spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 272: ญาติ
ท่าเรือมิลค์เวย์นั้นตั้งอยู่ในที่เว้าของเมือง มันมีพื้นที่ 1.16 ล้านตร.ม.ในพื้นที่ดินและ 1.28 ล้านตร.ม.ในทะเล ท่าเรือนั้นยาวไปกว่า 1400 ม. เมื่อรวมถึงท่าเรือ 10,000 ตันที่กำลังจะสร้างเสร็จแล้วจะมีท่าเรือทั้งหมด 6 อันและมีขนาดต่างๆกัน ไม่นานมานี้ท่าเรือมิลค์เวย์สามารถผลิตเรือประมง, เรือรับส่งผู้โดยสารและเรือล่องทะเลทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก มีการจ้างคนงานกว่า 4000 คน มีมูลค่าถึง 7.5 ล้าน ถือว่าได้ว่าท่าเรือนี้ติดหนึ่งในสามของเมืองในด้านขนาดและการผลิต
เพราะกิจการที่พัฒนาจากห้ารุ่นกว่า 100 ปี ตั้งแต่แรกตั้งแต่รุ่นทวดของปู่ไปจนปู่ของ จางเทีย ท่าเรือนี้ได้เปลี่ยนฐานะจากท่าเรือเล็กๆซึ่งรับแค่ซ่อมเรือประมงมาจนถึงอู่ต่อเรือขนาดใหญ่ซึ่งมีฐานะที่สูงในเมืองแม้แต่ในประเทศด้วย
ปู่ของ จางเทีย นั้นมีบทบาทที่มีอำนาจอย่างมาก ตั้งแต่ทวดของเขารับกิจการนี้มา มูลค่าตอนนั้นมันไม่ถึง 1 แสนทอง ผ่านการจัดการมาหลายสิบปี ตอนนี้ขนาดของท่าเรือนั้นขยายขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบเท่า
เมื่อได้ยินคำแนะนำจากลุง จางเทีย ก็เริ่มชื่นชมพวกญาติที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
หลังจากที่ไปเยี่ยมท่าเรือของตระกูลจางแล้ว เพื่อให้ จางเทีย เข้าใจสถานการณ์ของครอบครัว จางเทีย จึงเริ่มมองภาพโดยรวมจากสถานการณ์ทั้งหมด
บ้านของครอบครัวจางนั้นเป็นที่ดินส่วยซึ่งมีพื้นที่กว่า 20 mu ประมาณ 13340 ตร.ม. จากด้านนอกนั้นแม้ว่ามันจะไม่ได้ดูสวยเท่าไหร่แต่มันก็ดูรวยและถือว่าเป็นบ้านของครอบครัวที่มีอำนาจ ในบ้านเก่าๆหลังนั้น ในที่สุด จางเทีย ก็ได้รู้กับเบื้องหลังของครอบครัวนี้
ปู่ของ จางเทีย มีเมีย 5 คน รวมถึงพ่อของ จางเทีย แล้วปู่มีลูก 11 คน, 5 คนเป็นผู้หญิง อีก 6 ที่เหลือเป็นผู้ชาย ในบรรดาลูกสาวห้าคน มีสองคนที่แต่งงานออกบ้านไปและไม่ได้กลับมาในวันนี้ อีกสามคนนั้นอยู่ที่เขตไฮหยวนและได้กลับมาในวันนี้ ในบรรดาลูก 11 คน จางปิง เป็นคนที่ 8 ดังนั้นแล้วนอกจากอาสองคนและน้าอีกคน จางเทีย มีป้า 4 คนและลุงอีก 3 คน หลังจากที่ทำการแนะนำแล้ว จางเทีย ก็พอจำหน้าของลุงและป้าอีกทั้งชื่อได้บ้างแต่ในตอนที่ลุงและป้าได้มารวมตัวกัน มันก็ทำให้ จางเทีย รู้สึกสับสน
ในที่สุด จางเทีย ก็เข้าใจว่าทำไมวังไฮหยวนถึงได้สร้างสำนักงานเขตขึ้นมา เพราะมีญาติมากมาย ถ้าหน่วยงานแบบนั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจัดการเรื่องบุคคล งั้นคงไม่มีใครรู้เรื่องความสัมพันธ์กับสมาชิกในตระกูลแน่
ในตอนที่ จางเทีย กลับมาที่บ้านของครอบครัวหลังเก่านี้ เขาก็ได้มีญาติผู้ใหญ่เพิ่มมากกว่า 20-30 คน อีกอย่างแล้ว จางเทีย มีญาติกว่า 20 คน บางคนไม่ได้มารวมตัวกันเพราะเหตุผลต่างๆ อีกอย่างแล้วญาติหลายคนของ จางเทีย น่ะเป็นเด็ก ดังนั้น จางเทีย เลยมีหลานสาวและชายกว่า 10 คน
ในบรรดาหลานของ จางเทีย คนที่แก่ที่สุดนั้นอายุ 12 ปี เด็กกว่า จางเทีย แค่ 3-4 ปี เพราะพวกเขายังคงซนเกินไป พวกเขาเลยไม่สนที่จะเรียก จางเทีย ว่าลุง
ในบรรดาญาติและผู้อาวุโสต่างๆ มีแค่สมาชิกของสายเลือดทางพ่อเท่านั้นที่ให้ความรู้สึกว่าใจดี ดูเหมือนสงสัยเล็กน้อยแต่ส่วนมากแล้วก็ไม่ได้สนใจครอบครัวของ จางเทีย
จางเทีย เองก็ไม่ได้รังเกียจเรื่องนี้ ยังไงซะพวกเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันมาหลายสิบปี มันเป็นไปไม่ได้ที่สายสัมพันธ์พี่น้องต่างแม่นี่จะยังเหมือนเดิม แล้วนี่ก็ยังมีเรื่องสมบัติครอบครัวมารวมด้วยอีก จางปิง คงถูกมองเป็นคู่แข่งที่ซึ่งต้องมาแบ่งสมบัติของครอบคัวในสายตาของบางคน
...
“ จางปิง ครอบครัวนายไปอยู่ไหนมา ?” – ตอนมื้อเย็น ในตอนที่ จางไห่เทียน ,พ่อของ จางปิง ถามเขาอย่างใจเย็น คนอื่นๆทั้ง 5 คนในโต๊ะต่างก็เงียบทันที แม้แต่คนรับใช้เองที่เสิร์ฟอาหารก็ยืนนิ่งไม่กล้าขยับ
“ พ่อ ครอบครัวของ จางปิง กลับมากะทันหัน ผมเลยจัดอพาทเมนต์ธรรมดาที่ถนนซินไห่ให้ “ – ลุงคนหนึ่งได้พูดขึ้น
จางไห่เทียน พยักหน้าเล็กน้อย
“ พ่อ ผมไม่คิดให้ดีๆ ในตอนที่น้องแปดและพี่สะใภ้กลับมา ผมไม่ได้จัดเตรียมให้ดีทำให้พวกเขาต้องไม่สบาย “ – เมื่อเห็นพ่อตัวเองเงียบ ลุงอีกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะก็รีบพูดขึ้นมา เขาคือลูกชายคนโตของเมียคนแรกและมีชื่อว่า จางหลิน เขาเป็นคนที่จะเป็นผู้สืบทอดต่อจาก จางไห่เทียน และเป็นหัวหน้าครอบครัวนี้ในอนาคต
แน่นอน จางหลิน น่าจะต้องเอาใส่ใจในตอนนี้
“ เพราะเรากลับมาแบบเร่งด่วนและไม่อยากสร้างปัญหาให้ที่บ้าน ผมเลยไม่ได้บอกกับพี่ชาย ผมขอร้องให้ยกโทษให้พี่ชายด้วย เราเองก็รู้ดีกับห้องนั้น สามห้องนอน,หนึ่งห้องนั่งเล่นและหนึ่งห้องกินข้าว มันก็เพียงพอสำหรับเราแล้ว “ - จางปิง รีบอธิบายออกมา
ผู้อาวุโสทุกคนในตระกูลจางนั้นต่างก็รู้รายละเอียดของการกลับมาของ จางเทีย แต่ไม่มีใครพูดเรื่องที่ จางปิง หลบหนีการแต่งงานโดยการแกล้งตาย พวกเขาต่างก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่ได้พูดมัน ทำให้เหมือนว่า จางปิง นั้นได้ออกไปเดินทางด้านนอกมาหลายสิบปีก็เท่านั้น
เมื่อมองไปที่หน้า จางปิง ซึ่งอายุแก่กว่าพี่น้องคนอื่นๆ จางไห่เทียน ก็เงียบ ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ – “ ก่อนหน้านี้ฉันดูแลแกไม่ดี ทำให้แกต้องมาขมขื่นกับโลกภายนอก ตอนนี้แกกลับมาแล้ว แกจะได้ส่วนแบ่ง 5% ของท่าเรือ ด้วยหุ้นส่วนนี้แกจะได้กำไรของท่าเรือด้วยแทนที่จะต้องมาจัดการเรื่องรายวัน “
เมื่อได้ยินแบบนั้น จางปิง ก็ยืนขึ้น เขามองไปที่ตาพ่อตัวเองและบอกออกมาอย่างมั่นใจ – “ พ่อ ท่าเรือนี้มาจากความพยายามของพ่อกับพี่ๆ ผมน่ะไม่ได้อยู่บ้านเลยและไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย ผมรู้สึกละอายกับสิ่งที่ทำลงไป ดังนั้นแล้วผมจึงไม่ขอรับส่วนแบ่งนี้ ถ้าพ่อคัดค้าน นั่นก็เป็นการบังคับบผมกับครอบครัวให้ออกจากเมืองนี้ ! “
จางเทีย ไม่รู้เลยว่าพ่อเขามีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ เมื่อเห็นพ่อมองกลับมาที่เขาและพี่ชาย จางเทีย ก็ไม่ได้พูดอะไรและได้ยิ้มออกมา เขายกนิ้วโป้งให้พ่อตัวเอง จางหยาง เองก็พยักหน้าให้พ่อพร้อมกับยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้าของลูกชายสองคนแล้ว จางปิง ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจและเริ่มน้ำตาปริ่ม
จางเทีย เห็นแม่ของเขาที่ซึ่งก็ยิ้มอยู่ด้วย เธอได้จับมือของพ่อไว้ ในเวลาเดียวกัน จางหยาง ก็ได้ตบน่องขาพี่สะใภ้สองครั้ง
หลังจากที่มองไปยัง จางปิง ได้สักพัก จางไห่เทียน ก็รู้สึกอึดอัดและเขาก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง
“ ที่รัก แม้ว่า จางปิง จะไม่ได้อยากได้หุ้น ทำไมไม่เอาคฤหาสต์ในชางแมนให้เขาล่ะ ให้เขาตั้งรกรากที่นี่ เพราะลูกของ จางปิง สองคนก็โตแล้ว มันได้เวลาที่พวกเขาจะแต่งงานและมีกิจการของตัวเอง ถ้าคุณเป็นห่วงพวกเขา มันก็ไม่สายเกินไปที่จะดูแลหลานของคุณ “ – เมียคนแรกที่นั่งข้างๆพูดออกมาช้าๆ
เขายักคิ้วแล้วมองมาที่ จางเทีย และ จางหยาง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
“ น้องแปด ถ้านายไม่รับคฤหาสน์เอาไว้ นายจะทำให้เราอึดอัด “ – จางหลิน อ้าปากพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ ขอบคุณพ่อ ผมจะรับคฤหาสน์เอาไว้ เราจะย้ายเข้าในวันพรุ่งนี้ ! “ - หลังจากที่คิดสักพัก จางปิง ก็ได้ตัดสินใจและได้นั่งลงไปอีกครั้ง เมื่อเห็นแบบนั้น พี่ของ จางปิง ที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันก็พยักหน้าด้วย
ไม่รู้เลยว่ามันเป็นภาพลวงตารึเปล่า จางเทีย รู้สึกว่าตอนที่พ่อของเขาตอบตกลง มีหลายคนที่ถอนหายใจออกมาและทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“ จางหยาง มีคนบอกว่าหลานเกษียรแล้ว หลานมีแผนจะทำอะไรต่อ ? “ - จางไห่เทียน หันมาหา จางหยางและถามเขาด้วยความเป็นห่วง
เมื่อได้ยินแบบนั้น จางหยาง ก็โล่งใจเพราะเขาได้คุยเรื่องนี้กับ จางเทีย มาในตอนเช้าแล้ว จางหยาง ได้ทำการตัดสินใจมานานแล้ว – “ เพราะเขตไฮหยวนนั้นมีโรงงานมากมายและมีคนค้าขายมารวมตัวกันที่นี่จากทั้งทางตะวันตกและตะวันออก ผมจะเริ่มทำบริษัทแลกเปลี่ยนสินค้า ! “
“ มันมีปัญหาอะไรกับศูนย์กลางงั้นเหรอ ? “ - จางไห่เทีย ถามตรงประเด็น
“ ไม่ ผมจะเริ่มจากเล็กๆก่อน ผมตั้งใจที่จะซื้อหน้าร้านในจินไห่ หลังจากนั้นก็ค่อยๆเพิ่มความรู้ไป ผมเชื่อว่าผมทำได้ ! “ - จางหยาง ตอบอย่างภูมิใจ
จางไห่เทียน พยักหน้า ไม่มีใครดูถูก จางหยาง นั่นก็เพราะ จางไห่เทียน มักจะพูดเสมอว่า – ตราบใดที่คนเราเดินหน้าได้ ไม่นานคนนั้นต้องสำเร็จ
“ แล้วหลานล่ะ จางเทีย หลานมีแผนยังไง ? “ – จางไห่เทียน มองมาที่ จางเทีย
“ ผมจะไปรายงานตัวที่วังมังกรลับในวันจันทร์หน้า ! “
ในตอนที่ จางเทีย พูดออกมา ทั้งห้องได้เงียบลงอีกครั้ง และทุกคนก็ได้มองมาที่ จางเทีย ด้วยสีหน้าทึ่ง,แปลกใจ,ชื่นชม, ช็อก ทุกคนต่างก็รู้ว่าวังมังกรลับนั้นคืออะไร จากชื่อก็พอรู้ความหมายแล้ว มันคือที่ที่รวมตัวกันของพวกระดับสูงของตระกูลจาง ทุกคนที่เข้าร่วมวังมังกรลับและรอดมาได้นั้นจะกลายเป็นชนชั้นสูงของตระกูล เกือบทุกคนในบรรดากลุ่มผู้อาวุโสและพวกคนมีอำนาจที่ดูแลหน่วยงานต่างๆของวังไฮหยวนล้วนแต่รับการฝึกมาจากวังมังกรลับ
เพราะ จางเทีย ได้บอกกับพ่อแม่เรื่องนี้เมื่อวาน คอรบครัวของเราเลยไม่ได้ตกใจกับเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ จางเทีย คิดว่าพ่อแม่ของเขาคงจะไม่เห็นด้วยแต่ จางเทีย ไม่คิดว่าทั้งคู่จะสนับสนุนการตัดสินใจของเขา
“ ดี ดี ดี .. “ - จางไห่เทียน เริ่มหัวเราะออกมา – “ ฉันไม่คิดว่าหลานของฉันสองคนจะปลุกสายเลือดขึ้นมาได้และเข้าวังมังกรลับ ฮาฮา .. “
“ นี่หมายความว่ายังมีญาติของหลานอยู่ในมังกรลับและเขาไม่ได้กลับมาในวันนี้ ในตอนที่นายไปถึงที่นั่น หลานก็ติดต่อได้... “ - จางหลิน ยิ้มและพูดออกมาแต่ จางเทีย เห็นบางอย่าในดวงตาของลุงคนนี้