หน้าแรก > Castle of Black Iron
Chapter 252: กลับไปยังคารัวล์

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

Chapter 252: กลับไปยังคารัวล์

ในตอนบ่าย จางเทีย ได้ตามพวกนั้นไปและเข้าไปยังเขตควบคุมของคารัวล์

มันเร่งรีบนิดหน่อยตอนที่ จางเทีย มาถึงครั้งที่แล้วในฐานะเจ้าหน้าที่ของอาณาจักรนอแมน เขายังไม่ได้มีโอกาสได้ชมความสวยของเมืองก่อนที่จะออกไป ครั้งนี้หลังจากผ่านมาไม่นาน เขาก็ได้กลับมาที่นี่อีกในฐานะอาชญากร

สิ่งที่ จางเทีย เห็นตามท้องถนนในเมืองฟอร์คจนมาถึงเขตควบคุมของคารัวล์นี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงภาวะสงครามระหว่างอาณาจักรนอแมนกับราชวงศ์อาทิตย์

ยิ่งเขาเข้าใกล้คารัวล์มากเท่าไหร่ยิ่งตึงเครียดมากเท่านั้น ตัดสินจากฐาน,ป้อมปราการที่ทั้งสองฝั่งได้สร้างไว้รอบๆคารัวล์ ชัดแล้วว่าสงครามนี้เกี่ยวข้องกับทหารเป็นแสนๆคนที่ต้องพินาศจากการต่อสู้กันอยู่นาน  จางเทีย เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ของฐานในคารัวล์จากข่าวที่เขาได้รับมาจากคนเก็บขยะและสิ่งที่เขาได้เห็นและได้ยินในกองทัพ

นอกจากราชวงศ์อาทิตย์กับอาณาจักรนอแมน มีอีกกลุ่มในคารัวล์ที่ถูกพูดถึงในสงครามนี้ – คารัวล์เมืองแห่งเครื่องจักร ศูนย์กลางการผลิตของพันธมิตรและเนื้อชิ้นโตที่ทำให้หมาป่าสองตัวที่หิวโหยมาสู้กัน

เหตุผลที่มันกลายเป็นเนื้อชิ้นโตในสายตาของราชวงศ์อาทิตย์และอาณาจักรนอแมนคือมันมีสิทธิและมีประโยชน์ที่จะเป็นเนื้อนั้นได้ เทียบกับเมืองแบล็คฮ็อตแล้ว เมืองแบล็คฮ็อตนั้นมีมาแค่ไม่กี่สิบปีแต่คารัวล์น่ะมีประวัติศาสตร์กว่า 200 ปีซึ่งหมายความว่าความร่ำรวยจะเพิ่มขึ้นจากทรัพยากรที่มีในทุกด้าน  เรื่องการผลิต, สมบัติ, ประชากร, การจัดตั้งกองทัพ,พลังและการควบคุมของเมืองนี้น่ะอยู่ในอันดับหนึ่งในทุกเมืองของพันธมิตร

แม้แต่ตอนนี้คารัวล์ก็ยังมีกองทัพที่มีทหารเกือบ 80,000 คนบวกกับกำแพงเมืองและอาวุธป้องกันที่น่ากลัวซึ่งได้ดูแลที่นี่มากว่า 200 ปี ด้วยพลังแบบนี้ถือว่าเป็นความสามารถที่ตัดสินผลลัพธ์ของสงครามได้

ในตอนที่ จางเทีย มายังเขตควบคุมของเมืองคารัวล์ เขาก็ต้องช็อกกับพื้นที่ตรงนี้ เขาถึงกับมองไม่เห็นกำแพงเมืองภายในระยะ 10 กม. สายตาของเขานั้นมองเห็นแต่ปล่องไฟที่มีมากอย่างกับต้นไม้ในป่า

ปล่องไฟพวกนั้นมาจากโรงงานในเขตควบคุมซึ่งจัดอยู่ในเขตอุตสาหกรรม หลายโรงงานนั้นถึงกับมีทางเดินในอากาศและอุโมงค์ที่มีขนาดแตกต่างกันไป ภายใต้แสงอาทิตย์ของฤดูหนาว ควันสีดำได้ถูกปล่อยออกมาย้อมท้องฟ้าจนกลายเป็นสีเทา โรงงานยังคงทำการผลิตของต่างๆ ไม่ได้เผยให้เห็นผลกระทบจากสงครามเลย

เทียบกับโรงงานที่นี่กับที่เมืองแบล็คฮ็อตแล้ว นอกจากขนาดแล้ว พวกนี้น่ะยังมีมาตรฐานราวกับเป็นกระเป๋าเงินของประเทศ

สิ่งที่ จางเทีย ได้เห็นตอนนี้ก็แค่มุมหนึ่งของเขตควบคุมเพราะเขายืนอยู่ที่ด้านทิศเหนือ

แค่ปล่องเดียวจะทำให้ผุ้คนคิดถึงเรื่องมลพิษแต่เมื่อมีเป็นร้อยๆอันผู้คนจะรู้สึกได้ว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ

ที่นี่ จางเทีย รู้สึกได้ถึงพลังของการพัฒนาทางอุตสาหกรรม

แม้ว่าคนด้านในโรงงานนั้นจะยุ่งอยู่กับการทำงานแต่ด้านนอกโรงงานนั้นมีผู้คนมากมายหลายแสนคนที่ต่างแห่กันมาทุกทิศทางเพราะสงคราม ทำให้ทั้งพื้นที่นั้นวุ่นวายขึ้นมา

จางเทีย เดินไปตามท้องถนนและเห็นคนมากมายที่ต่อคิวด้านนอกโรงงานในจุดรับสมัครคน มีคนมากมายที่อยู่ข้างทางที่ชูป้ายของานและอาหาร

ในที่ค่อนข้างว่างเปล่าข้างถนน บางคนได้ทำเต็นท์ขึ้นมา มีเสียงเด็กร้องดังออกมาจากหลายเต็นท์

ในพื้นที่ที่สะอาดและดีกว่าเดิมข้างถนนมีรูปและข้อความเพื่อหาคน

เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่ จางเทีย มาที่นี่ เขาไม่ต้องการเป็นที่สนใจและดังนั้นแล้วเขาจึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและไม่ค่อยพูดอะไร  เขาก้มหน้าลงและแบกของตัวเองไปตามคนเก็บขยะอื่นๆ จนกระทั่งเมื่อมาถึงเขตควบคุม เฟรด ก็ได้ถอนหายใจออกมาแล้วเก็บธงสีฟ้าเขียวของตัวเองขึ้น

ระหว่างทางมาที่นี่ จางเทีย ได้ยินตำนานมากมาย ในหลายเดือนที่ผ่านมา คนเก็บขยะไม่ได้กลับมาหลังจากที่ไปในเขตสงคราม

มีคนเก็บขยะที่ได้ของดีโดยการไปค้นหาตามบ้านร้างพวกนั้น บางคนถึงกับเก็บของมีค่าและอาวุธดีๆไม่ก็ทองจากศพในสนามรบที่ซึ่งเป็นที่ที่สองกองทัพปะทะกันและคนโชคร้ายก็ต้องเสียชีวิตตัวเองไป

มันอาจจะตื่นเต้นในการค้นหาสมบัติที่ถูกลืมไว้ในหมู่บ้านร้างและเมืองร้างรอบๆคารัวล์แต่นั่นมันก็ต้องเสี่ยงชีวิตของตัวเอง อาชีพนี้เกิดมาจากสงคราม

...

“ นายเห็นลูกสาวฉันมั้ย ? ลูกสาวฉันชื่อ เซเรน่า นี่ไงรูปเธอ เธอบอกว่าเธอจะไปโรงเรียนเช้านี้แต่เธอยังไม่กลับมาเลย.. “

...

“ นายเห็นลูกสาวฉันมั้ย ? ลูกสาวฉันชื่อ เซเรน่า นี่ไงรูปเธอ เธอบอกว่าเธอจะไปโรงเรียนเช้านี้แต่เธอยังไม่กลับมาเลย.. “

ที่ข้างถนนผู้หญิงวัยกว่า 50 ปีกำลังถือรูปเด็กสาวและดึงทุกคนที่ผ่านไปมาเพื่อถามคำถามเดิม แม้ว่าเธอจะถามแต่ตาของเธอนั้นดูหมดหวังราวกับว่าเธอได้ตายไปแล้ว

จางเทีย เดินตามคนเก็บขยะคนอื่นไปแล้วเดินผ่านเธอไปเงียบๆ

“ สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำ เธอมาจากด้านทิศใต้ มันดีกว่าในด้านเหนือ มีคนบอกว่าบางที่ทางใต้น่ะสัตว์อสูรของพวกราชวงศ์อาทิตย์ได้ข่มขืนผู้หญิงทุกคนที่พวกมันเห็น ตั้งแต่เด็กเล็กๆไปจนถึงคนแก่ ชายคนไหนกล้าขัดขืนจะต้องโดนตัดหัว หลายคนน่ะต้องไปใช้แรงงาน,ซ่อมถนน,และแบกของ.. “

ที่เดินอยู่ข้างๆ จางเทีย  เกอรี่ ได้ถอนหายใจออกมา –“  คนพากันแห่กันมาจากทางใต้แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นทางใต้แล้ว คนทางด้านเหนือตางก็หนีด้วย พวกเขาต้องการหนีไปที่คารัวล์เพื่อให้ได้รับการปกป้องแต่พวกเขาไม่รู้เลยว่ายิ่งคนแห่กันมามากเท่าไหร่ จะไม่มีใครมีความเป็นอยู่ที่ดีได้เลย .. “

จางเทีย เงียบและช็อกอยู่ในใจ นี่เป็นความจริงอันโหดร้ายของสงคราม สงครามน่ะได้ทำการคุกคามคนธรรมดาอย่างมาก สงครามระหว่างสองประเทศที่ซึ่งทหารเป็นแสนๆคนได้สู้กันทำให้เกิดภัยพิบัติ แล้วสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่สามมันจะเลวร้ายแค่ไหน ?

...

หลังจากที่เดินผ่านเขตควบคุมมาไม่ถึง 20 นาที  จางเทีย ก็ได้มาถึงฐานของพวกเก็บขยะ ข้างในนั้นเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ด้านหลังเขตโรงงาน มันมีขยะสีดำๆ ดังนั้นแล้ว จางเทีย จึงแทบจะทนไม่ไหวกับสภาพแวดล้อมที่นี่

ขยะกว่าร้อยปีได้ถูกมากองเอาไว้ที่นี่ ดังนั้นแล้วใครก็คงจะนึกภาพออก

ในพื้นที่นี้มีเต็นท์นับพัน มีคนอย่างน้อย 1-2 หมื่นคนอยู่ที่นี่ ในตอนที่ จางเทีย ตามคนอื่นเข้ามา เขายังเห็นรถไอน้ำหลายคันที่แบกขยะออกเทใส่ที่นี่

ในตอนที่รถมาถึง เด็กจำนวนมากก็เริ่มวิ่งตาม พวกเขาไม่ได้สนอันตรายกันเลยสักนิด ในตอนที่ขยะนั้นถูกเทออกมา เด็กๆจะพากันแห่เข้าไปแล้วเริ่มค้นหาถ่านเล็กๆในขยะเหล่านั้นที่ยังพอใช้ได้

แคมป์นี้เต็มไปด้วยฝุ่นเพราะรถที่วิ่งไปมาและเด็กๆ คนอพยพทุกคนมีหมดทั้งชาย, หญิง,คนแก่, เด็ก

ไม่นานหลังจากที่เข้ามาในเขตกางเต็นท์แล้ว ชายวัย 60 ปีก็เดินมาหาพวกเขา – “ เฟรด นายเอาอะไรกลับมาบ้าง... “

“ เอิ่ม..เราไปที่ฟอร์คและเอาพวกของใช้ในครัวและของที่ใช้ในฤดูหนาวกลับมา ให้ราคาดีๆกับเราล่ะ .. “

“ ของที่ใช้ในฤดูหนาว ?  หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอยู่รอดผ่านมันไปได้ยังไง ! “ – หลังจากที่ดูของพวกนั้นแล้ว ชายชราวัย 60 ปีก็พยักหน้า – “ ตามฉันมา...”

จางเทีย เองก็ตามพวกนั้นไปด้วยและได้มาถึงตรงหน้าเต็นท์ของชายชรา เขาเอามาแค่ผ้าห่มหลายผืนที่เขาได้มาจากเมืองฟอร์ค  นอกจากนี้แล้วเขายังใส่เสื้อขนแกะซึ่งดูไม่เข้ากับเขาเลยทำให้เขาดูเหมือนกับคนอพยพ  เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาพร้อมกับทีม ชายชราก็แค่มองแว๊บเดียวก่อนจะละสายตาไป

เต็นท์นี้ใหญ่อย่างมาก  มีของมากมายอยู่ข้างในและมีคนที่ดูกำยำเดินไปมารอบๆ ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นศูนย์กลางของเขตกางเต็นท์

หลายคนยืนอยู่ตรงหน้ากระดานประกาศที่อยู่ตรงถนนข้างๆเต็นท์ ในตอนที่ จางเทีย เดินผ่านกระดานั้น เขาได้เห็นภาพของเขาและ แฟรนก้า มีคำสั่งจับทั้งสองคนซึ่งมีคำสั่งจับอื่นด้วยแต่เพราะค่าหัวของทั้งสองคนนั้นสูงถึง 3000 ทอง พวกเขาจึงเอาไว้บนสุด

แค่มองทีเดียว จางเทีย ก็จำเนื้อหาในประกาศนั้นได้

หัวใจเขาเต้นรัว มันไม่ใช่ว่าน่าตกใจเกินไป จากการที่เห็นประกาศจับในแคมป์ผู้ลี้ภัยเพราะมันอยู่ใกล้กับอาณาจักรนอแมน  นี่น่ะเป็นแค่สลัมที่ยังไม่ถูกทำลายจากสงคราม สิ่งที่ทำให้ จางเทีย สับสนจริงๆคือการที่ แฟรนก้า เองก็โดนประกาศจับโดยหน่วยกองทัพทางด้านเหนือ ส่วนเขานั้นโดนประกาศจับจากหน่วยสั่งการ

นี่คือข่าวดีสำหรับ จางเทีย  เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็รวบรวมสติและไม่กังวลเรื่องครอบครัวอีกต่อไป คอรบครัวของเขาได้รับการปกป้องจากหน่วยกองทัพทางเหนือและไม่มีทางได้รับอันตรายใดๆจากตำรวจลับ ถ้าไม่งั้นแล้วกอทัพทางเหนือและกอทัพเขาเหล็กก็เหมือนกับโดนตบหน้า

ดูจากอายุและหน้าตาของเขาตอนนี้นั้นต่างจากภาพในประกาศจับ ไม่มีใครเดาว่าหนึ่งในคนเก็บขยะคือคนในภาพซึ่งมีค่าหัวกว่า 3000 ทอง

...

จางเทีย ขายของที่เขาเอามาจากเมืองฟอร์คได้เงินมา 4 เงิน 37 ทองแดง

แต่ละคนต่างก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม จากกฎแล้วทุกคนน่าจะจ่าย 30% ของรายได้เพื่อเป็นค่าคุ้มกัน  หลังจากที่จ่ายไป 30% แล้ว จางเทีย ก็ได้รับสายตาที่เป็นมิตรมากกว่าเดิมจาก เฟรด

“ เอางี้เป็นไง ? นายน่ะกล้าพอ นายมาอยู่กับเรา เราจะได้ทำงานด้วยกัน ! “ - เฟรด เชิญเขาด้วยเสียงตื่นเต้นราวกับสัญญากับลูกน้อง

...

แน่นอนว่า จางเทีย ไม่ได้ตกลง ด้วยข้อแก้ตัวที่ว่าเขาอยากหางานประจำทำในโรงงาน เขาจึงได้ปฏิเสธคำเชิญของ เฟรด ไป หลังจากนั้นเขาก้ได้โยนเงินใส่ในกระเป๋าแล้วออกจากแคมป์ผู้ลี้ภัยไป

แม้ว่าอำนาจของตำรวจลับนั้นยังมาไม่ถึงคารัวล์แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาปลอดภัย หลายคนน่ะยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองที่นี่เพื่อเงิน 3000 ทอง  รางวัลก้อนใหญ่ที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นฮีโร่ ถ้าเขาโดนจับที่นี่ คนพวกนี้แน่นอนว่าต้องส่งเขาออกจากเขตสงครามแน่  แม้ว่ายานของราชวงศ์อาทิตย์ก็มาถึงที่นี่ได้ ไม่ต้องคิดเรื่องการส่งคนแค่คนเดียวแค่ระยะทาง 100 กม.หรอก

ในตอนที่เขาเดินไปตามถนนนั้น เขายังคงคิดถึงเรื่องนี้  แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นที่ต้องการตัวจากกองทัพแต่เขาก็ไม่อาจที่จะกลับไปที่หน่วยได้ เขาไม่สามารถอธิบายเรื่องขัดแย้งระหว่างเขากับตำรวจลับได้  เหตุการณ์แบบนั้นโกหกด้วยการที่ว่าเขาโดนฟ้าผ่าไม่ได้ งั้นเขาจะกลับไปที่เมืองแบล็คฮ็อตและติดต่อครอบครัวเขายังไง ?

จางเทีย ยังคงเดินต่อพร้อมกับคิดไปเรื่อยๆ

เขาไม่รู้ว่าเขาเดินมานานแค่ไหน ในตอนที่มีตึกอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็ต้องช็อก

ตรงหน้าประตูตึกนั้นคือนกสี่ปีกสีทอง...

ใช่ ธนาคารโกเด้นร็อก !

เมื่อจำได้ถึงบริการของธนาคารในเมืองแบล็คฮ็อตที่ให้บริการ  ตาของ จางเทีย ก็เป็นประกายขึ้นมา...

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.