบอวลไปทั่วอากาศล้อมรอบบริเวณรอบ ๆ เหมือนมหาสมุทรไฟ
ดูเหมือนว่าเล่ยกงหยุนคือนกฟีนิกซ์ที่เกิดใหม่ในทะเลที่คึกคะนอง
"เจี้ยงเฉิน ข้าลืมที่จะบอกเจ้าว่า ข้าเกิดมาพร้อมกับจิตวิญญาณของไฟและพลังสายฟ้า ศักยภาพและความสามารถของข้ามีไม่น้อยไปกว่าร่างฟีนิกซ์สวรรค์ เต๋าหัวใจของข้ามีความแข็งแกร่ง และผู้ชนะเลิศของการจัดอันดับการต่อสู้ก็จะเป็นของข้า เจ้าเป็นเพียงหินรองเท้าที่ข้าเหยียบย่ำในเส้นทางการเป็นอัจฉริยะ ! "
"หินที่เจ้าใช้เหยียบรึ?" มุมปากของเจี้ยงเฉินยิ้มกว้างขึ้น "ความคิดของข้าเหมือนกับเจ้า เจ้า เล่ยกงหยุนเป็นเพียงหินรองเท้าที่ข้าจะก้าวเหยียบขึ้นไปฆ่านางมารร้ายหลงยู่ซื่ออย่างไร้ความปราณี เจ้าโชคไม่ดีที่ต้องเจอกับข้า ! "
ทั้งสองคนไม่ต้องการให้อีกฝ่ายทิ้งคำพูดสุดท้าย ทั้งสองพลังดูน่ากลัว เหมือนกับดาบศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นที่ชักออกมาจากฝัก เผยให้เห็นแสงมันวาวของคมดาบปะทะกันบนสังเวียน
ทุกคำและการเคลื่อนไหวในเวลานี้เต็มไปด้วยความหมาย
สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นการโต้เถียงเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างบรรยากาศ
ทั้งสองคนใช้คำพูดเพื่อยกระดับความน่าเกรงขามของตัวเองและกดดันอีกฝ่าย
เป็นที่น่าเสียดายว่าหลังจากสอบสวนกันแล้ว พวกเขาก็ตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
เล่ยกงหยุนยิ้มกว้างใหญ่ "เจี้ยงเฉิน ข้าคงประเมินเจ้าต่ำไป เนื่องจากข้าไม่สามารถปราบปรามเจ้าด้วยความน่าเกรงขามของข้าได้ ข้าขอกลับไปใช้พื้นฐานของเต๋าการต่อสู้และใช้กำลังของเราในการกำหนดว่าใครดีกว่า ! "
" หึ ตามที่เจ้าต้องการ " เจี้ยงเฉินปฏิเสธที่จะยอมแพ้ "เล่ยกงหยุน ข้าจะปล่อยให้เจ้าเริ่มโจมตีก่อน 3 กระบวนท่า"
"เจ้าคนยโส !" คิ้วของเล่ยกงหยุนโค้งขึ้น
"ถ้า 3 กระบวนท่าไม่พอ, 10 กระบวนท่าก็ได้ !" เจี้ยงเฉินหัวเราะเบา ๆ
เล่ยกงหยุนถมึงทึง "เจี้ยงเฉิน ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าสามารถยั่วยุข้าด้วยคำพูดเหล่านี้ได้ เจ้าคิดผิดแล้ว !"
"ทำไมข้าต้องยั่วยุเจ้าด้วยคำพูดเพื่อที่จะชนะ?"
เจี้ยงเฉินยืดมือไว้ข้างหน้า เขาดูสง่าผาเผยและเท้าของเขาก็ยึดแน่นบนพื้น เขายืนอยู่ที่นั่นราวกับเป็นภูเขา ทำให้เล่ยกงหยุนรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ทำลายไม่ได้
" ถ้าเป็นเช่นนั้น จงรับหมัดของข้าไปซะเถอะ !"
เมื่อเล่ยกงหยุนเห็นเจตนาไม่ไยดีของเจี้ยงเฉิน ความโกรธเติบโตขึ้นในหัวใจของเขาขณะที่เขาชกด้วยมือข้างเดียว หมัดของเขาทะลุเข้าไปในอากาศด้วยเสียงฟ้าร้อง
หลังจากแลกเปลี่ยนหมัดกันในที่ประชุมของอัจฉริยะขั้นเทพ เล่ยกงหยุนผิดหวัง เขาโจมตีเจี้ยงเฉินจากด้านล่าง มันทำให้เขาเสียเปรียบ
แต่ตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้กันอย่างเป็นธรรมบนสังเวียน เขาไม่เชื่อว่าเจี้ยงเฉินสามารถพึ่งพาเล่ห์กลได้อีกต่อไป !
หมัดนี้ห้อมล้อมด้วยเสียงลมและฟ้าร้องและดูเหมือนจะตกลงมาดั่งกับดวงอาทิตย์ร้อนแรงที่กำลังตกลงมาจากท้องฟ้า นำมาด้วยอุณหภูมิสูง ราวกับว่ามันจะทำให้อากาศร้อนเป็นไฟเหมือนกับการปะทุของภูเขาไฟ
คนที่เฝ้าดูอยู่ใต้สังเวียนร้องลั่นด้วยความประหลาดใจ
" มันคือหมัดฝ่ามือสายฟ้าตะวันเดือด ! "
"เสียงลมและฟ้าร้อง ภาพของดวงอาทิตย์ที่กำลังลุกวูบวาบ หมัดฝ่ามือสายฟ้าตะวันเดือดคือหนึ่งในห้าทักษะการต่อสู้ของนิกายตะวันม่วง เมื่อรวมกับวิญญาณแห่งไฟและสายฟ้าของเล่ยกงหยุน นี่เป็นทักษะที่ถูกสร้างมาเพื่อเขา ! "
" เขาใช้การเคลื่อนไหวที่ดีที่สุดของเขาทันทีที่เขาลงมือ ดูเหมือนว่าเล่ยกงหยุนต้องการที่จะยุติการแข่งขันอย่างรวดเร็วที่สุด"
"แน่นอน เล่ยกงหยุนตั้งเป้าไว้แล้วว่าเขาต้องได้ชัยชนะ ฝ่ายตรงข้ามคนต่อไปคือหลงยู่ซื่อ ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือการตัดเจี้ยงเฉินออกให้เร็วที่สุด การกลายเป็นพลังที่ยุ่งเหยิงและใช้พลังวิญญาณอย่างสิ้นเปลืองจะเป็นอันตรายต่อการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ
"อืมม น่าสงสารอัจฉริยะสามัญ หากฝ่ายตรงข้ามรอบรองชนะเลิศของเขาเป็นเช่อหยุนหยุน เขาก็อาจมีโอกาสได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ "
"อีม เขามาถึงจุดนี้ได้ก็เก่งมากพอแล้ว ถ้าเขาเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแล้ว นิกายอัจฉริยะแห่งยุคอย่างเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? "
“ ใช่เลย ! ถ้าหลงยู่ซื่อและเล่ยกงหยุนพบกันในรอบชิงชนะเลิศ นิกายตะวันม่วงก็ยังคงเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนท้าย "
ผู้ที่สังเกตการแข่งขันยังคงวางเดิมพันของชัยชนะไว้ที่เล่ยกงหยุน
เล่ยกงหยุนอยู่ในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณนภาและเป็นอัจฉริยะหมายเลขหนึ่งของพื้นที่ส่วนนภาก่อนการพัฒนาของหลงยู่ซื่อ ไม่มีใครสามารถเขย่าตำแหน่งของเขาได้
เล่ยกงหยุนคือคนที่เคยรวบรวมโชคชะตาของนิกายตะวันม่วง
แม้แต่เทียนฮงและหลิวเวิงไคก็กังวลใจเมื่อเห็นแรงผลักดันของเล่ยกงหยุน พวกเขาทั้งหมดเชื่อในตัวเจี้ยงเฉิน แต่เมื่อพวกเขาเห็นท่าทางของเล่ยกงหยุน พวกเขากลับเหงื่อออกและใจเต้นแรงแทนลูกพี่ของพวกเขา
สายตาของบรรพบุรุษพันใบจ้องไปด้วยแสงประกายแวววาว เขากังวลมากเมื่อมองลงไปบนสังเวียน
การมาอย่างฉับพลันของอัจฉริยะคนนี้และความปรารถนาของเขาที่จะเข้าร่วมกับนิกายพฤกษาสวรรค์ทำให้บรรพบุรุษพันใบรู้สึกว่าเขาได้รับสมบัติล้ำค่า
เจี้ยงเฉินคือหน้าตาของนิกายพฤกษาสวรรค์และเป็นคนล้ำค่า
เมื่อเขาเห็นแรงผลักดันที่เห็นได้ชัดของเล่ยกงหยุนในการที่ต้องการแก้ปัญหานี้อย่างรวดเร็ว เขาสงสัยว่าเจี้ยงเฉินสามารถทนต่อแรงระเบิดนี้ได้หรือไม่ ?
บรรดาผู้ที่มีจิตใจเอียงไปทางเจี้ยงเฉินทุกคนต่างกังวลใจแทนเขา
เจี้ยงเฉินยืนอยู่บนสังเวียนไม่เคลื่อนไหวเหมือนดั่งภูเขา เขาดูมีสง่า ความสงบนั้นราวกับว่าการโจมตีอันน่าสยดสยองนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนเปรียบเสมือนเมฆลอยอยู่ในดวงตาของเขา
"ข้าควรตอบกลับไปด้วยกับทักษะการชกดีหรือไม่?"
ดวงตาของเจี้ยงเฉินกว้างขึ้นอย่างฉับพลันขณะที่มันยิงลำแสงแห่งความงดงาม
มือของเขาวาดโค้ง มีความหมายที่ไม่มีที่สิ้นสุดเบื้องหลังทักษะหมัด มันเพิ่มขึ้นไปข้างหน้า
เขาหอบเล็กน้อยขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า ปล่อยพลังหมัดออกไป
หมัดนี้ราวกับดอกไม้ร้อยดอกเบ่งบานเต็มที่ มีความรู้สึกของฤดูใบไม้ผลิในอากาศ
หมัดนี้ก็เหมือนกับการมาถึงของน้ำค้างแข็งของฤดูใบไม้ร่วง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเหี่ยวแห้งและตาย
การเปลี่ยนแปลงที่น่ามหัศจรรย์ของหมัดนี้ทำให้คนที่เฝ้าดูครุ่นคิดฟุ้งซ่าน มีทักษะหมัดที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ ?
ความหมายที่แตกต่างกันสองแบบอาจเกิดขึ้นได้ในหมัดเดียว
ในความเป็นจริงหมัดเดียวของเจี้ยงเฉินคือ 2 ครั้ง เขาปล่อยหมัดออกไปอย่างรวดเร็วจนทำให้สองหมัดดูเหมือนหมัดเดียว หนึ่งในนั้นเปิดเผยและอีกหนึ่งนั้นอยู่ในเงามืด สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อแสดงวงจรการผลิบานและเหี่ยวแห้งไปในหมัดศักดิ์สิทธิ์อันนิรันดร์ คำกล่าวของหยินและหยาง ไฟและน้ำ
ปัง,ปัง,ปัง !
การชนกันอย่างต่อเนื่องดังขึ้นบนสังเวียน
พลังวิญญาณที่มีแรงผลักดันที่น่าทึ่งกระแทกเข้าหากัน ก่อให้เกิดคลื่นอันดุเดือดหลายแบบ ราวกับต้องการพลิกสังเวียน
ภาพที่ฉีกออกจากกันบรรยากาศที่สร้างขึ้นโดยหมัดฝ่ามือสายฟ้าตะวันเดือดล้อมรอบสังเวียน
ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
เจี้ยงเฉินเป็นคนที่ตอบโต้การชกนี้ แต่ได้พยายามที่จะทำลายความดุร้ายของหมัดของเล่ยกงหยุน
มันทำให้ผู้ที่เฝ้าดูอยู่ใต้สังเวียนสูดลมหายใจเข้า.
บรรพบุรุษนักล่าตะวันรู้สึกเหมือนโดนแช่แข็ง เขาก็สงบตลอดเวลา แต่ดวงตาของเขาก็ยิ่งตกใจในตอนนี้ เมื่อเขาเห็นเล่ยกงหยุนใช้ทักษะหมัดที่แข็งแกร่ง เขาเข้าใจเจตนาที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวครั้งนี้
แต่ผลการปฏิบัติของเจี้ยงเฉินทำให้เขาตกตะลึง
เจียงเฉินใช้หมัดแลกหมัดและใช้หมัดลึกลับที่มีความหมายเพื่อกระจายความแข็งแกร่งของหมัดฝ่ามือสายฟ้าตะวันเดือด
จะเป็นไปได้อย่างไร ?
ทุกคนรู้ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้เหมือนกับว่ามีแสงแดดแผดเผา มาพร้อมกับลมและฟ้าร้อง ใครจะตาบอดพอที่จะใช้ร่างกายของตัวเองรับแรงระเบิดแล้วกลายเป็นคนพิการเพราะต้องเสียอวัยวะส่วนที่ใช้รับพลัง
แรงผลักดันของลมและฟ้าร้องก็เพียงพอที่จะเผาแขนของฝ่ายตรงข้าม หรือทั้งร่างกายให้ไหม้เกรียม
ดังนั้นเมื่อเจี้ยงเฉินปล่อยหมัด ผู้ชมเหล่านั้นก็เหงื่อออก พวกเขาคิดว่าเจี้ยงเฉินคงไม่รอดแน่
บรรพบุรุษพันใบยืนขึ้นอย่างตื่นตระหนกในขณะนั้น
หลังจากหมัดทั้งสองได้ปะทะกัน แรงผลักดันของเล่ยกงหยุนกระจายไป
“โอ๊ย !” ก้นของบรรพบุรุษพันใบกระแทกเก้าอี้อีกครั้ง สายตาของเขามีความปิติยินดี เขารู้ทันทีว่านิกายพฤกษาสวรรค์ได้รับขุมทรัพย์ที่แท้จริงในครั้งนี้
การโจมตีที่ดีที่สุดของเล่ยกงหยุนไม่สามารถทำอะไรเจี้ยงเฉินได้ ตัดสินจากท่าทางของเจี้ยงเฉิน เขาไม่ได้ตื่นตกใจ เขาดูสบายใจ เขาไม่ได้ใช้การป้องกันที่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร เขาโจมตีกลับอย่างเปิดเผยและธรรมตาต่อสายตา
ต้องรู้ว่าในหมู่เยาวชนรุ่นใหม่ของนิกายทั้งสี่ เมื่อเกี่ยวกับการต่อสู้ทางกาย หลงยู่ซื่อเองยังไม่อยากต่อสู้ตัวต่อตัวกับเล่ยกงหยุน
แต่เจี้ยงเฉินทำมันแล้ว !
บรรพบุรุษเก้าสิงโตถอนหายใจด้วยความเศร้าโศกและพูดอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า "บรรพบุรุษพันใบ ท่านได้รับสมบัติล้ำค่าของจริงคราวนี้ น่าสงสารตัวข้าเอง ข้าพยายามเชิญชวนอัจฉริยะนี้ด้วยความจริงใจมาก! ท่านเพียงแค่นั่งอยู่เฉย ๆ และได้รับสมบัติ ! "
บรรพบุรุษละอองน้ำแข็งถอนหายใจด้วยความเศร้าโศก "ข้าต้องแก้ไขความคิดเห็นก่อนหน้านี้ เจี้ยงเฉินสามารถต่อสู้กับเล่ยกงหยุนได้แน่นอน และโอกาสที่เขาจะได้ชัยชนะคือ 5 ส่วน"
ทั้งสองบรรพบุรุษแห่งอาณาจักรต้นกำเนิดพูดในเวลาเดียวกัน ทบทวนความคิดเห็นเกี่ยวกับเจี้ยงเฉิน
สิ่งนี้ทำให้บรรพบุรุษนักล่าตะวันอารมณ์เสีย เขาพ่นลมเยือกเย็น "นี่พวกท่านจำเป็นต้องสรรเสริญเจี้ยงเฉินจนขึ้นสู่สวรรค์หลังจากที่เขาปล่อยหมัดเดียวงั้นหรือ? เล่ยกงหยุนแข็งแกร่งมาก เขาเพิ่งเริ่มเปิดเผยความสามารถของเขา เช่นเดียวกับปลายยอดของภูเขาน้ำแข็ง "
บรรพบุรุษพันใบเป็นคนสุภาพมีมารยาท เขาไม่ชอบจิกกัดโต้ตอบด้วยวาจา
บรรพบุรุษเก้าสิงโตหัวเราะอย่างเย็นชา "เจ้าพูดเหมือนกับว่าเจี้ยงเฉินได้เปิดเผยภูเขาน้ำแข็งทั้งหมดแล้ว"
บรรพบุรุษละอองน้ำแข็งหัวเราะว่า "อันที่จริง บรรพบุรุษนักล่าตะวันคงเห็นได้ว่าเจี้ยงเฉินยังไม่ได้ใช้ไพ่ตายสำคัญเลย"
บรรพบุรุษนักล่าตะวันโมโหอย่างมาก เขาจ้องมองบนสังเวียนด้วยสายตาโหดเหี้ยม ดวงตาเขาเต็มไปด้วยเจตนาอันชั่วร้ายอย่างเปิดเผย