หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 304: ฝึกต่อสู้

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 304: ฝึกต่อสู้

พายุนั้นคงอยู่ไปกว่าอีก 2 อาทิตย์  6 วันหลังจากที่ จางเทีย ช่วย ดูยู่ห่าน ไว้ ในที่สุดเขาก็ได้ปลุกสายเลือดขั้นแรกได้สำเร็จหลังจากที่ฝึกมา 2 เดือน

เขาได้สำเร็จมันอย่างสมบูรณ์ ในตอนที่ใช้หอกขนาดนิ้วมือ เขาสามารถล็อคเป้าไปยังหมาป่าที่อยู่ห่างไป 100 ม.ได้อย่างแม่นยำ  จางเทีย รู้ว่าเขาได้ทำมันสำเร็จแล้ว

จากนั้นเขาก็จะไม่ต้องพึ่งแค่หอกรึขนาดของอาวุธ ตราบใดที่เข้าล็อคเป้า  จางเทีย ก็จะมีการโยนที่แม่นยำ

หลังจากนั้น จางเทีย ตื่นเต้นอย่างมากจนลองด้วยหอย,หิน,หอยทาก,มีดและดาบ  ความจริงคือไม่ว่าจะเป็นอะไร ตราบเท่าที่ จางเทีย โยนมันออกไปด้วยแรงที่มี พวกมันจะแสดงพลังทำลายอันมหาศาลออกมา

อะไรก็ตามเมื่อมาถึงความเร็วระดับหนึ่งแล้ว มันจะทำให้เกิดแรงทำลายอันมหาศาลได้

ด้วยแรงที่ จางเทีย มี ของเหล่านั้นสามารถที่จะพุ่งออกไปได้อย่างรวดเร็ว

ในสองอาทิตย์เดียวกันนั้นสถานการณ์ในทวีปตะวันออกก็มีหลายอย่างมากมายเกิดขึ้น ข่าวเกี่ยวกับการพบปิศาจที่ที่ราบพายุได้มาถึงวังมังกรลับและทางตระกูลก็ได้ประกาศงานเกี่ยวกับการล่าปิศาจที่นั่น

ทุกคนที่สูงกว่าระดับ 6 สามารถรับงานนี้ได้ ข้อกำหนดเดียวของคนที่รับงานนี้คือผ่านวิชาเลือกสำหรับการต่อสู้ทั้งหมดก่อน

งานนี้น่ะสามารถทำเป็นช่วง แต่ละช่วงนั้นอยู่ได้ 3 เดือน แต่ละช่วงนั้นจะมีนักเรียน 50 คน

งานนี้ทำให้ทั้งแผนกช็อก  จางซู เองก็รับงานช่วงแรกไป วันหนึ่ง จางซู และเด็กอีก 49 คนได้ขึ้นยานและไปยังที่ราบนั่น

ช่วงแรกของคนที่ไปนั้นล้วนแต่อยู่เหนือกว่าระดับ 7 บอกได้เลยว่า 1/3 ของพวกนั้นอยู่ในรายชื่อความแข็งแกร่งของวังมังกรลับ

การฆ่าปิศาจแต่ละตัวนั้นนักสู้จะได้รับคะแนน 100 คะแนนเป็นค่าตอบแทน นี่ทำให้หลายคนสนใจแต่จากรางวัลนั่นแล้วทุกคนก็รู้ว่างานนี้มันเสี่ยงขนาดไหน การสู้กับปิศาจนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสักนิด

เหตุผลคือปิศาจนั้นน่ากลัวและพวกมันแข็งแกร่งเทียบเท่านักสู้ระดับ 6 โดยที่พวกมันไม่ต้องฝึก

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเรียกว่านักสู้ไม่ได้จนกว่าจะถึงระดับ 6 นี่คือมาตรฐานเพื่อจัดระดับปิศาจ พวกคนที่ไม่ถึงระดับ 6 ได้นั้นจะเป็นได้แค่นักรบ

ความสามารถของปิศาจนั้นน่ากลัวอย่างมาก ในทางกลับกันข่าวดีสำหรับมนุษย์คือปิศาจทุกตัวนั้นจะกลืนกินปิศาจตัวอื่นเพื่อสร้างทางเดินขึ้นมา นั่นเป็นเรื่องทั่วไป ข่าวร้ายคือปิศาจได้สร้างทางเดินเหล่านั้นขึ้นมาเพื่อที่จะกลืนกินมนุษย์ต่อ

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมมนุษย์จึงได้เป็นปฏิปักษ์กับปิศาจ เพราะมนุษย์น่ะคืออาหารของพวกมัน

ไม่ใช่ปิศาจทุกตัวนั้นโตเต็มวัยแต่ระดับต่ำสุดของพวกที่ยังไม่อยู่ช่วงโตเต็มวัยนั้นก็อยู่ที่ระดับ 5 แล้ว  ด้วยการมาถึงของสงครามศักดิ์สิทธิ์แล้วยิ่งมีปิศาจมากมายที่โผล่ออกมาจากทางเดินเพื่อเข้าสู่สนามรบ

สิ่งที่ทำให้กองทัพปิศาจนั้นน่ากลัวคือแต่ละกองทัพนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆผ่านการต่อสู้  ในช่วงหลังๆในสงครามสองครั้งก่อนหน้า กองทัพปิศาจที่เหลือนั้นไม่ต่างจากเครื่องจักรฆ่าที่มีแต่ปิศาจตัวเต็มวัย  เครื่องจักรฆ่าเล่านั้นสร้างความเสียหายให้โลกมนุษย์มหาศาล

ในที่สุดสิ่งที่ทำให้มนุษย์นั้นรอดสงครามสองครั้งก่อนหน้านั้นไม่ใช่พลังต่อสู้ของมนุษย์แต่เป็นเพราะความสามารถในการกอบกู้ของต่างๆ

งานแบบนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ จางเทีย เลยสักนิดอย่างน้อยก็ในตอนนี้ ดังนั้น จางเทีย จึงทำได้แค่รีบเรียนพื้นฐานต่างๆในวังมังกรลับ

ไม่กี่วันที่พายุผ่านพ้นไป จางเทีย ก็ได้ออกจากพื้นที่ไข่มุกและได้จบหน้าที่ในฐานะยักษา

งานนี้ทำอยู่ 9 อาทิตย์ซึ่งทำให้ จางเทีย ได้คะแนนไป 540 คะแนน

ด้วยคะแนนเหล่านี้แล้วในที่สุด จางเทีย ก็จะได้เข้าเรียนวิชาเลือกสำหรับนักสู้อย่างเป็นทางการได้

มีวิชาเลือก 6 วิชาสำหรับนักสู้ในแผนกทำลายสวรรค์

เพราะการขาดพื้นฐาน จางเทีย เลยตขาดการฝึกฝนของพื้นฐานทักษะเหล่านั้น

จริงๆแล้ว จางเทีย เป็นคนชอบแข่งขัน แม้ว่าสาวๆในแผนกทำลายสวรรค์นั้นอยากจะหาเรื่องเขาในตอนที่เขาฝึกการเคลื่อนที่พื้นฐานและทักษะการป้องกันแต่  จางเทีย ก็ยังเลือกลงสองวิชานี้ก่อน

2 วันหลังจากที่ใช้คะแนน 140 คะแนน  จางเทีย ได้ไปที่สนามฝึกท่าการเคลื่อนที่และพบกับพวกสาวๆที่อคติกับเขา

มันเหมือนกับเป็นเครื่องจักรไอน้ำมากกว่าสนามฝึก

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือแท่งเหล็กเรียงรายซึ่งขยับไปมาจากแรงไอน้ำที่ขับเคลื่อนกว้างไปกว่าพันตารางเมตร

หลายคนได้โดดขึ้นไปที่เสาเหล็กเหล่านั้นและหลบแรงดันที่ยิงออกมาใส่พวกเขาจากทุกทิศทาง  พวกคนที่โดนไอน้ำเหล่านั้นยิงเอาจะตกลงมาและร้องโหยหวนก่อนจะตกลงไปที่บ่อด้านล่าง

“ ตรงนั้นเหรอ ?” - จางเทีย ชี้ไปที่แท่งเหล็กเป็นแถวที่เรียงรายพร้อมกับถามสาวๆที่ฮึดฮัดใส่เขา

“ นั่นมันถือว่าดีเกินไปสำหรับเจ้าด้วยซ้ำ  นั่นคือพื้นที่ฝึกสำหรับทดสอบพื้นฐานการเคลื่อนไหว มันยาว 100 ม.  ถ้าเจ้าผ่านทางเดินนั้นได้โดยไม่เปียก เจ้าก็จะผ่านการทดสอบ เจ้าไม่รู้แม้แต่พื้นฐานการเคลื่อนไหว เจ้ายังจะเข้าการทดสอบอีกรึไง ?”

“  อย่ามาไร้สาระ ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจัดการข้า ทำเลยสิ ข้ารออยู่เลย ! “ - จางเทีย กอดอกแล้วพูดออกมา เพราะเขามาที่นี่ เขาไม่เชื่อว่าพวกนี้จะพลาดโอกาส

“ ดี ! มากับเราสิ.. “

จางเทีย ตามพวกนั้นไปในห้องที่ยาวหลายสิบเมตร หนึ่งในนั้นได้กดปุ่มและคันโยกบางอย่างที่กำแพง  ไม่นานแท่งเหล็ก 6 แถวก็โผล่ขึ้นมาจากพื้น

พวกมันไม่หยุดจนสูงจากพื้นไปกว่า 4 ม.  พื้นที่ด้านบนของเสานั้นใหญ่ประมาณแค่ถ้วยซึ่งวางได้แค่เท้าเดียว

ในตอนที่เสาเหล่านั้นขึ้นไปถึงจุดสูงสุด สาวๆก็ได้มองหน้ากัน

“ รู่เหมาย เจ้ารึข้าก่อน ? “

“ ข้าไปก่อนเอง ! “

เมื่อพูดจบ ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินไปที่เสาเหล็กนั่น เจ้ากระโดดไปมาอย่างง่ายดายและยืนอยู่ด้านบนด้วยเท้าเดียและอีกเท้าได้ยกขึ้นมา ในเวลาเดียวกันเจ้าก็มองมาที่ จางเทีย อย่างภูมิใจ

แม้ว่า จางเทีย จะไม่ได้สร้างความประทับใจให้สาวๆเหล่านี้แต่เขาก็ยังชื่นชมความสามารถของเธอ

“ ตาเจ้าแล้ว !”

“ เพื่ออะไร ? “ -  จางเทีย เริ่มงงขึ้นมานิดๆ

“ นี่คือขั้นแรกของการเคลื่อนที่พื้นฐาน เสาทั้งห้า  เจ้าใช้ได้แค่เท้าเหยียบเสาได้แทนที่จะใช้พลังฉีต่อสู้ ตอนที่เจ้ายืนอยู่เสาพวกนี้ได้ 2 นาทีและหลบลูกเตะของ รู่เหมย ได้ เจ้าจะผ่านขั้นแรก ! “

“ ข้าเตะเจ้าไม่ได้รึไง ? ไม่ใช่ว่าข้าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบรึไง ? “

“ ถ้าเจ้ามีพรสวรรค์ขนาดนั้น เจ้าก็ลองเตะเธอได้ ตราบใดที่เจ้าเตะเธอตกลงมาได้ เจ้าก็ผ่านขั้นนี้ไปเหมือนกัน ! “ – เด็กสาวพูดด้วยท่าทีหยิ่งทะนง

“ ได้ ! “

จางเทีย เดินไปที่เสาและสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนเสาโดยใช้มือและเท้าช่วย

ถ้าผู้หญิงที่ชื่อ รู่เหมย นี้เหมือนกับนกนางแอ่นแล้ว  จางเทีย น่ะก็เป็นแค่หมีที่รู้แค่การใช้แรงโง่ๆ

จางเทีย เริ่มยืนบนเสาด้วยเท้าเดียว ในตอนที่เขามองไปรอบๆ เขาก็เริ่มที่จะเซไปมา เมื่อตระหนักได้ว่าเขาไม่อาจทำเลียนแบบเธอได้   จางเทีย ก็เอาเท้าอีกเท้าวางไว้ที่อีกเสาหนึ่ง  หลังจากเซไปมาอีกสองครั้ง ในที่สุดเขาก็ยืนนิ่งได้

ระหว่างช่วงนี้ ผู้หญิงคนนั้นได้ฮึดฮัดออกมาตลอด  หลังจากที่ จางเทีย ยืนนิ่งได้ ในที่สุดเจ้าก็อ้าปากพูด – “ เจ้าพร้อมยัง ? “

“ พร้อม ! “

ในตอนที่ จางเทีย พูดจบ เขาก็รู้สึกว่าเท้าขวาของเขาโดนขาของเจ้าเกี่ยวเข้าซึ่งทำให้เขาเสียสมดุล ผลก็คือเขาตกลงมาจากเสาทันที

“ บ้าเอ้ย ! “ – ต้องขอบคุณ Iron-Body Fruit ที่กินไป  จางเทีย ลุกขึ้นยืนและกระโดดขึ้นไปบนเสาอีกครั้ง

ครั้งนี้ จางเทีย เริ่มฉลาดขึ้น ในตอนที่ผู้หญิงคนนั้นจะเกี่ยวขาเ เขาก็ได้ดึงเท้ากลับมาแต่ก่อนที่เขาจะถอยอีกเท้ากลับ ผู้หญิงคนนั้นก็เตะไปที่ก้นของเขาและทำให้เขาตกลงมา

ครั้งนี้ จางเทีย เริ่มอายมากกว่าเดิม เมื่อเห็นสายตาที่ดูอับอายของ จางเทีย แล้ว เธอก็ได้ฮึดฮัดออกมาแต่ก็รีบซ่อนมันไว้

ในตอนที่ จางเทีย ลองเป็นครั้งที่สาม เขาเลือกที่จะปล่อยการโจมตีออกไปแต่ก่อนที่เขาจะโดนเสื้อผ้าของเธอแล้วเขาก็โดนเตะลงมา

ในอีก 2 ชม.ต่อมาผู้หญิงอีกคนก็สลับขึ้นมาอัดเขาแทน

ระหว่างตอนนั้น จางเทีย ตระหนักได้ถึงความลับของการเคลื่อนที่นี่เพื่อฝึกพื้นฐานการเคลื่อนที่

นี่เหมือนกับปัญหาของไม้ขีดไฟเลย ในตอนที่ยืนอยู่บนเสาหนึ่ง ถ้าต้องการเคลื่อนที่จะเคลื่อนที่ได้ 5 แบบ ด้วย 6 เสาแล้วจะคุ้นเคยการเคลื่อนที่ได้ 30 แบบในทุกทิศทางและระยะทางด้วย

หลังจากที่คุณเปลี่ยนการเคลื่อนที่ด้านบนเสานั้นให้เป็นสัญชาตญาณได้ ในตอนที่สู้กับคนอื่นบนพื้น คุณจะมีพื้นที่มากมายเพื่อหลบ

จางเทีย เข้าใจความลับจากการที่ตกลงไปจนจมูกเลือดออกและหน้าบวมเปล่ง

“ หลังจากนี้เจ้าควรฝึกเองทุกวัน เราน่ะ ‘ มาสอน ‘ เจ้าได้แค่ 2 ชม.ต่อวัน การแนะนำของเราวันนี้จบแล้ว เราจะมาต่ออีกวันพรุ่งนี้ ! “ – หลังจากที่พูดจบพวกเธอก็ได้ออกไป

นี่มันราคาของการคุกคามสาวๆ

เหี้ย !

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.