spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 287: พระเจ้า
หลังจากที่มุ่งหน้าไปกว่า 300 ม. จางเทีย ก็ได้พบว่าทั้งถ้ำนั้นมืดลงกว่าเดิม ยานี้เริ่มทำงาน สิ่งที่ จางเทีย เห็นคือโลกสีเหลืองเขียวซึ่งทุกอย่างนั้นชัดเจนอย่างมาก นี่ทำให้ จางเทีย ถอนหายใจออกมา
นอกจาก จางเทีย และ จางซู แล้วก็ยังมีคนกว่า 20-30 คนที่ซึ่งเข้ามาในถ้ำมังกร ทีมนั้นทนได้ไปประมาณ 100 ม. คนที่รู้จักกันก็จะอยู่ด้วยกัน ส่วนคนที่ไม่รู้จักกันก็จะเว้นระยะห่างและระวังคนรอบๆ พวกคนที่มีประสบการณ์ในโลกใต้ดินนี้รู้อย่างชัดเจนแล้วว่า นอกจากมอนเตอร์ที่สามารถฆ่าคนได้นั้น มีหลายอย่างที่จะโดนอย่างอื่นฆ่าจากหลายๆเหตุผลในแต่ละปี ที่น่ากลัวและอันตรายกว่านั้นคือใจคน
เพราะ จางซู ได้เข้ามาในถ้ำด้วยชุดของแผนกทำลายสวรรค์ของวังมังกรลับ ไม่นานหลังจากที่เขาและ จางเทีย ได้เข้ามาในถ้ำ คนอีกสามคนก็มาเข้าร่วมกับพวกเขา
วังมังกรลับคือผู้ดูแลของเกาะแห่งนี้ ระหว่างหลายร้อยปีที่ผ่านมาพวกเขาได้เพิ่มชื่อเสียงในด้านดีของตัวเอง ดังนั้นแล้วเครื่องแบบของ จางซู จึงทำให้เขาเป็นสัญลักษณ์ของความน่าเชื่อถือของคนในเกาะแห่งนี้
ถ้ำนั้นเต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดมากมาย พวกหินย้อยมีให้เห็นอยู่ทั่วทุกที่ หินย้อยบางอันมีมาจากด้านบน ส่วนบางอันงอกมาจากพื้น นอกจากเสียงเท้าแล้วคนเราจะได้ยินเสียงของน้ำที่หยดลงมาจากด้านบนถ้ำ
มันคือดินแดนแห่งการกลืนกินเมื่อห่างจากทางเข้าหลายร้อยเมตร จำนวนของพวกแมลงในถ้ำนั้นมีจำนวนมาก ในตอนที่แมลงเหล่านี้บินผ่านไปและได้ปกคลุมแสงนั้นก็ได้ทำให้ถ้ำนี่มืดลงยิ่งกว่าเดิม
ในตอนที่ จางเทีย ได้เห็นว่ามีบันไดไม้ไผ่มากมายและเชือกที่อยู่ตามจุดต่างๆของกำแพง เขาก็เริ่มสงสัยขึ้นมา
“ พี่ พวกนี้คืออะไร ? ทำไมคนเราถึงได้มาสร้างของพวกนี้ในถ้ำได้ ? “
“ โฮ่โฮ่ มีนกนางแอ่นทองคำมากมายในถ้ำนี้ รังของพวกมันน่ะเป็นยาบำรุงที่แพงซึ่งมีค่ามากกว่าน้ำหนักทองอีก ในตอนที่ใครต้องการใช้เงิน พวกคนในแผนกทำลายสวรรค์ก็จะมาที่นี่เพื่อเอารังของพวกมันไป ในตอนที่ข้าเข้าไปที่แผนกทำลายสวรรค์ ข้าเองก็ต้องการเงินและได้มาที่นี่เพื่อเอารังของพวกนกไปด้วย วันหนึ่งข้าได้ตกลงมาจากที่สูงกว่า 30 ม.และเกือบตาย ! “ – จางซู ถอนหายใจออกมา – “ ก่อนหน้านี้ข้าชินกับการกินรังนกนางแอ่นทองคำที่บ้าน ข้ามักจะรู้สึกว่าทุกอย่างน่ะง่ายดายแต่จนกระทั่งข้าเกือบตายนี่แหละ เลยรู้ว่าข้าไม่รู้อะไรในโลกนี้เลย ในตอนที่ข้าสนุกกับมัน บางคนน่ะแทบตายและเกือบเสียชีวิตเพื่อตัวเรา ทุกอย่างน่ะมีราคา ทำไมเจ้าถึงกินรังนกในตอนเช้าได้โดยที่คนอื่นๆน่ะต้องไปขุดหารังมันโดยสูงจากพื้นหลายสิบเมตรโดยเสี่ยงชีวิตตัวเอง ? เพื่ออะไร ? ใครก็ตามที่อยากออกจากวังมังกรลับต้องรู้เรื่องนี้ ! “
ในตอนที่ จางซู พูดกับ จางเทีย เขาไม่ได้ลดเสียงลง ดังนั้นสิ่งที่ จางซู พูดจึงไม่ใช่แค่ จางเทีย เท่านั้นที่ได้ยินแต่คนอื่นๆที่ตามเขามาเองก็ด้วย
“ ข้าได้ยินชื่อเสียงของตระกูลจางมานาน ความคิดของตระกูลนี่สุดยอดจริงๆ ! “ - หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ จางซู ชายวัย 40 ที่ซึ่งเดินตามมาด้วยก็พูดชมออกมา
“ ขอบคุณ เกาะมังกรลับน่ะเป็นที่ที่คนในตระกูลจางใช้ในการบ่มเพาะ ถ้าเราทนความยากลำบากไม่ได้ แล้วเราจะเรียกมันว่าการบ่มเพาะได้ยังไง ? “ - จางซู ตอบอย่างสุภาพ
“ ฟู่เชง, เทียนหลิน พวกเจ้าได้ยินมั้ย ? แม้แต่คนของตระกูลจางก็ยังต้องทนกับความลำบากและอันตรายในตอนที่บ่มเพาะ ตระกูลลู่ของเราน่ะไม่มีสิทธิที่จะดีใจกับตัวเราเองในเมืองเล็กๆอย่างเมืองจุนอันเพราะตระกูลของเราน่ะยังอ่อนแอกว่าตระกูลจางมาก พวกเจ้าไม่ควรบ่นเรื่องความลำบากในตอนที่บ่มเพาะ หลังจากที่พวกเจ้าสร้างพลังฉีต่อสู้และออกจากที่นี่แล้ว พวกเจ้าต้องบอกสิ่งที่เรียนรู้ได้จากที่นี่ให้คนอื่นๆฟังเพื่อให้พวกนั้นรู้สึกละอาย ! “ – ชายวัยกลางคนเตือนเด็กสองคนอายุ 20 กว่าๆที่มากับเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ ได้ ลุงฉี ! “ – เด็กทั้งสองตอบด้วยท่าทีจริงจัง
เมื่อได้ยินแบบนั้น อีกคนที่เดินมากับ จางซู และ จางเทีย ก็ได้พยักหน้าเพราะนี่ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในการสอนเด็กในตระกูลของพวกเขา มันโชคดีที่ตระกูลจางได้รับเกียรติแบบนี้
ทุกคนต่างก็พยักหน้ายกเว้นแค่เด็กที่ดูอายุน้อยกว่า จางซู แต่แก่กว่า จางเทีย ที่ซึ่งฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา เขาดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย เมื่อได้ยินเสียงฮึดฮัด ชายวัยกลางคนอีกคนที่ได้เดินมาด้วยก็ส่งสายตาใส่บอกให้ชายคนนั้นเงียบ
ตอนนั้น จางซู เหมือนจะไม่ได้รู้สึกกับการลบหลู่ เขาเหมือนจะไม่สนใจคำชมรึเสียงฮึดฮัดจากคนอื่นแต่ จางเทีย เห็นประกายยิ้มที่เย่อหยิ่งจากมุมปากของญาติตัวเอง จางซู น่ะไม่ได้หันกลับไปมอง เขากลับไม่สนใจมันเฉยๆ
“ นอกจากจะใจดีกับเขาและคุยกับเขา ญาตินี่ภูมิใจในตัวเองจริงๆ ! “ - จางเทีย เริ่มเข้าใจบุคลิกของญาติตัวเอง
จางซู ยังคงเงียบ ในทางกลับกัน จางเทีย น่ะแตกต่าง เขาเริ่มคุยกับคนอื่นๆ ในตอนที่พวกนั้นเห็นว่า จางเทีย มาจากตระกูลจางและยังเป็นสมาชิกของวังมังกรลับ พวกนั้นก็ไม่กล้าพูดคุยกับเขาแบบแต่ก่อน แต่เมื่อพวกเขาคุยกับ จางเทีย พวกเขาก็พบว่าเด็กหนุ่มคนนี้ใจดีและซื่อสัตย์อย่างมาก พวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงความเย่อหยิ่งในแบบชนชั้นสูงเลย หลังจากนั้นสักพัก จางเทีย ก็เริ่มสนิทกับพวกเด็กหนุ่มบางคน
จางซู ก็แค่ฟัง เขาได้ถอนหายใจกับพรสวรรค์ที่ จางเทีย มี เขาไม่คิดว่า จางเทีย จะเข้ากับคนง่ายแบบนี้ แต่หลังจากที่คิดถึงจดหมายที่ทางบ้านส่งมาเกี่ยวกับชีวิตของ จางเทีย ในที่สุด จางซู ก็เข้าใจ เพราะ จางเทีย อยู่ในโลกธรรมดามาตั้งแต่ยังเด็ก เขาได้ทำงานในร้านขายของชำหลังเลิกเรียน ดังนั้นแล้วเขาจึงได้พบปะผู้คนมากมาย แน่นอนว่า จางเทีย น่ะเก่งเรื่องเข้ากับคนอื่น
ในตอนที่พวกเขามาถึงชั้นใต้ดิน ฉากในถ้ำนั้นก็ได้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จางเทีย เห็นว่ามีผู้คนมากกว่าเดิมที่พื้น ในเวลาเดียวกัน จางเทีย ก็ได้กลิ่นเลือดที่ลอยมาจากข้างหน้า
ในตอนที่ จางเทีย เดาว่าพวกเขาได้เดินทางมาหลายไมล์แล้ว ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏมาตรงหน้าเขา พื้นที่ขนาดใหญ่กว่าหลายสิบกิโลเมตรและสูงหลายร้อยกม. ภูมิประเทศในถ้ำนี้มันแปลก มีหินมากมายและยังมีพวกเห็ดที่ จางเทีย ไม่เคยเห็นมาก่อนโตอยู่บนหิน ที่พื้นนั้นมีตะไคร่น้ำมากมาย ถ้ำนี้มีพื้นที่ต่างกันมากมายจนทำให้ที่นี่กลายเป็นเขาวงกตแปลกๆไป
เสียงร้องคำรามของมอนเตอร์และเสียงร้องของผู้คนดังขึ้นมาบ่อยๆ มีการปรากฏของพลังฉีต่อสู้แบบต่างๆในความมืดในพื้นที่ขนาดใหญ่นี้ด้วย
จางเทีย รู้ว่าในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่หมาย จากนั้นพวกเขาก็จะควรที่จะแยกตัวกันแล้ว
“ น้องชาย ถ้าเจ้าไปที่เมืองจุนแอนในเขตเจียงแทง อย่าลืมไปเยี่ยมเราที่ตระกูลลู่ เราจะต้อนรับเจ้าอย่างดีเลย ! “ – ลู่ฟู่เชง ตบไหล่ จางเทีย และพูดขึ้น
“ น่าเสียดายที่ข้าพนันเรื่องเจ้ากับวังมังกรลับไม่ได้ ไม่งั้นนะข้าจะเอาเงินฝากทั้งหมด 100 ทองที่ข้ามีมาให้กำลังใจเจ้าสักหน่อย !” - ลู่เทียนหลิน หัวเราะออกมาอย่างจริงใจ – “ ปกติแล้วคนธรรมดาต้องใช้เวลา 1-2 เดือนเพื่อจะรวมรวมพลังฉี อย่างแรกเลยไฟวิญญาณจะเข้าสู่ร่างกายของคน อย่างที่สองคนเราต้องโดนไฟวิญญาณนั้นชะล้าง แรงทั้งเจ็ดจะรวมเป็นหนึ่งเพื่อสร้างพลังฉีต่อสู้ สำหรับพลังฉีชั้นสูงมันต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีที่คนเราจะสร้างขึ้นมา เพราะเจ้ามีเวลาสองปี ไม่ต้องกังวลเลย พระเจ้าจะช่วยคนที่ช่วยตัวเอง ตราบใดที่เจ้าขยัน แน่นอนว่าเจ้าจะต้องทำได้ ! “
“ ฮาฮา ขอบคุณที่ให้กำลังใจ พี่ลู่ ในตอนที่ข้าไปถึงเมืองจุนแอน ข้าจะไปหาเจ้าอย่างแน่นอน ! “
“ ดี งั้นก็ตกลง ! “
หลังจากที่แยกจาก จางเทีย และ จางซู แล้ว กลุ่มลู่ก็ได้เข้าไปในด้านหน้าก่อน
“ พี่ มาสิ ถ้าเจ้าว่างก็ไปที่ประตูดาบเหล็กเพื่อคุยเรื่องทักษะต่อสู้กับเราหน่อย ! “
“ ได้ ! “
อีกกลุ่มก็ได้แยกตัวกับ จางเทีย ไป
ในทีสุดทีมที่แยกตัวกับ จางเทีย และ จางซู ก็เป็นทีมที่มีเด็กหนุ่มแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา ในบรรดาพวกนั้นแล้ว พวกผู้ใหญ่ที่พาเด็กของตัวเองมาถึงกับมอง จางเทีย ถึงสองรอบก่อนจะจากไป ดูเหมือนว่าต้องการที่จะจำ จางเทีย ไว้
“ ไปกันเถอะ “ – จางซู มุ่งหน้าไปอีกทางพร้อม จางเทีย ที่ตามมาด้านหลัง
...
“ ส่วนที่ใช้โจมตีส่วนใหญ่ของแมงมุม Hell-black ระดับ 6 นั้นคือฟันคมๆตรงหน้าปากและขาของพวกมันแต่ระยะโจมตีของพวกมันมีจำกัด ที่เจ้าต้องคือต้องระวังใยที่พวกมันพ่นออกมาจากปาก เมื่อมันโดนตัว มันจะจำกัดการเคลื่อนไหว ! “ – หลังจากที่ออกจากลานถ้ำแล้ว จางซู ได้บอกกับ จางเทีย ถึงวิธีจัดการกับพวกแมงมุม
“ ระยะของใยมันเท่าไหร่ ? “
“ 5-10 ม. ในตอนที่มันกำลังจะพ่นใย ฟันหน้าสองคู่ของมันจะเปิดออก อีกอย่างแล้วท้องของมันก็จะมีเสียงเหมือนเสียงกลอง เจ้าจะหลบมันได้ถ้าคอยรักษาระยะห่างเอาไว้ สองส่วนท้องและหลังนั้นคือจุดอ่อนของพวกมันที่สามารถโจมตีได้ จุดอ่อนที่สุดของมันคือหัว เจ้าสามารถฆ่ามันได้เลยถ้าทำลายหัวมัน ! “
...
ไม่ถึง 10 นาทีหลังจากที่เข้ามาในถ้ำ จางเทีย ก็พบกับแมงมุม มันมีขนาดใหญ่สูงกว่า 2 ม.และใหญ่ยิ่งกว่าวัว ในตอนที่ จางซู และ จางเทีย ผ่านเขตเห็ดแปลกๆมา แมงมุมตัวนี้ก็ได้กระโดดออกมาและพุ่งเข้ากัด จางเทีย
จางซู ไม่ได้ลงมือ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแมงมุมตัวใหญ่ขนาดนี้ จางเทีย กลัวซะจนสะดุ้ง ในตอนที่เขาตระหนักได้ว่าสัตว์น่าเกลียดตัวนี้คิดว่าเขาเป็นเป้าหมาย จางเทีย ก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา
ฟันยาวๆของแมงมุมนั้นเกือบที่จะถึงแขนของ จางเทีย พวกมันยาวอย่างกับหอก ก่อนที่ฟันคู่นั้นจะได้กัด จางเทีย เขาก็ได้จับมันเอาไว้ เขาหักมันออกจากปากของแมงมุม จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของมแมงมุมดังขึ้นมาจากการที่ จางเทีย ได้ใช้ฟันของมันเองแทงเข้าไปที่หัวของมัน
เสียงกรีดร้องของแมงมุมได้หยุดลงไปในทันที
หลังจากที่เกือบกรี๊ดออกมาเพราะแมงมุมต่อหน้าญาติตัวเอง จางเทีย ก็รู้สึกว่าเสียหน้าอย่างมาก
“ เหี้ย ใครบอกให้แกโดดมาทำให้ข้าตกใจ .... “ – ในตอนที่ด่านั้น จางเทีย ไม่ได้อยู่นิ่ง หลังจากที่หันกลับไปเห็นร่างที่ตายไปแล้ว จางเทีย ก็ได้เตะมันและทำให้ร่างหนักหลายร้อยกิโลกรัมนั้นกระเด็นออกไป ศพของแมงมุมกลิ้งไปไกลกว่า 10 ม.โดยที่ขาชี้ฟ้า
หลังจากที่ทำแบบนั้น จางเทีย ถึงกับถ่มน้ำลายใส่ศพมันด้วย – “ ใครบอกให้ทำข้าตกใจ ต้องขอบคุณที่ข้าไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ถ้าไม่งั้นข้าคงกลัวจนตายแทนที่แกจะมากัดข้าจนตาย... “
หลังจากที่ฆ่าแมงมุมนั้นเสร็จ จางเทีย ก็รู้สึกอายและยิ้มให้กับ จางซู ก่อนจะเกาหัว – “ เอิ่ม..นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นแมงมุมตัวใหญ่แบบนี้ ข้าเลยกลัว ฮี่ฮี่ อย่าหัวเราะเยาะข้านะ พี่... “
หางตาของ จางซู นั้นบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขาได้ทึ่งอยู่ในใจ – “ แมงมุมระดับ 6 โดน จางเทีย อัดเหมือนกับเขาฆ่าไก่ ทำไมเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ ! “
จางซู รู้ว่า จางเทีย น่ะไม่ธรรมดาแต่เขาไม่คิดว่าจะไม่ธรรมดาขนาดนี้ ในตอนที่แมงมุมนั้นโดดออกมากัด จางเทีย สิ่งที่ จางเทีย ได้แสดงในด้านความเร็ว,แรง,และปฏิกิริยาตอบโต้ที่จับแมงมุมเอาไว้ได้ แน่นอนว่าเขาต้องมีประสบการณ์มากมาย เรื่องที่สำคัญที่สุดคือในตอนวิกฤต จางเทีย ยังรับมือมันได้ง่ายๆ มีแค่คนที่มีประสบการณ์เฉียดตายหลายครั้งเท่านั้นที่จะมีสัญชาตญาณที่เร็วแบบนี้ได้ แม้แต่ จางซู เองก็ไม่อาจรับมือแมงมุมได้ง่ายๆเหมือนกับกินน้ำแน่ๆ
ความแข็งแกร่งของ จางเทีย น่ะน่ากลัวเกินไป อันที่จริงแล้ว จางซู ไม่เคยเห็นใครที่ซึ่งเพิ่งมาอยู่ระดับ 6 แล้วแข็งแกร่งแบบนี้
หลังจากที่มองไปที่ศพแมงมุมแล้ว จางซู ก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ – “ ไปกันเถอะ มีคนเคยบอกว่าแม้แต่ตระกูลจักรพรรดิของอาณาจักรนอนแมนก็ยังต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนเพื่อให้ไฟวิญญาณเข้าไปในร่างในตอนที่บ่มเพาะพลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิต หลังจากที่ดูดซับไฟวิญญาณได้มากพอและรวมแรงทั้งเจ็ดให้เป็นหนึ่ง ในที่สุดคนนั้นก็จะสามารถสร้างพลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิตขึ้นได้ ! “
“ พี่ ไฟวิญญาณคืออะไร ? “ – นี่คือข้อเสียของคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องการบ่มเพาะ มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหลายๆคนแต่เป็นเรื่องแปลกสำหรับ จางเทีย
“ เจ้าไม่รู้เหรอ ? “ - จางซู อึ้ง
พระเจ้า ไม่มีใครเคยพูดเรื่องไฟวิญญาณกับเขา จางเทีย ยิ้มขมขื่นออกมา จางเทีย ได้ยินคำนี้มาสองรอบแล้ว เพราะเขารู้สึกอายที่จะถามคนอื่นๆเขาเลยมาถาม จางซู แทน
“ ไอ้ที่เรียกว่าไฟวิญญาณน่ะหมายถึงไฟของวิญญาณของมอนเตอร์ที่เจ้าฆ่า มันจะกระตุ้นความต้องการฆ่าของเจ้า ไฟวิญญาณน่ะคือแรงลึกลับที่สั่นพ้องไปกับความต้องการฆ่าและสนามพลังฉีของเจ้า แรงนี้สามารถชำระแรงทั้งเจ็ดของเจ้าและเงื่อนไขในการจะสร้างพลังฉีต่อสู้ของเจ้ามาได้คือสร้างไฟวิญญาณจากในตัวของมอนเตอร์ที่เจ้าฆ่าไป... “
“ แล้วไฟวิญญาณมันเข้ามาในตัวเราได้ยังไง ? “ - จางเทีย ยังถามอย่างกับเด็กขี้สงสัย
“ ไฟวิญญาณสั่นพ้องไปกับความต้องการฆ่าและสนามพลังฉีของเจ้า ดังนันแล้วมันจึงเข้าร่างกายของเจ้าได้เองเลย พลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิตน่ะมหัศจรรย์อย่างมากและขั้นตอนสุดท้ายมันยากที่สุดที่จะสร้างพลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิต นอกจากตระกูลจักรพรรดิของอาณาจักรนอแมน เกือบไม่มีใครเลยที่สร้างมันได้ แม้แต่ตระกูลจักรพรรดิของอาณาจักรนอแมนก็ยังยากที่จะผ่านขั้นตอนสุดท้ายไป อีกอย่างแล้วไม่ใช่สัตว์อสูรทุกตัวตายจะสร้างไฟวิญญาณมาได้ พลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิตต้องใช้ไฟวิญญาณจำนวนมาก อย่างน้อยก็ห้าเท่าจากพลังต่อสู้ฉีปกติ.. “
จางซู เดินไปพร้อมกับอธิบาย หลังจากเดินมาได้ไม่กี่ก้าวเขาก็เห็นว่าอยู่ๆ จางเทีย ก็หยุด
“ พี่.. “ – เสียงของ จางเทีย สั่นนิดๆ – “ ดะ..ดูสิ นั่นอะไร ? “
จางซู หันกลับไปและอึ้งกับสิ่งที่เขาเห็น
ไม่ไกลจากตรงนั้นในที่ศพของแมงมุมนอนตายอยู่ แสงสีทองเริ่มลอยขึ้นมาจากศพมัน ในเวลาสั้นๆแสงนั้นก็ได้รวมกันเป็นลูกบอลสีทองใหญ่เท่าหมัด ไม่นานหลังจากนั้นบอลนั่นก็เริ่มลุกไหม้ แน่นอนว่ามันไม่ได้ลุกไหม้จริงๆแต่แค่มันปรากฏแบบนั้น
บอลนั้นได้พุ่งมาที่ จางเทีย จางซู พยายามที่จะคว้ามันไว้ด้วยมือแต่มันก็ทะลุมือของเขาไปและพุ่งเข้าไปที่ท้องน้อยของ จางเทีย และหายไป....
ไม่ว่าเขาจะแปลกใจแค่ไหนกับสิ่งที่ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นแต่ จางซู ก็ต้องยอมรับมัน บอลสีทองนี่คือไฟวิญญาณ เพราะมีแค่ไฟวิญญาณที่มีคุณสมบัติแปลกๆ ตราบใดที่ไม่ห่างจากคนที่ทำมันขึ้นมามากเกินไป ในระยะหลายร้อยเมตรไฟนี้จะสามารถทะลุสิ่งที่ขวางกั้นและบินไปที่ทะเลพลังฉีของคนที่ที่สร้างมันมา นี่แหละคือวิธีที่ไฟวิญญาณเข้าไปในตัวคน
ไฟวิญญาณสีทองนี้สามารถสร้างขึ้นมาได้โดยการสั่นพ้องกับพลังฉีต่อสู้ระดับสูง มีกับมอนเตอร์ในทวีปไว่แค่ไม่กี่ตัว พลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิตเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
แม้แต่ตระกูลจักรพรรดิของอาณาจักรนอแมนก็ไม่อาจสร้างไฟวิญญาณขึ้นมาได้หลังจากที่ฆ่าแมงมุมตัวแรก แล้วญาติเขา....
ตอนนั้น จางซู ได้มองไปที่ จางเทีย เหมือนกับเขาเจอทอง
“ ----- พระเจ้า นี่มันอะไรกันเนี่ย ! “ – จางซู ตะโกนออกมาดังๆ
หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จางซู ก็ยังรู้สึกว่าใจตัวเองเต้นรัว เขาทำจิตใจให้สงบและถาม จางเทีย ออกมา – “ เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง ? “
“ ข้ารู้สึก...แปลกนิดๆที่ท้องน้อยแต่ไม่นานมันก็หายไป ! “ - จางเทีย เกาหัวและพูดขึ้น จางเทีย เองก็เห็นตอนที่ไฟวิญญาณนี่พุ่งผ่านมือของ จางซู มาและรู้สึกว่ามันวิเศษอย่างมาก
“ นั่นเพราะเจ้ายังไม่ได้ดูดซับไฟวิญญาณเพียงพอ ! “ – หลังจากที่หายใจอีกครั้ง จางซู ก็มองไปที่ จางเทีย ด้วยท่าทีเหลือเชื่อ – “ เจ้ารู้มั้ยว่าเจ้าได้ทำลายสถิติไปแล้ววันนี้ ? “
“ มันยากขนาดนั้นเหรอ ? “ - จางเทีย มองไปที่ จางซู อย่างสงสัยด้วยสีหน้าว่างเปล่า – “ ข้าว่าข้าไม่ได้ทำอะไรพิเศษเลยนะ ! ข้าก็แค่รีบฆ่ามัน... “
รีบฆ่างั้นเหรอ ? จางวู ช็อกจนเกือบกระอักเลือดออกมา เขาตัดสินใจไม่พูดเรื่องนี้ต่อ ถ้าเขาคุยเรื่องนี้ต่อ ความมั่นใจของเขาต้องถูกทำลายแน่ๆ
...
“ อ๊าก ข้าเพิ่งเห็นไฟวิญญาณทองจากตรงนี้ นี่ข้าฝันไปป่ะเนี่ย ? ตอนนี้มันไปไหนแล้ว ? “
“ ข้าเองก็เห็น มีบางคนรวมพลังฉีต่อสู้อยู่ที่นี่งั้นเหรอ ? “
“ ไปดูตรงนั้นกัน ! พลังฉีต่อสู้ที่สามารถสร้างไฟวิญญาณทองได้น่ะต้องเป็นของระดับสูง มันยากที่จะได้เห็นมัน ข้าเองก็มาถ้ำมังกรหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยเห็นไฟวิญญาณทองเลย ! ถ้าเราไปดู เราอาจจะรู้บางอย่างก็ได้... “
...
เมื่อได้ยินเสียงที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา จางซู ก็ได้มองมาที่ จางเทีย – “ ถ้าเจ้าไม่อยากโดนคนอื่นล้อมก็รีบออกจากที่นี่ได้แล้ว ! “
เมื่อพูดจบ จางซู ก็ได้เดินหน้าต่อโดยมี จางเทีย ตามมาติดๆ
“ พี่ เราจะรีบไปทำไม ? “
“ ไฟวิญญาณทองน่ะชัดเจนเกินไปที่นี่ เพราะเจ้าซ่อนมันไม่ได้ มันจะดีกว่าถ้าไม่ทำให้คนอื่นเห็น เพราะเจ้ามาจากวังมังกรลับ เจ้าน่ะเป็นตัวแทนของวังไฮหยวน ข่าวที่ว่าเด็กที่อยู่ในระดับ 6 ของตระกูลจางสามารถรวบรวมไฟวิญญาณทองได้ง่ายๆน่ะแน่นอนว่าต้องทำให้ตระกูลอื่นๆช็อกและทำให้ตระกูลของเรายิ่งใหญ่กว่าเดิม... “ - จางซู อธิบาย
จางเทีย พยักหน้า
ในไม่กี่นาทีต่อมา พวกเขาก็ไม่ได้เจอกับแมงมุมอีกเลย
จางซู ได้พา จางเทีย ไปยังหุบเขาขนาดใหญ่ ในหุบเขานั้นมีคนกว่า 200-300 คน ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือมีแมงมุมปีนออกมาเต็มไปหมดราวกับขุมนรก..
กูเมี่ยหรู และสาวๆจากแผนกซีซิงเองก็อยู่ที่นั่นด้วย...