spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บทที่ 383: หายตัว
การมาถึงของเจี้ยงเฉินครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงพลังของเขาเท่านั้น เขาไม่ได้มาเพื่อทำร้ายใคร หลังจากแลกหมัดกับเล่ยกงหยุน เขาก็หัวเราะอย่างเย็นชาและกวาดตามองไปที่ใบหน้าของคนเหล่านั้นที่มาชุมนุมกัน ดูเหมือนจะต้องเก็บใบหน้าเหล่านี้ไว้ในความทรงจำ
"ใครคนไหนที่ไม่กลัวตายก็มาท้าประลองกับข้าได้เลย ข้าจะรอพวกเจ้า ! ข้าขอเตือนว่าให้เตรียมตัวให้พร้อมที่จะตายก่อนที่จะเข้าสังเวียน ! "
เขาหัวเราะเสียงดังและทะลุผ่านกำแพงหายตัวไปจากสายตาของพวกเขา
เสียงหัวเราะของเขาสั่นท้องฟ้า มันเปลี่ยนเป็นเสียงกระหึ่มแบ่งเป็นหลายส่วนทันที มันสะเทือนภูเขาและที่ราบและทุกสิ่งในพื้นที่ส่วนนภา
"พวกคนพาล ! ข้าจะไปที่ไหนก็ได้ที่ข้าอยากไป พวกเจ้าจะทำอะไร? "
เล่ยกงหยุนโกรธ เขาวิ่งไปที่ประตู หลงยู่ซื่อตามไปติด ๆ
อย่างไรก็ตามทุกอย่างเงียบสงบภายนอกโดยปราศจากเงาของสิ่งมีชีวิต ขณะที่เสียงหัวเราะของเขาดังก้องอยู่ในเทือกเขา เจี้ยงเฉินก็หายตัวไปอย่างไม่มีร่องรอย
เล่ยกงหยุนและหลงยู่ซื่อมองหน้ากัน ในสายตาของทั้งคู่มีความอาฆาตแค้น
"หมูตัวนี้มันช่างอวดดีจริง ๆ " เล่ยกงหยุนกัดฟัน ในฐานะอันดับหนึ่งของพื้นที่ส่วนนภาเขาต้องยิ่งใหญ่เหนือกว่าทุกคน
เขาเรียกประชุมนี้ขึ้นมาเพื่อรวมตำแหน่งของเขาไว้ในฐานะที่หนึ่ง แสดงให้อัจฉริยะคนอื่นเกรงกลัว
อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดว่าเขาจะเจออุปสรรคมากมายในการประชุมครั้งนี้
เล่าซี่และคนอื่น ๆ ปฏิเสธไม่เข้าร่วมแผนการทำให้เขาเสียหน้าไปแล้วครั้งหนึ่ง สาวกสามัญยังจะมาท้าทายอำนาจของเขาอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน จนเขาแทบแบกรับความอับอายไว้ไม่ไหว !
การล่วงล้ำเข้าที่พักของอีกคนโดยไม่ได้รับเชิญนั่นคือการดูหมิ่นอย่างมาก เจี้ยงเฉินปรากฏตัวบนกำแพงของเขา เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่า
ถ้าเล่ยกงหยุนสามารถบังคับให้เจี้ยงเฉินอยู่ต่อได้ อำนาจของเขาคงจะเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามการโจมตีทั้งสองครั้งของเขาถูกยับยั้งอย่างง่ายดาย เขาทำเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น การโจมตีของเขากลายเป็นเรื่องตลก
สำหรับเล่ยกงหยุน การเพลี่ยงพล้ำให้กับใครบางคนที่ทำมาบุกรุกถึงบ้าน ไม่ต้องสงสัยเลยมันคือความอับอายที่ใหญ่ที่สุด ฝ่ายตรงข้ามยังส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ส่วนนภาหลังจากหายตัวไป นี่คือการถูเกลือในบาดแผลของเขา !
สำหรับเล่ยกงหยุน นี่เป็นความอัปยศอดสูอย่างแท้จริงที่จะทำให้อำนาจของเขาสั่นคลอน
"ศิษย์พี่กงหยุน ตอนนี้ท่านรู้หรือยังว่าเจ้าหมูยโสโอหังไร้ศีลธรรมมากแค่ไหน?" หลงยู่ซื่อลุกเป็นไฟและถามเบา ๆ
"ศิษย์น้องหลง มันคือคู่แข่งของเจ้า เจ้าคิดอย่างไร?"
เล่ยกงหยุนเปลี่ยนหัวข้ออย่างฉับพลันและยิ้มแย้มแจ่มใสว่า "เจ้าคิดมั้ยว่าเราเคยประเมินความสามารถของเขาต่ำไป?"
หลงยู่ซื่อสามารถระบุความหมายในเสียงของเล่ยกงหยุนได้อย่างเป็นธรรมชาติ นางพูดว่า "ถึงเขาจะมีวิธีการที่น่ากลัวและสกปรก เขาก็จะถูกบดขยี้จนละเอียดเมื่อเขาได้พบกับข้า"
นางรู้ว่าเล่ยกงหยุนตั้งใจจะทดสอบนาง และต้องการใช้คำเหล่านี้เพื่อหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยในหัวใจของนาง ภายนอกพวกเขาต้องแสร้งทำเป็นพี่น้องกัน ภายในกลับแข่งขันกันอย่างดุเดือด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเล่ยกงหยุนได้เห็นการพัฒนาของหลงยู่ซื่อและเห็นว่านางเข้าไปแทนที่เสี่ยงชี่ในกลุ่มชูหยู่
คงเป็นเรื่องโกหกหากจะบอกว่าเขาไม่รู้สึกถูกคุกคาม
เขาไม่อยากให้ตำแหน่งของศิษย์พี่ใหญ่ในนิกายตะวันม่วงถูกแทนที่โดยหลงยู่ซื่อ
แม้ว่าเขาจะรู้ลึกลงไปในใจว่าตำแหน่งของเขาในสายตาของผู้อาวุโสชั้นนำของนิกายมีแนวโน้มว่าด้อยกว่าหลงยู่ซื่ออยู่แล้ว เนื่องจากเป็นศิษย์พี่ใหญ่ในปัจจุบันความแข็งแกร่งของเขายังคงนำหน้าทุกคน
แม้ว่าในที่สุดเขาจะถูกโชคชะตากำหนดให้มอบอำนาจอันยิ่งใหญ่ไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ของนิกาย เล่ยกงหยุนยังไม่อยากให้มันเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และเขาไม่อยากเป็นคนที่เชื่องเหมือนคนอื่น
หลงยู่ซื่อไม่ใช่คนโง่ ภายนอกนางแสดงท่าทีเคารพเขาอย่างมาก และนางได้เตรียมใจไว้แล้วสำหรับคำเสียดสี
เมื่อนางได้ยินเสียงของเล่ยกงหยุนที่บ่งบอกถึงเจตนาอันโหดร้าย นางก็ไม่อาจแสดงความอ่อนแอได้
นางแฝงคำเยาะเย้ยไปในคำตอบ
ความหมายของนางคือไม่ต้องสงสัยเลย ข้าจัดการเจี้ยงเฉินได้แน่ อย่างไรก็ตาม ท่านเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของนิกายตะวันม่วงรุ่นใหม่ ท่านปล่อยให้เขากลับไปอย่างสบาย ๆ หลังแลกหมัดอ่อนแอที่ทำให้ตัวเองต้องเสียหน้า
เล่ยกงหยุนและหลงยู่ซื่อกำลังสนทนากันด้วยสีหน้าอาฆาตแค้น
นอกเหนือจากเช่อหยุนหยุนที่มีรอยยิ้มจางตามประเพณี การแสดงออกของคนอื่น ๆ ดูเคร่งเครียดมากอย่างไม่น่าเชื่อ
เห็นได้ชัดว่าเจี้ยงเฉินมาเตือนก่อนที่เขาจะเอาจริง
ถ้าใครไม่กลัวตายก็มาท้าประลองกับข้าได้เลย !
นี่ไม่ใช่คำขู่ธรรมดา เมื่อเห็นอัจฉริยะสามัญต่อสู้กับเล่ยกงหยุน อัจฉริยะที่เข้าร่วมประชุมยอมรับในช่วงเวลานั้นว่าพวกเขามองข้ามความสามารถด้านเต๋าศิลปะการต่อสู้ของอัจฉริยะสามัญ
ถ้าแม้แต่อัจฉริยะในระดับที่ 7 เช่นเล่ยกงหยุนยังไม่ได้เปรียบเมื่อรับมือกับอัจฉริยะสามัญ แล้วเขามีความสามารถระดับไหน?
เงาถูกโยนลงไปในหัวใจของเหล็กต้าฉีและคนอื่น ๆ พวกเขาถามตัวเองว่าถ้าเป็นตัวเองแล้ว จะสามารถสกัดกั้นพลังหมัดทั้งสองของเล่ยกงหยุนได้หรือไม่?
คำตอบของคำถามนี้ทำให้พวกเขาสลด หดหู่ใจ
ในขณะนั้นพวกเขาทุกคนรู้สึกเสียใจและต้องการจะยกเลิกสัญญาเดิม
"นี่เป็นความขัดแย้งระหว่างนิกายตะวันม่วงและอัจฉริยะสามัญ ทำไมเราต้องเข้าไปยุ่ง ? " มีหลายคนคิดเช่นเดียวกันกับเหล็กต้าฉี
เหล่าสาวกของนิกายจิตมหัศจรรย์มองหน้ากันและจับมือต่อหน้าเล่ยกงหยุน "ศิษย์พี่กงหยุน หลังจากพิจารณาแล้ว เรารู้สึกว่านิกายจิตมหัศจรรย์ของเราควรเป็นกลางในเรื่องนี้ โปรดลืมเรื่องก่อนหน้านี้ เรามีเรื่องอื่นต้องทำ เราขอตัวลากลับก่อน "
พวกเขาไม่รอให้เล่ยกงหยุนตอบ พวกเขารีบหันหลังหายวับไปทันที
เหลียนคังไห่หน้าซีดและหันไปหาเล่ยกงหยุน "ศิษย์พี่กงหยุน ข้าไม่สามารถมองเห็นผ่านการฝึกฝนบ่มเพาะของชายนี้ เนื่องจากข้าไม่สามารถมองเห็นผ่านเขาได้ ข้าจึงไม่ได้มีความมั่นใจอย่างเต็มที่ ถ้าไม่มีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ ข้าคงต้องยอมแพ้เรื่องนี้เพราะข้าอาจส่งผลเสียต่อแผนการของท่าน"
"คังไห่ เจ้าเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายพฤกษาสวรรค์ เจ้ากลัวอัจฉริยะสามัญหรือ? "
เหลียนคังไห่พูดเบา ๆ ว่า "ไม่ใช่ว่าข้ากลัว ข้าแค่ไม่ชอบทำในสิ่งที่ข้าไม่มั่นใจ ศิษย์พี่กงหยุน ข้าขอให้ท่านโชคดี"
เมื่อเหล็กต้าฉีเห็นว่าเหลียนคังไห่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมแผนการ เขารู้ว่าเขาต้องทำให้ตัวเองขายหน้าหากจะคงเสนอตัวอยู่ต่อ เขาเดินขึ้นไปหาเล่ยกงหยุน พยายามคิดหาข้ออ้างที่ฟังดูดีที่สุด
เล่ยกงหยุนไม่ได้สนใจเหล็กต้าฉีเลย เขาเริ่มโห่ร้องอย่างหงุดหงิดเมื่อเขาเห็นเหล็กต้าฉีเดินเข้ามา "ไสหัวไปให้พ้น !"
เหล็กต้าฉีตัวสั่นด้วยความโกรธ การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป เขาไม่กล้าที่จะแสดงความรุนแรง เขาพยายามระงับความโกรธของตัวเองไว้ข้างใน ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความเคารพในตนเอง แต่เขารู้ดีว่าถ้าเขากล้าโต้แย้งเล่ยกงหยุนด้วยคำพูดแม้แต่คำเดียว เล่ยกงหยุนอาจปลิดชีพเขา
ในตอนท้าย นอกเหนือจากสาวกนิกายตะวันม่วงมีเพียงเช่อหยุนหยุนจากนิกายวายุคลั่งหลงเหลืออยู่
"หยุนหยุน เจ้าวางแผนที่จะล้มเลิกด้วยหรือไม่" เล่ยกงหยุนถอนหายใจเมื่อเห็นเช่อหยุนหยุนเดินผ่านไป
เช่อหยุนหยุนยิ้ม "ศิษย์พี่กงหยุน ท่านต้องการให้ข้าอยู่ ข้าก็จะอยู่ต่อ อย่างไรก็ตามข้ายังคงยึดมั่นในสิ่งที่พูดไป ข้าไม่สามารถให้สัญญาอะไรได้"
เล่ยกงหยุนถอนหายใจ "อัจฉริยะของนิกายพฤกษาสวรรค์และนิกายจิตมหัศจรรย์เหมือนหญ้าที่ปลิวไหวไปตามลม มีเจ้าคนเดียวที่อยู่ต่อ มิตรในยามยากคือมิตรแท้ ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้าจริง ๆ ”
เมื่อหลงยู่ซื่อเห็นว่าเล่ยกงหยุนตั้งใจพูดเอาอกเอาใจเช่อหยุนหยุน หัวใจของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ ดวงตาของนางจ้องไปที่ใบหน้าที่สวยของเช่อหยุนหยุนเหมือนแมลงปอที่สะบัดพื้นผิวน้ำและมองไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
"คุยกันให้สนุก ข้าขอตัวกลับก่อน"
หลงยู่ซื่อไม่แยแสเสี่ยงชี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง นางไม่สนใจที่จะพูดกับเขาด้วยซ้ำ ราวกับว่าศิษย์หมายเลข 1 ของฝ่ายชูหยู่ไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาของนาง
เสี่ยงชี่เองก็รำคาญกับความเย่อหยิ่งของหลงยู่ซื่อเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเล่ยกงหยุนสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและหัวเราะอย่างแข็งทื่อ "เสี่ยงชี่ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะต้องเสียตำแหน่งหัวหน้าของกลุ่มชูหยู่ไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เฮ้อ”
เสี่ยงชี่รู้สึกหดหู่อย่างไม่น่าเชื่อเพราะเขาไม่สามารถทำอะไรได้ เขาจับมือเล่ยกงหยุน "ศิษย์พี่กงหยุน ข้าขอตัวกลับก่อน นับชื่อข้าไปเข้าร่วมประลองกับไอ้สาวกสามัญคนนั้นด้วย"
เล่ยกงหยุนภึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นสถานการณ์พลิกผัน การประชุมและยุทธศาสตร์ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือเขา เล่ยกงหยุน ผู้เกิดมาเพื่อชนะ ครานี้กลับต้องเสียหน้าอย่างย่อยยับ
... ......
ผู้ควบคุมทำการขึ้นบัญชีดำชื่อของสาวกสามัญอีกครั้ง เขาสามารถขอภารกิจการทดสอบความแข็งแกร่งของจิตใจได้เพียง 7 ครั้งเท่านั้นในแต่ละเดือน
อย่างไรก็ตามการขึ้นบัญชีดำช่างอ่อนเหตุผล
เขาสามารถทำภารกิจการทดสอบความแข็งแกร่งของหัวใจและภารกิจการทดสอบโอสถได้อย่างละ 7 ครั้งต่อเดือน เขาสามารถทำภารกิจได้ 14 ครั้งในหนึ่งเดือน
ถ้าเขาประสบความสำเร็จในการทดสอบความเข้าใจ การขึ้นบัญชีดำทั้งหมดนี้จะไม่มีความหมายเลย
เขาสามารถล่าคะแนนได้ในทุกแขนง ทำไมเขาต้องกลัวการตัดสิทธิ์? ถ้าถึงเวลาจริง ๆ เขาก็แยกความสนใจออกไปได้
ข่าวการประชุมแล่นเข้าหูผู้ควบคุมทันที
"ดีมาก?" ผู้ควบคุมที่มีสีหน้าเย็นชาหัวเราะเยือกเย็น "อัจฉริยะสามัญที่ทุกคนดูถูกไปปั่นป่วนการประชุมด้วยตัวเอง เขาเข้าไปอย่างสงบและออกมาอย่างสง่างามท่ามกลางสายตาของบรรดาอัจฉริยะเหล่านั้น เล่ยกงหยุนซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นอัจฉริยะหมายเลข 1 พยายามจัดการเขา 2 ครั้งยังไม่ได้ดึงผมเขาสักเส้น พวกเจ้าคิดว่าอัจฉริยะคนนี้ไร้ความสามารถรึ? "
ผู้ควบคุมคนนี้ได้ต่อต้านการขึ้นบัญชีดำทั้งสองครั้ง และในที่สุดเขาก็มีโอกาสที่จะระบายความรู้สึกของตัวเอง
ผู้ควบคุมคนอื่นยังรู้สึกหดหู่กับคำสอบถามนั้น พวกเขาต้องยอมรับว่าพวกเขาดูถูกและมองข้ามความสามารถในการต่อสู้ของอัจฉริยะสามัญ
มันเป็นอย่างที่ผู้ควบคุมได้กล่าวไว้ อัจฉริยะสามัญไม่ด้อยไปกว่าใคร
บางทีเขาอาจจะไม่ใช่คนมีศักยภาพด้านเต๋าศิลปะการต่อสู้มากที่สุด การที่เขาสามารถทนต่อแรงระเบิดของเล่ยกงหยุนได้ 2 ครั้งนั่นหมายความว่าเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ
คนที่เกือบจะมีความสามารถเท่าเทียมกับเล่ยกงหยุนในด้านเต๋าศิลปะการต่อสู้ มีหัวใจดั่งภูผาและศักยภาพอันน่าทึ่งด้านโอสถ อัจฉริยะชนิดนี้อาจเป็นเมล็ดพันธุ์ของอาณาจักรต้นกำเนิดที่พวกเขากำลังค้นหาอยู่ในการคัดเลือกครั้งนี้
พวกเขาตัดสิทธิ์พรสวรรค์ชั้นเลิศหลายครั้ง !
ร่องรอยของความเสียใจกระพริบผ่านหัวใจของผู้ควบคุมทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุม นอกเหนือจากน้องชายของหัวหน้าชูหยู่