หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 278: การฝึกที่ดีในทะเล(II)

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 278: การฝึกที่ดีในทะเล(II)

ภายในหนึ่งวัน จางเทีย ได้พัฒนาทักษะการว่ายน้ำจากท่าหมามาเป็นฟรีสไตล์ได้

พวกสาหร่ายนั้นอยู่ห่างไปกว่า 100 ม.แต่ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที จางเทีย ก็ไปถึงที่ที่ จางคีเหลียง ชี้ได้ง่ายๆ จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะดำลงไป

หลังจากที่ดำลงไปกว่า 10 ม.แล้ว จางเทีย ก็เห็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสาหร่ายสีแดงด้านล่าง มันสูงพอๆกับคนและโบกสะพัดไปมาตามแรงน้ำ  ด้านล่างของมันนั้นเหมือนกับไฟที่ลุกไหม้ ส่วนปลาตัวน้อยก็ว่ายไปรอบๆเหมือนกับเมฆที่พัดผ่านไปมาซึ่งทำให้มันสวยงามอย่างมาก

เพราะมันมีงูทะเลอยู่และไม่ค่อยมีแร่ที่นี่จึงมีไม่กี่คนที่จะมาเก็บแร่ตรงนี้ มีแค่ จางเทีย ที่ซึ่งมีเป้าหมายพิเศษที่มาที่นี่

ในตอนที่เขาเข้าไปใกล้  จางเทีย ได้ระวังตัวอย่างมากและเริ่มมองหาเป้าหมายของเขา

ภายใน 3 นาทีก่อนที่ จางเทีย จะได้เห็นพวกมัน งูตัวหนึ่งก็เจอเขาแล้ว ในตอนที่ จางเทีย ว่ายผ่านสาหร่ายไป งูทะเลก็ได้พุ่งออกมาโจมตีทันทีโดยตั้งใจจะกัดไปที่หน้าแข้งของ จางเทีย

ต้องขอบคุณที่พวกมันไม่ได้รวดเร็วมากในทะเล ในตอนที่มันพุ่งออกมา ลายสีดำขาวของมันก็ตัดกับสีรอบๆและ จางเทีย ก็ได้สังเกตุเห็น  จางเทีย ดึงเท้าของเขากลับและหันกลับมาทันที  เขาสะบัดมือไปมาเพื่อรักษาสมดุลและหันไปเผชิญหน้ากับงูทะเล

มันยาวกว่า 2 ม.มีหัวที่ดูน่ากลัว มีหางที่แบนราบทำให้มันดูเหมือนปลาไหล

แม้ว่างูเหล่านี้จะไม่ใช่นักว่ายน้ำที่เก่งนักแต่แน่นอนว่ามันว่ายเร็วกว่า จางเทีย  มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีงูเหล่านี้ ดังนั้นแล้ว จางเทีย จึงรอให้มันเข้ามาโจมตีใหม่

แม้ว่ามันจะโจมตีครั้งแรกพลาดไปแต่งูนั้นก็ไม่ได้หนี มันกลับว่ายไปรอบๆ จางเทีย อีกครั้งก่อนที่จะโจมตีออกมาอีกรอบใส่ที่แขนของ จางเทีย แต่ จางเทีย ก็คาดการณ์เอาไว้แล้ว

จางเทีย ไม่ได้ขยับจนกระทั่งแขนของเขาเกือบโดนกัด เขาได้เหยียดมืออีกข้างออกมาและจับไปที่ที่หัวของมัน  ทันใดนั้นงูก็พันแน่นไปที่แขนของเขา เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงของมันแล้ว จางเทีย ก็ทึ่งเล็กน้อย เขาสงสัยงว่างูพวกนี้กลายพันธุ์มารึเปล่าเพราะเขารู้สึกว่ามันแข็งแกร่งอย่างมาก  คนธรรมดาอาจจะตายไปได้ถ้าโดนงูนี่รัดเข้าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

แต่สำหรับ จางเทีย แล้วการต่อสู้ระหว่างเขากับงูนี่ได้จบลงในตอนที่เขาจับตัวมันได้  หลังจากที่ประมาณแรงของมันแล้ว  จางเทีย ก็ได้ใช้แรงอมตะส่งเข้าไปในตัวมัน  ถ้าเขาใช้แรงลับ งูนี้คงกลายเป็นหมอกเลือดแต่ด้วยแรงอมตะแล้ว จางเทีย จะสามารถแสดงการควบคุมาแรงและพลังทำลายที่มหาศาล

ในเสี้ยววินาทีภายใต้แรงอมตะ กระดูกแต่ละส่วนของงูได้ป่นเป็นผงแต่ไม่มีบาดแผลเลยสักนิด

งูนั้นเหมือนกับเชือกไร้ชีวิตที่ตกลงไปในสาหร่ายจากมือของ จางเทีย

“ อีกสอง ! “ - จางเทีย บอกกับตัวเองก่อนจะหางูในสาหร่ายต่อ

หลังจากนั้น 20 นาที  จางเทีย ก็โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำและหายใจไปสองครั้งก่อนจะดำกลับลงไป

หลังจากนั้นอีก 10 นาที จางเทีย ก็ได้ว่ายกลับมา

“ นายเห็นงูพวกนั้นมั้ย ? “ – คนอื่นๆถามออกมา

“ ใช่ ฉันเห็นมันแล้ว “

“ นายรู้สึกเป็นไงบ้างเกี่ยวกับพวกมัน ? “

“ พวกมันก็น่ารักดี “ - จางเทีย ยิ้ม พวกมันน่ารัก ถ้าไม่มีพวกมันแล้วเขาจะได้ Trouble-Reappearance Fruit มาได้ยังไง ?

จางเทีย ทำได้ !

หลังจากที่พักในตอนบ่ายแล้ว ทุกคนต่างก็ยุ่งอยู่กับการลงไปเก็บแร่กันอีกรอบ หลังจากที่ทำงานกันมาเกือบ 2 ชม.ก่อนที่จะตกเย็น เด็กๆต่างก็เตรียมตัวที่จะกลับ  ในตอนที่พวกเขาเดินทางกลับนั้น ต่างก็คนก็แบกแร่ตามขีดจำกัดของตัวเอง

แม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกที่ จางเทีย มาที่นี่แต่ จางเทีย ก็ประสบความสำเร็จมาก เขาได้แร่มาเกือบ 50 กก.ในวันนี้ หลังจากที่ฝึกอยู่หลายชั่วโมง  จางเทีย รู้สึกว่าเขาพัฒนาทักษะดำน้ำไปได้อีกเยอะ

ในตอนที่พวกเขาทำงานกันเสร็จ  เด็กๆต่างดำลงไปอีกรอบพร้อมกับเชือกในมือ พวกเขามัดมันไว้กับถุงก่อนที่จะกลับขึ้นมาที่แนวปะการัง  พวกเขาดึงถุงนั้นขึ้นมาแล้วเอามันกลับขึ้นฝั่งด้วยเรือแจว มันถือว่าเป็นขั้นตอนที่ยากลำบากอยู่พอตัว

หลังจากที่มาถึงชายฝั่ง ทุกคนก็ได้ปีนกลับไปที่ภูเขาพร้อกมับแบกถุงที่เต็มไปด้วยแร่เดินไปกว่า 10 กม.ตามเส้นทางภูเขาก่อนจะไปถึงวังมังกรลับ

จริงๆแล้ว จางเทีย ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับการแบกแร่แค่ 50 กก.เพราะเขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิดแต่ จางคีเหลียง, จางหยุนเฟย, จางหงเชง และ เว่ยเว่ย นั้นดูหมดแรงกันอย่างมาก หน้าผากพวกเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อในตอนที่มาถึงยอดเขา

จริงๆแล้ว จางเทีย อยากที่จะช่วยพวกนั้นแต่เพราะเขาตระหนักถึงจุดประสงค์ของวังมังกรลับที่บังคับให้พวกเขาต้องทำแบบนี้ เขาจึงไม่ได้ช่วย เขากลับแค่มองพวกนั้นแบกถุงแร่ไปด้วยตัวเอง

นอกจากสอนเรื่องการเอาตัวรอดด้วยตัวเองแล้ว หน้าที่นี้มีการทำงานอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือให้พวกนี้ปรับตัวกับการว่ายน้ำเพราะมันคือทักษะในการเอาตัวรอดอีกอย่าง ถ้าคนบนเกาะจมน้ำ นั่นคงเป็นเรื่องตลกและดูถูกวังมังกรลับอย่างมาก  อย่างที่สองระหว่างช่วงนี้เด็กเหล่านี้จะแข็งแกร่งขึ้น อารมณ์และจิตใจพวกนี้จะพัฒนาขึ้นจากงานที่หนัก

ไม่ว่าคนเราจะอ่อนแอขนาดไหนแต่หลังจากที่แบกแร่กว่า 30,000 กก.มาให้วังมังกรลับจากทะเล คนนั้นต้องแข็งแกร่งขึ้น เอา จางหยุนเฟย เป็นตัวอย่าง  เขาน่ะมีชีวิตอยู่แบบเจ้าชายตั้งแต่ยังเด็กเพราะครอบครัวของเขามีเครื่องไอน้ำที่เมืองยีแยง  หลังจากที่เขามาที่วังมังกรลับได้หนึ่งเดือน เจ้าชายคนนั้นได้เรียนรู้เรื่องการทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองโดยใช้ไหล่อันอ่อนแอ เขาเริ่มที่จะเอาตัวรอดโดยการทำงานหนัก

ไม่มีเลยสักคนที่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน ตอนนี้ทุกคนได้แต่ต้องทำต่อไป ไม่ว่าพวกเขาจะมีชีวิตก่อนหน้านี้ดีขนาดไหนและคอรบครัวที่พวกเขาเกิดมาจะร่ำรวยขนาดไหน ไม่ว่าพวกเขาจะมีเหตุผลยังไงแต่ทุกคนก็ต้องกันฟันแน่นและสู้ต่อไป ไม่มีใครกล้าอวดฐานะและภูมิหลังของครอบครัวตัวเองเพื่อให้ได้รับการดูแลแบบพิเศษเพราะทำสถิติเรื่องน้ำหนักของแร่ตอนที่เขาเข้ามาในวังมังกรลับคือ จางไท่สวนต หัวหน้าของตระกูลจางที่ซึ่งทำไปได้ 760,000 กก.

แม้แต่หัวหน้าของตระกูลจางยังทำงานหนักโดยไม่มีคำบ่น มันจึงไม่มีใครกล้าจะร้องหาการได้รับการดูแลพิเศษด้วยฐานะของตัวเองรึครอบครัว

บันทึกนั้นถูกสลักไว้บนผาสูงกว่า 100 ม.ใกล้ๆกับหาดด้วยสีแดง ดังนั้นเด็กทุกคนที่ไปที่หาดเมื่อเสร็จงานแล้วจะเห็นมันทันทีที่ไปที่นั่น ไม่ว่าพวกเขาจะไม่พอใจแค่ไหนกับงานที่ทำแต่เมื่ออ่านบันทึกนั้นแล้ว พวกเขาก็ทำได้แต่ก้มหน้าและทำงานหนักต่อไป

วันแรกที่ จางเทีย มาที่นี่ เขาเองก็ช็อกกับบันทึกและฐานะของคนที่ทำสถิติเอาไว้

มันเป็นเส้นทางชันกว่า 10 กม. ใช้เวลา 1 ชม.กว่าพวกเขาจะกลับไปที่วังเพื่อส่งของได้ ในตอนที่พวกเขาเดินทางกลับไป พวกเขาก็ต้องกระตุ้นกันเองแม้ว่าจะเคลื่อนที่ได้อย่างช้าๆก็ตาม

เทียบกับน้ำหนักเมื่อสองวันก่อนแล้ว พวกเขาได้เพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย   จางหยุนเฟย ได้แร่มา 152 กก.และได้เงิน 15 เงิน  เขากำเงินเอาไว้แล้วเริ่มร้องไห้ออกมา

“ ในที่สุดฉันก็เอาตัวรอดได้ด้วยตัวเอง ในที่สุดฉันก็ทำเงินได้มากกว่า 7 เงินต่อวันแล้ว ฮือฮือ...ในที่สุดฉันก็เอาตัวรอดได้ด้วยตัวเองได้ .. “
หลังจากที่ร้องไห้แล้ว จางหยุนเฟย ก็เริ่มหัวเราะออกมา จากวันนี้หนี้ที่เขาติดวังมังกรลับก็จะได้ถูกจ่ายสักที ก่อนวันนี้หนี้ของ จางหยุนเฟย ที่ติดวังมังกรลับได้ขึ้นไปถึง 34 เงิน เพราะเขาทำเงินได้ 15 เงินในวันนี้ มันหมายความว่าหนี้ของเขาจะไม่เพิ่มขึ้นถ้าเขาแบกแร่ได้มากแบบนี้ต่อวัน กลับกันมันจะลดลงมาต่างหาก สำหรับเด็กอายุ 15 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอาตัวรอดได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ที่เขามาอยุ่ในเกาะนี้กว่าครึ่งเดือน

จางเทีย แบกแร่มา 56 กก.ในวันนี้ซึ่งทำให้เขาได้เงินไป 5 เงิน

“ มันไม่ใช่เรื่องง่าย จากวันนี้เป็นต้นไปฉันต้องทำเงินให้ได้อย่างน้อย 7 เงินเพื่อเอาตัวรอด “ – หลังจากกำเงินในมือที่มีสัญลักษณ์ของวังไฮหยวน จางเทีย ก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจมากกว่าเดิมกับการมาอยู่ที่นี่ สำหรับ จางเทีย แล้วมันถือว่าเรื่องที่ไม่ยากเท่าไหร่ในการทำเงินให้ได้ 7 เงินต่อวัน

หลังจากที่ได้เงินมาแล้ว ทุกคนก็ดีใจกันอย่างมากและได้กลับไปที่แผนกด้วยกัน ครั้งนี้ จางเทีย พบว่ามีผู้หญิงที่อยู่ในแผนกเองก็กลับมาด้วย  เทียบกับหน้าที่ของผู้ชายแล้ว พวกผู้หญิงเองก็มีงานที่ไม่ง่ายกว่ากันเลย  ในตอนที่เด็กผู้ชายเลือกเก็บแร่ ผู้หญิงต้องเก็บไข่มุกในทะเล แม้ว่าจะไม่ใช่งานที่หนักแต่งานนี้น่ะต้องใช้แรงมากกว่า

มีคนทั้งหมด 43 คนในแผนกซีซิง ในบรรดา 31 คนเป็นผู้ชายและ 12 คนเป็นผู้หญิง อัตราก็อยู่ระหว่าง 3 ต่อ 1  ในบรรดาเด็กผู้ชาย 31 คน  23 คนนั้นยังต้องทำงานของตัวเองต่อไป ส่วนอีก 8 คนและผู้หญิงอีกสองคนได้ขึ้นไปถึงระดับ 6 และได้เก็บเงินพอที่จะไปยังถ้ำมังกรเพื่อสร้างพลังฉีต่อสู้ของตน

ในบรรดาเด็กในรุ่นนี้เมื่อมีผู้หญิงแล้ว เด็กผู้ชายก็มักจะห่วงภาพลักษณ์ตัวเอง เด็กคนอื่นที่มากับ จางเทีย ต่งก็รีบกลับไปที่ห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำและใส่เสื้อผ้าใหม่เพื่อจะได้ไม่ดูสกปรกในตอนที่กินอาหารเย็นด้วยกันกับสาวๆ

จางเทีย เองก็กลับไปที่ห้อง หลังจากที่อาบน้ำแล้วเขาก็เอาเสื้อผ้าสะอาดมาใส่และซักเสื้อผ้าเก่าแล้วตากมันไว้ในห้อง

หลังจากจัดการธุระเสร็จ มันก็เกือบถึงเวลามื้อเย็นแล้ว ดังนั้น จางเทีย จึงออกจากห้องไปที่โรงอาหาร

ในตอนที่ได้เวลามื้อเย็น เกือบทุกคนในแผนกได้กลับมา ดังนั้นแล้วมันจึงดูคึกคักกันอย่างมาก หลังจากที่ตักอาหารของตน เด็กๆต่างก็นั่งเรียงแถวเป็นสองฝั่ง พวกเขาพูดคุยกัน ในบรรดาพวกเขามีเด็กตัวเตี้ยที่ซึ่งเสียงดังอย่างมาก  จางเทีย หันไปมองที่เด็กซึ่งโดนรุมล้อมอยู่และตระหนักได้ว่าพวกนั้นอายุพอๆกับเขาและได้ไปถึงระดับ 6 และกำลังจะเตรียมพร้อมในการสร้างพลังฉีต่อสู้ในถ้ำมังกร

พวกนั้นกำลังพูดถึงเรื่องการสู้กับสัตว์อสูรระดับ 6 --- แมงมุมดำในถ้ำมังกร

“ ตราบใดที่ฉันฆ่าแมงมุมนั่นได้ ฉันก็จะสามารถสร้างพลังฉีต่อสู้พระจันทร์เสี้ยวใหม่ขึ้นมาได้และได้เข้าไปที่แผนกหลิงเทียนอย่างเป็นทางการ ! “ - เด็กหนุ่มคนั้นพูดออกมาอย่างภูมิใจ

“ เราจะไปที่นั่นในไม่ช้า  หวานจี้ และ ฉันฆ่าแมงมุมไปได้หนึ่งตัวแล้ว หลังจากที่ฝึกมาในแผนกนี้มากกว่า 2 ปี มันได้เวลาแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเราแล้ว ! “

เสียงของเขาเหมือนกับได้รับการยืนยันจากคนอื่นๆ

เมื่อเห็นพวกนั้นพูดถึงเรื่องความแข็งแกร่งของงตัวเองพร้อมกับฟังสาวๆที่คุยกัน  จางเทีย ก็ส่ายหน้า – “ นายอยากให้สาวสนใจด้วยวิธีนั้นเหรอ ? เด็กน้อยจริงๆเลย “

จางเทีย ไม่ตระหนักเลยว่าเขาน่ะแตกต่างจากคนรุ่นเดียวกันหลังจากที่เผชิญเรื่องต่างๆมากมายกับสาวๆกลุ่มกุหลาบ

...

“ ใครคือ จางเทีย ? “

ในตอนที่ จางเทีย รับข้าวมาและไปถึงโต๊ะที่พวก จางคีเหลียง และคนอื่นๆนั่งอยู่ ก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาจากตรงทางเข้าและทำให้ทุกคนต้องหันกลับไปมอง

เด็กหนุ่มรูปหล่อตัวสูงอายุกว่า 20ปีสวมชุดนักรบสีดำยืนอยู่ที่ทางเข้าและมองไปรอบๆด้วยสายตาที่เป็นประกาย

เด็กหนุ่มคนี้มีคิ้วที่แหลมคมราวกับดาบและดูแข็งแกร่งอย่างมาก ตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความกดดัน ทำให้ไม่มีใครกล้ามองไปที่ตาของเขาโดยตรง

จากที่ดูไปแล้วมันคล้ายกับตัวเขาเองเล็กน้อย  จางเทีย บ่งบอกสถานะของอีกฝ่ายได้ --- ญาติของเขา !

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.