หน้าแรก > ราชันสามภพ
บทที่ 384: อาวุโสชุนและฮ่วงเอ๋อปรากฎตัวอีกครั้ง

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

บทที่ 384: อาวุโสชุนและฮ่วงเอ๋อปรากฎตัวอีกครั้ง

 

พวกเขาเข้าข้างอัจฉริยะชั้นแนวหน้าและขึ้นบัญชีดำอัจฉริยะสามัญเพราะเป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุด

 

ในสายตาของพวกเขา ไม่มีทางที่อัจฉริยะสามัญสามารถเทียบกับอัจฉริยะชั้นแนวหน้าได้

 

อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์ต่าง ๆ ที่อัจฉริยะสามัญได้แสดงออกมาอย่างต่อเนื่องค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงอคติของพวกเขา

 

พวกเขาคิดว่าอัจฉริยะสามัญไม่มีการบ่มเพาะเพราะเขาพยายามหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าว

 

สำหรับคนที่ขาดการฝึกฝนบ่มเพาะด้านศิลปะการต่อสู้ ไม่ว่าความสามารถอื่น ๆ ของเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็ถูกกำหนดให้เป็นเพียงตัวสำรองในโลกแห่งเต๋าศิลปะการต่อสู้ โลกที่คนที่มีพละกำลังมีอำนาจสูงสุด เขาไม่มีทางได้เป็นตัวจริง

 

อย่างไรก็ตามการกระทำของอัจฉริยะสามัญล้มล้างความเข้าใจของพวกเขาอีกครั้ง !

 

เขาบุกเข้าไปคนเดียวในการประชุมอัจฉริยะขั้นเทพ

 

เขาต่อสู้กับผู้เข้าแข่งขันหมายเลขหนึ่งอย่างเล่ยกงหยุนเพื่อหยุดเสียงวิพากวิจารณ์และเสียงหัวเราะเยาะ

 

เขาเข้าไปอย่างสงบและออกมาอย่างสง่างาม

 

เช่นเดียวกับใบมีดที่เป็นอันตราย คำพูดเยาะเย้ยที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลังได้แกะสลักปีศาจภายในไว้ในใจของบรรดาอัจฉริยะที่หยิ่งยโส

 

บรรดาอัจฉริยะถูกเยาะเย้ยว่าเหมือนกับขยะ พวกเขาตอบโต้อะไรไม่ได้เลย ความกดดันทางจิตวิทยาแบบนี้จะส่งผลให้เกิดเงามืดในเต๋าหัวใจของพวกเขา

 

"เอ๋ อัจฉริยะสามัญ !" ผู้ควบคุมพึมพำกับตัวเอง "เขาถึงกับกล้าเป็นศัตรูกับอัจฉริยะชั้นแนวหน้าเลยหรือ? เขาไม่ได้คิดถึงเส้นทางในอนาคตของตัวเองหรอกหรือ? "

 

“แน่นอน ! แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม แต่เขาก็จะต้องอยู่ร่วมกับอัจฉริยะคนอื่นเมื่อเขาเข้าสู่นิกายในอนาคต สาวกคนนี้หยิ่งเกินไป "

 

ผู้ควบคุมบางคนสลดใจ

 

ขณะที่พวกเขากำลังทอดถอนใจ มีผู้ส่งสารเข้ามาจากประตู "รายงานขอรับ! ท่านผู้ควบคุม อัจฉริยะสามัญไปถึงการทดสอบความเข้าใจหลังจากได้รับแจ้งถึงข้อจำกัดของเขาในด้านการทดสอบความแข็งแกร่งของจิตใจ "

 

"อะไรนะ?"

 

"เขาไปล่าคะแนนที่การทดสอบความเข้าใจหรือ"

 

"นี่ ... มันหมายความว่าพรสวรรค์ของเขาครอบคลุมทุกแขนงหรือ?"

 

ผู้คบคุมทุกคนลุกขึ้นยืนเมื่อได้รับข้อความดังกล่าว พวกเขามีสีหน้าตกตะลึง

 

ศักยภาพพิเศษของเขาในด้านโอสถและความแข็งแกร่งของจิตใจก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาตกใจ ตอนนี้ที่อัจฉริยะพิลึกไปยังการทดสอบความเข้าใจ เขามีศักยภาพที่น่าประหลาดใจเช่นกันในแขนงนี้ด้วยหรือไม่?

 

ผู้ควบคุมที่ต่อต้านการขึ้นบัญชีดำของเจี้ยงเฉินตั้งแต่แรกมีรอยยิ้มประหลาด "ดูเหมือนว่าแผนขึ้นบัญชีดำของเรากำลังจะกลายเป็นเรื่องตลก"

 

คนอื่น ๆ ไม่มีอะไรจะพูดโต้ตอบ

 

ถ้าอัจฉริยะสามัญสามารถล่าคะแนนในการทดสอบความเข้าใจด้วยแล้ว หมายความว่าแผนใหญ่ในการขึ้นบัญชีดำเขาก็เป็นเรื่องตลกอย่างแท้จริง

 

จะห้ามเขาได้อย่างไร ? ถ้าเขาสามารถขอร้องภารกิจได้ 7 ครั้งในแต่ละแขนง เขาเพียงแต่ต้องเวียนไปในทุก ๆ ด้านเพื่อดำเนินการตามแผนล่าคะแนนของเขา

 

หากเป็นเช่นนี้ วิธีเดียวที่จะห้ามเขาก็คือการตัดสิทธิ์เขาจากการขอภารกิจทั้งหมดและห้ามไม่ให้เขาเข้าร่วม

 

ทุกคนรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

 

พวกเขาตระหนักดีว่าสิ่งที่พวกเขาทำไปในปัจจุบันค่อนข้างไร้ยางอายและละเมิดหลักการของการแข่งขันที่เป็นธรรม

 

หากพวกเขาจำกัดการเข้าร่วมอีกครั้ง เขาจะทำอะไรต่อไป? เขาอาจจะถอนตัวจากการคัดเลือก

 

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังค้นพบว่าด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่งของผู้เข้าแข่งขันคนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อให้กับนิกายทั้งสี่

 

แม้ว่าอัจฉริยะประเภทนี้จะออกจากพันธมิตรทั้งสิบหกอาณาจักรและเดินทางไปยังสถานที่ที่ใหญ่กว่า เขาก็ยังคงเป็นที่สนใจของผู้คน !

 

ผู้ควบคุมคนนั้นมีสีหน้าเยาะเย้ยในขณะที่สายตาของเขากวาดไปทั่วใบหน้าของผู้ควบคุมแต่ละคน

 

"ทุกคน พวกเจ้ายังจะวางแผนที่จะดำเนินการขึ้นบัญชีดำเขาต่อและผลักดันอัจฉริยะสามัญให้ออกจากพันธมิตรของสหราชอาณาจักรทั้งสิบหก? หรือจะยกเลิกการขึ้นบัญชีดำและปฏิบัติต่อเขาอย่างยุติธรรม? "

 

ผู้ควบคุมนิกายตะวันม่วงกัดฟันพูดว่า "เราควรจะดำเนินการต่อ ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบไหน เนื่องจากเราได้เข้าตัดสินร่วมกันไปแล้ว ถึงเราจะเลิกทำ เขาก็จะไม่รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อเราหรอก เราอาจต้องกดดันเขาด้วยเรื่องอื่นให้หนักกว่านี้”

 

ผู้ควบคุมคนอื่นก็ยังรู้สึกอึดอัดใจกับคำกล่าวนี้

 

ผู้ควบคุมที่มีสีหน้าเย็นชาเริ่มหัวเราะ "เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ? เพิ่มเรื่องกดดันหรือ? อย่างไร ? เจ้าวางแผนที่จะไปต่อสู้กับเขาเองหรือ?”

 

"ข้าไม่จำเป็นต้องทำ ข้าเพียงแค่ต้องเปิดปากและให้เหล่าบรรดาอัจฉริยะชั้นนำมีโอกาสท้าประลองเขา ข้าเชื่อว่าอัจฉริยะเหล่านี้จะทำงานได้แนบเนียนอย่างหมดจดและรวดเร็ว "

 

ผู้ควบคุมจากนิกายตะวันม่วงยิ้มอย่างชั่วร้าย

 

ผู้ควบคุมคนอื่น ๆ ก็ใคร่ครวญคำพูดของเขา ไม่มีใครพูดอะไร

 

สิ่งที่พวกเขาเคยทำมาก่อนก็น่าสมเพชมากพอ หากพวกเขายังคงทำเช่นนี้ มันจะไม่เป็นธรรมมากเกินไปสำหรับอัจฉริยะสามัญหรอกหรือ

 

ในทางตรงกันข้ามถ้าพวกเขาไม่ได้ทำเช่นนี้แล้ว อัจฉริยะสามัญจะไม่ยอมหยุดแรงผลักดันอันบ้าระห่ำ

 

เมื่อเวลาผ่านไปบรรดาอัจฉริยะของนิกายทุกคนจะถูกเหยียบย่ำและไม่อาจผงาดขึ้นมาได้อีก นี่จะเป็นการสูญเสียอย่างมหาศาลสำหรับสี่นิกายที่ยิ่งใหญ่

 

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดผู้ควบคุมคือคนของนิกาย

 

พวกเขาต่างมีความคิดเห็นแก่ตัวและไม่ต้องการให้อัจฉริยะของนิกายของพวกเขาถูกบดบังโดยการปรากฏตัวของอัจฉริยะสามัญ

 

เมื่ออัจฉริยะที่ล้ำหน้าถูกบดบังและไม่สามารถปรับใช้ศักยภาพของตัวเองให้จิตใจสงบได้ เส้นทางด้านเต๋าศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาก็จะคดเคี้ยวเลี้ยวลด

 

"เราต้องทำอย่างลับ ๆ ผู้ควบคุมอย่างเราไม่ควรข่มขู่หรือตัดสิทธิ์เขาอีกต่อไป ถ้าเรายังทำแบบนั้นอยู่ เราจะกลายเป็นตัวตลก"

 

"อันที่จริงก่อนหน้านี้เราควรบอกให้พวกเขาแก้ปัญหาของตัวเอง เราไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วนและเข้าไปแทรกแซง "

 

เมื่อผู้ควบคุมที่อยู่อย่างสันโดษได้ยินว่าพวกเขาจะหยุดปราบปรามอย่างเปิดเผยและเปลี่ยนแผนไปแอบทำอยู่ในเงามืดแทน เขาก็สูดหายใจเข้า

 

เขาไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์รอบ ๆ ด้วยพลังของเขาเพียงลำพัง

 

..........

 

ในมุมที่เงียบสงบบนภูเขาอมตะ

 

ชายชราคนหนึ่งที่มีผมยาวสีขาว เขาดูเหมือนธาตุอากาศ ยืนมือไขว้หลังอยู่อย่างสันโดษ เขามองขมวดคิ้วลงไปที่ภูเขาและลำธารใต้เท้าด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง

 

ท่าทางของเขาดูเคร่งขรึมอย่างที่ดูเหมือนว่ามันจมลงไปในอารมณ์ที่กระวนกระวายใจ

 

เด็กสาวในชุดสูทสีเขียวอ่อนถูกวางไว้บนพุ่มไม้ไม่ไกลจากเขามากนัก เด็กหญิงนั้นดูเหมือนกับเทพธิดาที่วิ่งท่ามกลางความวุ่นวายของภูเขาหมอก, ราวกับนางฟ้าในโลก, ใครที่ได้เห็นต้องชื่นชมนาง

 

สายตาของชายชราจ้องมองไปยังนางตลอดเวลา ความรักไม่มีที่สิ้นสุดและความวิตกกังวลชัดเจนขึ้นภายในสายตาของเขา

 

“เฮ้อ ในปีที่ผ่านมานางป่วยหนัก 3 ครั้ง หมอบอกว่าหากอาการป่วยเพิ่มขึ้นเป็น 3 ครั้งต่อเดือน นางจะตกอยู่ในอันตราย สวรรค์ช่างร้ายกาจ! ฮ่วงเอ๋อเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาและใจดี นางไม่เคยทะเลาะกับใคร ทำไมนางถึงต้องทนทุกข์ทรมานกับโชคร้ายเช่นนี้? "

 

ชายชราคนนั้นถอนหายใจ เขารู้สึกเจ็บปวดที่เขาไร้ความสามารถและเขากังวลมากเรื่องความเจ็บป่วยของนาง

 

ชายชราคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่อาศัยอยู่ที่หอโอสถแห่งราชอาณาจักรตะวันออก อาวุโสชุนและหญิงสาวคนนั้นคือฮ่วงเอ๋อ

 

อาวุโสชุนจับตาดูเจี้ยงเฉินตั้งแต่อาณาจักรตะวันออก เขามั่นใจว่าเจี้ยงเฉินเป็นหนึ่งในเบาะแสของอาวุโสเซียนจิผู้ตรวจดวงชะตา เจี้ยงเฉินคือคนที่สามารถรักษาอาการของฮ่วงเอ๋อให้หายได้

 

เพราะฉะนั้นเขาจึงจับตามองเจี้ยงเฉินอยู่ตลอดเวลา

 

อาวุโสชุนคือคนที่ช่วยชีวิตเจี้ยงเฉินอย่างลับ ๆ จากชูชิงหานในหุบเขาบรรจบ

 

เขายังแอบตามเจี้ยงเฉินไปยังอาณาจักรนภาจันทร์ตอนที่เจี้ยงเฉินย้ายเข้ามา

 

และตอนนี้เจี้ยงเฉินได้เข้าสู่ดินแดนที่สืบทอดมาจากสมัยโบราณสำหรับการทดสอบ อาวุโสชุนจึงนำตัวฮ่วงเอ๋อเข้ามาในภูเขาอมตะเมื่อสองเดือนก่อน

 

นั่นคือตอนที่เจี้ยงเฉินได้เข้าสู่พื้นที่ส่วนนภา

 

ดินแดนนี้ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาและมีผู้ฝึกฝนบ่มเพาะอาณาจักรต้นกำเนิดพักอาศัยอยู่ด้วย พูดตามตรง การป้องกันควรจะหนาแน่นมากจนน้ำไม่สามารถเข้ามาได้

 

อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสชุนใช้ความสามารถที่น่าทึ่งบางอย่างในการเข้ามาในดินแดนนี้ได้อย่างง่ายดายเหมือนกับการเดินเข้าไปในสนามหลังบ้านของตัวเอง และเขาก็เดินตามเจี้ยงเฉินไปจนถึงภูเขาอมตะ

 

ผู้บ่มเพาะอาณาจักรต้นกำเนิดทั้งสี่คนอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาไม่สามารถรู้สึกได้ว่ามีคนลอบเข้ามา

 

ราวกับว่าทั้งสองคนเป็นส่วนหนึ่งของภูเขา

 

อาวุโสชุนมีเรื่องหนักใจหลายเรื่อง ดูเหมือนว่าอาการป่วยของฮ่วงเอ๋อถี่ขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สิ่งนี้ทำให้อาวุโสชุนรู้สึกเร่งด่วน

 

"เจี้ยงเฉิน ถ้าเจ้าไม่ใช่เบาะแสที่อาวุโสเซียนจิทำนายไว้ ข้าคงต้องเสียใจมาก ชีวิตของฮ่วงเอ๋อจะตกอยู่ในอันตรายเพราะเจ้า ถึงแม้นี่จะเป็นแค่ความปรารถนาของข้าเพียงฝ่ายเดียว ข้าก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าคือคนที่ถูกทำนายไว้"

 

อาวุโสชุนถอนหายใจเบา ๆ เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เขาทำได้เพียงวางเดิมพันไว้ที่เจียงเฉินเท่านั้น

 

"การคัดเลือกครั้งนี้ยาวนานเกินไป 3 ปี ข้าต้องรอ 3 ปีเต็ม แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอาการป่วยของฮ่วงเอ๋อในระหว่างนี้? ฮ่วงเอ๋อรอไม่ได้แล้ว ข้าก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้วเหมือนกัน"

 

อาวุโสชุนอยากจะไปกระชากตัวเจี้ยงเฉินมา แต่ด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับบุคลิกของเจี้ยงเฉิน เขารู้ดีว่าเรื่องนี้น่าจะส่งผลต่อเขาหากเขาทำเช่นนั้น

 

มีพลังอันมหึมาซ่อนอยู่ภายในร่างของชายหนุ่มคนนี้ซึ่งเป็นพลังที่ไม่มีอำนาจครอบงำใด ๆ สามารถปราบปรามได้

 

อาวุโสชุนชื่นชมลักษณะนี้ และเขารู้ว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จด้วยการบังคับ

 

อาวุโสชุนเป็นคนนอกก็จริง เขากลับรู้จักเจี้ยงเฉินราวกับพลิกฝ่ามือ!

 

เจี้ยงเฉินสวมหน้ากาก และมีเครื่องแบบเฉพาะและใบหน้าและเสียงของเขาเปลี่ยนไป

 

ทั้งสี่บรรพบุรุษอาณาจักรต้นกำเนิดไม่รู้จักเขา แม้แต่คนที่อยู่ข้างกายเขาเช่นด่านเฟยก็ไม่สามารถยืนยันตัวตนของเขาได้ในตอนแรก อย่างไรก็ตามอาวุโสชุนทราบว่าเป็นเจี้ยงเฉินในทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาถึงพื้นที่ส่วนนภา

 

เขาได้เฝ้าดูยุทธวิธีปราบปรามต่าง ๆ ที่พวกเขาใช้กับเจี้ยงเฉินขณะที่เขาก้าวเข้ามาในพื้นที่ส่วนนภา

 

"ตั้งแต่บรรพบุรุษอาณาจักรต้นกำเนิดทั้งสี่คนจนถึงผู้ตรวจสอบ - พวกเขาช่างโง่เง่าไร้สมอง พวกเขาไม่สนใจและเมินเฉยอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เป็นการคัดเลือกที่น่าเบื่อมาก พวกเขาปฏิเสธผู้ที่เข้าถึงและแสวงหาสิ่งที่ห่างไกล ช่างไร้ปัญญา สิ่งที่งี่เง่ามากที่สุดคือผู้ควบคุมของพื้นที่ส่วนนภาไม่ค่อยพอใจที่ค้นพบสมบัติที่เป็นอัจฉริยะล้ำค่านี้ และแทนที่จะถนอมเอาไว้ พวกเขากลับตัดสินใจปราบปรามเขาอย่างรุนแรง  สมองของพวกเขาทำจากถั่วลิสงหรือยังไง?”

 

อาวุโสชุนไม่รู้ว่าตัวเองจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขารู้สึกอึ้งกับประชาชนในกลุ่มสหราชอาณาจักรทั้งสิบหก

 

"ข้าไม่สามารถรอได้ถึง 3 ปี เจี้ยงเฉิน อย่าโทษข้าที่ทำลายโอกาสของเจ้า ข้ารอได้เพียงครึ่งปี โรคของฮ่วงเอ๋อไม่สามารถล่าช้าได้"

 

อาวุโสชุนบ่นกับตัวเอง รู้สึกอับอายเล็กน้อยเมื่อพูดถึงชื่อของเจี้ยงเฉิน

 

เขาก็รู้ด้วยว่าข้อดีของภูเขาอมตะ นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเจี้ยงเฉินที่จะฝึกฝนบ่มเพาะ มันจะพัฒนาขึ้นมาก เขาไม่ควรทำลายโอกาสของเจี้ยงเฉิน ถ้าเขาสามารถฝึกฝนบ่มเพาะได้ครบ 3 ปี อาวุโสชุนเชื่อมั่นว่าเจี้ยงเฉินจะทำลายอัจฉริยะชั้นนำของนิกายได้อย่างง่ายดาย

 

ในเวลานั้น คนเดียวที่แทบไม่อาจเป็นภัยคุกคามต่อเขาได้ก็คือ ผู้หญิงคนนั้นที่มีร่างฟีนิกซ์สวรรค์

 

ถ้าไม่ใช่เพราะความเจ็บป่วยของฮ่วงเอ๋อ อาวุโสชุนเต็มใจที่จะรอไม่ว่ามันจะยาวนานถึง 10 ปีหรือ 20 ปี

 

เขายังต้องการที่จะเป็นพยานว่าอัจฉริยะหนุ่มคนนี้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร

 

น่าเสียดายที่เวลาไม่เคยรอใคร!

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.