spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บทที่ 370: พร้อมรับมือ
เทียนฮงยอมรับเจี้ยงเฉินในฐานะลูกพี่ แต่ความขุ่นเคืองในจิตใจของเขายังไม่ได้ถูกระบายหลังจากที่แพ้การแข่งขัน เขาจะไม่ทำเช่นนั้นต่อหน้าลูกพี่ของเขา
เหล็กต้าฉีเข้ามากระทุ้งไฟของเขาอย่างฉับพลัน ตัดสินจากท่าทางโง่เขลาของเขา เขาอยากได้เทียนฮงเป็นลูกสมุน!
มันทำให้เทียนฮงรู้สึกไม่พอใจมาก เหล็กต้าฉีไม่มีอะไรดีสักอย่าง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการคุ้มครองของผู้อาวุโสของตระกูลของเขา เขาเป็นเหมือนขยะในสายตาของเทียนฮง !
เด็กคนนี้กล้าวางมาดอวดอ้างตัวเองต่อหน้าเทียนฮง?
เขาหักข้อนิ้วตัวเองอย่างฉุนเฉียว
"เหล็กต้าฉี เจ้าพร้อมมีเรื่องตลอดเลยใช่มั้ย? อย่าคิดว่าข้ากลัวที่จะกระทืบเจ้าเพราะเจ้ามีปู่ที่ทรงอำนาจ"
เหล็กต้าฉีกระพริบตา เขาเพิ่งออกมาจากการกักตนบ่มเพาะด้วยแรงผลักดันที่ค่อนข้างรุนแรง ก่อนหน้านี้เขามักจะรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างอ่อนแอกว่าเทียนฮง
แต่การฝึกฝนครั้งนี้ทำให้เห็นว่าเขาได้ตัดผ่านไปถึงอาณาจักรปราณจิตวิญญาณระดับที่ 6 และได้รับมรดกของตระกูลเหล็ก เมื่อเทียบกับเทียนฮงตอนนี้ เขาแข็งแกร่งกว่ามาก ไม่ใช่คนเดิมที่เคยอ่อนแอกว่า
เขากล้าพูดกับข้าแบบนี้รึ?
สีหน้าของเหล็กต้าฉีถมึงทึงทันที "เทียนฮง เจ้าเข้าใจถึงความสำคัญของคนที่มีฐานันดรมั้ย? เจ้ามีตำแหน่งอะไร และข้ามีตำแหน่งอะไร? ทั้งภูมิหลังและการฝึกฝนบ่มเพาะ ในแง่ไหนบ้างที่ข้าไม่เหมาะที่จะลูกพี่ของเจ้า? "
เทียนฮงยิ้มเยาะและก้าวเข้ามาใกล้ "ทำไมข้าถึงต้องสนใจภูมิหลังหรือการฝึกฝนบ่มเพาะโง่ ๆ ของเจ้า? ทำไมเจ้าต้องชอบอวด? เจ้าเชื่อมั้ยว่าข้าใช้หมัดเดียวก็สามรถเอาสมองเน่า ๆ ของเจ้าออกมาได้? "
เทียนฮงเสียการเดิมพันและเขาก็เก็บกดไม่มีที่จะระบายอารมณ์ของตัวเอง เหล็กต้าฉีไม่ดูตาม้าตาเรือเขาหาเรื่องเอง เขาช่างโง่เง่า
บอกได้เลยว่าร่างกายที่แข็งแกร่งและศีรษะที่เต็มไปด้วยผมสีแดงกระจัดกระจายรุงรังที่เหมือนกับฟางของเทียนฮงทำให้เขาดูน่ากลัวมาก
เพิ่มด้วยเท้าขนาดใหญ่พิเศษของเขา เวลาเขาเดินมันช่างดูน่ากลัวมาก
เหล็กต้าฉีเสียใจที่ตัวเองพล่ามมากเกินไปเมื่อเขาเห็นเทียนฮงเริ่มก้าวร้าว นี่ไม่ใช่วิธีที่จะนำตัวเทียนฮงเข้าร่วมกลุ่มของเขา !
ทุกคนรู้ว่าหากเทียนฮงโกรธมากเขาจะควบคุมสติไม่ได้และทำลายทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าอย่างไม่กลัวตาย
เมื่อเห็นว่าเทียนฮงกำลังจะเสียการควบคุมตัวเอง เหล็กต้าฉีจึงรีบพูดว่า "ลืมมันไปเถอะ ข้ามาเข้าร่วมการทดสอบในวันนี้และจะไม่เสียเวลาไปเถียงกับเจ้า นิกายอื่น ๆ ต่างสามัคคีในการคัดเลือก เจ้าคิดว่าทะเลาะกับข้าไปแล้วจะได้อะไร?
เจี้ยงเฉินแอบหัวเราะในใจเมื่อได้ยินคำพูดของเหล็กต้าฉี
ในช่วงคอขาดบาดตายเขากลับปอดแหก ไม่ว่าเขาจะมีเหตุผลอะไร เขาก็หาทางที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์และไม่กล้าขัดแย้งกับเทียนฮง
เทียนฮงพ่นลมออกทางจมูก "ไร้สาระ ! สามัคคีหลอก ๆ แค่ต่อหน้าเท่านั้นนะสิ ข้าขอเตือนเจ้าว่าในอนาคตอย่ามาเอะอะต่อหน้าข้า"
เหล็กต้าฉีหน้าซีด "เอาล่ะ ไม่เป็นไร! เทียนฮง เจ้าอวดดีตอนนี้ วันหนึ่ง ข้าจะทำให้เจ้าอยากเข้าร่วมกลุ่มข้าจนต้องหมอบคลานมาร้องขอ ! "
เทียนฮงหัวเราะอย่างเย็นชาและชูนิ้วกลางให้เหล็กต้าฉี
เท้าขนาดใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์กระทบกับพื้น สร้างแรงสั่นสะเทือน
เจี้ยงเฉินหัวเราะและมองไปที่เหล็กต้าฉีเตรียมพร้อมที่จะเดินออกไปด้วยเช่นกัน ผลปรากฏชัดขึ้นเมื่ออัจฉริยะสองคนเผชิญหน้า
เหล็กต้าฉีเกิดมาจากตระกูลสูงส่งและมีทรัพยากรมากมาย แต่เขาก็ยังทำตัวโง่เง่าไร้สาระและชอบวางแผนการสิ้นคิด
ในอีกด้าน เทียนฮงมีเต๋าหัวใจที่เด็ดขาด, แน่วแน่, และจิตวิญญาณที่ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้
"สาวกสามัญ เจ้าหัวเราะอะไร?" เหล็กต้าฉีอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว เขาโกรธมากเมื่อเห็นสาวกสามัญที่สวมหน้ากากหัวเราะร่าเริง เจ้ามดน่าสมเพช ไม่มีใครเห็นหัวเจ้าเหมือนหมาข้างถนน เจ้ากล้าหัวเราะเยาะข้ารึ?
เจี้ยงเฉินชินชากับการที่มีคนเรียกว่าสาวกสามัญ เด็กโง่หรือคำไม่ดีต่าง ๆ เขาหัวเราะเยาะและเลียนแบบเทียนฮงด้วยการยกนิ้วกลาง
"ข้าหัวเราะแล้วมันหนักตรงส่วนไหนของเจ้า?"
เจี้ยงเฉินเดินจากไปโดยไม่คำนึงถึงเส้นสีเลือดดำที่วิ่งแล่นบนหน้าของเหล็กต้าฉี
เขากำลังจะตอบโต้ ทันใดนั้นจู่ ๆ ก็มีคนเดินออกมาจากห้องทดสอบโอสถ นางกล่าวด้วยคิ้วที่ขมวดคิ้วว่า "นี่เป็นพื้นที่สำหรับการทดสอบ ใครส่งเสียงดังโวยวายที่นี่? เจ้าไม่รู้จักกฎหรือ"
ผู้ตรวจสอบก็เดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มเมื่อเห็นคนคนนี้ อัจฉริยะที่ท้าทายสวรรค์อีกคนก็โผล่ออกมา "หลงยู่ซื่อ เจ้าทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง"
หญิงที่งดงามก็คือหลงยู่ซื่อ นางเสร็จการทดสอบโอสถและกำลังออกจากทิศทางนี้ นางได้ยินเสียงดังจึงแวะมาดู
หลงยู่ซื่อพยักหน้าให้ผู้ตรวจสอบ นางขมวดคิ้วและจ้องมองเหล็กต้าฉี "เจ้าเป็นสาวกของนิกายพฤกษาสววรค์ เจ้าไม่ทราบหรือการกลั่นโอสถจำเป็นต้องใช้ความเงียบ ไม่มีใครสอนเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ให้เจ้ารึ"
เหล็กต้าฉีอารมณ์ยังร้อน แล้วเขาต้องมาฟังคำสบประมาทจากหลงยู่ซื่ออีก "นี่ ... นี่คือความผิดของข้าด้วยเหรอ?"
แน่นอนว่าเขารู้จักภูมิหลังของนาง ร่างฟีนิกซ์สวรรค์ที่มีแนวโน้มว่านางจะกลายเป็นที่หนึ่งในนิกายตะวันม่วง ไม่ว่าเหล็กต้าฉีจะหยิ่งแค่ไหน เขาก็รู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่เขาควรหาเรื่อง
มิฉะนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่คนอย่างเขาจะยอมยืนฟังผู้หญิงต่อว่า
หลงยู่ซื่อหันหน้าไปด้วยความรังเกียจ เห็นได้ชัดว่าคนอย่างเหล็กต้าฉีไม่คู่ควรกับสายตาของนาง
ผู้ตรวจสอบรีบเร่งให้ทุกสิ่งราบรื่นขึ้นเมื่อเขาเห็นว่าฉากดูน่าอึดอัดใจ "เอาล่ะ มันไม่ใช่ความผิดของเหล็กต้าฉีคนเดียวหรอก เรื่องเกิดขึ้นเนื่องจากเทียนฮงจากนิกายพฤกษาสวรรค์เดิมพันกับอัจฉริยะสามัญ เจ้าคิดว่าผลลัพธ์คืออะไร? "
"อะไรนะ?" หลงยู่ซื่อและเหล็กต้าฉีต่างคาดไม่ถึงในเวลานี้ขณะที่พวกเขาถามคำถามเดียวกันในเวลาเดียวกัน
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนไม่ได้กังวลเรื่องเดียวกัน พวกเขาระเบิดคำถามนี้ออกเพราะเหล็กต้าฉีให้ความสนใจกับเทียนฮง ส่วนหลงยู่ซื่อได้ยินชื่อที่ระคายหูของสาวกสามัญ
"เทียนฮงมีความมั่นใจในการเดิมพันกับอัจฉริยะสามัญ ใครก็ตามที่แพ้จะต้องกลายเป็นลูกสมุนไปตลอดชีวิต ในท้ายที่สุดเทียนฮงที่มั่นใจตัวเองแพ้ไป 3 ครั้งติดต่อกัน และแพ้จนไม่มีความหวังในการชนะ หึ หึ อัจฉริยะสามัญน่าทึ่งมาก ความสามารถของเทียนฮงในด้านโอสถวิญญาณติดหนึ่งในสามอันดับสูงสุดของนิกายพฤกษาสวรรค์ ใครจะคิดว่าเขาต้องแพ้อย่างราบคาบ"
เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าผู้ตรวจสอบเป็นคนที่ชอบเผยแพร่เรื่องซุบซิบ ใบหน้าของเขาเริ่มเคลื่อนไหวเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ทำให้ลืมไปอย่างสิ้นเชิงว่าอัจฉริยะสามัญมีเรื่องเคียดแค้นกันกับหัวหน้าชูหยู่จากพื้นที่ส่วนปฐพี
ศิษย์ที่ได้รับการยกย่องของหัวหน้าชูหยู่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา
"สาวกสามัญเอาชนะเทียนฮงรึ ?" เหล็กต้าฉีอึ้งจนเซถอยหลังไป 1 ก้าว "เทียนฮงอับจนขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เขาทำให้นิกายพฤกษาสวรรค์ของข้าต้องอับอายขายหน้า ! "
ช่วงเวลาที่ถูกตัดออกจากวิญญาณของเหล็กต้าฉีตอนนี้ทำให้เขาไม่สามารถบ่นได้ ราวกับว่าการบ่นเรื่องนี้จะช่วยให้เขาฟื้นความเชื่อมั่นและกู้หน้าตาให้กับตัวเองที่เพิ่งเสียหน้าไปก่อนหน้านี้
หลงยู่ซื่อมีสีหน้าเย็นชา นางกล่าวอย่างรังเกียจว่า "ความสามารถในด้านเต๋าเล็กน้อยแค่นี้มีค่าพอให้อวดด้วยรึ? หยาบคายและน่าสมเพชมาก"
หลังจากนั้นนางสะบัดแขนเสื้อและเดินจากไป
ผู้ตรวจสอบก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป เขาหัวเราะอย่างฉุนเฉียว "ดูข้าเองสิ,ปากไวพูดพล่ามไปเรื่อยจนลืมเรื่องบาดหมางระหว่างอัจฉริยะสามัญและหัวหน้าชูหยู่"
ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดมาก เหล็กต้าฉีไม่มีความรู้สึกดี ๆ ให้กับอัจฉริยะสามัญหรือเทียนฮง เขากล่าวอย่างฉุนเฉียว "ข้าขอเข้าร่วมการทดสอบ”
.........
เจี้ยงเฉินทำการทดสอบสามส่วนหลักและรวมทั้งหมดเขาทำได้ 15 ภารกิจในหนึ่งวัน ตอนนี้เขามี 75 คะแนน
เวลาของการทดสอบต่อไปกำลังใกล้เข้ามา เจี้ยงเฉินไม่ได้เดินตรงไปยังสนามการทดสอบใหม่ เขาเตรียมตัวกลับไปที่บ้านของเขา
ในแต่ละรอบมีเวลาถึง 3 เดือน เขายังมีเวลามากมาย
"ลูกพี่ ทำไมเราไม่ไปที่สนามการทดสอบความเข้าใจ? ถ้าเราไปตอนนี้เรายังพอมีเวลาที่จะปล้นคะแนน"
"ปล้นรึ?" เจี้ยงเฉินงง
เทียนฮงจัดผมสีแดงยุ่งของเขาและหัวเราะ "การทดสอบขั้นพื้นฐานมันไม่ได้ยากอะไรเลย สำหรับเรามันเป็นแค่การเพิ่มคะแนน ทุกคนจึงเรียกมันติดตลกว่าเป็นการปล้นคะแนน พูดจริง ๆ ก็คือมันเป็นของขวัญให้คนที่อยู่ในอันดับสูงสุด 20 อันดับแรก พวกเขาได้รับ 100 คะแนนทุกเดือนเสมอ
"ของขวัญ?" เจี้ยงเฉินรู้สึกประหลาดใจ "20 อันดับแรก?"
เทียนฮงพยักหน้ายืนยันคำพูด "ใช่ มันก็เหมือนของขวัญนั่นแหละ ข้ายังไม่เคยได้ยินใครที่มาถึงขั้นนี้หรอก นอกจากนี้การทดสอบ 20 ภารกิจของทั้งสี่แขนงจะเสร็จสิ้นภายในหนึ่งวันถึงหนึ่งวันครึ่ง ถ้ามีใครใช้เวลามากกว่าสองวันในการทำภารกิจนี้แม้ว่าจะได้รับคะแนนทั้งหมด 100 คะแนนแล้วก็ตาม พวกเขาจะไม่คิดว่าพวกเขาประสบความสำเร็จเพราะพวกเขาได้ล่าช้าในการได้รับคะแนนสูงสุด "
ในขั้นพื้นฐานมีคะแนนประกันไว้ 100 คะแนน
ขั้นสูงคือระดับชั้นที่แท้จริงระหว่างผู้เข้าแข่งขันในพื้นที่ส่วนนภาถูกแบ่งแยกไว้แล้ว
"ตอนนี้เจ้ามีคะแนนเท่าไหร่?" เจี้ยงเฉินถามจากความอยากรู้
เทียนฮงตอบเสียงดังว่า "ข้ามี 1,500 คะแนน คะแนนของข้าทิ้งห่างจากพวกอัจฉริยะชั้นแนวหน้ามาก"
"แล้วคะแนนสูงสุดล่ะ?" เจี้ยงเฉินอยากรู้มานานแต่เขาไม่พบคนที่เหมาะสมที่จะถาม ใครจะคิดว่าเขาจะมีผู้ติดตามในวันนี้และจะเป็นคนที่ติดตามเขาไปชั่วชีวิต !
"คะแนนของผู้เข้าแข่งขันระดับสูงแตกต่างกันไม่มากนัก แน่นอนว่าต้องมากกว่า 2,000 คะแนน ข้าก็สงสัยว่าพวกเขามีถึง 2,500 คะแนน หรืออาจ จะมีคะแนนแค่ คะแนน " เทียนฮงส่ายหน้าและถอนหายใจ "คนเหล่านี้สนุกกับทรัพยากรในนิกายมากที่สุด ข้า เทียนฮง ติดอยู่ในระดับหนึ่งในสามสาวกที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกาย เมื่อเทียบกับพวกเขา ตำแหน่งของข้าในนิกายค่อนข้างอึดอัด ราวกับว่าไม่มีผู้อาวุโสคนไหนชอบหน้าข้า"
นิกายพฤกษาสวรรค์แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย เป็นการต่อสู้ที่แจ่มแจ้งและบางครั้งก็มีแผนการลับระหว่างตระกูลซี่กับตระกูลเหล็ก
เทียนฮงเป็นอัจฉริยะที่มีแซ่ของคนนอกและไม่มีผู้สนับสนุนที่มีอำนาจในนิกาย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับผลประโยชน์มากมายในแง่ของทรัพยากรนิกาย
นอกจากนี้บุคลิกภาพของเขาที่ดูป่าเถื่อนและดุเดือดเลือดพล่าน เขาไม่ได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของตระกูลซี่หรือตระกูลเหล็ก
เป็นเพราะเขาไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทรัพยากรที่เขาได้รับจึงมีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับอัจฉริยะของตระกูลทั้งสอง
แม้กระนั้นก็ตามเขาก็ไม่ได้รู้สึกหดหู่ใจ เขาพยายามฝึกฝนอย่างเคร่งครัดและเรียนรู้มากขึ้น
ด้วยเหตุนี้เองความหวังที่ฝังลึกในกระดูกที่จะชนะและบุคลิกที่ดุเดือดของเขาได้หลอมจิตวิญญาณของเขาให้ไม่เคยยอมแพ้ ความแข็งแกร่งของหัวใจที่จะไม่ลังเลแม้ว่าเทือกเขาจะพังทลายลงตรงหน้าเขา มันทำให้เขาแข็งแกร่งมากกว่าสาวกคนอื่นของนิกายพฤกษาสวรรค์
เจี้ยงเฉินรู้สึกหวาดหวั่นมากเมื่อรู้ถึงคะแนนของเหล่าอัจฉริยะของนิกาย
ใครจะคิดว่าตัวเลขที่สูงที่สุดจะเกิน 2,000 ดูเหมือนว่าเขาจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อชดเชยการมาถึงที่ล่าช้า