spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 293: ใช้ความตายเป็นกระจก
คนในแผนกทำลายสวรรค์นั้นมีอิสระที่จะจัดตารางเรียนตัวเองได้ตามสบาย ไม่มีใครบังคับให้ทำอะไร ตราบใดที่คุณสามารถจ่ายเงินได้ 30 ทองต่อเดือนให้เกาะ คุณสามารถถือได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ของเกาะนี้และอาศัยอยู่ที่นี่ได้ไปตลอดชีวิตแต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากเกาะนี้ก่อนที่จะเรียนรู้ทั้งหลักสูตร
ในแผนกทำลายสวรรค์ นอกจากเรียนรู้และบ่มเพาะแล้ว คุณต้องเข้าเรียนตามหลักสูตรที่คุณเลือก คุณสามารถที่จะหาเงินและหาคะแนนผ่านหน้าที่ต่างๆของตระกูล คุณอาจจะมีสิทธิที่จะออกไปนอกเกาะเพื่อทำงานบางอย่าง
แต่ทุกงานที่ให้ออกจากเกาะนั้นจะยากอย่างมาก บางอันถึงกับอันตรายสุดๆ 2 ใน 3 ของนักเรียนที่ตายไปในตอนที่เรียนในแผนกนี้นั้นโดนฆ่าตอนที่พวกเขาออกจากเกาะเพื่อไปทำงาน
แผนกทำลายสวรรค์นี้คือโรงเรียน, กองทัพและสุสาน มันมีสองฝั่งคือฝั่งที่อิสระและฝั่งที่ยาก บรรยากาศที่นี่น่ะจะเปลี่ยนคุณให้เป็นแค่ผู้อาศัยรึไม่ก็เถ้าถ่าน
ถ้าคุณไม่ต้องการเป็นสองอย่างนี้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือต้องขยันให้มากกว่าเดิมเรื่อยๆ คุณน่ะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกัดฟันแน่นและต้องแข็งแกร่งมากกว่าเดิม
ในคืนแรกที่ตั้งแต่ที่เขาเข้ามา จางเทีย ได้รับหน้าที่อันแรก ในตอนที่ จางเทีย ยังคงอยู่ในห้องก็ได้มีบางคนส่งงานแรกให้ผ่านช่องประตู
มันคืองานตลกๆ --- ทำความสะอาดเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์โดยจะได้รับคะแนน 5 คะแนน หน้าที่แรกสำหรับคนที่เพิ่งเข้ามาในแผนกทำลายสวรรค์
ตอนแรก จางเทีย รู้สึกว่างานนี้มันง่ายๆแต่ไม่นานเขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดเพราะเขาต้องทำความสะอาดศาลาบูชาชั้นสูงในแผนกทำลายสวรรค์
ศาลาบูชาชั้นสูงนั้นคือแท่นบูชาในแผนกที่ใช้ไว้ให้เกียรติสมาชิกที่เสียสละตัวเองรึตายไปในการบ่มเพาะตอนอยู่ในแผนก
ตอน 6 โมงเช้าวันต่อมา ตามกฎ จางเทีย ก็ได้มาถึงที่ศาลาบูชาตอนที่พระอาทิตย์เพิ่งจะขึ้น มีคนอยู่แค่คนเดียวที่เฝ้าทางเข้าไว้ หลังจากที่ จางเทีย มาถึง ชายชราก็ได้พา จางเทีย เข้าไปในศาลา
ทันทีที่เขาเข้ามาเขาก็พบกับโต๊ะบูชามากมายซึ่งทำให้เขากลัวอย่างมาก
“ ศาลาบูชานี้จะเปิดตั้งแต่ 9 โมงไปถึง 3 ทุ่ม ดังนั้นเจ้าควรจะมาที่นี่ก่อนเปิด 3 ชม. มันมี 3 ชั้น แต่ละชั้นมีโต๊ะบูชา 1183 ตัว เจ้าต้องทำความสะอาดพื้น,หน้าต่างและโต๊ะทั้งหมด หลังจากที่ปิดในตอนเย็นแล้ว เจ้าควรที่จะทำความสะอาดอีกรอบ ! ตอนที่ศาลาเปิด ถ้าใครต้องการจะมาทำความเคารพที่นี่ เจ้าควรที่จะทำความสะอาดอยู่เรื่อยๆ... “ – ชายชราพา จางเทีย ไปดูรอบๆและบอกเขาถึงวิธีทำความสะอาดและสิ่งที่ต้องดูแล
ในที่สุดเขาก็ได้พา จางเทีย มาที่ห้องเครื่องมือ หลังจากที่อธิบายถึงวิธีใช้เครื่องมือต่างๆ ชายชราก็ได้ถอนหายใจออกมา – “น่าสงสาร โต๊ะบูชาอันสุดท้ายถูกวางไว้มากว่า 2 เดือนแล้ว พวกเขาต่างก็เป็นคนหนุ่มสาว.. “ – หลังจากที่พูดจบชายชราก็ได้ส่ายหน้าและเดินจากไป
เขาพยายามที่จะรวบรวมสติ จางเทีย เริ่มทำความสะอาด แม้ว่าเขาจะฆ่าคนและเห็นเลือดมากมายแต่เขาก็ยังกลัวนิดๆในตอนที่ทำความสะอาดโต๊ะบูชาเหล่านั้นและเห็นรูปสีขาวดำบนโต๊ะเหล่านั้น
มองในด้านดีคือมันมีแค่รูปและชื่อ ที่ด้านหลังนั้นเป็นคำแนะนำง่ายๆเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตของคนนนั้นๆ ชีวิตของคนถูกบันทึกไว้เพียงไม่กี่คำ --- พ่อแม่,ปีที่เข้าวังมังกรลับ,เรื่องราว, เหตุผลที่ตาย
แต่ละคนต่างก็น่าสงสัย หลังจากที่เขากลัวน้อยลงแล้ว ในตอนที่เขาทำความสะอาดโต๊ะบูชาเหล่านั้น จางเทีย เริ่มดูประสบการณ์ขอแต่ละคนและสิ่งที่ทำให้พวกนั้นตาย นอกซะจากว่าคนเราจะไม่อยากเห็นคำพูดพวกนี้ ยังไงซะก็ต้องเห็นอยู่ดี
ยิ่งเขาทำความสะอาดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเห็นมากกว่าเดิม สุดท้ายแล้ว จางเทีย ก็เริ่มที่จะมีอารมณ์แปลกๆขึ้นมา
แม้ว่าพวกนี้จะใช้ชีวิตที่ต่างกันในตอนที่พวกเขามีชีวิตอยู่แต่พวกเขาก็ตายเพราะหลายสาเหตุ
บางคนเกิดมามีพรสวรรค์ที่ซึ่งปลุกสายเลือดได้หลายแบบและไปถึงระดับ 10 ได้ตอนอายุ 17-18 ปีซึ่งหมายถึงนักสู้ที่แข็งแกร่ง สุดท้ายแล้วระหว่างการบ่มเพาะ พวกเขาไม่ได้ฟังคำแนะนำของคนอื่นและต้องการที่จะฝ่าจุดคอขวดนี้ไปให้ได้ซึ่งทำให้พวกเขาโดนปิศาจสิงสู่และกระอักเลือดออกมาก่อนที่จะตายไป
บางคนก็อยู่ในระดับทั่วไป หลังจากที่เข้าวังมังกรลับ เขารึเธอนั้นทนไม่ได้กับจังหวะการใช้ชีวิตที่นี่และโดนผู้อื่นทิ้งไว้ด้านหลัง เขารึเธอนั้นบ่นทุกวันในที่สุดก็ต้องตายจากความเศร้า
บางคนคิดว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งเกินไปในตอนที่พวกเขารับงาน ผลก็คือพวกเขาได้ตายในตอนที่ทำงานเหล่านั้น
บางคนใจดีและลังเลในตอนที่ทำงานพิเศษแต่หลังจากที่ยกโทษให้ศัตรูแล้ว พวกเขาก็โดนฆ่า
บางคนตายเพราะความประมาทในตอนที่ออกไปทำงานธรรมดา
บางคนตายเพราะศัตรูที่สร้างไว้ก่อนที่จะเข้าวังมังกรลับ ในที่สุดพวกเขาก็โดนศัตรูพวกเขาฆ่า
บางคนก็ทำไปได้ดีหลังจากที่บ่มเพาะในวังมังกรลับมาหลายปี พวกเขานั้นมีความทะเยอทะยานจนในตอนที่กลับบ้านและไปอยู่กับเพื่อน พวกเขาได้อวดมันออกมา หลังจากที่เมาแล้ว พวกเขาก็โดนจัดฉากและโดนเพื่อนที่อิจฉาฆ่าเอา
บางคนมักจะโดนรุ่นน้องและเพื่อนรังแกเพราะภูมิหลังของครอบครัวและในที่สุดก็โดนฆ่าโดยมีข้อแก้ตัวว่าเป็นอุบัติเหตุในตอนที่ฝึกต่อสู้
บางคนใสซื่อโดนคนอื่นล่อไป พวกเขาได้ฝ่าฝืนกฎของวังมังกรลับโดยขายความรู้ของแผนกทำลายสวรรค์และในที่สุดก็โดนฆ่า
บางคนหายไปหลังจากที่เข้าไปโลกใต้ดินรึหายไปในการสำรวจ
...
หลังจากทำความสะอาดโต๊ะบูชาทั้งหมดแล้ว จางเทีย ก็กลัวจนเหงื่อผุดออกมา โต๊ะบูชาพวกนี้ถือว่าเป็นหนังสือที่บอกเขาว่าต้องออกจากที่นี่ให้ได้แบบมีชีวิต ในที่สุด จางเทีย ก็รู้ว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีกฎมากมายในแผนกและทำไมหน้าที่แรกของเขาคือต้องมาทำความสะอาดที่นี่ เพราะกฎของแผนกนั้นคือศาลาแห่งนี้ แต่ละชื่อและแต่ละเรื่องราวนั้นสามารถเป็นเหมือนกระจกสำหรับผู้คนให้สะท้อนตัวเอง
อาทิตย์ต่อมา จางเทีย เกือบจะอยู่ที่ศาลานั้นตลอด เขามาที่นี่ตอน 6 โมงเช้าและทำความสะอาดอีกรอบหลังจากที่ปิดแล้วกลับไปที่ห้องตัวเอง เพราะไม่มีใครมาในตอนกลางวัน จางเทีย เลยมักจะอยู่ที่ศลาและมองโต๊ะบูชาแต่ละโต๊ะพร้อมกับคิดถึงเรื่องราวพวกนั้น เขาถามกับตัวเองเสมอว่าถ้าเป็นเขาแล้ว เขาจะทำผิดพลาดแบบเดียวกันรึเปล่า ? ทำไมเขาถึงต้องทำผิดพลาดแบบนั้น ? เขาจะหลบเลี่ยงไม่ให้ทำผิดพลาดแบบนั้นได้ยังไง ?
มันเป็นการถามและสะท้อนตัวเอง แม้ว่าคนอื่นๆจะคิดว่าที่นี่มันน่าเบื่อแต่ จางเทีย น่ะได้บางอย่างกลับไป การสะท้อนตัวเองนั้น จางเทีย พบว่าเขากลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
หนึ่งอาทิตย์ไม่นานก็ผ่านไป...
ในเย็นวันนั้นก่อนที่เขาจะออกจากศาลา จางเทีย ก็ได้ทำความสะอาดศาลาอีกรอบ หลังจากที่จัดแจงเสื้อผ้าและล้างมือตัวเองแล้ว เขาก็ได้จุดธูปแล้วไว้โต๊ะบูชาสามครั้งในชั้นหนึ่งก่อนที่จะปักธูปลงไปที่กระถาง
“ พี่น้องทั้งหลาย น้องคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไม่ได้มาแล้ว ขอบคุณสำหรับบทเรียน เพราะที่นี่ไม่ได้ใหญ่มาก ข้ามั่นใจว่าข้าคงไม่มาแย่งที่พวกคุณแน่ ในตอนที่งานต่างๆมาถึง ข้า จางเทีย แน่นอนว่าจะมาที่นี่เพื่อเอาอะไรมาให้แน่ “
“ เด็กคนนี้ดูเชื่อฟังดีแหะ ! “
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง ชายชราที่ควรที่จะไปนอนนานแล้วกลับยืนอยู่ด้านหลัง จางเทีย จางเทีย หันกลับไปและเห็นชายชรายิ้มมาให้กับเขา
“ เด็กน้อย เจ้าน่ะเป็นคนจิตใจดี ถ้าเจ้ามีปัญหา มาที่นี่ลองดูแล้วคิดดูดีๆ ! ไม่มีปัญหาอะไรที่เทียบเท่าได้กับความตาย เมื่อมีชีวิตอยู่ คนเราต้องรับมือมันได้เสมอ ถ้าเราตาย คนเราก็จะรับมือมันไม่ได้อีกเลย .. “ - ชายชรามองมาที่ จางเทีย เขาพยักหน้าอย่างพอใจและพูดออกมา
“ ได้ ข้าจะจำไว้ ! “
“ อืม เจ้าไปได้แล้ว พรุ่งนี้ไม่ต้องมาที่นี่ มันยังไม่เช้า ไปนอนได้แล้ว ! “- ชายชราพูดพร้อมกับตบไหล่ จางเทีย สามครั้งและจากไป
...
ในตอนที่ จางเทีย กลับมาที่ห้องตัวเองมันก็ถึงเที่ยงคืนแล้ว หลังจากที่อาบน้ำ จางเทีย ก็นอนลงไปที่เตียงเตรียมตัวนอนแต่หลังจากนั้นสักพัก จางเทีย ก็นึกได้ถึงนิทานที่ ดอนเดอร์ เคยเล่าให้ฟัง ตัวเอกของนิทานเรื่องนี้คือลิง ในตอนที่ลิงต้องการเรียนรู้ทักษะ อาจารย์ของเขาได้เคาะหัวเขาสามครั้ง ลิงนั้นรู้ทันทีว่าอาจารย์หมายถึงอะไรและกลับมาที่ห้องของอาจารย์ตอนตีสามและได้รับความรู้ที่แท้จริงไป
มันจะมีความหมายเหมือนกันรึเปล่าที่ชายชราตบไหล่เขาสามครั้ง – เมื่อคิดแบบนั้น จางเทีย ก็ตาสว่างทันที – “ ชายชราคนนี้คือคนมีอำนาจที่อยู่ในวังมังกรลับรึเปล่า เขาตบไหล่ข้าเพื่อทดสอบว่าข้าฉลาดกว่าลิงรึเปล่า ? “
ดังนั้นตอนที่ได้เวลา 2.30 am จางเทีย ก็ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าตัวเอง ด้วยการที่กลัวนิดๆ จางเทีย ค่อยย่องไปในความมืดและไปถึงหน้าศาลาก่อนตี 3 ไม่กี่นาที
แต่หลังจากที่ยืนอยู่ด้านนอกศาลาและได้ยินเสียงแมลงสักพัก จางเทีย ก็ไม่พบใคร ในที่สุดเขาก็ได้ไปถึงหน้าห้องเล็กๆที่ชายชรานอนอยู่ เขาได้ยินเสียงกรนของชายชราดังขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ
เขายืนอยู่ตรงนั้นสักพัก จางเทีย ส่ายหน้าและฝืนยิ้มออกมาก่อนที่จะกลับไปที่ห้องตัวเองและนอน เช้าวันต่อมาในตอนที่ จางเทีย ตื่น เขาก็ได้เอาบัตรและรีบไปที่ศูนย์งานในชั้นที่สองของปราสาทกลาง
หลายวันมานี้งานที่ได้มานั้นกินเวลาเขาไปทั้งหมด แผนของ จางเทีย ในการพัฒนาสายเลือดนั้นล่าช้าลงไป หลังจากงานนี้เสร็จแล้ว จางเทีย ก็จะมีเวลาว่างขึ้นมาพอสมควร เขารู้สึกว่ามันได้เวลาที่เขาจะพัฒนาสายเลือดและตื่นเต้นกับมันอย่างมาก