spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 286: ถ้ำมังกร
ถ้ำมังกรของจินหยวนอันโด่งดังนั้นอยู่ที่ใจกลางของเกาะมังกรลับ ถ้าใครมองจากยานลงไป คนนั้นจะเห็นทางเข้าสของถ้ำใต้ดินที่มีพื้นที่กว่า 10 ตร.กม.
แม้ว่าจะมีหลักฐานมากมายที่บ่งบอกว่าไม่มีอะไรเหนือไปกว่าดวงดาวก่อนเกิดภัยพิบัติแต่มนุษย์ในยุคนั้นก็ยังอยู่ภายใต้การดูแลของปิศาจที่แฝงอยู่ในมวลมนุษย์ เพื่อที่จะดูแลคนได้ดีกว่า ปิศาจได้เพิ่มอำนาจของพวกมันโฟกัสไปในเรื่องการทำลายล้าง ดังนั้นแล้วคนจึงห้ามที่จะสงสัยและสำรวจโลกนี้มากเกินไป ปิศาจได้โกหกต่างๆนาๆเกี่ยวกับโลกเพื่อกักกันความคิดของผู้คน แต่ละคนที่เข้าไปโรงเรียนจะโดนล้างสมองด้วยความคิดจากพวกปิศาจตั้งแต่ที่พวกเขารับการศึกษา
ในบรรดาคำโกหกนั้นคือสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการปกครองของปิศาจ สิ่งพื้นฐานที่สุดคือคนเราต้องตอบคำถามได้ว่าคนเราเกิดมาจากอะไร เรามาจากไหน ? โลกที่เราอยู่นั้นเป็นยังไง ?
สำหรับจักรวาลและโลกที่มนุษย์อาศัยอยู่แล้ว ปิศาจต้องการที่จะอธิบายว่ามันเป็นดินแดนโดนเดี่ยวในจักรวาลเหมือนกับคุก มันเป็นดินแดนรกร้างในบรรดาดวงดาวที่สวยงามที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากมนุษย์
ระหว่างหลายร้อยปีที่ผ่านมา ปิศาจได้พูดเรื่องนี้เพื่อกักความคิดของคน ระหว่างช่วงเดียวกันก็เกิดการฆ่ากันเองในหมู่มนุษย์ ในคำโกหกนี้ทุกทรัพยากรในโลกล้วนแต่ขาดแคลน เพื่อชดเชยความขาดแคลนและความจำกัดที่มี เพื่อที่จะรอด มนุษย์ได้เริ่มฆ่ากันเอง
ในบรรดาคำโกหกคือการเกิดของโลก ดาวที่คนเราอาศัยอยู่นั้นอธิบายได้ว่าเป็นของเหลวที่มีแก่นขนาดใหญ่และมีชั้นรอบๆ แต่ละชั้นนั้นซ้อนทับกันและมีแก่นอยู่ด้านล่าง ลึกลงไปใต้ดินคือลาวาที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ
ในตอนที่ปิศาจสร้างเรื่องโกหกพวกนี้ พวกมันยังคงใช้ทรัพยากรจำนวนมากที่มันควบคุมไม่ให้คนอื่นเชื่อในเรื่องทฤษฎีที่ไปทำการสำรวจลึกลงไปใต้ผิวโลก พวกมันได้กันความจริงต่างๆที่อาจเปิดเผยคำโกหกของพวกมัน
จากความรู้ที่ จางเทีย ได้เรียนรู้มาจากโรงเรียน ก่อนภัยพิบัติ คนจำนวนมากตระหนักได้ถึงคำโกหกที่ปิศาจบอกเกี่ยวกับโลกนี้ หลายคนรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีชั้นขนาดใหญ่ จริงๆแล้วข้างในโลกนี้ว่างเปล่า มีหลายอย่างที่เป็นอิสระและพื้นที่ที่ติดต่อกันในโลกใบนี้ แม้แต่พื้นดินด้านบนก็ยังมีทางเข้าที่สามาถนำไปสู่โลกในจักรวาลอื่นได้
ทางเข้าเหล่านี้มีหลากหลายที่บนโลกแต่ทางเข้าที่ใหญ่ที่สุดคือขั้วโลกเหนือและใต้ เกือบ 100 ปีก่อนภัยพิบัติ เพราะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลายคนจึงมีเรื่องบินส่วนตัวไว้เดินทาง จากเครื่องบินนั้น บางคนกล้าพอที่จะออกสำรวจขั้วโลกเหนือและใต้ของโลกนี้ พวกเขาได้พบทางเข้าขนาดใหญ่ไปสู้โลกใต้ดิน เมื่อมองลงมาจากฟ้าพวกมันมีขนาดใหญ่โตจนพวกมันไม่อาจปกปิดได้
ไม่ใช่แค่นักสำรวจเหล่านั้น จริงๆแล้วมีประเทศมากมายที่ปล่อยดาวเทียมขึ้นไปในยุคนั้นซึ่งได้ค้นพบความลับนี้ พวกเขาจับภาพทางเข้านี้ได้ง่ายๆแต่เพราะเหตุผลมากมาย พวกคนที่ค้นพบเรื่องพวกนี้จึงเก็บมันเป็นความลับ
จนกระทั่งภัยพิบัติได้มาถึง ด้วยสนามแม่เหล็กของโลกและการเคลื่อนที่ทางภูมิศาสตร์ มอนเตอร์มากมายและสัตว์อสูรได้ทะลักออกมาจากทางเข้าเหล่านั้น ทำให้ผู้คนถึงเริมรู้ว่ามีความลับมากมายในโลกที่พวกเขาอยู่
ตั้งแต่สงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกระหว่างมนุษย์และปิศาจ ผู้คนเริ่มที่จะเพิ่มกำลังในการสำรวจความลึกลับภายใต้ผิวโลกและทางเข้าที่นำไปสู่โลกอื่น หลายทางเข้าเริ่มถูกค้นพบ จากนั้นเป็นต้นมาโลกใต้ดินขนาดใหญ่ก็เริ่มถูกเปิดเผยออกมา
ถ้ำมังกรลับบนเกาะนี้เองก็เป็นหนึ่งในทางเข้าที่นำไปสู่โลกใต้ดินที่ถูกพบหลังจากสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรก ทางเข้านี้จริงๆแล้วคือแม่น้ำที่ไหลไปสู่ทะเล แม้ว่าทางเข้าจะมีแม่น้ำอยู่ที่นี่แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันจะพาไปที่ใด
ระหว่าหลายร้อยปีที่ถ้ำนี้ถูกพบ แต่ละวันจะมีผู้คนมากมายลงไป ในบรรดาพวกนั้นแล้วส่วนมากจะเป็นนักรบที่ซึ่งมาที่นี่เพื่อสร้างพลังฉีต่อสู้ ส่วนคนอื่นๆนั้นเป็นนักผจญภัยที่จะมามองหาโอกาส, เรื่องราวประวัติศาสตร์และสมบัติในโลกใต้ดิน
มีคนทั้งหมด 300,000 ในห้าเมืองของเกาะมังกรลับ กว่า 60% เป็นพวกสองแบบข้างต้น พวกเขาล้วนแต่เย่อหยิ่ง บางคนมีความแข็งแกร่งและทะเยอทะยาน บางคนมีทั้งสองอย่าง พวกเขาได้มาจากประเทศต่างๆ ส่วนมากแล้วก็มีประสบการณ์มากมาย ก่อนที่พวกเขาจะมาที่เกาะนี้ พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา ระดับต่ำสุดในหมู่พวกนี้ก็เหมือนกับ จางเทีย ที่เพิ่งเลื่อนระดับมาเป็นระดับ 6 และเตรียมตัวที่จะสร้างพลังต่อสู้ฉี
มีคนที่มีความแข็งแกร่งและพรสวรรค์หลากหลายแบบที่มายังเกาะนี้
นอกจากเมืองมังกรขาวซึ่งอยู่ใกล้ท่าเรือมากที่สุด ทั้งสี่เมืองนั้นต่างก็อยู่รอบถ้ำมังกร ดังนั้นใครก็ตามที่จะเข้าไปในถ้ำมังกรต้องได้รับอนุญาติจากหนึ่งในสี่เมืองนี้ก่อน
เช้าวันต่อมา ญาติของ จางเทีย ได้พา จางเทีย ไปยังเมืองมังกรดำ
หลังจากที่อยู่บนเกาะมานานเกือบ 3 เดือน นี่เป็นครั้งแรกที่ จางเทีย มายังเมืองบนเกราะ ก่อนหน้านี้ในตอนที่เขาซื้อและปล่อยปลา แม้ว่าเขาจะผ่านเส้นทางภูเขาที่อยู่ข้างๆเมืองมังกรขาวแต่ จางเทีย ไม่ได้เข้าไปในเมืองเลยสักครั้ง
เมืองมังกรดำนั้นเจริญกว่าที่ จางเทีย คิดไว้เป็น 10 เท่า ในตอนเช้ามันก็มีผู้คนมากมายตามท้องถนนแล้ว ทั้งสองด้านของถนนมีโรงแรงม,ร้านอาหารและร้านค้าทุกแบบ มันคึกคักจนเขาสงสัยว่านี่ใช่เมืองที่อยู่บนเกาะหรือไม่
แต่เทียบกับเมืองพวกนี้แล้ว คนส่วนมากที่เดินไปมากต่างก็มีอาวุธ อาวุธส่วนมากนั้นแปลกประหลาดเป็นแบบที่ จางเทีย ไม่เคยเห็นมาก่อน นอกจากผู้คนแล้ว มันไม่มีพาหนะรึเกวียนตามท้องถนนเลย
คนส่วนมากที่นี่ก็เป็นคนจีนผมและตาสีดำ นอกจากไม่กี่คนที่มีผมบรอนด์ผิวขาวและผิวดำ พวกเขาต่างก็ทำธุรกิจของตัวเองและไม่ได้รู้สึกแปลกกับสิ่งที่เห็น
บนทวีปไว่ คนจีนและคนข่าวถือว่าเป็นมนุษย์เหมือนกัน พวกเขาตั้งประเทศของตัวเองขึ้นมา ในบรรดาประเทศเหล่านั้น คนขาวที่ซึ่งพูดฮิบรู นั้นหลักๆแล้วจะอยู่ทางทิศตะวันออกและใต้ของเขตมนุษย์ หลังจากสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรก แม้ว่าจะยังคงพอมีสงครามระหว่างประเทศและเขตอยู่บ้างแต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกัน นอกจากนี้แล้วสงครามขนาดใหญ่อย่างสงครามโลกนั้นเป็นข้อห้าม
นอกจากภัยของปิศาจแล้ว มนุษย์ตระหนักได้ว่าการสร้างความสงบสุขให้กับประวัติศาสตร์นั้นแน่นอนว่าเป็นการเดินหน้าที่ยิ่งใหญ่
เมื่อมองไปยังชายผิวดำกำยำที่ซึ่งถือดาบของตนต่อรองกับเจ้าของร้านด้วยภาษาจีน จางเทีย ก็ช็อก เขาไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้ในเมืองแบล็คฮ็อตมาก่อน
...
ปัง ! เสียงกระจกหน้าต่างบนชั้นสองของโรงแรมที่อยู่ตรงหน้าไปกว่า 10 ม.ได้แตกออกในตอนที่ จางเทีย และ จางซู กำลังเดินอยู่บนถนน ในเวลาเดียวกันก็มีคนลอยออกมาจากหน้าต่างพร้อมกับเสียงร้องแล้วหล่นไปที่ถนน เมื่อเห็นแบบนั้นคนที่เดินอยู่ต่างก็หลีกทางไม่เข้าใกล้ชายคนนั้น
ไม่ถึงห้าวินาทีหลังจากที่ชายคนนั้นตกลงมาที่พื้น อีกคนก็ได้ลอยออกมาจากหน้าต่างบานเดิมแล้วตกลงที่พื้นด้วย จางเทีย เห็นว่าคนหลังนั้นโดนเตะออกมา
ก่อนที่สองคนนั้นจะได้ลุกขึ้นยืน เด็กหนุ่มในชุดวังมังกรลับก็ได้เดินออกมาจากประตูที่ชั้นแรกพร้อมปัดฝุ่นที่อยู่ที่มือ เขาเดินไปตรงหน้าสองคนนั้นและคว้าของพวกนั้นขึ้นมาราวกับคว้าไก่
“พวกแกเป็นแค่นักสู้ระดับ 7 พวกแกกล้าดียังไงถึงได้มากินแล้วหนีบนเกาะนี้ ... “ – เด็กหนุ่มฮึดฮัดออกมาและหันหลังกลับไปถาม – “ คุณพี่ พวกนี้ต้องจ่ายเท่าไหร่ ? “
ผู้หญิงวัยกว่า 20 ปีวิ่งออกมาจากประตูโรงแรม – “ พวกนั้นกินไป 2 ทอง 36 เงิน ค่าทำหน้าต่าง,โต๊ะพัง 5 เงิน พวกนั้นต้องจ่าย 7 ทอง 36 เงินให้กับตึกรวมสมบัติ ! “
“ พวกแกมีเงินมั้ย ? “ – เด็กหนุ่มถามสองคนที่โดนเขายกขึ้นมาในมือ
“ มี มี เรามี ..” – ชายที่ดูกำยำดึงกระเป๋าเงินออกมาและกัดฟันแน่น เขาไม่นับแล้วโยนถุงเงินให้กับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงได้รับกระเป๋านั้นมาและนับ 7 ทองและ 36 เงินก่อนจะโยนคืน
“ เรา...เราไปได้รึยัง ? “ – อีกคนได้ถามออกมาด้วยเสียงเบาๆ
“ เพราะแกสองคนก่อเรื่องบนเกาะมังกรลับ แม้ว่าจะจ่ายค่าเสียหายไปแล้วแต่พวกแกก็ควรที่จะตามข้ามา.. “
“ ไป..ไปที่ไหน ? “ - ชายคนแรกใจหล่นวูบในตอนที่ถามออกมา
“ ตามกฎของเขตไฮหยวนแล้ว นอกจากจ่ายค่าเสียหาย คนที่สร้างปัญหาต้องทำงานหนักกว่าสองอาทิตย์ ตามข้ามา หลังจากที่ทำงานที่เหมืองได้สองอาทิตย์ พวกแกก็จะเป็นอิสระ “
“ ฮ๋ะ สองคนงี่เง่านี้คิดว่าจะทำอะไรก็ได้บนเกาะนี้ .. “ – คนที่ดูอยู่ข้างถนนส่ายหน้า
“ พวกนักเลงนี้แน่นอนว่าคงอยู่ในเมืองเล็กๆมานานเกินไป แค่นักสู้ระดับ 7 พวกนี้ยังกล้าจะก่อเรื่องอีก ? บ้าเอ้ย ถ้าพวกมันกล้าก่อเรื่องในที่ของข้านะ พ่อคนนี้จะบิดไข่มันให้เป็นชิ้นๆแล้วโรยด้วยเกลือก่อนจะให้พวกมันกลืน เหี้ย ข้าเองยังเป็นนักสู้ระดับ 8 แต่ข้ายังไม่กล้าทำแบบนี้เลยตอนข้ามาที่นี่เมื่อครึ่งปีก่อน.. – ชายกำยำคนหนึ่งที่ซึ่งถือดาบใหญ่มองไปที่สองคนนั้นแล้วถุยน้ำลายลงพื้นก่อนจะเดินจากไป ตัดสินจากท่าทางแล้วเขาคงเป็นโจรไม่ก็ฮีโร่ที่อยู่บนภูเขาในฐานะราชาภูเขาอะไรแบบนั้น
เมื่อเห็นว่าเรื่องจบลงแล้ว คนที่ดูอยู่ต่างก็พากันจากไป พวกเขาเห็นเรื่องแบบนี้จนชิน
หลังจากที่ได้ยินคนที่ดูอยู่นั้นพูดคุยกัน สองคนนั้นก็สลดมากกว่าเดิม พวกนั้นก้มหน้าและโดนเด็กหนุ่มนั้นพาตัวไป
...
“ พี่จาง.. “ - ในตอนที่เด็กหนุ่มนั้นพาสองคนนั้นเดินผ่าน จางเทีย และ จางซู เขาก็เห็น จางซู ดังนั้นเด็กหนุ่มนั่นจึงรีบทักทายโดยกำกำปั้นไว้อีกมือ
“ หลิวซี ? นี่เจ้ามีหน้าที่ในเมืองมังกรดำวันนี้เหรอ ? “ - จางซู ไม่ได้มองไปที่สองคนโชคร้าย เขาแค่พยักหน้าให้ชายหนุ่มเล็กน้อย
“ ฮี่ฮี่ ข้ามีคะแนนสมาคมเหลือนิดหน่อย ดังนั้นเลยมาทำหน้าที่.. “ - เด็กหนุ่มหันมามองที่ จางเทีย – “ นี่คงเป็นญาติของเจ้าสินะ ? “
“ ใช่ นี่คือ จางเทีย ข้าจะพาเขาไปสร้างพลังต่อสู้ฉี ! “
“ สู้เข้าไว้ น้อง ข้าลงเงินไว้ 30 ทองข้างเจ้าเมื่อหลายวันก่อน หวังว่าเจ้าจะสร้างพลังฉีต่อสู้เหล็กโลหิตได้ในสองปีนะ .. “ – คนนั้นยิ้มให้ จางเทีย และให้กำลังใจเขา
“ ขอบคุณ พี่ชาย ถ้าเจ้าแพ้พนัน ข้าจะเลี้ยงเหล้าเอง ! “ - จางเทีย ยิ้มออกมาและพูดขึ้น – “ ถ้าข้าชนะ งั้นเจ้าเลี้ยงเหล้าข้า ? “
“ ฮาฮา.. “ - หลิวซี หัวเราะออกมา เขารู้สึกว่ารุ่นน้องคนนี้น่าสนใจอย่างมาก – “ ตกลง ! “
...
หลังจากที่แยกจาก หลิวซี จางซู ได้พูดเตือนเรื่องถ้ำมังกรพร้อมกับพา จางเทีย ไปยังร้านขายยาในเมืองและซื้อยาขวดเล็ก 4 ขวดให้ จางเทีย เป็นเงิน 4 ทอง
“ นี่มันอะไร ? “ - จางเทีย ถาม
“ นี่คือยามองตอนกลางคืน หลังจากที่ไปถึงถ้ำ เจ้าก็หยดยานี่ใส่ตา มันจะทำให้เจ้ามองเห็นในที่มืดและเคลื่อนที่ได้สะดวก “ – หลังจากพูดจบ จางซู ก็ทำท่าทีอายๆ - “ ข้าควรจะเตรียมให้เจ้าดีกว่านี้แต่เงินข้าที่ยืมเพื่อนมาได้เอาไปลงทุนกับโรงงานที่เมืองมังกรเขียว ดังนั้น... “
“ ดังนั้นถ้าเราทำเงิน 2 ทองในโลกใต้ดินไม่ได้ เราจะต้องขาดทุคน .. “ - จางเทีย ยิ้มเพราะเขาพูดไม่ให้ จางซู ต้องอาย ด้วยคำพูดของ จางซู แล้ว จางเทีย เข้าใจมากกว่าเดิมเกี่ยวกับกฎของเขา – “ พี่ชาย มีญาติในแผนกทำลายสวรรค์ที่หาเงินด้วยวิธีแบบนี้มั้ย ?”
“ ใช่ ตอนเจ้าเข้าไปที่แผนกทำลายสวรรค์ เจ้าจะรู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะใช้ชีวิตอิสระในวัง ! “ - จางซู ถอนหายใจออกมา – “ เพื่อที่จะทำเงินในแผนกนั้นมันจะต้องใช้พรสวรรค์ออกมา นอกจากงานที่ได้รับเงินมา บางคนถึงกับลงทุนไปในอุตสาหกรรมในเมือง ดูโรงแรมและร้านค้าในเมืองนี้สิ กว่า 80% น่ะลงทุนโดยคนที่ฝึกอยู่บนเกาะนี้มาก่อน หลังจากที่พวกเขาจากเกาะนี้ไป สิ่งที่พวกเขาลงทุนก็ตกเป็นของสมาชิกครอบครัวพวกเขา วังมังกรลับนั้นไม่ใช่ชากีร่าที่ซึ่งเจ้าสามารถฝึกทักษะต่อสู้โดยไม่สนใจเรื่องอื่น ถ้าอยากโตเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องเรียนรู้วิธีหาเงิน นี่น่ะคือบทเรียนสำคัญสำหรับคนในแผนกทำลายสวรรค์ ! ก่อนหน้านี้ข้าอยู่ที่บ้าน ข้าไม่รู้ว่าจะหาเงินได้ยังไงด้วยซ้ำ ข้ารู้แค่ว่าข้ามีเงินเยอะแต่เมื่อข้ามาที่นี่ ข้าพบว่ามันยากที่จะหาเงิน มันยากจริงกว่าปู่เราจะพัฒนาธุรกิจมาได้ถึงขนาดนี้.... “
จางเทีย พยักหน้าโดยท่าทีเข้าใจสุดๆ ก่อนหน้านี้ตอนแม่ของเขาขายเบียร์ข้าว ราคาของเบียร์ข้าวนั้นมีค่าแค่ไม่กี่ทองแดง ครอบครัวของเขาใช้ชีวิตไม่ดีเท่าไหร่ มันยากที่จะใช้ชีวิตต่อไปได้ถ้าไม่รู้จักวิธีหาเงิน
หลังจากที่ออกจากเมืองมังกรดำแล้ว ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีพวกเขาก็ได้มาถึงถ้ำมังกร
ถ้ำมังกรนี้อยู่ส่วนเว้าของภูเขา ในตอนที่เขายืนอยู่ที่เนินของถ้ำมังกรและมองไปที่หลุมขนาดใหญ่นี้ พื้นที่นี้ใหญ่ยิ่งกว่าเมือง จางเทีย ช็อกเล็กน้อย
แสงแค่เล็กน้อยสามารถส่องเข้ามาที่ถ้ำ ทำให้ทางเข้าพอมองเห็นได้ แต่ระหว่างตอนกลางวันในถ้ำนั้นแสงยังเข้าไปไม่ถึงเลย
หลายคนคำรามอย่างหงุดหงิดและยังมีเสียงสัตว์ร้องดังมาจากข้างในถ้ำทำให้ถ้ำนี่ดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
จางวู ได้เอายาหยดลงไปที่ตาตัวเอง จางเทีย ได้ทำตาม ในตอนที่ยาหยดไปที่ตาแล้ว จางเทีย ก็รู้สึกเย็นขึ้นมาซึ่งมันสบายอย่างมาก หลังจากที่ขยี้ตาได้สักพัก จางเทีย ก็ลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าโลกนี้มันเปลี่ยนไป การมองเห็นของเขานั้นเหมือนมองผ่านชั้นแก้วสีเหลืองเขียว
“ ไม่ต้องแปลกใจหรอก นี่คือผลของยา เข้าไปข้างในกันเถอะ พวกแมงมุมกลายพันธุ์น่ะอยู่ที่ชั้นแรกของถ้ำซึ่งห่างจากทางเข้าไป 1.5 กม......”