spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บทที่ 375: คนดัง
"เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าเจ้าต้องการขอทำภารกิจระดับ 5 ?" ผู้ตรวจสอบถามอีกครั้ง
"ใช่ ขอรับ" เจี้ยงเฉินพยักหน้าเบา ๆ
"พวกเจ้ารวมตัวกันอยู่ที่นี่เพื่อรอดูลูกพี่ของข้าท้าทายภารกิจระดับ 5 ใช่หรือไม่" เทียนฮงตะโกนเสียงดังอยู่ข้าง ๆ
"ห้องหมายเลข 12 เจ้าหนุ่ม เจ้าเป็นคนแรกที่ท้าทายภารกิจระดับ 5 ข้าขอให้เจ้าโชคดี!" ผู้ตรวจสอบมอบเหรียญภารกิจให้กับเจี้ยงเฉิน
เทียนฮงโบกมือใหญ่ พลางตะโกนว่า "ลูกพี่ โชคดี ! จัดการภารกิจระดับ 5 และท่านจะเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ในพื้นที่ส่วนนภา ! "
คำว่า 'อัจฉริยะอันดับ 1 ' ค่อนข้างบาดหูกับผู้เข้าแข่งขันที่รอดูการแสดงอยู่รอบ ๆ
ไม่ใช่ว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเป็นอัจฉริยะอันดับ 1
แม้แต่อัจฉริยะที่โดดเด่นในตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าคิดว่าตัวเองเป็นอันดับ 1 เนื่องจากไม่มีใครอยากเป็นศัตรูกับสาธารณชนในเวลานี้
ฉายานี้ความจริงเป็นเหมือนภาระ ใครก็ตามที่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นเช่นนั้นจะกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีของทุกคน
คนที่อยู่ในพื้นที่ส่วนนภา มีใครบ้างเต็มใจที่จะให้คนอื่นกลับบ้านด้วยฉายาของอัจฉริยะอันดับ 1 ?
แม้กระทั่งผู้ที่ไม่มีความหวังที่จะทำให้ตัวเองเป็นหนึ่งในสิบก็ยังรู้สึกแปลก ๆ เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของเทียนฮง? สาวกสามัญคู่ควรกับฉายาอัจฉริยะอันดับ 1 หรือไม่? เขาไม่ห่วงเลยหรือว่าลมจะตัดลิ้นของเขาเองหลังจากที่พูดโม้มากมาย !
อย่างไรก็ตามเทียนฮงไม่ได้คิดอะไรมากนัก เขาไม่ได้มีเจตนาให้เจี้ยงเฉินถูกคนอื่นต่อว่า เจี้ยงเฉินชนะเขาหลายครั้งในด้านที่เขามีความมั่นใจมากที่สุด ความแข็งแกร่งของจิตใจและโอสถ
การที่เทียงฮงต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบ หมายความว่าเขาเต็มใจยอมรับเจี้ยงเฉินในฐานะลูกพี่อย่างแท้จริง
เทียนฮงเป็นคนที่ตรงไปตรงมา เขาจะพูดอะไรก็ตามที่อยู่ในใจ เขาไม่เคยปกปิดความคิดของตัวเอง เขาไม่สนหรอกว่าสิ่งที่เขากำลังพูดจะทำให้คนอื่นรำคาญ
เขารู้เพียงว่าเขาปรารถนาอย่างยิ่งว่าเจี้ยงเฉินจะประสบความสำเร็จในการท้าทายภารกิจระดับ 5
เขาน้อมรับลูกพี่ที่เอาชนะเขาอย่างมีมารยาท เขาเป็นลูกพี่ที่สมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ !
ความยากลำบากในการปฏิบัติภารกิจในระดับ 5 เป็นเรื่องจริง
มันเกี่ยวข้องกับการกลั่นโอสถและขั้นตอนสุดท้ายของการปรุงแต่งโอสถค่อนข้างยาก
แน่นอนว่าสำหรับใครบางคนที่เคยกลั่นโอสถห้ามังกรเปิดสวรรค์ ถือว่ามันไม่ยากมากนัก
คุณภาพที่เขาถูกขอให้กลั่นโอสถยังไม่ถึงขั้นของโอสถห้ามังกรเปิดสวรรค์
เวลาที่กำหนดคือ 12 ชั่วยาม และระดับที่ต้องการคือการผลิตเม็ดโอสถระดับสูง
โอสถเม็ดถูกแบ่งออกเป็น ระดับต่ำ, ระดับกลาง, ระดับสูง, ระดับสูงสุด และแม้กระทั่งระดับปฐพีและระดับนภา
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่สองระดับสุดท้ายจะปรากฏให้เห็นในอาณาจักรทั้งสิบหก ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนใดมีความสามารถที่จะทำได้ และหม้อปรุงโอสถและส่วนผสมที่มีคุณภาพก็ไม่เพียงพอ
การปรุงโอสถระดับปฐพีหรือระดับนภาหมายความว่ารายละเอียดทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ ถ้ามีอะไรขาดหายไปสักส่วน ก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปรุงแต่งโอสถให้อยู่ในกลุ่มเหล่านั้น
เจี้ยงเฉินได้สังเกตเห็นหม้อปรุงโอสถเมื่อเขาวางส่วนผสมทั้งหมดไว้ในลำดับที่ถูกต้อง คุณภาพของมันเป็นที่ยอมรับในการปรับแต่งเม็ดโอสถที่มีคุณภาพตามที่ต้องการ
เมื่อหม้อปรุงโอสถร้อน เจี้ยงเฉินเริ่มลงมือแต่ละขั้นตอนด้วยความสงบนิ่มนวล
สถานการณ์บังเอิญที่เคยเกิดขึ้นทำให้เจี้ยงเฉินมีสติและสามารถควบคุมไฟได้ดี นี่เป็นประสบการณ์ที่ได้จากบงกชอัคนีเหมันต์ มันได้ดูดกลืนพลังไฟสวรรค์ทั้งหมดในการคัดเลือกรอบแรก ดังนั้นไฟที่เขาสามารถควบคุมได้ตอนนี้จึงแข็งแกร่งมาก
ศักยภาพของความสามารถในการควบคุมไฟเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้เชี่ยวชาญโอสถ
ผู้เชี่ยวชาญโอสถที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้ที่มีปัญญาในการควบคุมไฟและต้องเป็นอัจฉริยะด้านธาตุไฟ ถ้าไม่มีศักยภาพในธาตุไฟมากพอ ควรลืมเรื่องการเป็นผู้เชี่ยวชาญโอสถที่เหมาะสมไปได้เลย
แน่นอนศักยภาพที่ดีที่สุดสำหรับคนที่จะกลั่นโอสถยังคงเป็นคนที่มีศักยภาพรวมที่ยอดเยี่ยมที่สุด เช่น ร่างฟีนิกซ์สวรรค์ของหลงยู่ซื่อ
ร่างฟีนิกซ์สวรรค์มีพรสวรรค์ในธาตุทั้งห้าโดยธรรมชาติหมายความว่าไม่ว่าบุคคลนี้จะทำอะไรหรือเรียนรู้อะไร เขาจะสามารถทำได้เร็วกว่าคนอื่น
เต๋าโอสถต้องการคนเช่นนี้ เพราะไม่ว่ายังไงโอสถก็เกี่ยวกับการที่คนหนึ่งเข้าใจองค์ประกอบของห้าธาตุ ความเข้าใจด้านธาตุไฟเป็นเพียงแรงกระตุ้นในท้ายที่สุด
โอสถเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
ส่วนผสมวิญญาณถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติและยังไม่ได้รับการจัดแต่ง บางวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติและบางวัตถุดิบมนุษย์เป็นคนปลูก ผู้เชี่ยวชาญโอสถต้องรู้จักวิธีนำมันมาใช้
โอสถถูกผสมจากวัตถุดิบวิญญาณต่าง ๆ และการผสมเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น นี่คือความลึกลับที่ลึกซึ้งของเต๋าโอสถ
ดังนั้นเมื่อพูดถึงที่มาเต๋าโอสถถือว่ามีต้นกำเนิดเดียวกันกับเต๋าศิลปะการต่อสู้
การทำความเข้าใจเรื่องหนึ่งคือการเข้าใจอีกร้อยเรื่อง
แน่นอนว่าสำหรับคนที่ยโสโอหังอย่างเช่นหลงยู่ซื่อและนางหลงใหลในเต๋าศิลปะการต่อสู้โดยเฉพาะ และนางรังเกียจที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโอสถ
ถึงแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญโอสถจะได้รับความนับถือ แต่คนอื่นก็เคารพพวกเขาเพียงผิวเผิน ในท้ายที่สุดหากพวกเขาไม่มีเต๋าศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ไม่อาจช่วยตัวเองให้หลุดพ้นจากสถานการณ์อันตรายได้
หลงยู่ซื่อชอบความรู้สึกของการเป็นที่หนึ่ง อยู่ในจุดสูงสุด เป็นที่เคารพนับถือและเกรงกลัว
นางชอบความรู้สึกที่ฝูงชนก้มแทบเท้านางอย่างจงรักภักดี
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แค่หลงยู่ซื่อ คนส่วนใหญ่ที่ตามล่าเต๋าศิลปะการต่อสู้เพียงเพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่อยู่เหนือกว่าคนอื่น
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญโอสถสามัญสามารถบรรลุได้
แม้ว่าเจี้ยงเฉินเคยโด่งดังไปทั่วอาณาจักรในชีวิตที่ผ่านมาเพราะเขาเข้าใจเรื่องของโอสถเม็ด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีศักดิ์ศรีของความสามารถในการทำให้ทุกคนในอาณาจักรรู้สึกกลัว
เพราะเขาไม่มีอำนาจที่เด็ดขาดพอ
เจี้ยงเฉินมองหม้อโอสถเงียบ ๆ และตั้งเป้าที่แน่วแน่ เมื่อเขาเริ่มปรุงโอสถ หัวใจของเขาจะสงบเหมือนน้ำนิ่ง เขารีบรื้อฟื้นความทรงจำในชีวิตที่ผ่านมา
เวลาเดินไปเรื่อย ๆ ไม่มีการหยุดพัก
...........
บรรดาผู้ที่เข้าร่วมภารกิจประจำมารวมตัวกันที่ห้องโถง เห็นได้ชัดว่ามีคนเปิดเผยคำว่ามีคนร้องขอภารกิจระดับ 5
นอกเหนือจากอัจฉริยะเหล่านั้นที่รับรู้ถึงสถานะของพวกเขา ผู้เข้าแข่งขันในส่วนนภาส่วนใหญ่รีบพากันมาที่นี่ ในห้องโถงมีผู้เข้าแข่งขันราว ๆ 40-50 คน
ทุกคนต่างพากันกระซิบกระซาบกับกลุ่มของตัวเองและพูดคุยเกี่ยวกับอัจฉริยะสามัญ
เทียนฮงได้ใช้ประโยชน์จากเวลานี้ในการปฏิบัติภารกิจ เขาออกมาอย่างรวดเร็วและตอนนี้กำลังตื่นเต้นมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่ภารกิจระดับ 5 ปรากฏขึ้น
เทียนฮงมั่นใจในลูกพี่คนใหม่ที่เขายอมรับมาก ถึงกระนั้นเขาก็ยังใจหายใจคว่ำ เขาคงทำอะไรไม่ถูกจนกว่าเจี้ยงเฉินจะออกมา
ถ้าเขาประสบความสำเร็จ นั่นจะทำให้เกิดการระเบิดที่จะกระทบอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุด
ดังนั้นเทียนฮงจึงมีความคาดหวังสูงว่าฉากนี้จะปรากฏขึ้น
"ลูกพี่ ท่านต้องทำให้ได้ ในที่สุดข้าก็มีคนให้ชื่นชม ข้าหวังว่าท่านจะได้รับชัยชนะและตบหน้าของเหล่าบรรดาอัจฉริยะแนวหน้า! "
เทียนฮงทั้งห่วงใยและเต็มไปด้วยความคาดหวัง เพราะบางครั้งเขารู้สึกแย่กับอัจฉริยะที่โดดเด่นเหล่านี้ ดังนั้นเขาปรารถนาอย่างยิ่งว่าจะมีคนที่ดันทุรังขึ้นมาและเหยียบย่ำบรรดาสาวกที่เรียกตัวเองอัจฉริยะชั้นสูง
ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกอิจฉาพวกเขา แต่เขาไม่สามารถปฏิบัติตามรูปแบบของพวกเขาได้
บรรดาผู้ที่กำลังรอชมการแสดงทั้งหมดอยู่ในหมู่กลุ่มชนชั้นล่างของพื้นที่ส่วนปฐพี เทียนฮงมองโดยรอบและตระหนักว่าไม่มีผู้ใดใน 20 อันดับแรกอยู่ที่นี่
"ฮ่าฮ่า พวกคนเหล่านั้นโอหังไม่เห็นใครในสายตา พวกเขากำลังร้อนรนด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไม่กล้ามาปรากฏตัว ยังไงก็ช่าง มันไม่สำคัญว่าพวกเขาไม่อยู่ที่นี่ พวกเขาจะเป็นคนแรกที่ได้รับข่าวเมื่อลูกพี่ของข้าทำภารกิจเสร็จ ฮ่า ๆ ข้าสงสัยว่าพวกเขาคงนอนไม่หลับทั้งคืน? "
เมื่อเวลาผ่านไปคนอื่น ๆ ก็มาถึง
แม้กระทั่งเหล็กต้าฉีจากนิกายพฤกษาสวรรค์ก็ไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อตาล่อใจและวิ่งมาเฝ้าดูเช่นกัน
การแสดงออกของเหล็กต้าฉีเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้เห็นเทียนฮง เมื่อเทียนฮงจ้องมองเขา เหล็กต้าฉีรู้ตัวดีว่าไม่ควรหาเหาใส่หัว จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความแค้น
"ไอ้คนโง่เง่าเทียนฮง เขาสามารถพึ่งพาลูกหลานของตระกูลเหล็กได้ แต่กลับตัดสินใจที่จะเรียกเด็กสามัญว่าเป็นลูกพี่ สมองของเด็กคนนี้ไม่ปกติเลย"
มีอีกคนเดินเข้ามาหลังจากเหล็กต้าฉี เขาเป็นคนสูงและสวมเสื้อผ้าใยป่าน ดวงตาของเขาเหมือนดวงดาวมันดูลึกซึ้ง ท่าทางที่อ้างว้างของเขาทำให้รู้สึกถึงนักบวชที่สันโดษ
ชายคนนี้คือชูชิงหาน ศิษย์ลำดับสองของหัวหน้าชูหยู่
เขาได้ยินถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่หลังจากที่เขาเสร็จสิ้นภารกิจของเขาแล้ว เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยจึงได้เข้ามาดู
พูดตามตรง แม้ว่าเจี้ยงเฉินและหัวหน้าชูหยู่มีเรื่องบาดหมางกันในพื้นที่ส่วนปฐพี ชูชิงหานเลือกที่จะตามสัญชาตญาณของตัวเองและไม่ถูกอารมณ์ควบคุม
ด้วยเหตุผลเขาอยู่ฝ่ายชูหยู่ เขาควรเกลียดเจี้ยงเฉิน แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้เกลียดเจี้ยงเฉินจนไม่ลืมหูลืมตา
เมื่อเขาได้เห็นเจี้ยงเฉินที่หุบเขาบรรจบ เขามีใจเอนเอียงให้กับชายหนุ่มคนนี้ นี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่ได้ฆ่าเจี้ยงเฉินแม้ว่าจะเผชิญกับความกดดันอันยิ่งใหญ่ และตัดสินใจที่จะพาเขากลับไปยังนิกาย
ในทางตรงกันข้าม เขาไม่ได้รู้สึกอะไรมากกับหลงยู่ซื่อ ซึ่งเป็นอัจฉริยะที่มีร่างฟีนิกซ์สวรรค์ เขายังมีความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับนาง
เมื่อเขานึกถึงเหตุการณ์นั้น ชูชิงหานรู้ด้วยว่าอาจารย์ของเขาปราบปรามสาวกสามัญเพราะสงสัยว่าเขาคือเจี้ยงเฉิน
แหล่งที่มาของความแค้นเหล่านี้คือหลงยู่ซื่อ
เนื่องจากท่านอาจารย์ปะทุสงครามอย่างเปิดเผยกับเจี้ยงเฉินเพราะเรื่องของหลงยู่ซื่อ ความคิดแรกของชูชิงหานก็คือเขาจะไม่เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง เขาไม่ต้องการที่จะเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งอันไม่มีจุดหมายของหลงยู่ซื่ออีกต่อไป
เขาเคยมีส่วนร่วมในช่วงเวลานั้น เขาช่วยชีวิตนาง นางกลับไม่รู้สึกขอบคุณเลย ชูชิงหานผู้สงบเรียนรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีค่าพอให้ต้องเสียความพยายามกับนาง
ตัวอย่างก่อนหน้าของศิษย์น้องสองไห่เทียนและศิษย์น้องสี่ฮั่วหวิ๋น ชูชิงหานรู้เรื่องนี้ชัดเจนกว่าคนอื่น
ลึกลงไปในจิตใจของชูชิงหาน เขาชื่นชมเจี้ยงเฉินไม่น้อยและรู้สึกเคารพอัจฉริยะสามัญคนนี้ การฝ่าฝันอุปสรรคมาถึงจุดนี้ไม่ได้เป็นผลมาจากความโชคดีเท่านั้น
ชูชิงหานยังมีลางสังหรณ์อีกด้วยว่าแม้แต่หลงยู่ซื่อเองอาจไม่สามารถชนะสาวกสามัญคนนี้ด้วยความมั่นใจได้
เมื่อความคิดของเขามาถึงขั้นนี้ ชูชิงหานจ้องมองไปที่ด้านหน้า