spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บทที่ 385: ฐานของภูเขาอมตะ
ร่องรอยของคำขอโทษกระพริบอยู่ในดวงตาของอาวุโสชุน เขาเปลี่ยนมันด้วยสายตาอันมุ่งมั่นอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขาตัดสินใจอะไรได้แล้ว
"อาวุโสชุน ท่านยืนอยู่ที่นั่นนานแล้ว ท่านพึมพำกับตัวเองทำไม ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?"
หญิงสาวที่อยู่ในชุดสีเขียวอ่อนเดินเข้ามาช้า ๆ นางอุ้มสัตว์เลี้ยงสีขาวตัวเล็ก ๆ อยู่ในมือ "อาวุโสชุน ข้าไม่คิดเลยว่าบนภูเขาลูกนี้จะมีมีสัตว์วิญญาณเช่นจิ้งจอกหิมะอาศัยอยู่ ดูสิ ขาข้างซ้ายของมันได้รับบาดเจ็บ ข้าจะไปทำแผลให้มัน"
ราวกับว่าฤดูใบไม้ผลิทำให้ใบหน้าที่เย็นชาของอาวุโสชุนสดใส ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความรักและความเมตตาไม่มีที่สิ้นสุด
"เจ้าตัวน้อย เจ้าช่างใจดี ภายนอกจิ้งจอกหิมะดูนุ่มนวลและเชื่อง ภายในมันเต็มไปด้วยกลอุบายหลอกลวง ฮ่วงเอ๋อ ระวังอย่าให้มันทำร้ายเจ้าได้"
ฮ่วงเอ๋อเปล่งประกายฟันสีขาวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย มันบริสุทธิ์เหมือนกับภูเขาหลังฝนตก
"ข้าจะระวังเจ้าค่ะ"
อาวุโสชุนพยักหน้า เขาพูดเพื่อเตือนเท่านั้นและเขาไม่ได้กังวลว่าจิ้งจอกหิมะจะเป็นอันตรายต่อฮ่วงเอ๋อ
“ฮ่วงเอ๋อ” อาวุโสชุนเรียกขณะที่นางหันหลังออกไป
“เจ้าคะ?” ฮ่วงเอ๋อหันกลับมา คิ้วที่สง่างามของนางโค้งขึ้นบ่งบอกถึงคำถามที่เขาหยุดนางไว้
"ฮ่วงเอ๋อ ข้าวางแผนที่จะเข้าไปแทรกแซง เจ้าจะว่าข้าหรือไม่หากข้าไม่มีเวลาว่าง?" อาวุโสชุนลังเลเล็กน้อย เขาไม่ได้กลัวใคร เขาเพียงเกรงว่าฮ่วงเอ๋อจะไม่พอใจถ้าเขาจู่โจม
ดวงตาที่ชัดแจ๋วของฮ่วงเอ๋อมืดลงเล็กน้อยขณะที่นางยกคิ้วขึ้น นางถามอย่างนอบน้อมว่า "ข้าเป็นคนทำให้ท่านต้องลำบาก และยิ่งไปกว่านั้นท่านกำลังทำเช่นนั้นเพราะช่วยเหลือข้า ข้าจะโทษท่านได้อย่างไร? แต่นี่เป็นดินแดนดั้งเดิมสมัยโบราณ ท่าน... "
"อย่ากังวลไปเลย ข้ามีวิธีการของข้า ดินแดนดั้งเดิมแข็งแกร่งก็จริง แต่คนของนิกายทั้งสี่ไม่ได้มีความสามารถมากนัก ข้าแค่ต้องออกแรงเพียงเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาตื่นตระหนก"
อาวุโสชุนมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ซึ่งแฝงไปด้วยความดูหมิ่นทั้งสี่นิกาย
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้นึกถึงพวกเขาในแง่ดีเลย
..........
รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ส่วนนภายังคงดำเนินต่อไป ทั้งสี่บรรพบุรุษให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ส่วนนี้
ความหวังทั้งหมดของพวกเขาถูกตรึงไว้บนพื้นที่ส่วนนภา
พูดกันตามจริง พื้นที่ส่วนอื่นไม่มีความสำคัญเลย คงจะดีถ้ามีคนที่มีพรสวรรค์บางอย่างเฉิดฉายขึ้นมา หากไม่มีก็ไม่ได้จำเป็นอะไร
อัจฉริยะในพื้นที่ส่วนนภาเท่านั้นที่สามารถเติมเต็มความหวังของพวกเขาได้ หากอัจฉริยะเหล่านั้นก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว พวกเขาจะเป็นอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของนิกาย
ดังนั้นบรรพบุรุษทั้งสี่จึงยินดีที่จะปล่อยให้พวกเขาทำตามอำเภอใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรพบุรุษนักล่าตะวัน เขามีความสุขที่ได้ให้ทุกคนปราบปรามอัจฉริยะสามัญหลังจากที่เขาสรุปว่าอัจฉริยะสามัญคือเจี้ยงเฉิน
เขาไม่ต้องการให้อัจฉริยะสามัญกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางความยิ่งใหญ่ของนิกายของเขา
บรรพบุรุษนักล่าตะวันมีเต๋าหัวใจที่เย็นชาและโหดเหี้ยมอย่างแท้จริง เขาไม่เห็นคุณค่าของชีวิตและความตายของผู้อื่น
ถ้ามีคนปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับเขา เขาก็จะทำลายคนคนนั้น มิฉะนั้นมันจะเท่ากับว่าเขาเลี้ยงงูเห่าให้มีชีวิตอยู่ข้างกาย และมันก็กลายเป็นอุปสรรคในทุกย่างก้าว นี่เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษนักล่าตะวันไม่อยากเห็น
สำหรับอีกสามบรรพบุรุษ บรรพบุรุษละอองน้ำแข็งมีบุคลิกรักสันโดษที่สุด นางพยายามทำตัวเป็นกลางเมื่อจัดการกับเรื่องต่าง ๆ นางไม่รุนแรงหรือหัวโบราณ
บรรพบุรุษพันใบของนิกายพฤกษาสวรรค์ทำการสืบสวนด้วยตัวเองและได้เข้าใจว่าอัจฉริยะสามัญมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากกับอัจฉริยะของนิกายของเขา
นอกเหนือจากเทียนฮง คนอื่นค่อนข้างกลัวเขามาก
ด้วยเหตุนี้บรรพบุรุษพันใบจึงลังเลใจ เขารู้สึกว่าถ้าเขาไม่เอะอะมันจะทำให้นิกายตะวันม่วงได้ใจ
แต่ถ้าเขายื่นมือเข้าไป เขาอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้
บรรพบุรุษเก้าสิงโตกำลังเต้นเร่า ๆ ด้วยความโกรธ เขาสาปแช่งผู้ควบคุมของพื้นที่ส่วนนภาเสียงดัง กล่าวโทษพวกเขาอย่างไม่เหลือดีว่าพวกเขาเป็นกองอุจจาระของสุนัข พวกเขากล้าดียังไงถึงได้ฝ่าฝืนกฎเช่นนี้
ความกระตือรือร้นของเขาพุ่งสูงขึ้นเมื่อเขารู้ว่าเจี้ยงเฉินบุกเข้าไปในการประชุมตัวคนเดียว
เขาไม่ได้ปิดบังความชื่นชมที่มีต่อสาวกสามัญ และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับการกระทำของอัจฉริยะจากนิกายของเขา เล่าซี่
เล่าซี่ไม่ก้มหัวทำตามแผนการข่มเหงของเล่ยกงหยุน เขาเลือกที่จะออกมาและไม่เข้าไปพัวพันกับแผนร้าย
สำหรับบรรพบุรุษเก้าสิงโต นี่คือทัศนคติที่กล้าหาญและมีมารยาท
นิกายตะวันม่วงทำตัวเหนือกว่าคนอื่นและชอบกดขี่เสมอ เล่ยกงหยุนเลยได้ส่วนแบ่งของสันดานนี้ไป บรรพบุรุษเก้าสิงโตรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เล่าซี่พยายามรักษาตัวตนของตัวเองและไม่ยอมประนีประนอม
“อืม ถ้าอัจฉริยะสามัญเข้าร่วมกับนิกายจิตมหัศจรรย์ของข้า เขากับเล่าซี่จะส่องแสงเหมือนดวงอาทิตย์คู่ และเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับนิกายในรอบพันปีที่ผ่านมา ข้าต้องปกป้องผู้เข้าแข่งขันคนนี้อย่างเต็มที่"
บรรพบุรุษเก้าสิงโตไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไปเมื่อความคิดของเขามาถึงจุดนี้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มดำเนินการบางอย่าง
ก่อนอื่นเขาเข้าไปพบกับบรรพบุรุษพันใบ ทัศนคติของเขาดูคลุมเครือ ในใจลึก ๆ เขาก็อยากได้ตัวสาวกสามัญมาเข้าร่วมนิกายของเขา
เมื่อบรรพบรุษเก้าสิงโตทำให้เขาเชื่อว่าจะมีเพียงนิกายตะวันม่วงเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์ในตอนท้ายถ้าอัจฉริยะสามัญถูกปราบปราม เขาจึงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมค่ายเพื่อปกป้องเจี้ยงเฉินหลังจากใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
อย่างไรก็ตามทั้งสองคนคิดว่ามันจะดีที่สุดถ้าพวกเขาทำให้บรรพบุรุษละอองน้ำแข็งเข้าร่วมกับพวกเขาในการเผชิญหน้ากับนิกายตะวันม่วงที่เอาแต่ใจ
บรรพบุรุษละอองน้ำแข็งเป็นกลางอยู่เสมอ นางต้องยอมให้เกียรติเมื่อเผชิญหน้ากับทั้งสองหลังจากที่พวกเขาใช้เวลาพูดคุยกับนางอยู่นาน นางต้องยินยอมเข้าร่วมกลุ่ม
ดูเหมือนว่าบรรพบุรุษนักล่าตะวันได้เตรียมตัวมานานแล้วเมื่อเห็นทั้งสามคนมาด้วยกัน
เขาหัวเราะอย่างเย็นชาไม่ว่าพวกเขาจะพยายามโน้มน้าวอย่างไรก็ตาม
"ข้าจะไม่เข้าไปพัวพันกับกิจการของผู้ควบคุม แต่ถ้าพวกอัจฉริยะของนิกายต้องการที่จะท้าประลองเขาและต้อนเขาจนมุม นี่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นการฝ่าฝืนกติกาใช่หรือไม่? "
บรรพบุรุษนักล่าตะวันมีน้ำเสียงไม่แยแสเพราะเขารู้สึกสบายใจ
บรรพบุรุษคนอื่นพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำตอบที่ไร้ยางอาย ความเป็นจริงผู้เข้าแข่งขันสามารถท้าประลองและได้รับคะแนน นี่เป็นกฎที่ชัดเจนของพื้นที่ส่วนนภา
บรรพบุรุษเก้าสิงโตหัวเราะอย่างเย็นชา "จริง ๆ แล้วมันเป็นการแข่งขันที่เป็นธรรมสำหรับผู้เข้าแข่งขันที่จะท้าประลองซึ่งกันและกัน เจ้าคิดว่าผู้เข้าแข่งขันประชุมกันเรื่องอะไรล่ะ?"
บรรพบุรุษนักล่าตะวันไม่แยแส "นั่นคือการตัดสินใจของกลุ่มผู้ควบคุม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า เจ้าคิดว่าข้าบอกให้พวกเขาทำเช่นนั้นหรือ? อย่าลืมว่าสมาชิกของทั้งสี่นิกายของเราร่วมกันเป็นผู้ควบคุม ข้าคงไม่มีอำนาจมากพอที่จะส่งผลกระทบต่อคนของนิกายของพวกเจ้า? "
อีกสามคนพูดไม่ออก คำพูดของเขาไร้ยางอายก็จริง แต่มันก็สมเหตุสมผลอยู่บ้าง
เรื่องของส่วนของผู้ควบคุมได้รับการตัดสินใจเป็นกลุ่ม ทั้งสามคนก็มีคนของตัวเองอยู่ในหมู่ผู้ควบคุม
บรรพบุรุษนักล่าตะวันฉวยโอกาสที่เขาอ้ำอึ้งเพื่อพูดอย่างกะทันหันว่า "ข้าค่อนข้างเห็นว่าไม่ใช่เรื่องดีสำหรับผู้เข้าแข่งขันสามัญที่จะลุกขึ้นต่อสู้กับคนอื่นและทำให้เกิดปัญหาขึ้นในพื้นที่ส่วนนภา ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับอัจฉริยะที่จะให้บทเรียนกับเขา เขาไม่ใช่อัจฉริยะหรือ ? พวกเขาจะพัฒนาฝีมือผ่านการปะทะที่รุนแรงต่าง ๆ ไม่ใช่หรือ? กว่าเราจะไปถึงจุดสูงสุด เราต้องก้าวผ่านกลุ่มสหายและศพนับไม่ถ้วน เจ้าจำไม่ได้รึ? "
ในเส้นทางของเต๋าศิลปะการต่อสู้ การพัฒนาก้าวหน้าของอัจฉริยะนั้นเต็มไปด้วยแสงจากใบมีดและเงาจากดาบ ซากศพเท่ากับกองภูเขาและทะเลโลหิต
บรรพบุรุษทั้งสี่คนตัวสั่นขณะที่พวกเขากำลังพูด
ภูเขาอมตะเริ่มสะเทือนขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน ท้องฟ้าและแผ่นดินสั่นสะเทือนขึ้นในขณะนั้น
"อะไร ?!" การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไปขณะที่วิ่งออกไปข้างนอก
การกระทำที่รุนแรงดังกล่าวเกิดขึ้นหมายความว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
เสียงดังก้อง !!
การสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ทำให้ภูเขาอมตะมีเสียงหอน ทุกคนบนภูเขาตื่นตระหนกและเริ่มโยกเยกไปกับภูเขา
"เกิดอะไรขึ้น ?"
"เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ?"
ผู้เข้าแข่งขันต่างพากันวิ่งออกจากบ้านพักของตัวเองด้วยสีหน้าตกตะลึง
เจี้ยงเฉินนั่งทำสมาธิอยู่ในบ้านพักของเขา เขารู้สึกถึงความวุ่นวาย หลังจากนั้นเขาจึงวิ่งออกมาเหมือนสายฟ้า
เขาขมวดคิ้วมองลงไปข้างล่างและเรียกตัวราชาหนูเขี้ยวทองมา เขาสั่งให้มันไปสำรวจด้านล่างและดูว่ามันใช่แผ่นดินไหวหรือไม่
อย่างไรก็ตามการสั่นสะเทือนก็หยุดลงภายในไม่อึดใจ
ระดับของการสั่นสะเทือนราวกับภูเขากำลังจาม ทุกอย่างสงบหลังจากที่มันหยุดลง โดยไม่มีร่องรอยของสิ่งผิดปกติ
อย่างไรก็ตามทั้งสี่บรรพบุรุษไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องดีและยังคงสืบสวน
พวกเขาทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่ฐานของภูเขา ถ้ามันเป็นเรื่องสั่นสะเทือนภายในเล็กน้อย พวกเขาจะไม่ใส่ใจ
อย่างไรก็ตามมันจะแตกต่างกันมากถ้ามีสิ่งผิดปกติกับฐานภูเขา
พวกเขาใช้ทรัพย์สินมากมายและพลังวิญญาณอันมหาศาลในการเปิดภูเขาอมตะ หากมีบางอย่างผิดปกติกับค่ายกล ภูเขาจะปิดไปตลอดกาล
เมื่อมันปิด พวกเขาก็จะถูกผนึกไว้ข้างในตลอดกาล เว้นเสียแต่ว่ามีคนอื่นเปิดมันจากด้านนอก
มิฉะนั้นจะไม่มีใครสามารถออกไปได้
บรรพบุรุษพุ่งเข้าไปที่ค่ายกลเปิดทางเข้า
บรรพบุรุษนักล่าตะวันเร็วที่สุดและตามมาด้วยอีกสามคน
"มันดูเป็นอย่างไร?" บรรพบุรุษละอองน้ำแข็งถามบรรพบุรุษนักล่าตะวัน
ใบหน้าของบรรพบุรุษนักล่าตะวันซีดและเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ เขามองไปรอบ ๆ ค่ายกลเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อกระตุกอยู่บนใบหน้าของเขา เขารู้สึกถึงรสขมในปากในขณะที่เขาพึมพำว่า "ค่ายกลถูกทำลายไปบางส่วน"
อีกสามบรรพบุรุษรีบออกมาดู การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเห็นความเสียหาย
"ร้ายกาจมาก ใครทำแบบนี้?!" บรรพบุรุษเก้าสิงโตเริ่มแช่งเสียงดัง "เราใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อเปิดภูเขานี้ และเราก็สามารถใช้มันได้ภายใน 3 ปีเท่านั้น ค่ายกลครึ่งหนึ่งถูกทำลาย ในอัตรานี้ค่ายกลจะสามารถทำงานต่อได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น! "
ทั้งสี่คนเป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พันธมิตรทั้งสิบหกอาณาจักร เมื่อพวกเขามองหน้ากันตอนนี้ ทุกคนมีสีหน้าวิตกกังวล
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่สามารถทำลายฐานของค่ายกลได้คือสิ่งที่พวกเขาต้องระมัดระวัง
"เป็นได้ได้ไหมว่ามันคือสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนดั้งเดิม?" บรรพบุรุษละอองน้ำแข็งถาม
“เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าจะมีพลังมหาศาล พวกมันก็จะไม่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงขณะนี้สิ่งมีชีวิตที่มีพลังเหล่านั้นอาจล่มสลายหรือหลับใหลลึกเนื่องจากไม่มีพลังงานเพียงพอที่จะช่วยให้มันตื่นตัว เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นฝีมือของพวกมัน " บรรพบุรุษเก้าสิงโตปฏิเสธการคาดเดาของบรรพบุรุษละอองน้ำแข็ง
"หรือนี่เป็นฝีมือมนุษย์?" บรรพบุรุษพันใบสูดลมหายใจและมีน้ำเสียงระแวงสงสัย
ฝีมือมนุษย์รึ?
เมื่อทั้งสี่บรรพบุรุษคิดว่ามันเป็นไปได้ สีหน้าของพวกเขาซีดลงทันที