spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
Chapter 222: ค่าของความรู้
สิ่งพิมพ์ส่วนมากก่อนภัยพิบัตินั้นง่ายที่จะบ่งบอกถึงลักษณะ ทักษะการพิมพ์ของคนก่อนภัยพิบัตินั้นไม่ได้ก้าวข้ามคนในทุกวันนี้เลยสักนิด หนังสือหลายเล่มในยุคนั้นมีภาพที่สวยงาม เมื่อเห็นไปผู้คนจะรู้ว่าหนังสือเป็นของยุคไหน ที่น่ากังวลคือหนังสือลูกคิดที่พิมพ์มาคร่าวๆซึ่ง จางเทีย ได้มาจากร้านข้างทาง มันมีแค่ไม่กี่หน้าและมีรูปนอกจากภาพลูกคิดที่หน้าปก จางเทีย มั่นใจว่าตัวเองโชคดีที่ได้เป็นเจ้าของมัน
ค่าใช้จ่ายกับการมาอ่านหนังสือชั้นสี่นี้เท่ากับการเช่าห้องลับ ในตอนที่อ่านหนังสือที่ชั้นสี่ คนเราควรสวมถุงมือขาว ในแต่ละห้องอ่านหนังสือนั้นจะมีบริการที่ซึ่งยืนคอยอยู่ข้างๆเผื่อว่าคุณพยายามคัดลอกรึทำความเสียหายหนังสือพวกนั้นเพราะมันถือว่าเป็นของมีค่าอย่างมาก แน่นอนว่าคุณสามารถขอให้บริกรเอาหนังสือที่คุณต้องการมาให้อ่านได้
ในฐานะลูกค้าชั้นดีที่ซึ่งจ่ายเงินไป 2 ทองให้ห้องสมุดในทีเดียว จางเทีย เองก็ยังมีอาหารให้สองมื้อ มื้อเที่ยงและเย็น ถ้าเขาเหนื่อย เขาสามารถพักผ่อนในห้องอ่านหนังสือได้ คุณสามารถงีบได้ที่โซฟา บริการนั้นจะเตรียมผ้าห่มขนแกะให้
แต่ไม่มีใครอยากจะนอนที่นี่หรอกเพราะราคามันถึง 2 ทองซึ่งคงมีแค่ทางเลือกเดียวคือต้องใช้เวลาอ่านหนังสือ อย่างน้อย จางเทีย ก็จะรู้สึกผิดถ้าเขาทำแบบนั้น นอกจากกินมื้อเที่ยงและไปห้องน้ำแล้ว เขาน่ะจมอยู่กับการอ่านทั้งวัน เขากัดฟันแน่นต้องการให้มันคุ้มค่าเงินที่เสียไปให้มากที่สุด
ด้วยพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นมา จางเทีย พบว่าเขาสามารถอ่านได้เร็วกว่าเดิมมากกว่าแต่ก่อน อีกอย่างแล้วความจำของเขาก็น่ากลัวขึ้นมาอย่างมาก เขาเปิดข้ามๆไปเรื่อยๆ เขาสามารถอ่านสิบบรรทัดแค่เพียงการมองครั้งเดียวและมันก็ใช้เวลาไม่กี่สิบวินาทีในการอ่านหนึ่งหน้า
แม้ว่าจะมีความเร็วแบบบนั้นแต่ จางเทีย ก็พบว่าเขายังสามารถจดจำเนื้อหาในหน้านั้นๆได้ ครั้งนี้เขาพบวิธีใช้งานพลังวิญญาณของเขานอกจากจำขนาดของสาวๆในกลุ่มกุหลาบแล้ว
ความจริงคือเงินสองทองที่เสียไปน่ะคุ้มค่าอย่างมาก ในเวลากว่า 10 ชม. เขาได้ความรู้และข้อมูลมากมายจากหนังสือเหล่านั้น
จากหนังสือ ‘ รหัสเทพ ‘ ที่เขียนโดยนักพันธุศาสตร์ก่อนเกิดภัยพิบัติ จางเทีย ได้เรียนรู้ถึง DNA ของมนุษย์และความต่างของ DNA ของมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตอื่น อีกอย่างแล้วเขาได้เข้าใจถึงเศษยีนส์ที่ไม่ทำงานซึ่งมีมากกว่า 98% ช่วงก่อนภัยพิบัตินานมาแล้ว เพราะไม่มีการค้นพบการทำงานของเศษยีนส์พวกนี้ พวกเขาจึงถือว่ามันเป็นยีนส์ที่ไร้ประโยชน์แต่ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้เชื่อมั่นว่าผู้สร้างคงไม่ใส่สิ่งไร้ประโยชน์มากมายแบบนี้มาโดยไม่มีเหตุผล
ในฐานะนักพันธุศาสตร์แล้วหลังจากค้นคว้าหลายสิบปี ผู้แต่งได้พบว่ายีนส์พวกนั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์ กลับกันมันมีโครงสร้างที่ประหลาดเกินไป พวกมันยังไม่ได้ทำงาน หลังจากที่ค้นคว้าต่ออีกหลายปี ผู้แต่งได้ค้นพบว่าในบรรดาเศษยีนส์ที่ไม่ทำงานเรานั้นมีรหัสแลกๆที่สามารถทำให้มนุษย์นั้นมีเอาตัวรอดได้พิเศษกว่าและในสภาพแวดล้อมที่สุดขั้วกว่านี้ได้....
สุดท้ายแล้วผู้แต่งได้บอกสมมติฐานว่าถ้าเศษยีนส์พวกนั้นได้ทำงาน โครงสร้าง DNA ของมนุษย์นั้นจะเปลี่ยนจาก 2 แถวกลายเป็น 12 แถว บางทีอาจ DNA ของเทพเองก็เป็น 12 แถวด้วย
ทำไมไม่เป็น 11 รึ 13 หรืออื่นๆแทน ? เพราะทุกอย่างน่ะประกอบด้วยพลังงานที่มีความถี่ต่างกัน ทั้งจักรวาลนั้นกว้างใหญ่สามารถสร้างคลื่นความถี่ที่ต่างกันออกไป ความถี่และเสียงที่สร้างขึ้นมาโดยตัวสร้างนั่นไม่สามารถที่จะอยู่ในสาภวะสมดุลได้ถ้าไม่พัฒนาให้กลายเป็นเสียงทั้ง 12 ตามทฤษฎีของดนตรี ดังนั้นตามที่ผู้แต่งได้คาดการณ์เอาไว้ DNA 12 แถวนี้คือแก่นของจักรวาล นี่คือโครงสร้างที่สามารถทำตามความคิดของคนเราที่ไหนก็ได้ในจักรวาลนี้
หลังจากที่อ่านหนังสือนี้จบ จางเทีย ก็นึกถึงคำอธิบายของร่างกายมนุษย์ที่เขาได้อ่านมาใน Castle of Black Iron เมื่อคืนนี้ – ร่างกายของคุณประกอบด้วยทุกอย่างเหมือนกับเทพ – จางเทีย รู้สึกว่าพอเข้าใจมันได้บ้างแล้ว แม้ว่า DNA 12 แถวจะเป็นแค่การคาดการณ์ของผู้แต่งแต่มันก็เปิดมุมมองของเขาให้กว้างกว่าเดิม เขาเห็นบางอย่างน่าตื่นเต้นจากหนังสือเล่มนี้
เมื่อถึงตอนนั้น จางเทีย รู้สึกว่าเงินที่เสียไปน่ะคุ้มค่าอย่างมาก
ในหนังสือ ‘ ความลึกลับของตะวันออก ‘ จางเทีย ได้พบกับความแปลกใจมากกว่าเดิม ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้บอกว่าในทางตะวันออก ตั้งแต่โบราณนั้นพระและผู้เชี่ยวชาญจากสำนักลึกลับได้พาผู้ศรัทธาของตนไปปลดปล่อยสัตว์ต่างๆเพื่อรักษาโรคร้ายต่างๆ มีโรคภัยมากมายที่ทำให้หมอหลายคนในโรงพยาบาลนั้นต้องงุนงง พวกหมอนั้นเห็นได้ถึงผลการรักษาที่น่าทึ่งหลังจาทกี่คนป่วยได้ไปปล่อยสัตว์ต่างๆ ผู้แต่งเองก็ยังบันทึกไว้ถึงตอนที่เขาไปกับนักธุรกิจที่ซึ่งมีปัญหาเรื่องสายตาไปเยี่ยมผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษาดวงตา ผู้เชี่ยวชาญได้บอกกับคนป่วยว่าถ้าเขาต้องการที่จะรักษาตาของเขา เขาแค่ต้องปล่อยปู
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น คนๆนั้นก็ไปที่ร้านขายปูและซื้อปูมาก่อนจะปล่อยพวกนั้นลงสู่ทะเล เขาทำแบบนั้นอาทิตย์ละสองครั้ง แต่ละครั้งเขาจะซื้อปูมามากมาย หลายเดือนต่อมาปาฏิหาริย์ก็ได้เกิดขึ้น ตาของเขาหายดีโดยไม่ต้องใช้ยาใดๆ
คนๆนั้นไปที่วัดเพื่อขอบคุณผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นและถามเกี่ยวกับเรื่องกรรม ผู้เชี่ยวชาญได้บอกว่าปูในตลาดนั้นควรที่จะโดนจับไปทำเป็นอาหาร ก่อนที่พวกมันจะโดนฆ่า ทุกตัวต่างก็ตามืดบอด เพราะชายคนนี้ได้ช่วยปูเหล่านั้นเอาไว้และให้ชีวิตใหม่กับมันและมุมมองใหม่ ด้วยการตอบแทนแล้วพวกมันก็ให้มุมมองกับเขาด้วย
ผู้แต่งนี้คือนักปราชญ์ของทวีปตะวันออก เขาได้เขียนเรื่องนี้ออกบ่งบอกว่าเป็นเวทย์มนต์มาแต่ จางเทีย รู้ว่านี่ไม่ใช่เวทย์มนต์ มันคือกรรม ความซาบซึ้งปูที่มีต่อคนที่ช่วยพวกมันนั้นได้เปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณซึ่งได้ช่วยในเรื่องสุขภาพของชายผู้นั้น
พลังวิญญาณนี้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่น้ำน่ะก็ยังสัมผัสได้ ผู้แต่ง ‘ น้ำรู้คำตอบ ‘ คือนักวิทยาศาสตร์ก่อนเกิดภัยพิบัติ ด้วยการศึกษาน้ำ เขาพบว่าพลังงานของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆนั้นสามารถฉายออกมานอกร่างกายได้ พลังงานที่ฉายออกมานี้น่ะสามารถส่งผลกับสิ่งแวดล้อมรอบๆได้โดยมันต้องอยู่ในระดับที่เล็กอย่างมาก
ในตอนที่พลังงานฉายลงไปในแก้วน้ำ มันสามารถทำให้น้ำสร้างคริสตัลขึ้นมา ยิ่งรักและคิดบวกมากเท่าไหร่ที่มีในพลังงานนั้น ยิ่งทำให้คริสตัลนั้นดูสวยงามกว่าเดิม ยิ่งเกลียดชัง,กลัว,โลภมากเท่าไหร่ คริสตัลยิ่งน่าเกลียดมากเท่านั้น
ในตอนที่เขาอ่าน จางเทีย ได้รับความกระจ่างทันที เขาเข้าใจการกำเนิดของ Fruit of Redemption , Fruit of Redemption แต่ละผลนั้นสามารถสร้างมาจากพลังงานด้านบวกที่ฉายมาที่ จางเทีย เพราะความซาบซึ้งกับการกระทำของเขา
เพราะ จางเทีย มีต้นไม้นั่น มันสามารถรวบรวมพลังด้านบวกและสร้าง Fruit of Redemption ขึ้นมาได้ เนื่องจากคนอื่นๆไม่มีต้นไม้แบบนี้ ว่าจะมีพลังงานแบบเดียวกันส่งมาให้พวกเขาและสามารถส่งผลดีกับพวกเขาได้แต่พวกเขาก็ไม่เห็นมันรึไม่รู้วิธีในการเปลี่ยนพลังงานนั้นให้เป็นของล้ำค่า
ในตอนที่เขาอ่านมัน จางเทีย รู้สึกได้ว่าเงินที่เสียไปมีค่าอย่างมาก เขาจำได้ถึงเรื่องหินน่าเกลียดที่ ดอนเดอร์ เล่าให้ฟัง --- สิ่งเดียวกันแต่มีค่าต่างกันกับต่างกัน
สำหรับคนขับรถม้าแล้ว ถ้าเขาต้องการใช้เงินสองทองเพื่ออ่านหนังสือ เขาจะทำให้เสียเงินเปล่า เขาจะไม่เข้าใจเนื้อหาที่หนังสือจะให้ประโยชน์กับเขา ในทางกลับกันสำหรับ จางเทีย ความรู้และข้อมูลในหนังสือพวกนี้ชัดเจนอย่างกับน้ำ มันทำให้เขามองเห็นได้ไกลขึ้นและคิดได้มากขึ้นในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน
การบ่มเพราะนั้นมีวิธีพิเศษมากกว่านี้อยู่
จางเทีย ดีใจกับคำพูดนี้
ในหนังสือ ‘ การสำรวจของมนุษย์ของยุคเหล็กดำ ’ จางเทีย ได้เห็นคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญลึกลับด้านรูนมาสเตอร์เป็นครั้งแรก ในยุคนั้นเพราะการเรียนรู้และการพัฒนารูนลึกลับ ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้กลายเป็นผู้ที่อยู่ระดับสูงสุดของสิ่งมีชีวิต
สิ่งที่น่าสงสัยคือจุดกำเนิดรูนและหลักการของมัน ผู้แต่งเองก็ไม่รู้มันเช่นกัน เขารู้แค่ว่าการทำงานของรูนนั้นเกี่ยวข้องกับพลังวิญญาณของคนซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งในความลับระดับสูงในโลก เมื่อตอนที่รูนโผล่ขึ้นมา พวกเขาก็จัดมันออกเป็นสองแบบ
ก่อนภัยพิบัติ มีความรู้ลกลับมากมายเกี่ยวกับรูนแบบต่างๆในเขตต่างๆและในกลุ่มต่างๆที่อยู่ในประเทศโบราณที่เจริญแล้วซึ่งนำโดยจีนในทวีปตะวันออก หลังจากภัยพิบัติ คนได้ค้นพบว่ามีรูนในแก่นโลกและมีซากคามเป็นมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์หลงเหลืออยู่
หลังจากทำการผสมผสานกว่าพันปี ระบบรูนสองอย่างก็ได้สร้างจักรวาลรูนขึ้นมาเป็นรูปแบบในโลกทุกวันนี้
ในหนังสือนี่ผู้แต่งแค่อธิบายเล็กน้อยเกี่ยวกับความรู้และเรื่องที่ผู้เชี่ยวชาญนั้นจัดการกับรูน จากหนังสือนี่ จางเทีย พอมองเห็นได้ว่าผู้แต่งเองก็ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับรูน หลังจากที่อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว นอกจากยืนยันว่าสกิลผูกมัดของเขานั้นป็นสกิลรูนที่หายาก จางเทีย ก็ไม่ได้อะไรมาใหม่เลย
เพราะเขาอ่านหนังสือได้รวดเร็ว หลังจากที่อ่านพวกนี้จบ เขาก็มีเวลาเหลือมากมาย เขารีบอ่านหนังสือเพิ่มอีก เพราะหนังสือในชั้นที่สี่นั้นล้วนแต่ราคาแพง จางเทีย เลยเลือกสิ่งพิมพ์ที่มีก่อนเกิดภัยพิบัติก่อน
สุดท้ายเขาก็ได้อ่านหนังสือที่อยู่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตซึ่งมันเป็นปาฏิหาริย์ก่อนเกิดภัยพิบัติ
จางเทีย สงสัยกับโลกอินเตอร์เน็ต สิ่งที่ จางเทีย ทำอยู่ในห้องสมุดนั้นยากที่จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ ด้วยอินเตอร์เน็ตแล้ว ใครก็ตามสามารถทำได้หลายอย่าง การได้รับข้อมูลมหาศาล , การติดต่อกับคนอื่น, หาเพื่อน, เขียนจดหมาย, คุยกับคนอื่น, การให้ความสนุกตัวเอง, หาเงิน, ประชุม, หาเมีย, และอย่างอื่นอีกมากมาย อินเตอร์เน็ตนั้นถึงกับใช้ในกับอาวุธเพื่อทำสงครามด้วย
โลกนี้มันยากที่จะจินตนาการได้สำหรับคนสมัยนี้
หลังจากที่อ่านเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตเสร็จ จางเทีย ก็ลองค้นหาหนังสือเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะพวกสัตว์แปลกๆ
ในหนังสือ ‘ จักรวาลสัตว์ ‘ ในตอนที่ จางเทีย เห็นคำแนะนำเกี่ยวกับไส้เดือนบนรูปภาพที่มีสีสัน เขาก็ช็อกราวกับโดนฟ้าผ่า ร่างกายของเขาสั่นเครือง ข้อความและภาพในที่สุดก็กระตุ้นให้เขาเหมือนกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาในความมืด
ไส้เดือน สิ่งมีชีวิตตัวเล็กแต่มีความอึด พวกมันสร้างส่วนของร่างกายใหม่ได้ไม่ว่าจะบาดเจ็บยังไง ว่าจะโดนฟันออกเป็นชิ้นๆก็ตาม เพราะความอึดที่มันมี ไส้เดือนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล
เทียบกับความสามารถในการฟื้นตัวของไส้เดือนแล้ว แผลของ จางเทีย นี่เล็กน้อยไปเลย
ในที่สุด จางเทีย ก็รู้แรงบันดาบใจที่แว็บขึ้นมาในหัวแล้ว ...
...
เขากินมื้อเย็นให้ห้องสมุดด้วย จนกระทั่งตรงนี้จะปิด จางเทีย จะไม่ไปไหน หลังจากนั้นเขาก็ได้เรียกรถม้าและบอกคนขับให้พาไปที่ร้านเสื้อผ่า หลังจากที่ซื้อเสื้อผ้าธรรมดาแล้ว จางเทีย ก็กลับไปที่บ้านเช่า
ในตอนที่เขากลับมา จางเทีย ก็ได้เอานาฬิกาออกมาเพื่อเช็คเวลา นี่มันก็เกินสี่ทุ่มแล้ว เจ้าของบ้านทั้งสองคนที่อยู่ชั้นแรกและคนที่เช่าอยู่ชั้นที่สองนั้นได้นอนหลับไปนานแล้ว มีหลอดไฟห้อยไว้ที่ทางเดิน มันจึงไม่ได้มืดรึสว่างจนเกินไป
เพื่อที่จะได้ไม่ปลุกพวกนั้น จางเทีย เลยเดินขึ้นไปเบาๆพร้อมกับถุงเสื้อผ้าที่เขาซื้อมา ห้องที่ชั้นสามเองก็ยังมืดอยู่แต่ จางเทีย ไม่ได้สนใจอะไรมากแต่เมื่อเขาไปถึงชั้นสี่เขาก็เห็นคนกำลังดึงประตูห้องเขาอยู่พร้อมกับใช้กุญแจในมือแห่ยลงไปแต่ทำยังไงก็ยังเปิดไม่ได้