spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 337: ความตกต่ำของอาณาจักร
จางเทีย ไม่ได้ออกจากแท็กซี่ เขามองไปที่ ฟิลิป เขายังคงไม่แน่ใจว่าเขาโดนพวกนี้แกล้งเอารึเปล่า
ตลกแบบนี้มีมาตั้งแต่ก่อนเกิดภัยพิบัติ คนจะพาเหยื่อไปตามฉากที่สร้างเอาไว้เพื่อแกล้งก่อนจะหัวเราะออกมาดังๆ
จางเทีย เคยอ่านถึงมันมาก่อน ตลกแบบนี้เป็นที่นิยมกันอย่างมากก่อนเกิดภัยพิบัติแต่ จางเทีย ไม่เคยเห็นมันมาก่อน เขาไม่คิดว่าจะมีคนเล่นแบบนี้ด้วยในเมืองจินไห่
“ ฟังนะ เวลาข้าสำคัญ ถ้านี่เป็นเรื่องตลก ข้าหวังว่ามันจะจบลงซะ ถ้าไม่มันจะมีผลที่ตามมา “ - จางเทีย มองเตือนไปที่ ฟิลิป และพูดขึ้นมาด้วยภาษาฮีบรู
ทั้งคนขับและ ฟิลิป ช็อกเล็กน้อยกับน้ำเสียงของ จางเทีย มีแค่คนจีนไม่กี่คนที่พูดด้วยภาษาฮีบรูในยุคนี้ เพราะภาษาจีนนะถือว่าเป็นภาษาสากลสำหรับหลายประเทศโดยเฉพาะเขตที่พูดฮีบรูกัน มันกลายเป็นเครื่องหมายไปเลยว่าจะเป็นพวกชนชั้นสูงถ้าพูดภาษาฮีบรูได้
“ ท่าน ในฐานะทูตของอาณาจักรกล้วยไม้ทอง ข้ารู้สึกอายจริงๆกับสถานทูตแห่งนี้แต่มันมีเหตุผลเรื่องนี้ ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ข้าจะขอใช้เวลาไม่นานในการอธิบายเหตุผล นี่ถือว่าเป็นเรื่องน่าอาย ตอนนี้ที่ว่าเวลาของเจ้ามีค่า เราสามารถคุยกันเรื่องนี้หลังจากที่ข้าจัดการบัตรของเจ้าเสร็จ เอาแบบนั้นเป็นไง ?”
เมื่อมองไปที่หน้าที่อายของ ฟิลิป จางเทีย ก็โยนเงิน 10 เงินให้กับคนขับก่อนจะลงจากรถ ในตอนที่คนขับรับเงิน จางเทีย เห็นว่าตาของ ฟิลิป นั้นเป็นประกายขึ้นมา
‘ แค่ 10 เงิน นี่หิวขนาดไหนเนี้ย ?’ จางเทีย ถอนหายใจ ‘ ดูเหมือนว่าสถานทูตแห่งนี้จะแย่ยิ่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้อีก แน่นอนว่ามันถือว่าวิเศษ ! ‘
เมื่อเห็น จางเทีย ลงจากรถ ฟิลิป ก็รีบนำทาง จางเทีย เข้าไปยังสถานทูต สถานทูตแห่งนี้น่ะเหมือนกับออฟฟิศของหน่วยกฎหมายที่ซึ่งเอาไว้หลอกพวกคนต่างชาติ
“ สถานทูตมาเป็นแบบนี้ได้ไง ? “ - จางเทีย ถามเป็นภาษาจีน
“ เรื่องมันยาว 15 ปีที่แล้วสถานทูตของเราไม่ได้เงินจากประเทศเลยแม้แต่ทองแดงเดียว ที่แย่งกว่านั้นคือเราต้องส่งเงินให้กับประเทศอีก สถานทูตอันก่อนในจินหยุนน่ะถูกประมูลไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นเราก็ย้ายไปที่ยีแยง หลังจากนั้นเราก็ย้ายไปที่เมืองสตาร์วิว สุดท้ายแล้วด้วยความช่วยเหลือจากนักธุรกิจใจดีของอาณาจักร เราเลยมาอยู่ที่นี่เพราะค่าเช่าถูก ! “
ในตอนที่เขาอธิบาย ฟิลิป นั้นดูขมขื่นขึ้นมา
“ เอาจริงๆแล้วแม้แต่ที่ทำการของที่ไหนก็ยังดีกว่าที่นี่ !” - จางเทีย พูดออกมาตรงๆ
“ นั่นก็จริง ! อย่างน้อยที่ทำการก็ต้องดูสวย ไม่เหมือนเรา ถ้าข้าออกจากที่นี่ ข้าคงรู้สึกอายที่จะบอกคนอื่นว่าเป็นทูต ! “
ในตอนที่พวกเขาพูดจบ ฟิลิป ก็ได้พา จางเทีย เข้ามาแล้ว
มีรูป,เอกสารในตู้ทั้งสองฝั่งของทางเดินมากมายซึ่งอาจจะใช้เพื่อให้ที่นี่ดูน่าเชื่อถือ
ด้านในตู้กระจกอันหนึ่ง จางเทีย เห็นหนังสือรับรองของจินหยุนซึ่งถูกใส่กรอบไว้อย่างดี
เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย ก็ตาเบิกกว้าง เขารู้สึกว่ามันคุ้มค่าแม้ว่าจะโดนพวกนี้หลอก ‘ พวกนี้มันมืออาชีพว่ะ ! มันดีจริงๆสำหรับพวกนี้ที่ปลอมจดหมายทางการได้ด้วยเงินไม่กี่ทอง ‘ จางเทีย ไม่เคยเห็นเอกสารระดับสูงแบบนี้มาก่อนตั้งแต่เกิด
เมื่อเห็นว่า จางเทีย มีท่าทีสนใจในจดหมายรับรอง ฟิลิป ก็รีบเริ่มแนะนำจากด้านข้าง
“จริงๆแล้วยังมีจดหมายรับรอบอีกอัน หลังจากการประท้วงและการเจรจาของจินหยุนแล้วเราก็ต้องส่งจดหมายนั้นกลับไปให้ประเทศของเรา ฉบับนี้คือที่ตัวแทนอันใหม่เอามาตอนที่เขาได้ถูกส่งมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน เราน่ะยังไม่ได้ส่งมันไปที่หน่วยต่างประเทศของจินหยุน เราเก็บมันไว้ที่นี่ ไม่ว่ายังไงคนก็ไม่สนมันอยู่แล้ว ! “
ในตอนที่ ฟิลิป แนะนำจดหมายให้กับ จางเทีย เสียงจากห้องข้างๆก็ดังขึ้นมาพร้อมกับมีชายอ้วนในชุดหลวมๆเดินหาวเดินเข้าไปในห้อง
เมื่อเห็น จางเทีย ชายคนนั้นได้กระพริบตาและคึกขึ้นมาอีกครั้ง – “ โย่ เจ้าได้งานนิ ฟิลิป เราจะได้มีมื้อเย็นดีๆกินหน่อยแล้ว ! “
ฟิลิป เอามือลูบหน้าด้วยความอายและแนะนำชายคนนั้นให้ จางเทีย – “ ขอโทษที ข้าจะแนะนำเขาให้ นี่คือผู้การกุ๊กซี่ เจ้าหน้าที่กองทัพของสถานทูตเรา ! “
“ เบลลี่ กับ อาลี อยู่ไหน ? ทำไมพวกนั้นยังไม่ทำงานกันอีก ? พวกนั้นไปเดินที่ท่าเรืออีกแล้วเหรหอ ? “ – ผู้การกุกซี่ ด่าออกมาพร้อมกับเอามือถูท้อง – “ ช่างเถอะ ข้าได้กลิ่นอาหารข้างล่าง ข้าอยากดื่มอีก ฟิลิป เจ้ามีเงินมั้ย ? เอามาให้ข้ายืมสักเงินสิ ข้าอยากได้เหล้าสักขวด ! “
แต่เมื่อได้ยินแบบนั้น ฟิลิป ก็ไม่สนใจแล้วดึง จางเทีย หนีไป – “ ข้าจะพาไปออฟฟิศ บัตรถูกจัดไว้โดยเจ้านิโคไร นี่คือรายรับหลักของสถานทูต ! “
หลังจากเลี้ยวที่มุมทางเดิน ฟิลิป ก็ได้พา จางเทีย ไปยังหน้าห้องออฟฟิศ เขาเคาะประตูและเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เขาก็เคาะมันอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ ฟิลิป เปิดประตูเข้าไปเลย เขาเข้าไปปลุกชายแก่ที่นอนอยู่ด้านหลังโต๊ะ หลังจากนั้นเขาก็กระซิบบางอย่าง เมื่อชายแก่ได้ยินก็ลุกขึ้นนั่งทันทีและมองมาที่ จางเทีย ด้วยตาที่เป็นประกาย
“ สวัสดี ข้านิโคไร ทูตของอาณาจักรกล้วยไม้ทอง ฟิลิป บอกข้าว่าเจ้าต้องการบัตรงั้นเหรอ ? “
ตั้งแต่ที่เข้ามาที่นี่ จางเทีย พอรู้สถานะของที่นี่แล้ว แม้ว่ามันจะฟังดูดีแต่จริงๆแล้วองค์กรกากๆก็ยังไม่ต่างอะไรกับพวกตัวแทนพวกนี้เลย
ในตอนที่ จางเทีย เข้าไปในห้อง ฟิลิป ก็ได้เอาเก้าอี้มาให้ จางเทีย หลังจากที่นั่งลงไป จางเทีย ก็โยนเหรียญทองให้กับ ฟิลิป - “ ทิปเจ้า ! “
ฟิลิป รับเหรียญทองและรีบเอาใส่กระเป๋าทันที เขายิ้มออกมาแล้วตอบกลับ – “ ขอบคุณครับ ความใจกว้างของเจ้านี่ทำให้ข้ารู้สึกว่าทำงานคุ้มจิรงๆ มันเป็นเกียรติที่ได้รับใช้เจ้า ! “
เมื่อเห็นแบบนั้น นิโคไร ก็ตัวสั่น เขากลืนน้ำลายและโดดเข้าหาซึ่งยากที่จะได้เห็นในคนอายุเท่านี้ หลังจากที่มาอยู่ตรงหน้า จางเทีย แล้ว เขาก็ก้มตัวแล้วยิ้มออกมา - “ ให้ข้าช่วยอะไรดีครับ ? “
จางเทีย ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตบไปที่โต๊ะและบอกออกมา – “ บอกข้ามาว่าพวกเจ้าทำบัตรแบบไหนได้ ?”
“ เราทำบัตรของพลเมืองอาณาจักรกล้วยไม้ทองได้ ! “ - หลังจากที่พูดจบ นิโคไร ก็ได้หันกลับไปสั่ง ฟิลิป - “ ไปอาชามาให้แขกสิ ใช้ชาที่ดีที่สุดที่ข้าเก็บไว้ ! “
เมื่อได้ยินคำสั่ง ฟิลิป ก็รีบออกไปทันที
“ มันใช่บัตรปลอมรึเปล่า ?”
“ บัตรจริง แน่นอนว่าจริงซึ่งสามารถใช้เข้าออกอาณาจักรกล้วยไม้ทองได้อย่างอิสระ “ – เมื่อพูดจบ นิโคไร ก็คึกขึ้นมา – “ นี่คือธุรกิจของสถานทูตเรา ! “
“ โอเคนะแม้ว่าข้าจะไม่ใช่คนของพวกเจ้า ? “ - จางเทีย สงสัย
“ โอเคสิ แน่นอน ! เพราะอาณาจักรเราน่ะเป็นประเทศเปิดซึ่งรับการมีอยู่ของหลายชนชาติ ใครก็ตามที่อยากเข้าก็จะเป็นที่ต้อนรับ ด้วยเงินไม่กี่ทองและพิธีง่ายๆ เราก็จะจัดการทำให้เจ้าได้ให้เร็วที่สุด ! “
‘ เหี้ย โลกนี้วิเศษเกินไปละ ! ‘ จางเทีย ล้อเลียนตัวเองกับการที่ทำตัวหยิ่งทะนง เขาไม่คิดว่าก่อนว่าจะมีประเทศแบบนี้อยู่บนทวีปไว่ด้วย เทียบกับสถานทูตแห่งนี้แล้ว บัตรปลอมนตี่ถือว่าดีที่สุดที่น่าจะทำได้
ฟิลิป เดินเข้ามาพร้อมกับชาร้อนๆและเอาไปวางไว้ตรงหน้า จางเทีย ในตอนที่ จางเทีย เห็นใบชาดีที่ว่าซึ่งดูเหมือนฟางหญ้า จางเทีย ก็หมดความอยากลงไปทันที
“ อยู่ๆข้าก็สนใจในประเทศของเจ้า แนะนำให้ข้าฟังหน่อยสิ ฟังดูแล้วเป็นประเทศที่น่าสนใจดี ! “
ด้วยการแนะนำของ ฟิลิป และ นิโคไร จางเทีย ก็เริ่มเข้าใจอาณาจักรกล้วยไม้ทองมากขึ้น
“ อาณาจักรกล้วยไม้ทองตั้งขึ้นมาหลังจากสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรก แม้ว่าจะไม่เจริญแต่มันก็ถือว่าเป็นประเทศชั้นสอง มันมีคนอยู่ 26 ล้านคนและมีพื้นที่กว่า 6.8 ล้านตารางเมตร ประเทศนั้นประกอบไปด้วยหลายเมือง มันมีพันธมิตรของรัฐต่างๆอยู่ด้วย “
เหตุผลเดียวที่ทำให้อาณาจักรนี้ถือว่าสุดยอดหาที่เทียบเคียงไม่ได้คือราชาของประเทศ --- ไฮเกอร์ที่เจ็ด
แล้วถ้าคนเราฝันที่อยากจะเป็นจักรพรรดิอยู่ทุกวันล่ะ ? อาณาจักรนี้เป็นตัวอย่างที่ดีเลย
ไฮเกอร์ที่เจ็ด ได้บัลลังก์มาตอนอายุ 16 หลังจากนั้นสิ่งแรกที่เขาทำคือใช้สมบัติของชาติกว่าครึ่งเพื่อเชิญคนมากมายที่มีทักษะมาสร้างยานแปลกๆซึ่งเทียบเท่าได้กับเครื่องบินก่อนเกิดภัยพิบัติซึ่งบินได้เร็วกว่าเสียง ..
ตามที่เขาเพ้อไว้นอกจากการบินเร็วกว่ายานยุคนี้แล้ว ยานนี้น่ะสามารถเปลี่ยนเป็นเครื่องจักรสู้รบบนดินได้ด้วย ไฮเกอร์ที่เจ็ด ฝันว่าจะสร้างกองทัพระดับสูงในยุคนี้ขึ้นมา
คำว่าระดับสูงน่ะ ไฮเกอร์ที่เจ็ด เป็นคนบอกเอง มันหมายความว่าไม่มีใครเข้าใจมันได้แม้กระทั่งตอนนี้ ไม่ว่ายังไงจากคำอธิบายของ ไฮเกอร์ที่เจ็ด แล้ว ตราบใดที่อาณาจักรกล้วยไม้ทองมีกองทัพแบบนั้น อาณาจักรจะพิชิตโลกได้ง่ายๆ
ฝันของ ไฮเกอร์ที่เจ็ด นั้นทำให้ทุกคนช็อกแต่เพราะการไล่ตามความฝันของเขา สมบัติของประเทศจึงถูกใช้หมดไปใน 2 ปี
มีคำพูดบอกว่า ไฮเกอร์ที่เจ็ด น่ะบ้าคลั่งกับยานนั้นซึ่งเขาอ่านเจอมาจากหนังสือเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดก่อนภัยพิบัติจากห้องสมุดของกองทัพ ไม่มีใครรู้ว่าเขาอ่านหนังสือเล่มไหน แม้ว่าจะมีหนังสืออยู่เป็นล้านเล่มแต่ก็มีน้อยคนที่เข้าไปอ่านได้
ดังนั้นฝันของ ไฮเกอร์ที่เจ็ด ที่จะสร้างเครื่องบินนั้นก็เหมือนกับหลุมที่ไม่มีก้นซี่งไม่ใช่แค่ใช้สมบัติทั้งหมดของประเทศไปแต่ยังทำให้เกิดความคิดที่บ้ากว่านั้นอีก
ไฮเกอร์ที่เจ็ด ไม่ใช่แค่คนบ้าแต่ยังเป็นคนใจกว้างด้วย ในปีที่สองหลังจากที่ได้บัลลังก์มา เขาได้สั่งยกเลิกโทษประหาญซึ่งแม้ว่าหลายคนจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
ในปีที่สาม เขาได้ทำการตั้งกฎสำหรับพื้นที่ต่างๆในอาณาจักร หลังจากนั้นเขาก็ได้ยกเลิกภาษีทั้งหมดให้กับประชาชนธรรมดาซึ่งไม่เคยมีราชาคนไหนเคยทำมาก่อน
ในปีที่สี่ตอนอายุ 20 เขาได้ทำการตัดสินใจที่บ้าที่สุดที่สั่งให้คนของกองทัพที่ดูแลเขานั้นให้ไปสร้างยานที่เขาฝันถึง
ตราบใดที่เจ้าหน้าที่ของอาณาจักรนั้นภักดีกับตระกูลของเขาตลอดไปและได้ทำการสาบานอีกทั้งยังจ่ายเงินไปจำนวนมากเพื่อให้ได้ตำแหน่ง หลังจากที่ทำข้อตกลงและเอกสารแล้ว พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนตำแหน่งให้เป็นตระกูลสืบทอดได้
เมื่อได้ยินข่าวนี้ เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างก็คลั่ง ผลก็คือมีตำแหน่งสืบทอดจำนวนมากที่ ไฮเกอร์ที่เจ็ด นั้นขายและได้มีเงินมากมายไหลเข้ามาในคลัง หลังจากนั้นเงินทั้งหมดก็ถูกเขาใช้เอาไปไล่ตามความฝันดังเดิม
ฝันของ ไฮเกอร์ที่เจ็ด เป็นแบบนี้ไปกว่า 10 ปี ระหว่างช่วงนั้นอาณาจักรเกือบโดนทำลายเพราะคนบ้า ในตอนที่ทุกคนคิดว่า ไฮเกอร์ที่เจ็ด จะกลับมาเป็นปกติและเลิกไล่ตามความฝัน ไฮเกอร์ที่เจ็ด ก็ได้ฝันใหม่ขึ้นมา
ในที่สุด ไฮเกอร์ที่เจ็ด ก็ตื่นจากฝันสูงส่งของเขาแต่เขาฝังตัวเองไปกับรากฐานของจีนในทวีปตะวันออก เขาเรียนรู้ทักษะหมัดแปลกๆมาซึ่งสามารถกันแรงกว่า 500 กก.ด้วยแรงแค่ 0.2 กก.และเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งได้ด้วยร่างกายที่อ่อนแอกว่า อีกอย่างแล้วมันสามารถเรียนรู้ได้ทั้งหญิงและชาย ไฮเกอร์ที่เจ็ด หลงใหลกับทักษะนี้อย่างมาก เขาได้พาผู้ติดตามจำนวนมากบินไปยังทวีปตะวันออกโดยไม่สนเรื่องอาณาจักรเลยสักนิด
ไฮเกอร์ที่เจ็ด คิดจะเอาทักษะนี้กลับมาและให้ผู้คนของอาณาจักรเรียนรู้มัน จากนั้นอาณาจักรก็จะพิชิตโลกได้ง่ายๆ
ใช้เวลา 12 ปีกว่าเขาจะกลับมา
ในตอนที่เขากลับมา ประเทศไม่ได้ต้องการราชาอีกต่อไป มันยังคงอยู่ได้มากว่า 12 ปีโดยไม่มีราชา
หลังจากที่เห็นภาพสะท้อนนั้น ในที่สุด ไฮเกอร์ที่เจ็ด ก็ตื่นจากฝัน
‘ เพราะเรามีรักและแสงสว่างในหัวใจ วันหนึ่งแม้แต่ปิศาจก็ต้องซึ้งใจกับความรักอันไม่เห็นแก่ตัวของเรา ข้าได้สร้างอาณาจักรกล้วยไม้ทองขึ้นมาให้เป็นสวรรค์ที่เต็มไปด้วยความรักและแสงสว่าง ตราบใดที่มีรักและแสงสว่าง เจ้าจะได้เป็นพลเมืองของกล้วยไม้ทอง .... ‘ นี่คือสิงที่ ไฮเกอร์ที่เจ็ด ประกาศในตอนที่เขาฉลองงานวันเกิดตอนอายุ 40 “
...
ปีนี้ ไฮเกอร์ที่เจ็ด อายุได้ 58 ปี หลังจากที่ดูแลลอาณาจักรมากว่า 40 ปี มันถือว่าปาฏิหารย์สำหรับประเทศที่ยังอยู่ได้โดยที่อำนาจยังคงอยู่ในตระกูลราชา
ต้องขอบคุณความดื้อด้านของสมาชิกจักรพรรดิ ภาษีที่ราชาบ้าได้ประกาศนั้นไม่ได้ถูกใช้ จำนวนเงินคร่าวๆที่จะได้มาจากมันแล้วก็แค่จ้างกองทัพได้ 20,000 กองทัพและเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆในวัง
...
“ ก่อนหน้านี้ตำแหน่งเลขาต่างประเทศนั้นไม่ได้ทำเงินเท่าไหร่แต่หลังจากที่ตระกูลฮิลารี่ได้ซื้อไป ผู้คนก็ตระหนักได้ว่ามันสามารถทำกำไรได้จริงๆ อย่างน้อยหลังจากที่ขายทรัพย์สินของประเทศแล้ว ตระกูลฮิลารีก็จะต้องเอาเงินลงทุนกลับมาจากตำแหน่งอยู่แล้ว ! “ – นิโคไร พูดด้วยท่าทีชื่นชมและเสียดาย
จางเทีย อึ้งไปกับความบ้าของราชาและประเทศบ้าๆนี่ ‘ อะไรวะเนี้ย... ‘