หน้าแรก > ราชันสามภพ
บทที่ 386: ข่าวที่ไม่คาดฝัน

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

บทที่ 386: ข่าวที่ไม่คาดฝัน

 

เจี้ยงเฉินรู้สึกงงเมื่อแรงสั่นสะเทือนลดลงอย่างช้า ๆ เขาไม่ได้กลัว

 

หลังจากมีประสบการณ์ชีวิตและความตายมามาก ความแข็งแกร่งของจิตใจของเขายกระดับมาจนถึงจุดที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการแทรกแซงจากภายนอก

 

หลังจากนั้นไม่นานราชาหนูเขี้ยวทองก็กระโดดออกมา

 

"นายน้อย ไม่มีสิ่งแปลกประหลาดอยู่ใต้พื้น มันไม่ควรเกิดแผ่นดินไหว บางทีมันเป็นคลื่นจากการทำลายค่ายกลภายนอกภูเขา? "

 

ราชาหนูรู้ถึงความมหัศจรรย์ของภูเขาและเข้าใจว่ามีพลังโบราณมากมายที่ซ่อนอยู่ในภูเขาอมตะ เขาไม่กล้าเจาะลงไปสุ่มสี่สุ่มห้า

 

เจี้ยงเฉินวิเคราะห์พอสังเขปในสนามหญ้าของเขาและรู้สึกว่าถ้าแผ่นดินไหวถูกกระตุ้นโดยการพยายามทำลายค่ายกลจากด้านนอก เขาก็คงทำอะไรไม่ได้

 

"นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าควรกังวล ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ ข้าต้องเน้นการฝึกฝนบ่มเพาะ ถึงพื้นที่ส่วนนภาจะตกอยู่ในอันตราย นิกายทั้งสี่จะดูแลมันเอง"

 

เจี้ยงเฉินเดินกลับเข้ามาในบ้านพักและนั่งสมาธิเพื่อดำเนินการฝึกฝนบ่มเพาะ

 

นับตั้งแต่ได้ตัดผ่านอาณาจักรปราณจิตวิญญาณระดับที่ 5 ก็ดูเหมือนเขาได้เปิดประตูแห่งแรงบันดาลใจอันไร้ขอบเขต ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับเต๋าศิลปะการต่อสู้ล้ำหน้าไปมาก

 

นอกจากนี้, การปราบปราม, การกดดันนับไม่ถ้วนที่เขาต้องเผชิญกับผู้ควบคุมและอัจฉริยะในช่วงเวลานี้ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นแหล่งที่มาของแรงจูงใจภายนอกซึ่งกระตุ้นให้เขาก้าวหน้าพัฒนาตัวเองต่อ

 

ตอนนี้ครบเวลาสองเดือนนับตั้งแต่เขาเข้าสู่พื้นที่ส่วนนภาและคะแนนของเขามาถึง 3,300 คะแนนอย่างน่าอัศจรรย์

 

คะแนนนี้เพียงพอที่จะทำให้เขาเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรก คะแนนของเขาห่างกับหมายเลขหนึ่งเล่ยกงหยุนเพียง 3 - 400 คะแนน

 

ในอัตรานี้ เจี้ยงเฉินมีความเชื่อมั่นอย่างมากว่าเขาสามารถเอาชนะเล่ยกงหยุนได้ในอีก 23 วันของรอบปัจจุบันและไปถึงจุดสูงสุดของพื้นที่ส่วนนภา !

 

"เส้นทางของเต๋าศิลปะการต่อสู้คล้ายกับการพายเรือ ความล้มเหลวที่จะก้าวไปข้างหน้าหมายถึงการถอยหลัง ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถและจะต้องตัดหน้าเล่ยกงหยุนกับคนอื่น ๆ ให้ได้ พวกเขาจะตอบโต้ข้าอย่างหนักหลังจากนี้ และปฏิกิริยาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจะอยู่ในการท้าประลองบนสังเวียน ! "

 

เจี้ยงเฉินมีประสบการณ์กับความแข็งแกร่งของเล่ยกงหยุนในตอนที่เขาเข้าไปกวนการประชุมอัจฉริยะขั้นเทพคราวก่อน

 

ต้องยอมรับว่าเล่ยกงหยุนมีความสามารถสมกับชื่อเสียงของเขาอาณาจักรปราณจิตวิญญาณระดับที่ 7 เจี้ยงเฉินรู้สึกว่าแทบจะไม่มีทางทำให้เขาเอาชนะชายคนดังกล่าวได้เลย

 

อย่างไรก็ตามหากพวกเขาได้พบกันบนสังเวียน เจี้ยงเฉินมีไพ่ตายแกร่งกล้ามากมายและหวังว่าจะสามารถเอาชนะเขาได้

 

"เล่ยกงหยุนสั่งอัจฉริยะคนอื่นราวกับว่าเขาเป็นหัวหน้าของมังกร หลงยู่ซื่อมีร่างฟีนิกซ์สวรรค์ก็จริง นางยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ระดับการบ่มเพาะของนางยังเทียบกับเขาไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ข้าก็ต้องทำงานหนักต่อไป "

 

เจี้ยงเฉินไม่ชอบเล่ยกงหยุนแต่ไม่ถึงขั้นเกลียดเข้าไส้

 

แตกต่างกันกับหลงยู่ซื่อ

 

เพราะร่างฟีนิกซ์สวรรค์ของนาง นิกายตะวันม่วงต่างพากันเอาอกเอาใจเลี้ยงดูนางด้วยทรัพยากรและทรัพย์สมบัติมากมาย นางเป็นหนามที่คอยทิ่มแทงเขา

 

ถ้าเขาไม่สามารถฆ่านางบนสังเวียนได้ก่อนที่เขาจะเข้าสู่อาณาจักรต้นกำเนิด เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะทำเช่นนั้น

 

ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกตัวเอง นิกายต่างหากที่ให้ความสำคัญกับนางมากเกินไป

 

บรรพบุรุษนักล่าตะวันชอบทำตัวยิ่งใหญ่โดยปราศจากเหตุผล ตัดสินจากบุคลิกของเขา เขาจะปราบปรามใครก็ตามที่ตรงกันข้ามกับหลงยู่ซื่ออย่างรุนแรงไม่แสดงความเมตตาใด ๆ ทั้งสิ้น

 

ดังนั้นการจับคู่บนสังเวียนเป็นความหวังเดียวของเจี้ยงเฉิน

 

ถึงอย่างนั้นคงไม่ง่ายมากนักที่จะสังหารหลงยู่ซื่อบนสังเวียน

 

ข้อได้เปรียบของนางเหนือเขาอย่างชัดเจน ร่างฟีนิกซ์สวรรค์และทรัพยากรที่ไร้ขีดจำกัด - ทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่เจี้ยงเฉินไม่สามารถวัดได้

 

ถ้าไม่ใช่เพราะความทรงจำในอดีตในชีวิตที่ผ่านมาของเขาและผลประโยชน์จากการผจญภัยที่ยอดเยี่ยม เขาคงจะถูกหลงยู่ซื่อทิ้งไว้เบื้องหลังท่านกลางฝุ่นละออง

 

"ฝึกฝนบ่มเพาะ ข้าต้องจริงจังกับการบ่มเพาะ !"

 

เจี้ยงเฉินตระหนักด้วยความเร่งรีบว่าถ้าเขาจะสังหารหลงยู่ซื่อบนสังเวียน เขาต้องให้โอกาสตัวเองที่จะประสบความสำเร็จ

 

สำหรับเขาตอนนี้สิ่งที่เขาต้องยกระดับอย่างเร่งด่วนที่สุดไม่ใช่ทักษะของเขา มันคือระดับการบ่มเพาะของเขา

 

แม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับปราณจิตวิญญาณระดับที่ 5 ระดับนี้เป็นระดับปานกลางมากที่สุดในพื้นที่ส่วนนภา

 

ในพื้นที่ส่วนนภามีอย่างน้อยสี่หรือห้าคนที่เป็นเหมือนเล่ยกงหยุนอยู่ในระดับปราณจิตวิญญาณระดับที่ 7 และเมื่อเวลาผ่านไปคนที่อยู่ในระดับที่ 6 จะเพิ่มจำนวนขึ้นตามธรรมชาติ

 

เจี้ยงเฉินไม่ได้รู้สึกกดดันที่จะท้าประลองกับคนที่มีระดับสูงกว่า แต่ระดับที่ 5 คือระดับที่ต่ำกว่าระดับที่ 7 ถึง 2 ระดับ และมันจะทำให้เขาต้องเสียเปรียบ

 

นอกจากระดับการบ่มเพาะของอัจฉริยะชั้นแนวหน้าจะสูงกว่าคนอื่น พวกเขาก็มีไพ่ตายที่มากกว่าเช่นกัน พวกเขาเป็นสาวกชั้นสูงของนิกาย เป็นไปไม่ได้เลยว่าจะไม่มีไพ่ตายสำคัญบางอย่างเป็นทางเลือกสุดท้าย

 

ดังนั้นเจี้ยงเฉินจึงมีแรงจูงใจในการบ่มเพาะ

 

ถ้าเป็นคนที่อยู่ในระดับการบ่มเพาะเดียวกันกับเขา เขาแทบไม่ต้องสนใจและสามารถจัดการพวกเขาได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเปลืองกำลังเลย ถึงพวกเขาจะมีไพ่ตาย เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัว

 

"ผู้หญิงคนนั้น หลงยู่ซื่ออยู่ที่จุดสูงสุดของอาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพีระดับที่ 6 แล้ว ถ้านางตัดผ่านห่วงของอาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพีและเข้าสู่ระดับที่ 7 การสังหารนางก็จะยากยิ่งขึ้น"

 

มีลำแสงยิงเข้าไปในหน้าต่างของเขาขณะที่เขากำลังคิด มันคือข้อความสัญลักษณ์

 

"ผู้เข้าแข่งขันทุกคนไปรวมตัวกันที่จัตุรัสสาธารณะเดี๋ยวนี้ !"

 

นี่คือคำสั่งของระดับสูงสุด ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดต้องรีบไปที่จัตุรัสทันทีโดยไม่ล่าช้า

 

เจี้ยงเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง มีบางสิ่งเกิดขึ้นเนื่องจากแผ่นดินไหวเมื่อสักครู่ใช่หรือไม่?

 

เขาวิ่งพรวดออกมาจากบ้านด้วยกับความคิดนี้ และมุ่งหน้าไปที่จัตุรัสสาธารณะ

 

ผู้เข้าแข่งขันรวมตัวกันโดยเร็วที่สุด

 

ผู้ควบคุมแสดงออกอย่างเคร่งเครียดดูเหมือนว่าพวกเขาได้พบกับบางสิ่งบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัว

 

อาวุโสระดับสูงของสี่นิกายก็เข้ามา ทั้งสี่บรรพบุรุษมาถึงในไม่ช้าหลังจากนั้น. การแสดงออกทางสีหน้าของทุกคนดูเหมือนจะปกปิดความคิดของตัวเอง

 

"ทุกคน บรรพบุรุษทั้งสี่มีเรื่องสำคัญที่จะประกาศ ทุกคนเงียบ"

 

ผู้ควบคุมที่ยืนอยู่ข้างหน้าโบกมือเพื่อบ่งชี้ให้ทุกคนเงียบ

 

บรรพบุรุษทั้งสี่มีเรื่องจะพูด? เป็นเรื่องสำคัญ? ผู้เข้าแข่งขันทุกคนเงียบเมื่อพวกเขาเห็นว่าบรรพบุรุษก็มีสีหน้าตึงเครียด

 

บรรพบุรุษนักล่าตะวันเป็นคนแรกที่พูด "ทุกคน มีระลอกคลื่นขนาดมหึมาเกิดขึ้นในภูเขาอมตะเมื่อไม่นานมานี้ ข้าคิดว่าทุกคนสัมผัสได้เหมือนกัน "

 

ทุกคนพยักหน้า ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่? ทำไมบรรพบุรุษจึงตกใจมากล่ะ?

 

"เราไม่ต้องการปกปิดเรื่องนี้ ตามข้อสังเกตของเรา มีใครบางคนโจมตีค่ายกลใต้ภูเขาอมตะ หินวิญญาณและพลังวิญญาณที่เรามอบให้ควรทำให้ภูเขาเปิดอยู่ได้ 3 ปี แต่ค่ายกลนั้นถูกโจมตีระยะเวลาที่กำหนดให้รักษาภูเขาได้ลดลงครึ่งหนึ่งหรือมากกว่านั้น ตามข้อสันนิษฐานของเรา ทางเข้าภูเขาสามารถเปิดใช้ได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น "

 

"อะไร ?" ผู้เข้าแข่งขันตกตะลึง และเริ่มต้นหารือกันเสียงดัง

 

"ค่ายกลถูกโจมตี? นั่นหมายความว่าเวลาของการฝึกฝนบ่มเพาะของเราน้อยลงและเราต้องรีบออกไปจากที่นี่ "

 

"ไม่มีทาง ? สภาพแวดล้อมที่นี่ดีมาก ข้าไม่อยากออกไปเลย "

 

"ใช่ ข้าอยากจะฝึกฝนให้ครบเวลา 3 ปีเต็มและพยายามที่จะตัดผ่านอาณาจักรปราณจิตวิญญาณนภา ! เป็นไปได้ไหมว่าแผนของข้ากำลังจะพังไม่เป็นท่า? "

 

ความโศกเศร่าล่องลอยในอากาศ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับผลกระทบจากข่าวนี้

 

แม้แต่สีหน้าของอัจฉริยะชั้นแนวหน้าเช่นเล่ยกงหยุนและหลงยู่ซื่อยังเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาประหลาดใจอย่างเหลือเชื่อจากข่าวที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน

 

เจี้ยงเฉินเองก็ประหลาดใจ "ค่ายกลถูกโจมตี? มีสิ่งที่มีพลังมากบนภูเขาอมตะหรือ? หากเป็นกรณีนี้ ใครจะรับประกันความปลอดภัยของเราหลังจากการโจมตีในวันนี้ ? "

 

อย่างไรก็ตามคำถามเหล่านี้ก็กระพริบผ่านใจเท่านั้น เขาไม่ได้พูดมันออกมา  เขารู้ว่าคำพูดของเขาไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าไหร่ และเขาก็ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรมากนัก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าเขาจะไม่ใส่ใจ

 

ไม่ว่าจะเป็น 3 ปีหรือครึ่งปี ทั้งสี่นิกายจะต้องช่วยกันรักษาภูเขานี้ไว้

 

บรรพบุรุษนักล่าตะวันพูดเสียงดัง "หลังจากคุยกับบรรพบุรุษทั้งสามแล้ว เราจะประกาศให้ทุกคนทราบว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการคัดเลือก ระยะเวลาเดิม 3 ปีจะลดลงเป็น 1 ปี"

 

"อะไรนะ?! 1 ปี ?!"

 

"3 ปีเปลี่ยนเป็น 1 ปี มันจะไม่เปลี่ยนกันมากไปหน่อยหรือ ! ท่านเพิ่งจะพูดไปว่าท่านสามารถเปิดมันได้อีกหนึ่งปีครึ่งไม่ใช่หรือ? "

 

"อันที่จริง 1 ปีสั้นเกินไป มันก็ผ่านมา 8 เดือนหรือมากกว่า นั่นหมายความว่าเราจะมีเวลาเหลือแค่ 3 หรือ 4 เดือนที่นี่เท่านั้นหรือ? "

 

ผู้เข้าแข่งขันต่างตะโกนและร้องเรียน

 

"เงียบ !" บรรพบุรุษนักล่าตะวันตะโกนเสียงดัง กลิ่นอายของเขาน่าเกรงขามในขณะที่เขาเปล่งเสียงกลบความวุ่นวายของทุกค

 

ผู้เข้าแข่งขันทุกคนหยุด ไม่มีใครกล้าพูดต่อ

 

"มีเหตุผลในการที่เราตัดสินใจลดเวลาให้เหลือ 1 ปี ค่ายกลได้รับผลกระทบอย่างมาก ดังนั้นเราจึงต้องลดระยะเวลาให้เหลือ 1 ปีก่อนที่เราจะต้องเลือกผู้เข้าแข่งขัน 64 คนและจากนั้นการแข่งขันสำหรับรอบ 16 คนสุดท้าย  "

 

รอบชิงชนะเลิศ 16 คนสุดท้ายต้องใช้เวลามากไม่น้อย มันเป็นเรื่องใหญ่ ฉะนั้นทั้งสี่นิกายจึงไม่รีบเร่งเรื่องนี้

 

ดังนั้น เวลาที่เหลือสำหรับการคัดเลือกขั้นสุดท้าย

 

เหตุผลหลักของการคัดเลือกคือสำหรับรอบชิงชนะเลิศเพื่อเลือกผู้เข้าแข่งขันที่ดีที่สุดในการตัดผ่านอาณาจักรต้นกำเนิด

 

"จากนี้ไปพวกเจ้าเหลือเวลาแค่ 3 – 4 เดือน หลังจากรอบนี้จะมีอีก 1 รอบคือ 3 เดือน เราจะเลือกผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด 64 คนเพื่อดำเนินการคัดเลือกครั้งสุดท้าย "

 

เสียงของบรรพบุรุษนักล่าตะวันน่าเกรงขาม "นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าต้องรู้ พวกเจ้าควรกลับไปและใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่าในการฝึกฝนหากพวกเจ้าสามารถยอมรับได้ หรือถ้าใครรับไม่ได้ก็ไสหัวออกไปซะ"

 

ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเมื่อผู้บ่มเพาะอาณาจักรต้นกำเนิดกำลังโกรธ หลายคนไม่พอใจแต่นี่เป็นภาพที่ยิ่งใหญ่กว่า ถ้าทั้งสี่บรรพบุรุษไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วพวกเขาจะทำอะไรได้?

 

เจี้ยงเฉินคิดอย่างลึกซึ้งหลังจากได้ยินเรื่องนี้ อุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายครั้ง ข้าคิดว่าข้าขาดช่วงเวลาที่เพียงพอ ตอนนี้เวลายิ่งสำคัญมากขึ้นกว่าเดิมอีก ทุกคนจะขะมักเขม้นฝึกฝนบ่มเพาะกันอย่างดุเดือดในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า ข้าต้องดำเนินแผนขั้นต่อไป " เจี้ยงเฉินรู้สึกกดดันเมื่อได้ยินว่าเวลา 3 ปีถูกจำกัดให้ลดลงเหลือ 1 ปี.

 

ก่อนหน้านี้เขามั่นใจว่าเขาสามารถตัดผ่านถึงอาณาจักรปราณวิญญาณระดับที่ 7 หรือสูงกว่าในเวลา 3 ปี

 

ตอนนี้เขาได้รับข่าวเกี่ยวกับกรอบเวลาที่สั้นลง และรอบชิงชนะเลิศจะเกิดขึ้นในทันทีหลังจากนั้น เขารู้สึกว่าความกดดันมันพุ่งตรงมาที่ใบหน้าของเขา

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.