spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บทที่ 382: บุกรุก
เมื่อเล่ยกงหยุนเห็นว่าไม่มีใครคัดค้าน เขาพยักหน้าและกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "หากเป็นเช่นนั้น ข้าสนับสนุนการปราบปรามเขา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในแต่ละวันนิกายของเราจะส่งคนสองคนออกไปท้าประลองผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ จนกว่าเราจะพบเขาบนสังเวียน ทุกคนรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเมื่อได้ประลองกับเขา ใช่มั้ย?”
หากทั้งสี่นิกายส่งคนออกไป 2 คนแต่ละวันจะมีทั้งหมด 8 คน การท้าประลองในอัตรานี้ทุกวันหมายความว่ามีโอกาสสูงที่พวกเขาจะได้พบกับเจี้ยงเฉินบนสังเวียน
บางทีอาจไม่ใช่วันแรก, วันที่สอง ... สาม ...
พวกเขาจะต้องได้พบกันสักวันหนึ่ง แม้ว่าจะยืดออกไปจนถึงวันที่สิบหรือยี่สิบ
ทุกคนต่างก็สูดลมหายใจเย็น ๆ เข้าไปเมื่อได้ยินคำพูดของเล่ยกงหยุน เขาตั้งใจที่จะจัดการอย่างทารุณ !
อีกครั้งที่หลงยู่ซื่อเป็นคนแรกที่ก้าวออกมาสนับสนุน "ข้าสนับสนุนศิษย์พี่กงหยุน สาวกสามัญคนนี้อวดดีจนเกินไปและเขาไม่ควรได้รับอนุญาตให้ทำมันต่อไป เวลาที่เราจะได้เจอจะมาถึง ถ้าเราผลัดกันออกมาท้าประลอง ข้า หลงยู่ซื่อยินดีอย่างยิ่งหากได้ประลองกับเขา ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อฆ่าเขาบนสังเวียนและจะไม่อนุญาตให้เขาเดินออกมาในสภาพที่ยังมีชีวิตได้ ! "
"ข้าก็ยินดีที่จะเข้าร่วม!" เสี่ยงชี่ยืนขึ้นพูด
เล่ยกงหยุนยิ้มเบา ๆ "ข้าเป็นที่เรียกประชุมและไม่สามารถนั่งเฉย ๆ ได้ ข้าเป็นคนเริ่มและข้าก็จะยืนด้วย อีกสามนิกายจะว่าอย่างไร? "
มีสามคนจากนิกายตะวันม่วงเต็มใจที่จะก้าวออกมา นั่นหมายความว่าทางออกสำหรับอีกสามนิกายถูกปิดผนึกไว้แล้ว นิกายตะวันม่วงของข้าชอบรุก พวกเจ้าจะนั่งอย่างเกียจคร้านและได้รับประโยชน์จากการใช้แรงของพวกเราโดยที่ตัวเองไม่ต้องทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือ?
เหลียนคังไห่คิดในใจครู่หนึ่งก่อนที่จะยกมือขึ้น "ข้าเอาด้วย"
เมื่อเหล็กต้าฉีเห็นเหลียนคังไห่แสดงความคิดเห็นของเขา เขาจึงพูดขึ้นมาว่า "ข้าด้วย"
เล่ยกงหยุนไม่ได้ดีอกดีใจที่เหล็กต้าฉีเข้าร่วม เขาเป็นเหมือนกากเดนของนิกายพฤกษาสวรรค์ เขาอยากจะเห็นซี่ยู่ฟานเข้าร่วมมากกว่า
อย่างไรก็ตามเขาต้องการผู้ที่มีส่วนร่วมในตอนนี้ พอดีกับที่เหล็กต้าฉีเสนอตัว เล่ยกงหยุนจึงไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง
ในส่วนของนิกายวายุคลั่ง เช่อหยุนหยุนหัวเราะเบา ๆ "หากศิษย์พี่กงหยุนกล่าวเช่นนั้น ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ข้าไม่สามารถสัญญาว่าข้าจะทำอย่างไร"
เล่ยกงหยุนไม่ค่อยพอใจ เจ้าคิดถึงวิธีการก่อนที่จะเริ่มท้าทาย เห็นได้ชัดเลยว่านี่ไม่ใช่ความร่วมมือ
ฝ่ายนิกายจิตมหัศจรรย์ เล่าซี่ชี้ไปที่คนสองคนข้าง ๆ เขา "ข้าไม่สนใจ ให้ศิษย์น้องทั้งสองเข้าร่วมละกัน"
เมื่อเล่ยกงหยุนเห็นว่าหนึ่งในนั้นกำลังตบตาเขาด้วยข้ออ้าง และอีกคนบ่ายเบี่ยงไม่อยากเข้าร่วม เขาโมโหจึงพูดว่า "ศิษย์น้องเล่าต้องการจะใช้แรงงานเราหรือ"
"ใช้แรงงาน?" เล่าซี่หัวเราะเบา ๆ "ศิษย์พี่เล่ยพอเถอะ ข้าอยากจะดูว่าสาวกสามัญแข็งแกร่งแค่ไหน"
"ฮึม เขาจะสิ้นสุดที่นี่!"
เล่ยกงหยุนไม่ได้บังคับเล่าซี่ให้ทำตาม มีผู้คนอีกมากมายที่เต็มใจที่จะดำเนินการในขณะนี้ และพวกเขาทั้งหมดเป็นอัจฉริยะชั้นแนวหน้าของพื้นที่ส่วนนภา
คนใดคนหนึ่งน่าจะพอที่จะบดขยี้อัจฉริยะสามัญได้
เทียนฮงเริ่มหัวเราะเสียงดัง "น่าสนใจ น่าตื่นเต้นมาก ! ดูพฤติกรรมที่น่าเกลียดของพวกเจ้า น่าหัวเราะ น่าสมเพช ! "
"เป็นการประชุมอัจฉริยะขั้นเทพที่ไร้สาระมาก ปราบปรามผู้คัดค้านทั้งหมดและคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง คนที่เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะก็ไม่ต่างอะไรไปจากอึ ! "
เทียนฮงสะบัดหน้าและเดินออกไปที่ประตู
เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป การประชุมนี้มีแต่กลุ่มอัจฉริยะที่เห็นแก่ตัวที่หารือกันถึงวิธีการปราบปรามบุคคลภายนอก
เทียนฮงรู้สึกอับอายที่รู้จักกลุ่มคนเช่นนี้
คิ้วของเล่ยกงหยุนโค้งขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้และความตั้งใจในการสังหารก็แว่บขึ้นมาในดวงตาของเขา
"เหลียนคังไห่ ในหมู่อัจฉริยะของนิกายของเจ้าไม่มีใครสามารถปราบเทียนฮงผู้โง่เขลาได้เลยรึ?"
เหลียนคังไห่พูดเบา ๆ ว่า "เขาเป็นคนนอกรีตเสมอและทำสิ่งต่าง ๆ ตามวิถีของเขาเอง ข้าไม่มีความสัมพันธ์กับเขา"
"ฮึ เจ้าพูดแบบนี้ก็ดีแล้ว ถ้าเขาทำให้ข้าไม่พอใจและจบลงด้วยน้ำมือของนิกายของข้าในวันหนึ่ง เจ้าอย่ามาชี้หน้าข้าหาว่าข้าไม่เตือนล่ะ" เล่ยกงหยุนตอบโต้อย่างกะทันหัน
"ถ้าเขาทำอะไรโง่ ๆ เขาก็สมควรตาย มันเกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ? " เหลียนคังไห่ตอบอย่างไม่แยแส
เล่าซี่หัวเราะเบา ๆ และจับมือทุกคน "พวกเจ้ายังมีเรื่องต้องหารือกันอีกมาก ข้าไม่ขอมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ข้าขอตัวกลับก่อน"
"เราขออำลาด้วยเช่นกัน" บรรดาผู้ที่ไม่ได้อาสาหาข้ออ้างให้กับตัวเอง
มีเพียงคนที่ท้าท้ายเหลืออยู่
เล่ยกงหยุนจ้องไปทั่วใบหน้าของทุกคน "ทุกคนตั้งแต่เราตัดสินใจที่จะโจมตีเขา เราไม่ควรมีเมตตา แม้ว่าการท้าประลองจะได้รับการคัดเลือกแบบสุ่มทุกวัน วันหนึ่งเขาต้องได้เจอกับเราคนใดคนหนึ่ง ข้าแค่หวัง ... "
หูของเล่ยกงหยุนก็ขดตัวก่อนที่เขาจะพูดจบและดวงตาของเขาก็ยิงลำแสงไปในอากาศ เขาตะโกนว่า "เจ้าเป็นใคร ! "
"เจ้าคือเล่ยกงหยุนรึ?" น้ำเสียงเฉยเมยดังขึ้นในอากาศ
มีร่างคนปรากฏตัวขึ้นในอากาศและนั่งสบายใจบนกำแพง เขาวางมือบนเข่าอย่างไม่ใส่ใจ
"เจ้ากล้าบุกรุกที่ส่วนตัวของข้าได้อย่างไร? ลงมาตายซะ ! "
เจตนาฆ่าคนเยือกเย็นหลุดออกมาจากดวงตาของเล่ยกงหยุนขณะที่เขาโบกมือขนาดใหญ่ของเขา กระแสฉกรรจ์ที่ดูคล้ายกับพลังหยางจากดาวฤกษ์พุ่งออกมาเหมือนมังกร
มีร่องรอยของงูไฟฟ้าในแรงระเบิดลูกนี้ มันห้อมล้อมด้วยเต๋าสายฟ้า
"งูพิษสายฟ้า !" เช่อหยุนหยุนตะโกนเสียงดัง "ข้าได้ยินมาว่าศิษย์พี่กงหยุนมีร่างสายฟ้า ดูเหมือนข่าวลือนั้นเป็นความจริง ! "
เมื่อร่างบนกำแพงเห็นระเบิดอันรุนแรงพุ่งมาทางเขา เขายิ้มไม่ใส่ใจและยกมือขึ้นราวกับว่าเขากำลังรับระเบิดลูกนี้ด้วยมือเปล่า
เมื่อเล่ยกงหยุนเห็นอีกฝ่ายมั่นใจมาก เขาก็ยิ้มและหัวเราะอย่างเย็นชา
เด็กคนนี้อยากจะตาย ไม่เป็นไร ข้าใช้พลังไปแค่ 5 – 6 ส่วนในระเบิดลูกนั้น แต่มันก็ห่อหุ้มไปด้วยเต๋าสายฟ้าอันเกรียงไกร ข้าจะรอดูมือเขาไหม้จนกรอบเมื่อเขาจับระเบิดนี้ !
“อืม ?” ความคิดนี้เพิ่งกระพริบผ่านใจของเล่ยกงหยุนแต่ใบหน้าของเขามืดลงในวินาทีถัดไป สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น
อีกฝ่ายเพียงยกมือขึ้น และถึงแม้ว่าร่างกายของเขาได้โอนเอนเล็กน้อย แต่มันเหมือนกับว่าระเบิดของเล่ยกงหยุนถูกกลืนหายไปโดยพลังที่ไม่เป็นรูปแบบเมื่อมันวิ่งเข้าไปในฝ่ามือของอีกฝ่าย มันถูกดับเหมือนเปลวไฟบนเทียนไข
"เกิดอะไรขึ้น?"
เล่ยกงหยุนรู้สึกทึ่ง เขามีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองและรอที่จะเผามือของอีกฝ่ายให้ไหม้เกรียมด้วยระเบิดนี้ เขาไม่ได้คิดเลยว่ามันจะถูกลบล้างอย่างง่ายดาย
คนบนผนังก็คือเจี้ยงเฉิน
เจี้ยงเฉินหัวเราะและพูดอย่างไม่แยแสว่า "นี่เป็นความสามารถของอัจฉริยะอันดับ 1 หรือ? มีแค่นี้หรือ ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าทุกคนมาชุมนุมกันที่นี่จนได้ข้อสรุปที่ว่าจะผลัดกันขึ้นมาบนสังเวียนจนกว่าจะได้ประลองกับข้ารึ? "
"เจ้าโง่ เจ้าอยากตายใช่มั้ย !"
เล่ยกงหยุนเสียหน้าต่อหน้าทุกคน เมื่อสักครู่เขาดูถูกความสามารถของคู่ต่อสู้และไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงถูกโต้กลับมาและเขาก็ถูกล้อเลียนแทน
นี่เป็นความอัปยศอดสูอย่างมากสำหรับเล่ยกงหยุน
ร่างกายของเขากระพริบขณะที่เขาเปลี่ยนเป็นภาพเบลอสีแดงยิงออกมาเหมือนลูกไฟลุกโชน
"ดูพลังระเบิดของข้าให้ดี !"
เจี้ยงเฉินยกแขนขึ้น และยิงขนนกกาเหว่าไฟ 2 อันออกไป !
"ฮึ ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก !" เล่ยกงหยุนใช้มือซ้ายและขวาของเขาปล่อยหมัดออกไปและกวาดการโจมตีสองครั้ง มันพุ่งเข้าหาเจี้ยงเฉินอย่างรวดเร็ว
"เด็กโง่ เจ้ารนหาที่ตายเอง ถ้ามาโทษข้า !"
เล่ยกงหยุนเยาะเย้ยขณะที่ปล่อยพลังไปอีกครั้ง เขากระโดดและปล่อยพลังหมัด
เจี้ยงเฉินหัวเราะเสียงดัง "เป็นการพบปะที่ดี ! "
เคร้ง
ลำแสงใบมีดน่าอัศจรรย์ก็ยิงเข้ามาจากฟากฟ้าเพราะเจี้ยงเฉินได้รวบรวมพลังทั้งหมดไว้ในร่างของเขา เขาถือกระบี่ด้วยมือทั้งสองข้าง และหมุนเวียนอำนาจทั้งหมดของเขาเพื่อต่อต้านพลังหมัดของเว่ยกงหยุน
เขาไม่ได้หลบหรือเลี่ยงหนี เขาประจันหน้ากับพลังของเล่ยกงหยุนผู้ฝึกฝนอาณาจักรปราณจิตวิญญาณระดับ 7 !
แน่นอนว่าเจี้ยงเฉินไม่ได้แสดงท่าทางฉกาจฉกรรจ์ เขาเริ่มคำนวณตั้งแต่ตอนที่เล่ยกงหยุนโจมตี การโจมตีจากขนหางนกกาเหว่าไฟ 2 อันช่วยถ่วงเวลาให้เขาเตรียมตัว
ความหมายที่แท้จริงของทักษะ "กระแสน้ำแห่งมหาสมุทร" รวมไว้อยู่ในใบมีด เมื่อพบคู่ต่อสู้ที่ดุร้ายในสนามรบ ศักยภาพของกระบี่ได้รับการปลดปล่อยอย่างทั่วถึง
เจี้ยงเฉินเตรียมพร้อมรับมือพร้อม ๆ กับการปรับใช้พลังแม่เหล็กเพื่อสร้างสนามกำลังที่มองไม่เห็นมากมายจากนั้นจึงเรียกพลังของธาตุโลหะและหลอมรวมเข้ากับจังหวะนี้
อาจกล่าวได้ว่าจังหวะนี้ได้ทะลุระดับเดิมของความเข้าใจในทักษะ "กระแสน้ำแห่งมหาสมุทร" ไปได้ทุกรูปแบบของการปฏิบัติ
ทั้งสองพลังปะทะกันอย่างดุเดือดด้วยแรงผลักดันไม่มีใครเหมือน ใช้พลังขั้นสูงสุด
ปัง !
เล่ยกงหยุนรู้สึกว่าพลังหมัดของเขาจู่ ๆ ก็ชะลอตัวลงด้วยพลังไร้รูปร่าง
การชะลอตัวนี้ทำให้พลังหมัดของเขาลดลงเป็น 6-7 ส่วนของพลังระเบิดเดิม
จังหวะฟาดฟันรุนแรงของเจี้ยงเฉินก็มาถึงในขณะนี้
พลังทั้งสองรูปแบบกระแทกกันอย่างรุนแรง ดุเดือด
เล่ยกงหยุนถูกโจมตีจากด้านบนและอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ นอกจากนี้ พลังหมัดของเขาได้ลดลงไปถึง 6-7 ส่วนโดยสนามกำลังแรงดึงดูดที่มองไม่เห็น เมื่อพลังทั้งสองปะทะกันเขากลับเสียเปรียบและถูกกดดันจากลำแสงของใบมีดที่แข็งแกร่ง
จังหวะที่มีพลังเจาะเข้าไปอย่างรุนแรงผ่านการปะทะกันและกำลังมุ่งเป้าทำร้ายร่างกายของเขา !
เล่ยกงหยุนตกใจอย่างมาก เขาใช้มือซ้ายวาดพลังรูปเสี้ยวเข้ามาช่วยปกป้องชีวิตของเขา เขารีบถอยหลังและกระโดดลงบนพื้น สะดุดถอยหลังกลับไปหลายก้าว
เจี้ยงเฉินพลิกตัวขึ้นมาในอากาศไม่กี่ครั้งจากพลังที่อยู่เบื้องหลังหมัดนั้น เขายืนบนกำแพงอีกครั้ง หน้าอกของเขาโป่งขึ้นอย่างไม่สม่ำเสมอในขณะที่เขารู้สึกว่าเลือดลมของเขาปั่นป่วน
"อาณาจักรปราณจิตวิญญาณระดับ 7 มีความสามารถสมชื่อเสียง" เจี้ยงเฉินพยายามควบคุมเลือดลมที่ปั่นป่วนให้สงบลงด้วยลมหายใจลึกหลายครั้ง เขารู้สึกชื่นชมกับความแข็งแกร่งของเล่ยกงหยุน
นับตั้งแต่ที่เขาได้เดินตามเส้นทางนี้ เจี้ยงเฉินยังไม่เคยโดนทำร้ายอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าเขาจะต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง
อย่างไรก็ตามวันนี้ เขาใช้ใบมีดและพลังทั้งหมดของเขา เขาแทบจะไม่สามารถทำลายหมัดของอีกฝ่ายได้ ดูเหมือนว่าอัจฉริยะระดับที่ 7 น่าเกรงขามมาก
เล่ยกงหยุนตกตะลึงที่เจี้ยงเฉินแทบไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เขายังยืนบนกำแพงอย่างปลอดภัย เล่ยกงหยุนไม่เคยคิดว่าหมัดอันดุเดือดของเขาจะไม่ส่งผลอันตรายใด ๆ กับอีกฝ่าย เขาเสียเปรียบเพราะถูกโจมตีและอยู่ในตำแหน่งที่ยากลำบากก็จริง อย่างไรซะเขาควรล้มชายคนนั้นได้ มันยากมากสำหรับเขาที่จะยอมรับ
หากเล่ยกงหยุนตกใจ หลงยู่ซื่อและเสี่ยงชี่ก็ตกใจยิ่งกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลงยู่ซื่อ ความประหลาดใจยิงผ่านสายตาของนาง บ่งบอกให้รู้ว่าในที่สุดความกลัวก็ครอบคลุมจิตใจของนาง
นับตั้งแต่ที่นางเข้าไปในนิกายตะวันม่วง การฝึกฝนบ่มเพาะของนางก็ดีขึ้นราวกับก้าวกระโดดและศักยภาพของนางพัฒนาก้าวหน้าจนสุดความสามารถ หลังจากนั้นนางจึงรู้สึกว่าเจี้ยงเฉินถูกลิขิตให้หมอบคลานอยู่บนโลกสามัญ ดังนั้นนางจะสามารถเหยียบย่ำเขาในครั้งต่อไปที่นางได้พบกับเขา
มาถึงตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้อย่างชัดเจนว่าทั้งหมดที่นางเคยคิดเป็นเพียงฝันกลางวัน