หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 305: น้ำหมัก

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 305: น้ำหมัก

หลังจากฝึกมาสองวัน  จางเทีย ก็เริ่มปรับการเคลื่อนที่ด้านบนเสาที่สูงกว่า 4 ม.ได้ เขาเริ่มยืดหยุ่นกว่าเดิมและสามารถยืนได้นานขึ้น จากวันที่สามเป็นต้นไปมันก็ยากกว่าเดิมที่สาวๆจะเตะ จางเทีย ลงมาจากเสา

อีกอย่างแล้วในตอนที่เขาได้ฝึกการเคลื่อนที่บนเสา   จางเทีย ก็รวมการเคลื่อนที่พื้นฐานทั้งห้าของหมัดเหล็กโลหิตเข้าไปซึ่งถูกใช้ร่วมกับท่ามือทั้ง 36 ท่าเข้าไปด้วย

เขายังไม่ชินในการใช้มันออกมาตอนแรกเพราะก่อนหน้านี้เขาฝึกใช้มันที่พื้นแต่เขาก็ต้องฝึกมันบนเสาเหล่านี้แล้ว ถ้าเขาก้าวไปห่างจากที่ที่ควรจะไปเหยียบ เขาก็จะเสียสมดุล

แต่ จางเทีย ก็เริ่มคุ้นเคยกับท่าเคลื่อนที่พื้นฐานทั้งห้าของหมัดเหล็กโลหิตบนเสาเหล่านั้นได้

จางเทีย ไม่รู้ว่าท่าพื้นฐานทั้งห้าบนเสานี้จะเป็นความรู้ลึกลับของหมัดเหล็กโลหิต จริงๆแล้วนอกจากตระกูลจักรพรรดิของอาณาจักรนอแมนแล้ว มีแค่ไม่กี่คนที่รู้จักวิธีการบ่มเพาะนี้ สิ่งที่ จางเทีย สนใจนั้นมีแค่ผลลัพธ์ของหมัดเหล็กโลหิตเท่านั้น

เทียบกับความอับอายก่อนหน้านี้ในตอนที่เขาเพิ่งเรียนรู้การเคลื่อนที่พื้นฐาน  จางเทีย ทำได้ดีในทักษะการป้องกันซึ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ก่อนที่เขาจะเริ่มเรียนรู้ทักษะป้องกัน จางเทีย รู้แค่ว่าโล่มีใช้ป้องกัน หลังจากที่เรียนรู้มันแล้ว จางเทีย รู้ว่าทักษะของโล่นี้น่ะมีการป้องกัน,โจมตีและซ่อนตัว

การป้องกันก็คือการบล็อกและป้องกัน การโจมตีหมายถึงการชน,การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเพื่อทำลายจังหวะโจมตีของคู่ต่อสู้ การซ่อนหมายถึงใช้โล่ดึงดูดความสนใจของคู่ต่อสู้ในตอนที่ป้องกันรึโจมตี

การโจมตี,ป้องกัน,ซ่อนนั้นทำงานร่วมกัน พวกมันสามารถเปลี่ยนไปมาได้ตามโอกาสการใช้งาน

หลังจากที่เรียนรู้การป้องกันโดยโล่แล้ว จางเทีย ก็แสดงพรสวรรค์ที่สูงออกมาในตอนที่เขาใช้โล่ออกมาเป็นครั้งแรก

สาวๆที่แนะนำเขานั้นโจมตี จางเทีย ราวกับพายุด้วยหอกสั้นแต่หัวหอกนั้นมีลูกบอลผ้าแทน ระหว่างช่วงนั้น จางเทีย ทำได้แค่ป้องกันตัวเองด้วยโล่เท่านั้น

เขาต้องมาโดนอัด สาวๆเหล่านี้อยากสั่งสอนบทเรียนเขาแต่มันกลับเป็นว่าด้วยโล่ที่มีแล้ว จางเทีย ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง  นอกจากโดนโจมตีในตอนแรกๆซึ่งทำให้ จางเทีย ต้องกัดฟันแน่ไปถึงจนจบ  จางเทีย ก็เริ่มแสดงความแข็งแกร่งที่เหมือนเต่าออกมาซึ่งไม่มีทางที่จะโจมตีให้บาดเจ็บได้

มันจะเป็นเดิมแม้ว่าพวกเจ้าจะเปลี่ยนไปใช้อาวุธอื่นเพื่อโจมตีเพราะโล่ในมือนั้นเหมือนกับเกราะให้กับเขา  ไม่ว่าพวกเธอจะโจมตียังไง พวกเธอก็ต้องโดนโล่ของเขายั้งเอาไว้

ในที่สุดเพราะพวกเธอจัดการเขาไม่ได้ในตอนที่ฝึกทักษะโล่ป้องกัน สาวๆก็ต้องยอมแพ้กับการสั่งสอนเขาในเรื่องโล่แล้วไปแนะนำในเรื่องการเคลื่อนที่พื้นฐานแทน

จางเทีย จำประโยคที่ ดอนเดอร์ บอกไว้ได้ พวกคนที่พัฒนาน่ะจะไม่พูดแต่ยังมีเส้นทางให้พวกเขา ไม่ว่ายังไงเจ้าก็อย่าไปเหลิงกับคำชม ก็คล้ายๆกันคนเราไม่อาจทำลายกำลังใจของเจ้าได้ผ่านทางคำพูด

เวลานั้นคือสิ่งพิสูจน์ มันจะเผยบุคลิกที่แท้จริงของคนออกมา มีแค่พวกที่แสดงบุคลิกที่แท้จริงออกมาเท่านั้นที่ทนต่อการทดสอบมาได้ถึงจะได้รับความเคารพจากคนอื่น  เพราะพวกมันน่ะมีเสน่ห์มากกว่าพวกที่ดีแต่พูด

จางเทีย รู้สึกว่าเขาอยู่ในสถานการณ์นั้น

เขาไม่คิดว่าเขาเหลิงแต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเขาไม่ได้แย่เพราะเขาไม่ได้ไม่เคยทำเรื่องแย่ๆเพื่อให้ได้ผลประโยชน์โดยการคุกคามคนอื่นรึทำเรื่องไม่ถูกต้อง เขาเคารพคนที่จิตใจดี เขามักจะทำตามพวกนั้น เขาไม่คิดที่จะรังแกใคร

นี่คือสิ่งที่แม่ได้สอนเขามาตั้งแต่ยังเด็ก  จางเทีย จำมันขึ้นใจเสมอ

เพราะ จางเทีย ใช้เวลาไปมากมายกับสาวๆเหล่านี้ พวกเธอก็เริ่มเผยท่าทีให้เขาว่า จางเทีย จะไม่ได้เร่งรัดอะไรก็ตาม พวกเธอเริ่มตระหนักได้ว่า จางเทีย น่ะแตกต่างจากข่าวลือที่ได้ยินมา

จางเทีย ไม่ได้ใจร้าย,หน้าไม่อายและลามกเหมือนที่พูดกันมา พวกเธอกลับพบว่าเขามีด้านดีหลายๆด้าน

จางเทีย มีจิตใจที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าเขาจะโดนเตะตกจากเสากี่ครั้ง เขาก็ไม่พูดอะไรก่อนจะโดดกลับขึ้นมาอีกครั้ง

จางเทีย ใจกว้างอย่างมาก แม้ว่าเขาจะพูดเล่นไปเรื่อยกับพวกเธอแต่เขาไม่คิดจะเถียงเรื่องเล็กๆน้อยๆ แม้ว่าเขาจะต้องเจ็บจนได้แผลแต่เขาก็หัวเราะออกมาและไม่ได้คิดอะไรมากเพราะ จางเทีย ไม่มีความคิดแย่ๆในตอนที่เขามองคนอื่น หลังจากนั้นหลายวันพวกเธอก็เริ่มลบอคติที่มีทิ้ง

เมื่อพูดถึงเรื่องลามกแล้ว เขาก็แค่พูดหยอกพวกเธอ  ในตอนที่คุยกันทุกวันสาวๆพบว่า จางเทีย น่ะเคารพสาวๆเป็นพิเศษ แม้ว่าจะอยู่บนเสาแต่เขาก็ไม่โจมตีพวกเจ้ารุนแรงนักเพราะเขามักจะโจมตีส่วนล่างตั้งแต่เข่าลงไป

โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ยิน จางเทีย ได้ช่วยชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งโดยเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงในตอนที่เขาเป็นยักษาและไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน พวกสาวๆที่สั่งสอน จางเทีย อยู่ตอนนี้ก็เปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขา

ดังนั้นแล้วสาวๆก็เลยเริ่มเรียก จางเทีย ว่ารุ่นน้อง ในตอนที่พวกเธอยืนอยู่บนเสากับ จางเทีย  พวกเธอไม่ได้หาโอกาสจะเตะเขาให้หล่นแต่กลับสอนเขามากกว่าเดิม

เทียบกับทักษะการใช้โล่แล้ว ทักษะการเคลื่อนที่นี่คือเร็ว, ดุดันและรุนแรง --- เร็วหมายถึงความเร็วสูง, ดุดันคือการตัดสินใจที่แม่นยำ รุนแรงนั้นหมายถึงแรงมหาศาลที่ใช้ออกมา หลังจากที่มาถึงข้อกำหนดสามอย่างนี้แล้ว เขาก็ต้องเจอกับข้อกำหนดมากกว่านี้  การยืนบนเสาให้ได้อย่างมั่นคงอย่างกับตะปูที่ปักลงไปในไม้ เคลื่อนที่ได้เร็วเหมือนลูกดอกซึ่งหนักเหมือนกับค้อนและเบาราวกับขนห่าน

ระหว่างหลายวันที่ผ่านมาตอน จางเทีย ฝึกท่าพื้นฐานการเคลื่อนที่และการใช้โล่ ผลของมันก็ได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก

แต่ละคนนั้นต่างก็มีเพื่อนของตัวเองรวมถึงยักษาด้วย รุ่นพี่เฉิน ในพื้นที่ไข่มุก, ซูเวงเจียง, หยางหยวนคัง และ ซูเวงเจียง  หลังจากที่เอาน้ำหมักให้พวกนั้นไปแล้ว ผลของมันก็เริ่มพูดกันไปทั่วในหมู่เพื่อนพวกนั้น

คนมากมายอยากจะลองน้ำหมักของเขา ในเวลาสั้นๆน้ำหมักกว่า 10 กก.ก็ถูกขนออกมาจาก Castle of Black Iron และเพื่อนของ จางเทีย และเพื่อนของเพื่อนก็ได้เอาไปกิน

...

ในวันที่ 18 พฤษภาคม ปี 890 แน่นอนว่ามันต้องเป็นวันที่น่าจดจำสำหรับ จางเทีย

ในตอนเช้ามันไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากวันอื่นๆ หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้ว จางเทีย ได้ใช้เวลา 1 ชม.ในการอ่านบทสุดท้ายของ ‘ ประวัติศาสตร์มนุษย์ ‘ หลังจากที่กินข้าวเช้าและเริ่มเรียนและฝึกวิชาการต่อสู้ต่างๆ

เขารับข้อเสนอจากรุ่นพี่สาวๆ  จางเทีย เริ่มลงเรียนทักษะการยิงธนูและพื้นฐานดาบตั้งแต่สองวันที่แล้ว ตอนนี้ จางเทีย ต้องทำการฝึกสี่วิชาแทนที่จะเป็นสอง

ตอนนี้ จางเทีย พักผ่อนไม่ถึง 5 ชม.ต่อวัน เขาต้องออกจากที่พักตั้งแต่ 6 โมงเช้าและกลับมาตอนตี 1-2 ในตอนที่เขาเหนื่อย

จางเทีย รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปกลายเป็นเครื่องจักรตั้งแต่ที่เขามาที่วังมังกรลับ

ในตอนที่เขาอยู่ในแผนกซีซิง เขาน่ะคือเครื่องจักรเก็บแร่ ในตอนที่เขาอยู่แผนกทำลายสวรรค์เพื่อที่จะหาคะแนนตระกูล เขาก็กลายเป็นเครื่องจักรดำน้ำ  หลังจากที่ได้คะแนนพอเพื่อลงเรียน เขาก็กลายเป็นเครื่องจักรอย่างอื่นแทน

ในตอนที่เขาเรียนรู้พื้นฐานการเคลื่อนที่ จางเทีย ก็กลายเป็นเครื่องจักรที่โดดไปมาบนเสา  ในตอนที่เขาเรียนรู้การใช้โล่  จางเทีย ก็เป็นเครื่องจักรที่โดนอัด ในตอนที่เขาเรียนธนู จางเทีย ก็กลายเป็นเครื่องจักรที่ต้องยิงธนูออกมา ในตอนที่เขาเรียนดาบ จางเทีย ก็เป็นเครื่องจักรที่ต้องฟัน,แทง, สับและตัด...

นอกจากนี้แล้วเขาก็เป็นเครื่องจักรที่รู้จักแค่การนอน,กินและขับถ่าย

เขาอยู่ในเกาะนี้มากว่าครึ่งปี นอกจากฝึกและทำงานต่างๆ เขาไม่ได้ทำอะไรเลย เทียบกับการใช้ชีวิตแบบนี้แล้ว การฝึกเอาตัวรอดในหุบเขาหมาป่านั้นหอมหวานกว่าเยอะ

แม้ว่าแต่ตอนที่เขาอยู่ที่แคมป์เขาเหล็ก จางเทีย ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตลำบากแบบนี้

จางเทีย รู้ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่น  แม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตผ่อนคลายกว่านี้ได้แต่เมื่อเจอกับวิกฤตของสงครามครั้งที่สาม จางเทีย ก็ต้องเดินหน้ากัดฟันสู้ต่อไป  เขาไม่กล้าที่จะขี้เกียจเลย

มันเป็นวันที่ดี ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปที่สนามฝึกการเคลื่อนที่  จางเทีย ก็เงยหน้าขึ้นไปมองฟ้า

ท้องฟ้าสีครามนี้ทำให้ จางเทีย นึกถึงแหวนที่เขาให้ อลิซ ไป  ในตอนที่ จางเทีย คิดถึง อลิซ  เขาก็จำเพื่อนของเขาในแบล็คฮ็อตได้

‘ พวกนั้นจะเป็นไงบ้าง ? ‘

จางเทีย พึมพำพร้อมกับส่ายหน้าสลัดเรื่องนี้ออกไปจากหัวก่อน  จากนั้นเขาก็ได้เปิดประตูสนามฝึกเข้าไป..

จางเทีย ไม่รู้ว่าเขากำลังจะรวยแล้วในวันธรรมดานี่

...

ในตอนที่ จางเทีย เข้าไปที่สนาฝึก ที่ทางเข้าถ้ำมังกร หยางหยวนคังและเพื่อนของ จางเทีย บางคนในแผนกทำลายสวรรค์เพิ่งทำหน้าที่ยักษาเสร็จและกำลังเช็คอุปกรณ์  พวกเขาพร้อมที่จะเข้าไปในโลกใต้ดินเพื่อล่าตะขาบระดับ 7

มันก็เหมือนกับสัตว์ทั่วไปที่มีของมีค่าในตัวสัตว์อสูรเหล่านั้น ผู้คนจะหาแก่นเวทย์ได้จากตะขาบได้

แก่นเวทย์ของตะขาบนั้นคือสมบัติซึ่งใช้ไว้สร้างพลังฉีต่อสู้และเพิ่มพลังฉีต่อสู้

ในเดือนที่ผ่านมาราคาของแก่นตะขาบนี้เพิ่มสูงขึ้นจนไปถึง 1200 ทองซึ่งเกือบจะสองเท่าของปีที่แล้ว

“ เราน่าจะเช็คอุปกรณ์และยาอีกรอบ ที่สำคัญกว่านั้นเอายาแก้พิษระดับ 1 ไปด้วย ! “ – ในฐานหัวหน้าทีม หยางหยวนคัง ได้เตือนคนอื่นๆ

“ ไม่ต้องกังวล เราเอามาหมดแล้ว แต่ราคายาแก้พิษนี่เพิ่มขึ้นอีกแล้ว ตอนนี้ยาแก้พิษแต่ละขวดราคา 5 ทอง 60 เงิน ส่วนยามองในที่มืดราคาเพิ่มเป็น 40 เงิน บ้าเอ้ย ! ถ้าเราไม่ได้แก่นตะขาบมา เราคงขาดทุนแน่ ! “ - คนหนึ่งพูดขึ้นมา

“ จางเฟง ยาแก้พิษน่ะช่วยชีวิตเจ้า เมื่อเจ้าโดนพิษของมัน ถ้าเจ้าไม่ดื่มยาแก้พิษ เจ้าก็จะตายในไม่กี่นาที ! แม้ว่ามันจะแพงแต่มันเทียบไม่ได้กับชีวิตของเจ้า ! “

“ ข้าก็แค่บ่น  นักเล่นแร่แปรธาตุนี่หาเงินเก่งจริงๆ ยาพวกนี้มีขายในเกาะ เทียบกับพวกเขาแล้วเราน่ะโง่ เราต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อหาเงินนิดๆหน่อยๆ..”

“ เจ้าเห็นแค่โจรกำลังกินเนื้อ เจ้าไม่เห็นตอนพวกนั้นโดนอัด นักเล่นแร่แปรธาตุที่ทำยาขึ้นมาได้น่ะอยู่ในรายชื่อนักสร้างและคนรวยที่มีทักษะมากมาย  แม้ว่ายาพวกนี้จะทำเงินให้พวกเขาได้แต่พวกมันก็ไม่ได้ทำขึ้นมาได้ง่ายๆ ! “ – หยางหยวนคัง พูดกับ จางเฟง พร้อมกับยิ้ม

ชายที่ชื่อ จางเฟง ยิ้มตอบและนึกบางอย่างออก  เขาตบไปที่กระเป๋ายาที่เอว – “ หยวนคัง น้ำหมักนี่ดีอย่างที่เจ้าบอกรึเปล่า? “

“ เชื่อใจข้าได้ ในตอนที่เราไม่มีอาวุธรึอาหาร เราดื่มน้ำนี้ได้และอยู่ได้อีกนานเลย ! “ – หยางหยวนคัง ตอบกลับด้วยความมั่นใจ นี่คือสิ่งที่ หยางหยวนคัง, ซูเวงเจียง และ จางหลิน รู้มาหลังจากที่กินมันมาหลายครั้ง

น้ำหมักของ จางเทีย น่ะมีสารอาหารมากมาย หลังจากกินน้ำนี่ 100 มล. คนนั้นจะอยู่ได้ 10 ชม.

สำหรับการแก่นเวทย์ตะขาบแล้ว  หยางหยวนคัง ได้แบ่งน้ำหมักที่ จางเทีย ให้มากับคนอื่นๆ แต่ละคนต่างก็มีขวดน้ำหมักนั่นไว้ใช้เผื่อฉุกเฉิน

ในความเห็นของ หยางหยวนคังแล้ว  จางเทีย น่ะแน่นอนว่าต้องขายมัน

หลังจากที่ยืนยันว่าทุกคนหยดยามองกลางคืนลงไปแล้ว หลังจากนั้นภายใต้การนำของ หยางหยวนคัง ทีมทั้งหกคนก็ได้เข้าไปในถ้ำมังกร....

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.