spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 269: ตระกูลจาง
ในตอนเย็น หลังจากที่บินมาได้กว่า 2 อาทิตย์ ยานที่ออกจากคารัวล์ในที่สุดก็มาถึงเมืองยีแยง, เขตไฮหยวนของประเทศจินหยวน วังไฮหยวนของตระกูลจางนั้นมีชื่อเดียวกับเขตเพราะทั้งเขตนี้เป็นอาณาเขตของตระกูลจาง
นี่เป็นครั้งแรกที่ จางเทีย รู้สึกได้ถึงอำนาจของตระกูลจาง จากคำแนะนำของ ซีเทียน แล้ว จางเทีย รู้ว่ามีสมาชิกของสามคมจางกว่า 200,000 คนที่ได้รับสายเลือดโดยตรงจาก ลอร์ดไฮหหยวน พูดตรงๆแล้วคือในบรรดาลูกเรือ กัปตัน, เพื่อนคนแรก, ช่างในห้องเครื่อง, จางซีเทียนและ จางเทีย แน่นอนว่าต้องเป็นญาติกัน เพราะพวกเขาทุกคนต่างก็มีสายเลือดของ ลอร์ดไฮหยวน แม้ว่าจะต่างจากสาขาก็ตาม
ลอร์ดไฮหยวน นั้นมีเมียแปดคนและมีลูกชายลูกสาวกว่า 40 คน เมียแต่ละคนนั้นก็มีเมือง เมียคนแรกนั้นมีญาติที่เมืองยีแยง, คนที่สองเมืองซิ่น, คนที่สามเมืองกวนซิง , คนที่สี่เมืองฉีไห่ , คนที่ห้าเมืองฟูโบ, คนที่หกเมืองหยุนเซ่า, คนที่เจ็ดเมืองจินไห่ ส่วนคนที่แปดนั้นคือเมืองเทียน หลังจากผ่านพ้นมาหลายร้อยปี เมืองทั้งแปดนั้นได้พัฒนาอย่างมากจนมาถึงทุกวันนี้
ในบรรดาเมืองทั้งแปด เมืองยีแยง นั้นไม่ใช่แค่เมืองหลวงของเขตไฮหยวนแต่ยังเป็นเรื่องการเมือง,เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของตระกูลจางในทั้งวังไฮหยวนด้วย
เมืองยีแยงนั้นเป็นเมืองใกล้ชายฝั่ง มันมีขนาดและคุณสมบัติที่ดีกว่าเมืองแบล็คฮ็อตเป็นสิบเท่า คน 21 ล้านคนนั้นอาศัยอยู่ที่เมืองแห่งนี้และรอบๆ เมืองยีแยงนั้นไม่ใช่แค่จุดที่ใหญ่ที่สุดของจินหยวน แม้แต่ในทวีปไว่เองก็ด้วย การค้าของที่นี่ถือว่าติดอันดับหนึ่งในสามเลยก็ว่าได้
จางเทีย รู้จักตระกูลจางจากคำแนะนำของคนอื่นแต่ในตอนที่ยานเข้ามาใกล้เมืองยีแยง พลังและอำนาจของตระกูลางก็ทำให้ จางเทีย ประทำใจทันที เขารู้สึกว่าเขาน่ะตัวเล็กจ้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลนี้
เรือไอน้ำมากมายที่อยู่ตามท่าเรือและยานที่มากมายที่เข้าและออกนั้นเหมือนกับเป็นภาพวาดสำหรับ จางเทีย
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วผู้โดยสารที่มาด้วยกันกับ จางเทีย ก็ตื่นเต้นซะจนตะโกนภาษาจีนแย่ๆออกมา – “ ยีแยง..ยีแยง..”
“ นายคิดจะลงที่เมืองนี้เลยมั้ย ? “ – จางซีเทียน ถาม จางเทีย
“ ฉันอาจจะต้องไปที่เมืองจินไห่ก่อน ฉันไม่แน่ใจว่าฉันอาจจะอยู่ที่เมืองจินไห่เลยมั้ย “ – หลังจากที่คิดสักพัก จางเทีย ก็ตอบกลับ
“ ตอนนี้ฉันได้สร้างคะแนนมากพอเพราะฉันได้อยู่บนยานมากว่า 3 ปี ดังนั้นแล้วฉันเลยคิดจะไปเข้าร่วมกองทัพทางอากาศของตระกูลจาง ฉันต้องการที่จะเป็นทหารและกัปตันในอนาคต !” - จางซีเทียน ตอบกลับด้วยความทะเยอทะยาน
“ ฉันหวังว่านายจะทำสำเร็จตามที่หวัง “ - จางเทีย ยิ้ม
ระหว่างช่วงนี้ จางเทีย ได้เรียนรู้บางอย่างบนเรือ เด็กหลายคนที่อายุกว่า 18 ปีบนยานต่างก็เป็นเด็กฝึกงาน พวกเขาต้องทำตามระบบการฝึกของตระกูลจาง เด็กส่วนมากของวังไฮหยวนอายุระหว่าง 15-18 ปีนั้นเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อเพราะส่วนมากนั้นเรียนไม่จบและไปทำงานที่โรงงานแทน ระหว่างช่วงนี้พวกเขาจะได้เข้าสังคมเพื่อที่จะได้ประสบการณ์และคุณสมบัติเพื่อยืนยันการพัฒนาของตัวเอง หลังจากที่ถึงวัย 18 พวกเขาก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่ซึ่งจะได้สนุกกับสังคมและได้เข้าร่วมกองทัพอีกทั้งอาจจะได้ตำแหน่งรึได้งาน
เทียบกับระบบการศึกษาในเมืองแบล็คฮ็อตแล้ว การศึกษาของที่นี่เคร่งครัดกว่าเยอะ เด็กหนุ่มอย่าง จางเทีย ที่ซึ่งจะ 16 ในปีใหม่นี้จะไม่สามารถเข้าร่วมกองทัพได้ ยิ่งเป็นเจ้าหน้าที่กองทัพด้วยยิ่งแล้วใหญ่
“ ฉันได้ยินจากต้นหนถึงพรสวรรค์ที่นายยิงลูกดอกใส่ Iron-beak Ibises ว่ามันเป็นการตื่นของสายเลือดที่เกี่ยวกับการโยน ?” – จางซีเทียน มองมาที่ จางเทีย ด้วยตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
จางเทีย ฝืนยิ้มออกมาเพราะเขาตระหนักได้ถึงความต่างทางวัฒนธรรม ปัญหานี้น่ะทำให้เขาสงสัยอยู่นานแต่ในวังไฮหยวน มันดูเหมือนว่าจะมีหลายคนที่รู้เหตุผล แค่แสดงมันออกมาเพียงครั้งเดียวก็โดนยืนยันตัวแล้ว – “ อาจจะเป็นแบบนั้น ตอนแรกฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะความสามารถในการโยนของฉันกลับแม่นยำขึ้นมาเฉยๆ ฉันไม่รู้ว่ามันคือการตื่นของสายเลือดก่อนที่จะมาที่วังไฮหยวน นายมีเพื่อนที่มีพรสวรรค์เดียวกับฉันมั้ย ? “
“ มี เขาเป็นเพื่อนที่อยู่โรงเรียน ตอนเราเล่นกีฬา อยู่ๆเขาก็ปลุกสายเลือดขึ้นมาได้ แม้ว่าจะเป็นแค่ระดับเฉลี่ยในด้านธนูแต่เขาก็ชนะการแข่งธนูในปีนั้น ! “
“ สายเลือดที่เขาปลุกนั้นอยู่ในด้านธนู ? “
“ ใช่ ! “ - จางซีเทียน มองมาที่ จางเทีย ด้วยสีหน้าแปลกๆ – “ นายไม่รู้รึว่าธนูเองก็เป็นหนึ่งในสองของสายเลือดด้วย ? “
จางเทีย รู้สึกอายและได้ยิ้มออกมา – “ ฉันไม่รู้เรื่องพวกนั้นจริงๆ ... “
...
ในที่สุดยานก็ได้ลงจอดที่ฐานของกลุ่มการค้าชางเฟิง
หลังจากที่ลาเพื่อนบางคนที่เขาได้เจอบนเรือ จางเทีย ก็ได้ขนของตัวเองแล้วลงจากยานไปพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นๆที่มาเมืองยีแยงเป็นครั้งแรก ในตอนที่ จางเทีย คิดว่าเขาควรจะซื้อตั๋วไปที่เมืองจินไห่ดีรึเปล่า เขาก็เห็นพี่ชายตัวเองที่ซึ่งมาพร้อมกับชายชุดดำสองคนพร้อมกับรถหนึ่งคัน
“ พี่ ! “ - จางเทีย ตกใจและรีบเดินเข้าไปหา ทั้งสองกอดกันแน่น จางหยาง นั้นตื่นเต้นอย่างมากเพราะครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเจอกันมันก็หลายเดือนมาแล้ว พวกเขารู้สึกว่าเหมือนโดนแยกจากกันด้วยความเป็นและตาย ไม่ว่าจะเป็น จางเทีย รึครอบครัว พวกเขาต่างก็เจอเรื่องยุ่งยากมากมายในช่วงเวลานี้
“ พ่อเป็นไง ? แม่หายดีรึยัง ? “ – ในตอนที่กอดกันเสร็จ จางเทีย ก็ถามออกมาทันที
จางหยาง มองไปที่ จางเทีย ก่อนที่จะยิ้มออกมา – “ พ่อกลับบ้านแล้ว เมื่อรู้ว่านายกลับมาได้อย่างปลอดภัย แม่เองก็หายดีแล้ว ! “
จางเทีย ดีใจขึ้นมาทันที ความกังวลที่เขามีได้หายไป นี่ถือว่าเป็นความสุขอย่างมาก – “ พ่อกลับมาแล้วเหรอ ? “
“ อื้ม เราจะคุยเรื่องรายละเอียดกันตอนเรากลับบ้าน ! “ - จางหยาง มองไปที่ จางเทีย ก่อนจะแนะนำชายสองคนให้กับ จางเทีย – “ พวกนี้คือคนของหัวหน้าเขตของวังไฮหยวน ! “
ชายสองคนพยักหน้าให้กับ จางเทีย ด้วยท่าทีใจดี
จากคำแนะนำของ จางซีเทียน ตอนที่อยู่บนเรือแล้ว จางเทีย รู้บทบาทของคนของเขต ครั้งนี้เขาได้ประกาศตัวว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และได้แก้ไขเรื่องต่างๆผ่านตระกูลจาง ไม่อย่างนั้นแล้วแน่นอนว่าเขาก็จะยังคงเป็นฆาตรกรที่ตำรวจลับต้องการตัวอยู่
หลังจากที่แนะนำเสร็จ ทั้งสี่คนก็ขึ้นรถ จางเทีย และ จางหยาง นั่งข้างหลัง ส่วนอีกสองคนจากเขตนั่งข้างหน้า หลังจากนั้นรถก็ได้ถูกขับออกไป
จางเทีย ได้บอกพี่ชายเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคารัวล์หลังจากที่เขาออกมาจากเมืองแบล็คฮ็อตพร้อมกับมองดูวิวด้านนอกด้วยยความตกตะลึง
มีพาหนะมากมายบนถนน คนที่เดินผ่านไปมาและตึกสูงหลายแห่ง ทั้งสองฝั่งของถนนนั้นเต็มไปด้วยควนจีน อีกอย่างแล้วคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็มีสีผิวมากมาย แม้ว่า 95% จะเป็นคนจีนผมและตาดำก็ตาม เสียงของเด็กจีนดังมาจากข้างๆ เมื่อเห็นฉากแบบนั้น จางเทีย ที่ซึ่งโตมาในเมืองแบล็คฮ็อตก็เริ่มผ่อนคลาย เขาได้รู้สึกถึงสิ่งที่โหยหายซึ่งมาจากสายเลือดของเขา
แน่นอนว่าเขตนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดา มันคือหน่วยจัดการของตระกูลจางของวังไฮหยวน จริงๆแล้วมันคือตึกที่มีมากกว่า 20 ชั้น ทางเข้านั้นมียามดูแล เหตุผลที่คนสองคนของเขตได้พา จางเทีย มามที่นี่ก็เพื่อยืนยันฐานะของเขา กระบวนการนี้ง่ายอย่างมากจน จางเทีย ไม่คิดว่ามันจะราบรื่นขนาดนี้
เขาได้ถูกพาเข้าไปในห้อง บนโต๊ะกลางห้องนั้นมีคริสตัลสีดำแปลกๆซึ่งมีรูนสีเงินสลักเอาไว้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ได้เอาเข็มมาจิ้มนิ้ว จางเทีย และเอาเลือดเขาหยดลงที่คริสตัล ไม่นานหลังจากนั้นคริสตัลก็เริ่มส่องแสงออกมาซึ่งแสดงให้เห็นถึงการสิ้นสุดการรับรอง
หลังจากที่จัดการเสร็จ จางเทีย ก็ไปถ่ายรูปและกรอกแบบฟอร์มสองอย่าง เขานั่งรออยู่กับพี่ไม่ถึง 10 นาที เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็เอาป้ายซึ่งสลักไปด้วยลายอันซับซ้อนมาให้กับ จางเทีย
ส่วนที่ดีที่สุดคือป้ายนี่ทำมาจากเหล็ก ที่ตรงกลางนั้นเป็นคริสตัลโปร่งแสง ด้านล่างมีรูปที่ จางเทีย ถ่ายไปตะกี้ ด้านล่างรูปภาพคือชื่อที่ดูไปแล้วพิเศษ ที่ด้านหลังของป้ายนั้นมีเขียนไว้ว่า --- ตระกูลจางของวังไฮหยวน
“ นี่คือบัตรยืนยันตัว นายเก็บมันไว้ ถ้านายทำหาย ผลของมันจะร้ายแรงอย่างมาก ! “
“ ยังไง ? “
“ เราจะปรับนาย 100 ทองและลงโทษให้ทำงานหนักครึ่งปี นอกจากนี้คะแนน 20 หน่วยก็จะถูกหักออก ! “
จางเทีย ถอนหายใจออกมา ทอง 100 เหรียญหมายถึงทอง 2500 กรัม คะแนนตระกูล 20 หน่วยนี่ก็ดูได้มาไม่ยากเท่าไหร่
“ คุณหมายความว่าบัตรนี่มีค่ามากกว่าทองอีกเหรอ ? “ – จางเทีย ถาม
เจ้าหน้าหน้าที่ได้ยื่นบัตรให้กับ จางเทีย และยิ้ม – “ ฐานะของบัตรนายน่ะมีอัลลอยหายาก 7 อย่าง ในบรรดาพวกนั้นเหล็กไฮแรนและทองแดงพีค็อกน่ะมีค่ามากกว่าทอง 10 เท่า บัตรนี้น่ะมีความลับของการสร้างมันอีกซึ่งไม่ใช่ว่าจะทำที่ไหนก็ได้ยกเว้นในตระกูลจาง มันทำลายยาก ถ้ามันถูกทำลาย นายจะเอามาใช้อีกไม่ได้ อย่างน้อยในทวีปไว่แล้วก็ไม่มีใครทำเลียนแบบขึ้นมาได้ ความลับของลายบนบัตรนี้น่ะมีบาร์โค้ดที่ใช้เครื่องไอน้ำวิเคราะห์ได้ซึ่งนั่นมันเป็นเครื่องหมายของตัวตนของนายและสิทธิต่างๆ นายคิดว่ามันสำคัญมั้ยล่ะ ? “
เมื่อได้ยินแบบนั้น จางเทีย ก็กลัวซะจนอึ้ง – “ แล้วคะแนนตระกูลล่ะ ?”