spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 245: ผู้อาวุโสจากตระกูลจาง
ตกเย็น ยานได้โผล่มาด้านบนลานของเมืองแบล็คฮ็อต มันได้มาถึงอย่างรวดเร็วราวกับอยู่ๆนั้นโผล่ขึ้นมากลางอากาศ ก่อนที่คนส่วนมากในเมืองแบล็คฮ็อตจะรู้ตัว มันก็ได้โผล่ขึ้นมาแล้ว
สำหรับคนส่วนมากในเมือง ยานนี้มันหายากอย่างมาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนที่คนที่มีสายตาเฉียบคมนั้นจะเห็นการปรากฏตัวของยาน หลายคนก็เงยหน้าขึ้นมาและมองไปยังยานที่ร่อนสูงกว่า 200 ม.จากพื้น
ไม่มีใครเคยเห็นยานมาก่อน ยานรูปร่างแบนราบ,เรียบและมีปีกสองอันเหมือนกับ ปีกนก มันส่องแสงสีเงินออกมา เมื่อดูจากพื้นไปแล้วมันเหมือนปลาสีเงินที่ลอยอยู่บนฟ้า
เพราะมันไม่ได้อยู่สูงเกินไป ผู้คนที่พื้นจึงเห็นมันได้อย่างชัดเจนถึงหางและปีกสองข้างของมัน
พูดโดยทั่วไปแล้ว นี่ถือว่าเป็นยานที่สวยและดูแข็งแกร่ง ในตอนที่ผู้คนเห็นมัน พวกเขารู้ทันทีว่านี่ต้องเป็นยานระดับสูงแน่ๆ
การมาถึงของยายนี้ทำให้ช่างภาพที่ซึ่งขายของอยู่ที่ลานนั้นตื่นเต้น พวกเขาหามุมเพื่อที่จะสวางกล้องของตัวเองเพื่อให้ได้มุมของยานที่สวยที่สุด แน่นอนว่ามีผู้คนมากมายที่ต้องการที่จะถ่ายรูปมันเอาไว้
ยานนี้ยังคงร่อนอยู่เหนือพื้น ไม่มีใครรู้ว่ามันกำลังจะทำอะไร หลายคนในเมืองนั้นต่างก็รอดูว่ามันมาจากอาณาจักรนอแมนรึเปล่า มันต้องมีคนที่มีอำนาจใหญ่โตอยู่ข้างในนั้นแน่
ยานนั้นยังคงไม่ทำอะไรกว่าสิบนาที จนกระทั่งทหารและรถจำนวนมากของอาณาจักรนอแมนได้มาถึงราวกับมาเผชิญหน้ากับศัตรู เจ้าหน้าที่ของอาณาจักรนอแมนสั่งการให้ทหารเคลื่อนย้ายคนออกจากลาน ตอนนั้นเองผู้คนก็เริ่มรู้ว่ามันไม่ปกติและรีบออกไปทันที
เมื่อมองไปที่ยานลำนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของทีม 39 เหงื่อผุดออกมาเต็มหน้าผาก ยานลำนี้เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว ในตอนที่หน่วยป้องกันทางอากาศรู้ว่ามันบินอยู่ในอาณาเขตเมืองแบล็คฮ็อตโดยไม่มีสัญลักษณ์ของอาณาจักรนอแมนและรูปแบบต่างๆดูไม่ข้ากับอาณาจักรตัวเอง หน่วยป้องกันจึงรีบส่งคนเพื่อไปเตือนทหารที่อยู่ที่นี่
เพราะอาวุธป้องกันบนกำแพงเมืองได้เปิดทำงานแล้ว หลังจากที่ได้รับคำเตือน ทหารที่จะประจำการรนั้นต่างก็ไปจัดการเครื่องต้มหลักและเตรียมตัวใช้อาวุธ ระหว่างนั้นเองทหารหลายคนของทีม 39 ปฏิบัติงานได้อย่างสมบูรณ์แบบแต่ยานลำนี้บินผ่านไปอย่างรวดเร็วก่อนที่อาวุธป้องกันนั้นจะพร้อม มันได้พุ่งเข้าไปที่อาณาเขตระดับ 1 ภายในกำแพงเมืองแล้ว
เพราะยานลำนี้ไม่ได้มาจากอาณาจักรนอแมน ถ้าเจ้าหน้าที่ป้องกันทางอากาศไม่มั่นใจว่าไม่มียานลำนี้ในราชวงศ์อาทิตย์ พวกเขาคงสั่งโจมตีออกไปนานแล้ว
แต่เจ้าหน้าที่ป้องกันนั้นกลับยังมีเหงื่อผุดออกมาเต็มไปทั่วตัว
“ ท่านครับ รถส่งข้อความของหน่วยป้องกันทางอากาศเตรียมพร้อมแล้ว ! “
“ ติดต่อไปยังผู้คนที่อยู่บนยานโดยใช้รหัสธรรมดา ถามฐานะของพวกนั้นและจุดประสงค์ของการมาที่นี่ ! “ – เจ้าหน้าที่สั่งการออกมา
...
บนพื้นที่ลาน รถสื่อสารได้พร้อมแล้ว บนรถนั้นมีกลุ่มคนที่ใส่อุปกรณ์สำหรับการสื่อสารโดยเฉพาะ หลังจากได้รับคำสั่ง ทหารก็รีบถอดอุปกรณ์ออกและได้ส่งข้อความแบบเดียวกันไปยังยานลำนั้น
ไม่นานยานก็ได้ตอบกลับมาและได้ส่งสัญญาณแสงมาให้พวกที่อยู่พื้นดิน
เมื่อเห็นยานลำนั้นติดต่อกลับมา เจ้าหน้าที่ก็เริ่มจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
...
มันผ่านไปไม่กี่นานที ผู้การลิปนิซ ที่ซึ่งได้รับข่าวก็ได้มาถึงลานนั้น ผู้คนบนยานต้องการที่จะคุยกับเขาโดยตรงและผู้การนั้นไม่เห็นว่ามันเหมาะสมเลยสักนิด เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ใครก็ตามที่สามารถมียานแบบนี้ได้นั้นไม่ต้องเดาเลยว่าต้องเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่ซึ่งมีสถานะและภูมิหลังที่สูงส่ง อย่างน้อยผู้การก็ไม่มีสิทธิมียานแบบนั้นได้
ในตอนที่เขามาถึงลาน ผู้การได้เงยหน้าขึ้นไปมองยานนั้น เขายืนยันอีกรอบว่าไม่มียานลำไหนของอาณาจักรนอแมนที่เทียบกับยานลำนี้ได้ ในอาณาจักรนอแมน มีแค่ยานส่วนตัวของ มาแชลหลินชางเจี้ยง ซึ่งได้รับการปรับแต่งจากทางตะวันออกที่เทียบเคียงกับยานลำนี้ได้
ผู้การลิปนิซ สงสัยว่าทำไมบุคคลที่มีอำนาจข้างใหนถึงสนใจเมืองเล็กๆแบบนี้
หลังจากที่ได้รับข่าวว่าผู้การใหญ่ของเมืองได้มาถึงแล้ว คนด้านในนั้นก็เริ่มที่จะออกมา
ใช่ ออกมา พวกเขากระโดดออกมาโดยสูงกว่าพื้น 100 ม.
ในตอนที่ทหารและเจ้าหน้าที่เห็นจุดดำๆกระโดดออกมาจากยานในรูปขบวนบางอย่าง ทุกคนก็อึ้งพร้อมกับอ้าปากกว้าง จุดดำนั่นที่โดดออกมาจากยานนั้นคือคน
คนพวกนั้นโดดออกมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับโดดลงน้ำ พวกเขาย่นระยะทางระหว่างตัวเองกับพื้นและห่างจากพื้นไม่ถึง 50 ม.ได้ในพริบตา
ในตอนที่ทุกคนที่พื้นคิดว่าคนบ้าพวกนี้น่ะต้องกลายเป็นเศษเนื้อ ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าท้องฟ้านั้นมืดลงไปสักพัก ในตอนนั้นเองคนพวกนี้ก็ได้เปิดเครื่องในมือซึ่งคอยหมุนวนไปเรื่อย ผลก็คือพวกนั้นเริ่มร่อนช้าลง ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็เก็บร่มชูชีพตัวเองก่อนที่จะตกลงมาที่พื้นราวกับอุกกาบาตที่ตกลงมาจากฟ้า
ตูม !
ทหารทุกคนที่ยืนอยู่บนลานนั้นรู้สึกได้ว่าพื้นมันสั่นสะเทือนเล็กน้อย ในเสี้ยวพริบตาอิฐหลายก้อนบนพื้นได้ร้าวออกแผ่ออกไปทั่วทั้งลาน
ตอนนั้นเองทหารจีนที่มีผมและตาสีดำต่างก็ยืนตรงอย่างกับหอกเผยรังสีต้องการฆ่าออกมา
เมื่อเห็นคนเหล่านั้นตกลงมาจากฟ้าโดยสูงจากพื้นไปหลายร้อยเมตรในเสี้ยวพริบตา ทุกคนต่างก็กลืนน้ำลายรวมไปถึงผู้การด้วย คนพวกนี้น่ะแข็.แกร่ง แข็งแกร่งอย่างมากซึ่งไม่มีทางเทียบเท่าได้กับคนในทีม 39 ได้เลย
เจ้าหน้าที่ป้องกันทางอากาศหน้าซีดและได้มองทหารที่น่ากลัวเหล่านั้นพุ่งลงมาที่พื้นด้วยความเร็วสูงและเขาก็รู้ทันทีว่าของในมือที่พวกนั้นใช้ตะกี้คือเครื่องร่อนที่สามารถพับเก็บได้ สิ่งที่ทหารอากาศของอาณาจักรนอแมนระดับสูงใช้คือเครื่องร่อนที่ดีกว่าร่มชูชีพธรรมดา นี่น่ะไม่ได้น่าแปลกใจแต่สิ่งที่ทำให้หน้าของเขาซีดลงไปเพราะความเร็วต่างหากซึ่งพวกนี้ได้ตกลงมาไวกว่ามาก
นั่นหมายความว่าถ้าหน่วยของเขาต้องป้องกันที่นี่ ก่อนที่อาวุธจะถูกสั่งให้โจมตี คนพวกนี้จะมาถึงพื้นแล้ว ต่อหน้าคนพวกนี้ หน่วยป้องกันทางอากาศนั้นจะไร้ประโยชน์ บอกได้เลยว่าทหารอาจจะต้องเจอกับการฆ่าล้างโคตรเลยก็ได้
‘ พวกนี้เป็นใคร ? อาณาจักรนอแมนไม่มีทหารระดับสูงแบบนี้ ! ‘ เจ้าหน้าที่คนเดิมถามกับตัวเอง
ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ของป้องกันทางอากาศ แม้แต่ทหารทุกคนและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆก็มีคำถามเดียวกัน ทุกคนต่างก็ช็อกกับการปรากฏตัวของพวกนี้นในเสี้ยวพริบตา พวกเขารู้ทันทีว่าพวกเขาเทียบกับคนพวกนี้ไม่ได้
แม้ว่าทหารที่โดดลงมานี้จะทำให้ทุกคนช็อกแต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมานั้นก็เกือบทำให้ทุกคนตาหลุดออกจากเบ้า
ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้มีอีกคนโดดออกมาจากยาน เขาเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วราวกับธนูที่ถูกยิงลงมาจากยาน ในเสี้ยวพริบตา เขาก็ได้เข้ามาถึงพื้น เทียบกับทหารก่อนหน้านี้ที่ใช้เครื่องร่อน คนๆนี้ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ใดๆเลย ในตอนที่เขาเกือบถึงพื้น เขาก็แค่หยุดนิ่งเหมือนขนนกที่มีน้ำหนักเบาก่อนที่จะแตะถึงพื้นเบาๆเหมือนกับเดินลงบันไดขั้นสุดท้ายไม่มีแม้แต่ฝุ่นกระจายออกมา
ทหารและเจ้าหน้าที่หลายคนของอาณาจักรนอแมนด้านล่างเอามือถูตาตัวเอง พวกเขาไม่เชื่อสายตาตัวเอง ในบรรดาพวกเขาแล้วมีแค่หัวใจของเจ้าหน้าที่บางคนรวมไปถึงผู้การที่คอยเต้นอย่างรุนแรงเพราะพวกเขารู้ว่าคนสุดท้ายนี้น่ะมีความสามารถขนาดไหน --- เขาคืออัศวิน, อัศวินตัวจริง มีแค่คนที่อยู่ระดับ 15 ขึ้นไปที่สามารถแสดงเรื่องแบบนี้ออกมาได้
ในยุคนี้พวกคนที่มีพรสวรรค์ที่ก้าวขึ้นไประดับอัศวินได้นั้นคือกระดูกสันหลังตัวจริงของมนุษย์บนทวีปแห่งนี้
ในอาณาจักรนอแมน อัศวินเพียงคนเดียวนี่หมายถึงทั้งกองทัพหนึ่ง กองทัพทั้งหลายในอาณาจักรนอแมนต่างก็มีอัศวินเป็นจุดศูนย์กลาง อัศวินคนไหนก็มีสิทธิที่จะเป็นผู้นำได้ หัวหน้ากองทัพของกองทัพเขาเหล็กก็เป็นอัศวินที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรนอแมน – อัศวินดำลอร์ดคอร์ดวิซ กองทัพเขาเหล็กนั้นมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง
ในบรรดาทุกประเทศและพวกมีอำนาจในสมาคมแบล็คซอน ปริมาณของอัศวินน่ะถือว่าเป็นส่วนโดยตรงกับความแข็งแกร่งของประเทศ
ดังนั้นไม่ต้องเดาเลยว่าคนสุดท้ายที่โดดลงมานี้น่ะเทียบเท่าได้กับ ลอร์ดคอร์ดวิซ แน่นอนว่าผู้การลิปนิซ น่ะไม่กล้าที่จะมองข้ามอีกฝ่ายแน่
เมื่อเห็นคนๆนั้นสนใจเขา ผู้การลิปนิซ ก็ได้เดินตรงเข้าไปหาด้วยท่าทีที่กล้าหาญก่อนจะทำความเคารพ
“ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดในเมือง ผู้การลิปนิซ ครับ ยานของคุณได้เข้ามายังอาณาเขตระดับ 4 ของเมืองนี้ คุณช่วยบออกจุดประสงค์ในการมาหน่อยได้มั้ย ?”
เพราะฝ่ายตรงข้ามเป็นคนจีน ผู้การจึงพูดภาษาจีนออกไป ในอาณาจักรนอแมน ภาษาจีนนี้ถือว่าเป็นภาษาที่ทุกคนต้องเรียนรู้ในชั้นเรียนสูงๆ มันยังเป็นภาษามาตรฐานในทุกชั้นเรียนระดับสงด้วย ภาษาจีนคือสัญลักษณ์ของความมีเกียรติ ถ้า จางเทีย ได้ยินผู้การพูดภาษาจีนได้คล่องแบบนี้ เขาคงต้องอึ้งอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดของ ลิปนิซ ชายแก่ที่ลงมาจากยานก็พยักหน้าให้แล้วโบกมือให้ทหารอีกคนด้านข้างให้ส่งเอกสารให้กับ ลิปนิซ
ในตอนที่ผู้การเห็นรูปมังกรแดงของอาณาจักรนอแมน เขาก็ใจชื้นขึ้นมาและค่อยๆรับเอกสารไปดูข้างใน มีเอกสารยืนยันจากอาณาจักรนอแมนโดยเซ็นไว้โดยกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยกองทัพของอาณาจักรนอแมน ดูจากของพวกนี้แล้วยานลำนี้มาจากจินหยวนซึ่งสามารถเข้ามาในอาณาเขตระดับ 1 ของเมืองใดก็ได้ในอาณาจักรนอแมน
อีกอย่างไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร พวกเขาจะกลับไปได้โดยสิ่งที่เกิดขึ้นมาจะอยู่ในความลับผิดชอบของกระทรวงการต่างประเทศและแผนกกองทัพ ในตอนที่จำเป็นเมื่อเห็นเอกสารเหล่านี้แล้ว เจ้าหน้าที่และกองทัพที่ประจำการอยู่ที่ใดๆต้องให้ความร่วมมือกับคนพวกนี้
แน่นอนว่าผู้การรู้ความจริงจากเอกสารเหล่านี้แต่เนื้อหานั้นทำให้เขาสับสนเล็กน้อย – อะไรทำให้คนระดับอัศวินจากจินหยวนต้องมาที่นี่พร้อมกับเอกสารพวกนี้ ? มันคุ้มค่ารึไงที่ต้องเดินทางมาไกลแบบนี้ ?
...
แน่นอนยานที่ร่อนอยู่ด้านบนน่ะสะดุดตาอย่างมาก ไม่ใช่แค่คนในลานที่เห็นมัน จริงๆแล้วถ้าเงยหน้าเกือบทุกคนในเองก็เห็นยานลำนี้ได้
เพราะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการ พ่อของ จางเทีย ที่เดินกลับบ้านหลังจากเลิกงานนั้นก็เห็นว่าคนข้างๆเขากำลังชี้ไปที่ท้องฟ้า เขาเงยหน้าขึ้นไปดู ในตอนที่เขาเห็นมัน เขาก็อึ้งและปากสั่นเล็กน้อย เขารีบกลับบ้านพร้อมกับหน้าที่ซีดขาว
บ้านของ จางเทีย ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราพ่อแม่ได้ดูแลพี่สะใภ้ที่กำลังตั้งท้องและเกือบจะคลอด ร้านเบียร์จึงไม่ได้เปิดมานานแล้ว แต่ละวันแม่จะใช้เวลาส่วนมากในการดูแลลูกสะใภ้ หลายวันที่ผ่านมาครัวนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารและซุปต่างๆ ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมานั้นน้ำลายไหล เพราะเรื่องนี้ทำให้ความสัมพันธ์จากการแต่งงานนั้นน่าพอใจอย่างมาก
ในตอนที่พ่อกลับมาบ้าน เขาก็พบว่าเมียตัวเองกำลังเคี่ยวซุปอยู่ในครัวแต่ดูไม่ได้มีแรงเหมือนแต่ก่อน ในตอนที่เธอเห็นเขา เธอก็กัดปากตัวเองและอยากพูดอะไรบางอย่าง
“ ฉันรู้ ฉันเห็นมันตอนจะกลับ ยานสีเงินของปราสาทไฮหยวนที่มาจากตระกูลจาง ...”
“ พวกเขามาที่นี่เพราะเรื่องอื่นรึเปล่า ? “ – แม่ถามอย่างคาดหวัง
“ มันมีสัญลักษณ์ของพาวินเลียนจากปราสาทไฮหยวน ฉันมั่นใจ ! “ – พ่อยิ้มออกมาอย่างขมขื่น – “ ครั้งนี้มันต้องเป็นพวกในพี่น้องในพาวินเลียนที่มาที่นี่เพราะเรื่องของเรา ถ้าไม่งั้น พวกนั้นคงไม่มาเมืองเล็กๆแบบนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่ก็ตาม ! “
“ เรามาอยู่ที่นี่หลายสิบปีแล้ว พวกนั้นหาเราเจอได้ยังไง ? “
“ ตอนนั้นฉันก็แค่ตัวตนเล็กๆของปราสาทไฮหยวน ฉันทำท่าตายเพื่อที่จะหนีออกมา หลายสิบปีผ่านไปด้วยอยู่กับเธอด้วยความปลอดภัย ศพปลอมนั่นต้องเน่าและถูกคนอื่นพบเมื่อไม่นานมานี้ ฉันเดาว่านั้นต้องเป็น กูกู เขาน่ะต้องปลุกสายเลือดบรรพบุรุษและเปิดร่องรอยตัวเอง .. “ - พ่อยิ้มอกมา – “ ฉันไม่คิดว่าแม้ว่าฉันจะเป็นได้แค่คนธรรมดามาทั้งชีวิตแต่ด้วยการแต่งานกับคนดีๆ ฉันมีลูกชายที่ปลุกสายเลือดขึ้นมาได้ ฉันไม่ใช่คนที่น่าสงสารอีกต่อไป.. “
แม่เอื้อมมือออกมาแล้วจับมือของพ่อไว้ น้ำตาได้ไหลอาบมาที่แก้มของเธอพร้อมกับที่เขาได้ปรอบใจเธอด้วยการลูปมือ
“ ไม่ต้องกังวล ฉันแค่ทำท่าตายและหนีมากับเธอ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิ่งเลวร้ายสามารถเกิดขึ้นได้นั้นคือฉันถูกบันทึกลงไปใน ‘ บันทึกความผิด ‘ และโดนลงโทษโดยให้ทำงานหนักไม่กี่ปีในปราสาทไฮหยวน ด้วยการที่ไม่กี่ที่ผ่านมานี้มันเริ่มมีการลดโทษและสงบสุขน้อยลง บางทีด้วยการที่ปราสาทไฮหยวนเข้าข้างฉัน มันอาจเป็นเรื่องดีกับฉันก็ได้ ! “
“ มันเป็นความผิดของฉัน คุณน่ะ... “ -- แม่น้ำตาไหลออกมาอย่างกับสายฝน
“ ฉันคงไม่มีสิทธิเป็นผู้ชายถ้าฉันน่ะไม่กล้าหาญพอที่จะหนีมากับเธอ เทียบกับเธอแล้ว มรดกที่แท้จริงน่ะไม่มีค่าอะไรเลย... “
ตอนนั้นพ่อเริ่มดูสมชายขึ้นมาอย่างมาก
...
ตอนมื้อเย็น จางหยาง ได้กลับมาบ้านหลังจากทำงานเสร็จ พ่อได้ดึงเขาเข้าไปในห้อง 10 นาทีต่อมา เขาก็ออกมาพร้อมกับสีหน้าช็อก เขามองไปที่แม่และพ่อและทำท่าราวกับเห็นภูติ ชีวิตรักในตำนานนั้นอยู่ข้างตัวเขาเสมอมา มันเป็นเรื่องในนิทานแท้ๆ...
หลังจากมื้อเย็น ครอบครัวจางได้พอรวบรวมสติได้ ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาในตอนที่มืดสนิทก็ได้มีเสียงหมาเห่าเต็มไปทั่วถนน ทันใดนั้นมันก็ได้หยุดลงด้วยเสียงเท้าอันหนักหน่วง
เมื่อได้ยินเสียงเท้านอกประตูบ้าน พ่อ,แม่, จางหยางและพี่สะใภ้ต่างก็กลั้นลมหายใจ
ประตูบ้านเปิดออกเองและได้มีคนหนึ่งยืนกอดอกค่อยๆเดินเข้ามาในห้อง
ในตอนที่เขาเห็นอีกฝ่าย พ่อก็ตัวสั่นและรีบดึงภรรยาให้คุกเข่าลงไป เมื่อเห็นพ่อแม่ตัวเองคุกเข่า จางหยาง ก็ได้รีบคุกเข่าพร้อมกับภรรยา
“ จางปิง ลูกหลานที่ไม่คู่ควรของปราสาทไฮหยวนของตระกูลจาง ยินดีต้อนรับลุงหก .. “
คนๆนั้นคือคนสุดท้ายที่โดดลงมาจากยาน เขาไม่ได้แสดงสีหน้ารึพูดอะไรออกมา หลังจากที่มองไปที่ทุกคนแล้ว เขาก็มองไปที่ร้านเบียร์ข้าว, ครัวและในที่สุดก็ห้องนั่งเล่น ในตอนที่ขาเห็นโต๊ะที่ถูกวางไว้ตรงใจกลางห้อง สีหน้าเขาก็ขมขื่นลงเล็กน้อย
ผู้อาวุโสคนนั้นฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา หลังจากมองไปที่คนที่คุกเข่า เขาก็ชี้ไปที่พี่สะใภ้ – “ เพราะเธอแต่งงานกับคนในตระกูลจางและมีคนที่มีสายเลือดของตระกูลจางอยู่ในท้อง เธอไม่ต้องทำเรื่องนี้ ยืนขึ้น ! “
“ จางปิง นายรู้ความผิดของตัวเองมั้ย ? “
เสียงของผู้อาวุโสนั้นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที...
ตอนนั้นในตอนที่ตกเย็นและได้มีกลุ่มหนึ่งลงมาจากยานแล้วได้มาที่บ้าน จางเทีย ทุกคนในเมืองบาปีนั้นต่างก็เตรียมตัวขั้นตอนสุดท้ายสำหรับงานเบียร์ในวันพรุ่งนี้ เชฟวี่นั้นมีบรรยากาศสนุกสนานกับการมาถึงของงานเทศกาล
ในฐานะที่เป็นตัวแทนสาวๆในการเดินทางไปในเมืองพรุ่งนี้ แฮนนา เลยอยู่กับเพื่อนสาวในหมู่บ้านเกือบทั้งวัน พวกเขาต่างก็ตกแต่งรถ,เตรียมเสื้อผ้า,แต่งผม แน่นอว่าพวกเขาได้เอาเบียร์ขนขึ้นไปในรถใตอนเย็นเพื่อขายในบาปีในวันพรุ่งนี้ด้วย
จากเด็กสาวที่ยังไม่แต่งงานในบาปี เบียร์ของเด็กสาวคนไหนที่อร่อยที่สุดในการแข่งในวันพรุ่งนี้ เธอจะได้รับฉายาว่าราชินี้เบียร์ สำหรับเด็กสาวคนไหนในบาปีนั้นรับคำชมมากที่สุด มันจะหมายถึงพวกเธอได้กลายเป็นผู้นำทหารทันที
มันเคยมีราชินีเบียร์จากเชฟวี่มาก่อนแต่มันก็ 30 ปีก่อนแล้ว แต่ชาวบ้านก็มักที่จะพูดถึงมันบ่อยๆ เชฟวี่น่ะคือดินแดนล้ำค่าซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีราชินีเบียร์ ! อีกอย่างเกียรตินี้น่ะไม่ได้ให้รางวัลกันทุกปี มีแค่เด็กสาวที่สามาถหมักเบียร์ได้อร่อยๆจริงๆที่จะได้รับคำชมจากทุกคนนั้นถึงได้มีโอกาสได้รับเกียรตินี้ ในสี่ปีสุดท้ายนี้ไม่เคยมีใครได้รับฉายานี้มาก่อน
แม้แต่ แฮนนา ก็อยากจะเป็นราชินีเบียร์เหมือนสาวๆคนอื่นในบาปี เธอรู้ว่ามันเกือบจะเป็นไปไม่ได้ เธอน่ะได้เรียนรู้วิธีทำเบียร์จากพี่สะใภ้และแม่ ไม่ใช่ว่ามันไม่มีค่าพอแต่มันก็พอกินได้ในระดับเฉลี่ยของหมู่บ้าน มันยากที่จะทำให้ฝีมือของเธอเหนือว่าสาวๆคนอื่น แม้ว่าคอรบครัวเธอก็ไม่คิดว่าเธอจะชนะตำแหน่งนี้ได้
แต่มันไม่สำคัญ ความสุขอาจเกิดขึ้นได้ในงานนี้ก็ได้
ครอบครัวของ แฮนนา คิดแบบนี้และช่วยเธอเทเบียร์จากถังไม้ลงในเหยือก...
แต่ในตอนที่เปิดถังออกมา ฮาเร่ เป็นคนแรกที่ได้กลิ่นหอมซึ่งแตกต่างกับแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง ในตอนที่เขาได้กลิ่นมัน ฮาเร่ ก็ได้อุทานออกมาดังๆ