spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 264: ระหว่างทางกลับ
หลังจากที่ยานนี้บินไปในสองวันแรก วันที่ผ่านมาล้วนแต่น่าเบื่อ แม้ว่าจะอยู่ด้านบนขอบฟ้าตระกูลแบล็คซอนแต่ จางเทีย ก็แทบจะมองไม่เห็นเมืองด้านล่าง
ในตอนที่เขามองออกไปนั้น เขาเห็นแต่ฉากเดิมๆ เนินเขานับไม่ถ้วน,สันเขา, ทุ่งหญ้าและป่าไม่รู้จับ ทุกอย่างที่เขาเห็นมีแต่แบบซ้ำๆ เขาไม่เห็นแม้แต่เมืองใหญ่ๆรึหมู่บ้าน ยังไงซะเทียบกับพื้นที่ทั้งหมดของตระกูลแบล็คซอนแล้ว ประชากรที่นี่น่ะน้อยเกินไป เพราะคนได้ไปรวมตัวกันที่เมืองเพื่อให้ได้รับการปกป้องจากกำแพง โอกาสที่จะเห็นเมืองใหญ่ๆด้านนอกกำแพงจึงน้อยมาก
ในตอนที่นั่งอยู่ข้างบน จางเทีย ได้อยู่ในส่วนรับรอง หลังจากที่เบื่อกับฉากด้านนอกแล้ว นอกจากกินและนอน จางเทีย ก็มักจะอยู่ในห้องของตัวเองและทำการบ่มเพาะต่อไปเรื่อยๆในแบบที่คนธรรมดาคงคิดไม่ถึง
เขาได้เอาพีระมัดระดับ 5 ออกมาและใส่ไว้ด้านล่างที่นอน ในตอนที่เขาบ่มเพาะ เขาก็จะนั่งอยู่ด้านบนเตียง ด้านบนของพีระมิดนั้นชี้มาที่จุดชีพจรที่หลังของเขาพอดี เทียบกับคริสตัลที่เขาเคยใช้มาก่อน ผลของพีระมิดระดับ 5 นั้นทรงพลังกว่ามาก ด้วยคริสตัลนี้ เขาสามารถขัดเกลาจุดชีพจรได้เร็วกว่าเดิม
แม้แต่ตอนที่เขาไม่ได้ทำการบ่มเพาะ ผลของคริสตัลก็ยังทำให้ห้องของเขาเต็มไปด้วยพลังงานที่สดชื่น ทำให้จิตใจเขาปลอดโปร่ง
ยานที่ จางเทีย นั่งมานั้นมีขนาดใหญ่ซึ่งยาวกว่า 200 ม.และสูงถึง 70 ม. ความเร็วปกติของยานนี้คือ 110 กม./ชม. ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วระดับกลาง นอกจาก จางเทีย ที่ซึ่งมีสถานะพิเศษแล้วก็ยังมีผู้โดยสารอีก 50 คนที่เดินทางออกจากคารัวล์ไปยังจินหยวน มีทั้งคนแก่,เด็ก, ผู้หญิงและผู้ชาย หลายคนดูเหมือนจะมาเป็นครอบครัว อย่างน้อยเสื้อผ้าและบุคลิกก็บอก จางเทีย ว่าพวกนั้นเป็นพวกชนชั้นสูงที่ได้รับการศึกษาดีๆ
จางเทีย เดาเหตุผลได้ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงได้ออกจากคารัวล์ คนพวนี้ต่างก็รู้ถึงสถานการณ์ พวกเขาเห็นว่ามันเริ่มมีอันตรายเกิดขึ้นจากสงครามและสัญญาณต่างๆ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มออกจากเมืองมาและมุ่งหน้าไปยังที่ปลอดภัยกว่า
จินหยวนนั้นเอาจจะเป็นที่ที่ดีกว่าสำหรับพวกเขา
ในการเดินทางวันที่สี่ ยานได้ลงไปจอดเพื่อเติมเชื้อเพลิงในเมืองแปลกๆเมืองหนึ่ง หลังจากที่จัดเตรียมหลายชั่วโมง มันก็เริ่มเดินทางต่ออีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ จางเทีย คิดว่ามันจะปลอดภัยเมื่อเดินทางโดยยาน แต่ความจริงคือในยุคนี้ การเดินทางไปข้างนอกกำแพงเมืองนั้นไม่เคยที่จะปลอดภัยเลย
ในวันที่หกยานได้เจอกับการโจมตีครั้งแรก
ตอนนั้น จางเทีย กำลังทำสมาธิอยู่ มีเสียงหวีดปลุกเขาขึ้นมา จากนั้น จางเทีย ก็ได้ยินบางคนตะโกนออกมาด้านนอกห้องดังๆ – “ เรากำลังเจอการโจมตีจากสิ่งมีชีวิตอันตราย เรากำลังเจอการโจมตีจากสิ่งมีชีวิตอันตราย ทุกคนอยู่กับที่ไว้ ทุกคนอยู่กับที่ไว้ ผู้โดยสารโปรดอยู่ในห้องของตัวเองไว้ ! “
หลังจากนั้น จางเทีย ก็ได้ยินเสียงเท้าที่รีบเร่งด้านนอกห้อง
ถ้าเป็นแต่ก่อน จางเทีย คงอยู่ในห้องเหมือนผู้โดยสารคนอื่น แต่จากประสบการณ์จากแคมป์เหล็กโลหิตแล้วมันได้เปลี่ยนเขา จางเทีย รีบโดดออกจากเตียงและเปิดประตูก่อนจะรีบวิ่งออกไปพร้อมกับคนอื่น
เพราะห้องเครื่องนั้นกว้างกว่า 20 ม. ทางเดินด้านนอกห้องจึงไม่ได้แคบ ในตอนที่ จางเทีย ได้วิ่งออกมา ลูกเรือจำนวนมากที่ใส่เครื่องแบบต่างก็พากันยุ่งอยู่ บางคนรีบวิ่งเข้าไปที่ห้องลูกเรือ, บางคนวิ่งไปที่ห้องเครื่องและห้องอาวุธ ในเวลาเดียวกันผู้โดยสารที่สนุกกับวิวด้านล่างที่คอยเปิดหน้าต่างสูดลมหายใจก็ได้รีบวิ่งกลับเข้าไปข้างใน คนที่วิ่งออกมาข้างนอกเหมือน จางเทีย มีแค่คนที่ใส่เครื่องแบบเท่านั้น
“ นายมาทำอะไรที่นี่ ? “ – ในตอนที่ จางเทีย ได้เข้าไปที่ดาดฟ้า ชายวัย 30 ก็เบิกตากว้างและมองมาที่ จางเทีย เขาคือเพื่อนคนแรก ในตอนที่เขาขึ้นยานลำนี้มา จางเทีย ก็ได้เจอเขา ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงรู้จักแซ่ของอีกฝ่ายว่าคือจาง
“ ฉันเป็นทหาร ! “ - จางเทีย ตอบออกมาเบาๆ – “ บางทีฉันอาจช่วยนายได้ ! “
เพื่อนคนแรกนั้นได้มองมาที่ จางเทีย ด้วยท่าทีระมัดระวัง เพราะยานนี้ได้ออกมาจากจินหยวน วังไฮหยวนได้ส่งข้อความมาหาพวกเขาว่าให้มารับคนที่ชื่อ จางเทีย จากเมืองคารัวล์ เพื่อนคนแรกและกัปตันนั้นก็คือพวกเดียวที่รู้ว่า จางเทีย อาจจะเป็นลูกหลานของตระกูลจางที่อาศัยอยู่โลกภายนอกและยังเป็นที่ต้องการตัวของตำรวจลับของอาณาจักรนอแมน
คนที่เป็นที่ต้องการสำหรับตำรวจลับของอาณาจักรนอแมนนั้นไม่ใช่คนไร้ความสามารถ เมื่อได้ยิน จางเทีย พูด เพื่อนคนนั้นก็ได้พยักหน้า – “ ได้ ลูกหลานของวังไฮหยวนเองก็ไม่น่าจะซ่อนตัวจากอันตรายหรอก ! “
จางเทีย รีบพุ่งไปที่ดาดฟ้าของยานพร้อมกับชายคนนั้น ในตอนนนั้นผ้าที่ปิดหน้าไม้บนดาดฟ้าได้เปิดออกมาแล้ว ลูกเรือต่างก็รีบเข้าประจำตำแหน่งอาวุธเพื่อเตรียมที่จะยิง
เพราะยานนี้เอาไว้ใช้ขนส่งสินค้าไม่ใช่มาใช่ในเรื่องการบ หน้าไม้จึงเป็นแบบธรรมดา อุปกรณ์ไอน้ำเองก็ใช้เพื่อให้พลังพอในการเดินทางเท่านั้น
แต่ละตำแหน่งนั้นมีให้กับลูกเรือสามคน คนแรกนั่งเตรียมยิงโดยเอาเท้าไปที่ที่ถีบเหมือนกับของจักรยาน จากนั้นก็เริ่มปั่นเท้าไปมา เครื่องขับเคลื่อนโดยโซ่และฟันเฟือง เขาถีบไปครบรอบแรกและเตรียมพร้อมทีจะยิง กระบวนการทั้งหมดนั้นใช้เวลาไปไม่ถึง 20 วินาที
“ A1 ประจำที่ ... “
“ A2 ประจำที่ ... “
“ A3 ประจำที่ ... “
“ A4 ประจำที่ ... “
หลังจากเตรียมที่จะยิง อาวุธทุกอันก็ได้ส่งเสียงอันดังออกมา จางเทีย มองไปที่เครื่องพวกนั้น เขาพบว่าลูกเรือนั้นเหมือนจะคล่องแคล่วกันอย่างมาก พวกนี้ถือว่าเทียบเท่าได้กับกองทัพอากาศของอาณาจักรนอแมนเลย
หลังจากที่ลูกเรือเตรียมตัวกันอย่างดีแล้ว พวกแถวสองของลูกเรือทั้งสองฝั่งก็ได้เข้าประจำตำแหน่งพร้อมกับหน้าไม้ในมือ
“ เอานี่ ใส่แล้วรัดมันไว้ ! “ – เพื่อนคนแรกนั้นได้โยนอุปกรณ์พิเศษมาให้ จางเทีย พร้อมกับหน้าไม้
มันคืออุปกรณ์หนังซึ่งคล้ายกับเกราะ หลังจากที่ใส่มันไปแล้ว เขาสามารถล็อกสายไว้กับกาบเรือได้ จางเทีย เห็นว่าลูกเรือต่างก็ใส่เกราะแบบนี้รวมถึงเพื่อนคนแรกของเขาด้วย พวกเขาต่างก็เอาสายสลิงไปล็อกไว้กับตัวเลื่อน จางเทีย เองก็ทำตามพวกนั้น หลังจากที่ใส่เกราะนั่นเข้าไป จางเทีย เองก็ไปล็อกสายสลิงกับมันไว้ด้วย
ในตอนที่ จางเทีย ได้ไปคล้องสายมันไว้ ยานก็ได้เพิ่มความเร็วในการบินเพิ่มขึ้นและเลี้ยวออกไปทางขวาอย่างสุดกำลัง ระดับของดาดฟ้าตอนนี้เอียงไปทางขวา 30 องศา จางเทีย รู้สึกได้ถึงแรงลมที่พัดเขามา ในเวลาเดียวกันเท้าของเขาก็เลื่อนออก เขาต้องจับด้ามจับเหล็กบนด้านฟ้าเอาไว้เพื่อที่จะยืนให้ได้อย่างมั่นคง
ยานนั้นหักเลี้ยงไปถึงครึ่งวงกลมและได้ปรับทิศทางไปทางขวาง หลังจากนั้นลูกเรือทุกคนก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตอันตรายที่เข้าโจมตียานพวกเขา
พวกมันคือนกขนาดใหญ่ที่บินลงมาจากเมฆที่อยู่ไกลๆ จางเทีย มองออกและพบว่านกเหล่านั้นได้มุ่งหน้ามาที่ยานลำนี้ พวกมันมีขนาดใหญ่กว้างกว่า 3 ม.ในตอนที่กางปีก มีพวกมันอยู่อย่างน้อย 40-50 ตัว
ในตอนที่เห็นมันเข้ามาใกล้ จางเทีย ก็เห็นถึงจะงอยปากยาวๆของมัน
เพื่อนคนแรกที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นท่าทีเคร่งขรึมของ จางเทีย และเขาได้พูดออกมาดังๆ – “ พวกมันคือ Iron-beak Ibis สัตว์เวทย์กลายพันธ์ระดับ 4 ระวังไว้ด้วย ! “
ยานนั้นหลีกเลี่ยงการโจมตีติดต่อกันถึงสองครั้ง แต่นกพวกนั้นก็ยังคงไล่ตามมาติดๆไม่ลดละ
เมื่อมองไปที่จะงอยแหลมๆเหมือนกับดาบและถุงแก๊สด้านบนของยาน จางเทีย ก็เข้าใจว่านกพวกนี้อาจทำความเสียหายให้กับยาน
แม้ว่าจะมีชั้นเหล็กปกป้องถุงแก๊สเอาไว้แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเหล็กนั่นจะทนได้นานแค่ไหนภายใต้การโจมตีของนกนี่
ในตอนที่ Iron-beak Ibis ห่างจากยานไปกว่า 200 ม. หน้าไม้บนดาดฟ้าและข้างในยานก็ถูกยิงออกมาพร้อมกัน
หลังจากที่ได้ยินเสียงหน้าไม้เหล่านั้น จางเทีย ก็พบว่า Iron-beak Ibis 6 ตัวได้มีเลือดกระจายออกมาพร้อมกับขนที่หลุดร่วง ในเวลาเดียวกันพวกมันก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้า Iron-beak Ibis ตัวอื่นๆต่างก็สะบัดปีกของพวกมันและเพิ่มความเร็วเข้ามาหายาน
ในเสี้ยววินาที ลูกดอกจำนวนมากได้ถูกยิงออกไปที่ดาดฟ้า นกนั้นรวดเร็วอย่างมาก แม้ว่าจะยิงลูกดอกออกไปอย่างต่อเนื่องแต่มีนกแค่สามตัวที่ถูกยิงตกลงไป
ในตอนที่ Iron-beak Ibis พุ่งเข้ามา จางเทีย ไม่ได้ยิงเลยสักครั้ง เขากลับมองไปที่หนึ่งในนั้น ในตอนที่มันเพิ่งหลบลูกดอกได้และเข้ามาใกล้ 80 ม. จางเทีย ก็กดยิงออกไป
“ กร๊า ! “ – ในตอนที่พวกมันได้ร้องออกมา Iron-beak Ibis ได้โดนลูกดอกของ จางเทีย ยิงทะลุและตกลงไปจากฟ้า
เกือบในเวลาเดียวกันที่ Iron-beak Ibis ได้ตกลงไป จางเทีย ก็ได้ยินเสียงคุยแปลกๆ เขาหันกลับมาและพบว่าเพื่อนคนแรกนั้นถือหน้าไม้อยู่และยิง Iron-beak Ibis ไปอีกตัวจนทำให้เลือดนั้นพุ่งออกมา
ชายคนนั้นเหมือนไม่รู้สึกถึงสายตาของ จางเทีย เขาใส่ลูกดอกอีกและยิงติดต่อกันสามครั้ง หนึ่งวินาทีต่อลูกดอกหนึ่งลูก หลังจากยิงไปสามดอกแล้ว มันก็มีเลือดพุ่งออกมาถึงสามครั้ง
Iron-beak Ibis ที่เหลือไม่ได้รีบพุ่งเข้ามาที่ดาดฟ้าแต่กลับพุ่งไปหาถุงแก๊สแทน ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงเหล็กเสียดสีกันดังขึ้นด้านบนหัวของ จางเทีย
ยานกำลังถูกโจมตี !