spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 307: วันกอบโกย (II)
โลกใต้ดินนั้นกว้างใหญ่ราวกับทะเล แม้ว่าจะห่างจากปากถ้ำมาแค่ 5-6 กก. มันก็เท่ากับการมาที่ชายหาดที่ยังห่างจากทะเลไปอีกไกล
ในตอนที่ผู้จัดการถามพวกคนที่มีน้ำหมักของ จางเทีย ในออฟฟิศเกี่ยวกับผลของมัน ทีมล่าตะคาบที่นำโดย หยางหยวนคัง ก็ได้เข้าไปในถ้ำมังกรและไปถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ซึ่งมีคนเคยเห็นตะขาบที่นั่น
ภายใต้พื้นที่ที่มีแมงมุมมารวมตัวกันมากที่สุดนั้นห่างจากปากถ้ำมา 3000 ม. แต่พื้นที่ของตะขาบนี้นั้นเป็นที่มืดกว่า ห่างจากทางเข้ามาได้ 5000-6000 ม.เท่านั้นที่จะได้เห็นพวกตะขาบ
ในระบบนิเวศของโลกใต้ดินนี้ ตะขาบนั้นมีห่วงโซ่อาหารมากมาย ทั้งเนื้อเน่า,ศพสัตว์อสูร, พวกหอยทากและแมลงและพืชก็เป็นอาหารของตะขาบ บางครั้งถ้าตะขาบนั้นหิวเกินไป พวกมันก็ยังจะกินพวกแมงมมุมด้วย
เทียบกับแมงมุมแล้ว ตะขาบนี้ตัวใหญ่กว่ามาก ส่วนมากมันยาวกว่า 10 ม. อีกอย่างแล้วตะขาบนี้เคลื่อนที่ได้เร็วกว่า พวกตะขาบนั้นจะแอบตามซอกต่างๆและเข้าโจมตีตอนไหนก็ได้ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก
สิ่งที่ทำให้คนกังวลมากที่สุดคือเปลือกของพวกมันซึ่งแข็งแกร่งกว่าพวกแมงมุมมอย่างมาก มันแทงทะลุได้ยากกว่า สิ่งมีชีวิตใต้ดินพวกนี้มีความอึดอย่างมาก แม้ว่ามันจะโดนตัดเป็นสองส่วนแต่ก็ยังมีชีวิตได้อีกกว่า 1 อาทิตย์ก่อนที่จะตาย
คนส่วนมากที่เข้ามาในพื้นที่นี้ก็เพื่อพยายามที่จะยกระดับให้เป็นระดับ 7 เทียบกับความยากในการสร้างพลังฉีต่อสู้ระดับ 6 แล้วแล้วการที่จะไปถึงระดับ 7 ได้ การสร้างพลังฉีต่อสู้นั้นเหมือนกับปลอกกล้วย ตราบใทดี่พวกเขาดูดซับไฟวิญญาณเข้าไปได้ พกวเขาก็จะสร้างสัญลักษณ์ต่อสู้ขึ้นมาได้
สมาชิกที่มาล่าตะขาบนี้ล้วนแต่เป็นนักสู้ระดับ 7 แต่ละคนต่างก็มาที่นี่กันหลายครั้งแล้ว ไม่นานหลังจากที่เข้ามาในเขตของพวกตะขาบ พวกเขาก็พบกับเหยื่อรายแรก
สำหรับนักสู้ระดับ 7 แล้วมันไม่ใช่เรื่องยากในการจัดการตะขาบ ด้วยความร่วมมือกันแล้ว มันใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ฆ่าตะขาบได้
หลังจากนั้นนักสู้ก็จะใช้ขวานเปิดหัวที่แข็งที่สุดของพวกมัน
แม้ว่าจะไม่พบแก่นเวทย์แต่พวกเขาก็ไม่ได้ผิดหวังเพราะมันจะถือว่าโชคดีถ้าพวกเขาหาแก่นเวทย์เจอตั้งแต่ตัวแรก ก่อนที่จะลงมานี่ พวกเขาก็เตรียมใจกับการไม่ได้อะไรแล้ว
หลายคนจากแผนกทำลายสวรรค์ได้มาล่าตะขาบที่นี่ทุกวันแต่กว่า 98% ไม่เจอเลยสักอันจนกระทั่งมาล่า 1 อาทิตย์ถึงจะได้เจอสักอัด อัตราการได้มานั้นไม่ถึง 1 ใน 1000
เพราะไม่มีแก่นด้านใน พวกเขาจึงเอาแต่ถุงพิษขนาดพอๆกำปั้น อย่างน้อยพวกเขาก็เอาไปขายทำเงินได้ มีบางกลุ่มที่ซื้อถุงพิษด้วยเงิน 2 เงินอยู่ พวกมันสามารถทำเป็นยาได้ทั้งแบบพิษและการรักษา
เปลือกตะขาบก็สามารถเอาไปทำกาวพิเศษได้แต่เพราะมันถูกและยากที่จะมาจัดการ นอกจากมีกลุ่มการค้าส่งคนมาจัดการ คนอื่นๆจะไม่สนใจของพวกนี้
“ ไปหาเป้าหมายที่สองต่อกัน เราน่ะอยู่ในช่วงอันตราย ระวังตัวกันด้วย “ - หลังจากที่ไม่ได้รับอะไรมา หยางหยวนคัง และคนอื่นๆก็ได้เดินหน้าต่อ
โชคดี 7 ชม.ต่อมาหลังจากที่ฆ่าตะขาบตัวที่ 34 และเปิดหัวมันออก ในที่สุดเขาก็เจอแก่นเวทย์
มันมีขนาดพอๆกับลูกปัดซึ่งเปล่งแสงสีแดงหม่นๆอกมาในที่มืด
เมื่อเห็นลูกปัดนั่น ทุกคนก็ทึ่งเพราะพวกเขาไม่คิดว่าจะได้มันง่ายขนาดนี้ในวันนี้แต่อันตรายมักจะมาตอนที่คนลดการป้องกัน ในตอนที่พวกเขาพากันตื่นเต้นอยู่ก็ได้มีตะขาบอีกตัวนั้นโผล่ออกมาและพุ่งเข้าใส่พวกเขาโดยดีดตัวมาไกลจากพวกเขา 10 ม.
ตะขาบสองตัวอาศัยอยู่ในรอยแตกนั่น ไม่ใช่แค่ตัวเดียว
“ ระวัง !”
หยางหยวนคัง เป็นคนแรกที่พูดขึ้น เขาตะโกนและกระโดดขึ้นทันที ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ใช้พลังฉีต่อสู้ออกมาอีกครั้ง...
ในเสี้ยววินาทีพิษจำนวนมากก็ถูกพ่นออกมาจากปากตะขาบและปกคลุมไปทั่วราวกับสายฝน แม้ว่าพวกเขาจะตอบโต้อย่างรวดเร็วแล้วแต่เมื่อเจอการโจมตีแบบนี้แล้ว สามคนในทีมได้โดนพิษเข้าไป
หลังจากนั้นหลายสิบวินาที ตะขาบตัวที่สองก็โดนฆ่าตายแต่พวกคนที่โดนพิษเองก็เริ่มแสดงอาการออกมา
พิษของตะขาบนั้นเป็นที่รู้จักกันดีกว่าออกฤทธิ์เร็ว เมื่อแผ่ออกไปแล้วมันจะไม่ต่างอะไรจากการโดนกัด เพราะพิษนี้เข้าไปในเลือดได้ผ่านทางผิวหนังทันทีที่โดน
“ อ๊าก ข้าคงโดนพิษมัน .. “
“ ข้าด้วย.. “
“ เร็วเข้า เช็คตัวเอง ตราบใดที่พบว่าโดนพิษ ให้ดื่มยาแก้พิษทันที ! “ – หยางหยวนคัง ตะโกนออกมา
แค่ 1 นาที จางเฟง ก็รู้สึกชีพจรเต้นแรง อีกอย่างแล้วเขารู้สึกมึนเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันลิ้นของเขาก็แข็งและชาขึ้นมา
“ เหี้ย ! “ - จางเฟง ด่าออกมาพร้อมจับไปที่คอและรู้สึกว่าคอของเขาด้านซ้ายร้อนเล็กน้อยเพราะโดนของเหลวบางอย่างราวกับน้ำร้อน
เพราะคอของคนนั้นใกล้กับหัวใจและสมอง ดังนั้นพิษนั้นจึงออกผลเร็วกว่าเมื่อไปโดนที่คอ จางเฟง รีบเอาขวดยาแก้พิษออกมา หลังจากที่เปิดขวด เขาก็ได้กลืนยาลงไป
ไม่ถึง 1 นาทีหลังจากที่กินยา เขาก็รู้สึกดีขึ้น ความรู้สึกมึนตะกี้ได้หายไป จากนั้นลิ้นเขาก็กลับมาเป็นปกติ เขาเริ่มมีสติมากขึ้น ที่มากกว่านั้นชีพจรเขาก็กลับเป็นปกติด้วย
“ เดี๋ยวนะ ยาแก้พิษนี่ไม่น่าใช่รสนี้นิ ! “
หลังจากที่เริ่มรับรสได้ จางเฟง ก็เลียปากและเขารู้สึกว่ารสชาติมันไม่เหมือนเก่า
...
“ ทุกคนโอเคมั้ย ? “
“ โอเค เหี้ย แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีตะขาบสองตัว ถ้าเราไม่เจอแก่นเวทย์ เราคงขาดทุนแน่ ! “
“ ถ้าไม่ใช่เพราะแก่นเวทย์ เราคงไม่โดนพวกนี้โจมตีง่ายๆหรอก ! “
ในตอนที่พวกเขาเริ่มคุยกัน
“ เฟง เจ้าเป็นไรมั้ย ?” – เมื่อเห็น จางเฟง ยังคงอยู่นิ่งหลังจากที่กินยาแก้พิษไป หยางหยวนคัง ก็เดินเข้าไปหาและเริ่มกังวล เขาตบไหล่ จางเฟง และถามออกมา
คนอื่นๆก็หันไปสนใจ จางเฟง และได้เดินไปหาเขา บางคนเห็นรอยสีแดงที่คอเขาซึ่งโดนพิษ
เมื่อคิดว่า จางเฟง โดนพิษ หยางหยวนคัง ก็รีบจับมืออีกฝ่ายและจับชีพจรแต่เขาพบว่าชีพจรก็เต้นปกติ ไม่มีสัญญาณว่าโดนพิษเลย
ทุกคนเองก็เห็น จางเฟง แสดงสีหน้าแปลกๆออกมา
“ มีอะไร ?” - หยางหยวนคัง ถามออกมาด้วยความสงสัย
“ หัวหน้า น้ำหมักที่เจ้าให้ข้ามาช่วยฟื้นฟูแรงของคนด้วยมั้ย ? “ - จางเฟง ถามออกมาด้วยความสงสัย
“ นั่นน่ะส่งผลดีอย่างมากกับอาการไขข้อ ! บางคนที่ลองมันล้วนแต่บอกว่ามันมีผลวิเศษอย่างมาก ! “
“ มีอะไรอีกมั้ย? “
“ เจ้าหมายความว่าไง ?”
“ ข้าพบว่า...มันเป็นยาที่ล้างพิษได้ ! “ - จางเฟง พูดออกมาเบาๆ
“ อะไรนะ ? ได้ไง ?”
เมื่อเจอกับสายตาสงสัยของทุกคน จางเฟง ก็ได้เปิดกระเป๋ายาและเอายาอีกขวดออกมา หลังจากนั้นเขาก็แสดงขวดเปล่าอีกขวด – “ หลังจากที่ติดพิษตะกี้ ข้าหยิบขวดผิดแต่ยาแก้พิษจริงๆน่ะยังอยู่นี่ ไม่นานหลังจากที่ข้ากินยาขวดนี้ไป อาการของพิษก็ได้หายไป ! “
เมื่อมองไปที่ยาทั้งสองที่มีขนาดเดียวกัน ทุกคนก็อึ้งเพราะมันเกินกว่าที่พวกเขาคาดไว้
คนที่ช็อกที่สุดคือ หยางหยวนคัง หลังจากที่อึ้งไปนานเขาก็ได้ทำสิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด เขาใช้มีดกรีดมือตัวเองและบีบเอาพิษตะขาบหยดลงไปในแผล หลังจากนั้นครึ่งนาที เขาก็ได้เอาขวดน้ำหมักและดื่มมันลงไปต่อหน้าทุกคน
ทุกคนมองไปที่เขาโดยไม่กระพริบตา
หลังจากนั้นสองนาที หยางหยวนคัง ก็แสดงสีหน้าอึ้ง...
“ มันได้ผลจริงๆ... “
ในเสี้ยววินาที หัวของ หยางหยวนคัง ก็เต็มไปด้วยความคิดมากมาย เกือบ 1 นาทีเขาถึงเพิ่งจะได้สติ
“ กลับไปที่แผนกกัน ! “
จางเทีย อาจจะยังไม่รู้ค่าที่แท้จริงของน้ำหมักที่เขาทำไว้ เพราะเพื่อนของเขา หยางหยวนคัง ได้คิดว่าเขาจะบอกเรื่องนี้ให้กับ จางเทีย ว่ามันถือว่าเป็นยารักษาที่แท้จริงเลยก็ได้ เขาควรที่จะบอกค่าที่แท้จริงของมันให้ จางเทีย รู้
หยางหยวนคัง มองไปที่คนอื่นๆที่มาด้วย จากนี้ค่าของน้ำหมักของ จางเทีย ต้องโด่งดังในแผนกแน่ๆ