spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 313: มั่นใจ
เช้าวันต่อมาตอนที่ จางเทีย ได้ตื่นขึ้น เขาก็ลืมที่ไปตามหาหญิงสาวที่เขาพบเมื่อคืนนี้
สิ่งที่เขาจำได้ก็มีแค่เธอใส่กระโปรงสีแดงและมีรูปร่างที่ดีซึ่งได้บินออกไป
เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะลืมมันแต่เพราะเขาคิดเรื่องเธอมาตั้งแต่เขากลับมาเมื่อคืน เขายังคงคิดถึงผม,คิ้ว,ตา,จมูก,ปากและรายละเอียดอื่นๆของเธอ ผลก็คือ จางเทีย เริ่มรู้สึกตื่นตระหนกและจำไม่ได้อีกว่าเธอหน้าตาเป็นยังไงอีกต่อไป
เธอกลายเป็นแค่เงา เครื่องหมายและชื่อเสียงนั้นได้สลักลึกในใจเขา
จากนั้น จางเทีย พบว่าเหมือนความจำนั้นถูกลบไป ในตอนที่เขาคิดถึงคนหนึ่งมากเกินไป หน้าตาของคนนั้นจะไม่ชัดเจน แต่ละครั้งที่เขาพยายามคิดถึงเธอ มันก็เหมือนกับมียางลบลบมันออกไป ยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่มันยิ่งถูกลบไปมากเท่านั้น สุดท้ายความทรงจำส่วนนั้นก็หายไป
ทั้งคืน จางเทีย ได้ถูกลบความทรงจำไป ในตอนที่เขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาพบช่องโหว่ในหัวใจเขา
เมื่อคืนนี้มันเหมือนกับ 1 ปีสำหรับ จางเทีย เขาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน
‘ แล้วถ้าข้าไม่เห็นเธออีกล่ะ ? ถ้าข้าจำหน้าเธอไม่ได้ล่ะ ? ‘ จางเทีย เริ่มลนลานขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล
หลังจากที่ลุกขึ้นมาแล้ว จางเทีย ได้ไปอาบน้ำและพบรองเท้าของเธอวางอยู่ข้างๆเตียง
รองเท้านี้ทั้งสวยและสะอาด เขาจับมันขึ้นมาและได้กลิ่นหอมบางๆและกะรูปร่างของเธอได้คร่าวๆ
แน่นอนว่า จางเทีย ไม่ได้ทำอะไรโรคจิตกับรองเท้าของเธอ หลังจากที่เอารองเท้าของเธอกลับมาแล้ว จางเทีย ก็เห็นคราบดินที่เปื้อนอยู่ เขาจึงเช็ดมันออก หลังจากนั้นเขาก็ใช้กระดาษห่อมันอย่างดีและตากมันไว้ที่โต๊ะของเขา
ตอนนั้นเขาได้หยิบรองเท้าขึ้นมาและแกะกระดาษออกแล้วพบว่ามันแห้งดีแล้ว ดังนั้นเช็ดมันด้วยผ้าสะอาดและเก็บมันใส่เสื้อของเขาก่อนจะออกไป
จางเทีย ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างมาก เขาชินกับการตื่นเช้าและอ่านหนังสือ 1 ชม.ก่อนจะไปกินข้าวเช้า หลังจากนั้นเขาก็จะไปฝึกทักษะต่อสู้ต่างๆ
ระหว่างช่วงนั้น จางเทีย ก็ได้ก้าวหน้าในทักษะโล่อย่างรวดเร็ว เขาสามารถผ่านการทดสอบได้ เขาคิดที่จะเรียนรู้ทักษะการบินหลังจากที่จบวิชานี้เพื่อปรับทักษะการบินของเขาเผื่อว่าเขาจะไปเจอสถานการณ์แบบเมื่อคืนนี้ เขาอาจะเลือกไล่ตามเธอไป นั่นอาจจะตลกอย่างมาก
ตอนนั้น จางเทีย ไม่รู้เลยว่าน้ำหมักของเขาได้ทำให้คนทั้งแผนกช็อกไปตั้งแต่เมื่อคืน
เขายังคงฝึกพื้นฐานการเคลื่อนที่ตลอดเช้า ในตอนบ่ายตอนที่เขาคิดถึงเรื่องเอนไซม์ตามที่ ลียู่โหรว บอกมา จางเทีย ก็ได้ไปที่ห้องสมุดของแผนก เขาต้องการที่จะไปหาบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเอนไซม์
ครั้งนี้เขาช็อกจริงๆเพราะ จางเทีย ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาผลิตขึ้นนั้นมันคือเอนไซม์จริงๆ
หนังสือในแผนกนั้นมีมากมาย ส่วนมากมาจากความรู้ที่มนุษย์ก่อนเกิดภัยพิบัติทิ้งเอาไว้ หลังจากที่ปะติดปะต่อความรู้ที่เกี่ยวกับเอนไซม์ จางเทีย ก็เข้าใจคร่าวเกี่ยวกับผลของมันและเข้าใจว่าทำไมน้ำหมักของเขาถึงได้วิเศษนัก
คนจีนคนแรกที่ค้นพบผลอันยิ่งใหญ่ที่เอนไซม์ส่งผลต่อร่างกาย เมื่อกว่า 2000 ปีก่อนภัยพิบัติ เรื่องสุขภาพและการรักษาโรคนั้นก็เป็นที่แพร่หลายในหมู่คนจีนแล้ว
ตามการแพทย์จีน น้ำส้มสายชูซึ่งถือได้ว่าเป็นหัวหน้าของยาได้มีบทบาทในการรักษาโรค น้ำส้มสายชูนั้นมีเอนไซม์มากมาย มันคือเอนไซม์ที่ทำให้น้ำส้มสายชูนั้นเป็นหัวหน้าของยา
เหตุผลที่เอนไซม์นั้นมีผลเหล่านั้นเป็นเรื่องรากฐานของมันและเป็นพลังงานสำคัญและเป็นวัตถุดิบที่ล้วนแต่สำคัญกับกิจกรรมและสุขภาพของเซลล์มนุษย์ เมื่ออธิบายบทบาทของเอนไซม์ในร่างกายมนุษย์แล้วนักชีวะก่อนภัยพิบัติได้บอกว่ามันได้สร้างสิ่งที่สำคัญที่สุดมาได้
เขาอธิบายว่าถ้าร่างกายมนุษย์เป็นหลอดไฟ เอนไซม์ก็เป็นกระแสไฟ ! แม้ว่าเขาจะไม่เห็นหลอดไฟนั่นแต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเข้าใจของ จางเทีย
นักชีวะอีกคนที่ได้รางวัลในสาขานี้ได้พูดถึงผลของเอนไซม์ไว้ ‘ มนุษย์น่ะมีชีวิตสั้นเพราะขาดเอนไซม์ ‘
ก่อนภัยพิบัติ มนุษย์ได้สำเร็จในการค้นพบหลายๆอย่างผ่านการศึกษาเอนไซม์ พวกเขาตระหนักได้ว่าโรคภัยหลายๆอย่างนั้นเพราะเกิดจากการขาดเอนไซม์ มันอาจจะไม่ส่งผลได้ดีนักกับการรับมือกับโรคเหล่านั้นแต่เมื่อจำนวนของเอนไซม์เพิ่มขึ้นมาระดับหนึ่ง โรคนั้นก็จะหายไปเอง
ก่อนภัยพิบัติหมอหลายคนในที่ห่างไกลนั้นได้ใช้เอนไซม์เพราะมันเป็นวิธีเดียวในการรักษาสุขภาพของผู้คน
เพราะห้องสมุดในแผนกนี้ควบคุมโดยเครื่องจักรมากมาย จางเทีย เลยหาหนังสือได้จำนวนมากโดยเจาะจงชื่อลงไป
ในหนังสือ ‘ หมอสนามรบ ‘ ยาเพียงอย่างเดียว หมอที่รับผิดชอบในการรักษาแผลต่างๆและทุเลาความเจ็บปวดคือการใช้เอนไซม์ที่มาจากขิงดิบ,แอปเปิ้ล, และผลไม้ป่าอื่นๆในขวดเครื่องดื่ม
ในบรรดาข้อมูลนี้ก็มีหลักฐานจำนวนมากที่ยืนยันถึงผลการใช้เอนไซม์ที่เพิ่มอายุไขของมนุษย์
ในท้องถิ่นแล้วพวกหมอจีนมีเรื่องตลกๆเกี่ยวกับ ‘ ไวน์ของลิง ‘ เรื่องเป็นแบบนี้ : ในป่านั้นมีลิงมากมาย มีคนบอกว่าลิงพวกนั้นน่ะถูกเลี้ยงดูโดยพวกอมตะ พวกมันสามารถสร้างไวน์อมตะได้โดยใช้ผลไม้ต่างๆ วันหนึ่งคนป่าที่ปีนไปบนภูเขาเพื่อสับไม้ได้ช่วยลิงตัวหนึ่งออกจากปากงู หลังจากที่โดนช่วยไว้แล้วลิงได้นำทางชายคนนั้นไปที่ถ้ำ
หลังจากที่เข้าไปที่ถ้ำแล้วชายคนนั้นได้พบกับรางหิน ในนั้นมีผลไม้ต่างๆอยู่ในของเหลวสีเลืองที่ไหลไปมาตามรางหิน มันส่งกลิ่นที่เพิ่มความอยากอาหารขึ้นอย่างมาก ชายคนนั้นได้ลองจิบดู เขารู้สึกได้ถึงความสดชื่นและกลิ่นหอมของมัน หัวใจของเขาสงบลงและจิตใจก็เริ่มชัดเจนขึ้น เขาหลับลงไปอย่างสบาย ในตอนที่เขาลืมตาขึ้นมา เขารู้สึกสดชื่นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงชอมของเหลวนี้อย่างมาก
หลังจากนั้นชายคนนั้นก็มักจะมากินน้ำนี่ตอนที่เขาขึ้นเขามา ผลก็คือตอนที่เขาอายุกว่า 100 ปี เขาก็ยังดูสุขภาพดีอยู่ สุดท้ายแล้วเขาก็ได้ตายตอนอายุได้ 126 ปีซึ่งได้กลายเป็นตำนาน
เรื่องราวของไวน์ลิงนี้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือราวกับเป็นตำนาน ผู้เขียนคงไม่รู้รสชาติของไวน์นั่นแต่หลังจากที่อ่านเรื่องนี้แล้ว จางเทีย เข้าใจทันทีว่าไวน์ของลิงนั้นคือเอนไซม์ที่ได้จากผลไม้ในภูเขา
ไวน์ของลิงที่ชายคนนั้นได้ดื่มไปนั้นส่งผลเหมือนสิ่งที่ จางเทีย ได้ทำขึ้นมา อีกอย่างแล้วเพราะภูเขาและแม่น้ำนั้นสามารถรวบรวมพลังงานได้ ไวน์ของมันจึงส่งผลดีกว่าเอนไซม์ธรรมดา มันถือว่าเป็นไวน์อมตะที่นางฟ้าได้สอนให้พวกลิงหมักขึ้นมา
ในตอนที่เขาพบผลของเอนไซม์ จางเทีย ก็อยากเอาไปให้พ่อแม่เขากินทุกวัน
ก่อนภัยพิบัติหลายคนรู้ถึงผลอันวิเศษของเอนไซม์อยู่แล้วแต่ตอนนี้คนส่วนมากยังคงถูกให้คิดพึ่งสินค้าทางเคมีและวิทยาศาสตร์ หลายคนได้สร้างความคิดผิดๆและเชื่อในพวกคำโกหก --- ในด้านอาหารและยา ยิ่งเป็นวิทยาศาสตร์มากเท่าไหร่ มันยิ่งมีสารเคมีปนเปื้อนมากเท่านั้น
เพราะคำโกหกนี้คนจำนวนมากจึงกินอาหารและยามากมายซึ่งมีพิษเป็นตัวถามกลับมา คนนับไม่ถ้วนทำเรื่องแบบนี้ราวกับเป็นเรื่องปกติ
แต่หลังจากภัยพิบัติแล้ว นักเล่นแร่แปรธาตุได้เข้าใจถึงผลของเอนไซม์เพราะผลดีของเอนไซม์ที่ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์เกือบทุกด้าน เทียบกับยา,และเอนไซม์ทั่วไปที่ส่งผลช้า มันยิ่งใช้เวลามากว่าเดิมที่มันจะแสดงผลต่อร่างกายมนุษย์ มันไม่ได้รักษาโรคมากมายได้ในเวลาสั้นๆ ดังนั้นแล้วนักเล่นแร่แปรธาตุบางคนจึงได้สร้างข้อสมมติฐานบ้าๆขึ้นมา
--- วันหนึ่งถ้าใครสามารถสร้างสุดยอดเอนไซม์ที่สามารถส่งผลกับร่างกายมนุษย์เร็วกว่าเอนไซม์ทั่วไป เอนไซม์นี้จะรักษาได้ทั่วทุกด้าน
ในที่สุด จางเทีย ก็เข้าใจหลายๆอย่างเกี่ยวกับน้ำหมักของเขา มันกลับเป็นว่านี่คือรุ่นแรกของสุดยอดเอนไซม์ที่สร้างขึ้นมาจากยีสต์พลังงาน
จางเทีย รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะโด่งดังในตอนนี้ ตอนนี้มันแตกต่างจากตอนที่เขาสร้างพลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิต แม้ว่าพลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิตจะเฉียบคมแต่ก็ยังมีหลายคนที่สร้างมันขึ้นมาได้ เขาก็แค่เป็นคนพิเศษคนหนึ่งในหมู่คนที่สร้างมันขึ้นมาได้ ชายระดับ 6 ที่สร้างพลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิตขึ้นมาได้นั้นจะไม่ได้รับความสนใจมากมายอะไรบนเกาะนี้
แต่ครั้งนี้ จางเทีย ได้สร้างสุดยอดเอนไซม์ขึ้นมา นี่คือเรื่องใหญ่ อีกอย่างแล้วเขาได้ผลิตมันออกมาเป็นตันๆ ด้วยความสามารถที่สุดยอดแบบนี้ไม่นานทุกคนก็จะรู้ เขาคงฝังความลับไม่ได้อีกต่อไป แน่นอนว่ามันต้องทำให้เขาโด่งดังยิ่งกว่าเดิม
ในตอนที่อยู่ในปราสาทหมาป่าและเมืองแบล็คฮ็อต จางเทีย รู้แล้วว่ามันรู้สึกยังไงเมื่อเป็นที่รู้จัก เงิน,ฐานะทางสังคม,สาวๆ,ความท้าทายจะไล่ตามเขามาติดๆ เขาไม่คิดว่าเขาจะโด่งดังอีกครั้งเร็วแบบนี้และมันโด่งดังยิ่งกว่าที่เขาเคยเป็นในเมืองแบล็คฮ็อตอีก
‘ เจ้าเตรียมใจไว้รึยัง ? ‘ จางเทีย รู้สึกว่าโชคชะตากำลังผลักเข้าไปข้างหน้าหลังจากที่พักมาหลายเดือนแล้ว
หลังจากที่เปิดดูหนังสือพวกนั้น จางเทีย ได้นั่งอยู่ในห้องสมุดนานกว่า 1 ชม. เขาเริ่มคิดถึงหน้าทีละคนๆรวมถึงคนในครอบครัวเขา,เพื่อน, สาวๆกลุ่มกุหลาบ, เพื่อนในกองทัพ ในที่สุดเขาก็คิดถึงชายหัวล้าน เฟโอ
เขาจำได้ว่า เฟโอ น่ะสูบบุหรี่มวนโตและมองมาที่เขาจนบุหรี่นั่นเกือบจะแตะที่หน้าผาก จางเทีย
--- ไอ้หนู จำไว้ เจ้ารอดได้เพราะข้า เจ้าต้องมีชีวิตดีๆไปตลอดชีวิต ในตอนที่เจ้าเห็นสาวๆเจ้าควรเอาพวกเธอแรงๆ ตอนที่เจ้าเห็นศัตรู เจ้าควรฆ่าพวกนั้นให้หมด นั่นคือสิ่งที่ผู้ชายควรทำ ! ดูความสามารถกากๆของเจ้าช่วงนี้สิ เจ้าใช่คนจากแคมป์เหล็กโลหิตรึเปล่า ? มันก็แค่ชื่อเสียงเล็กๆน้อยๆ เจ้าจะไปกลัวอะไร ? เมื่อเจ้าโด่งดัง สาว,เงินและศัตรูจะเข้ามาไล่ตามเจ้าเอง เจ๋งขนาดไหน ! สำหรับสาวกระโปรงแดงนั่นรีบไปเอาเธอได้แล้ว เจ้าจะมัวรออะไรอยู่ ? รอให้เธอเรียกเจ้าว่าลุงรึไง ?
‘ เจ้าจะบอกว่าผู้ชายควรใช้ชีวิตเหมือนดอกไม้และตายอย่างสายฟ้า ดูเจ้าสิ ตั้งแต่ที่กลับมาจากวังไฮหยวน เจ้าใช้ชีวิตอย่างกับหมาไล่งับหญ้า เหี้ย ! เจ้าจะลังเลทำไม ? เจ้าใช่น้องข้าป่ะเนี่ย ? เจ้าใช่คนที่มาจากแคมป์เหล็กโลหิตรึเปล่า ?
“ แน่นอน ข้าคือน้องที่เจ้าช่วยไว้ด้วยชีวิตของเจ้า แน่นอนว่าข้ามาจากแคมป์เหล็กโลหิต “ - จางเทีย พึมพำ จากนั้นเขาก็เริ่มมั่นใจขึ้น
‘ เหี้ย พ่อคนนี้นี่แหละที่สร้างสุดยอดเอนไซม์ขึ้นมาเอง แล้วไง ? ‘